วิกิซอร์ซ thwikisource https://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81 MediaWiki 1.39.0-wmf.21 first-letter สื่อ พิเศษ พูดคุย ผู้ใช้ คุยกับผู้ใช้ วิกิซอร์ซ คุยเรื่องวิกิซอร์ซ ไฟล์ คุยเรื่องไฟล์ มีเดียวิกิ คุยเรื่องมีเดียวิกิ แม่แบบ คุยเรื่องแม่แบบ วิธีใช้ คุยเรื่องวิธีใช้ หมวดหมู่ คุยเรื่องหมวดหมู่ สถานีย่อย คุยเรื่องสถานีย่อย ผู้สร้างสรรค์ คุยเรื่องผู้สร้างสรรค์ งานแปล คุยเรื่องงานแปล หน้า คุยเรื่องหน้า ดัชนี คุยเรื่องดัชนี TimedText TimedText talk มอดูล คุยเรื่องมอดูล Gadget Gadget talk Gadget definition Gadget definition talk บทเวียนเทียนพระบวชใหม่ 0 14070 188000 29191 2022-07-22T09:36:13Z Miwako Sato 4619 แจ้งลบด้วย[[WS:iScript|สจห.]]: ท6 - บุญเลี่ยม แสงวิจิตร ยังมีชีวิตอยู่ หรือถ้าตายแล้ว ก็ยังไม่เกิน 50 ปี (เพราะมีรูปว่า ในปี 2009 ยังมีชีวิตอยู่ > [[:File:จ.ส.อ.บุญเลี่ยม แสงวิจิตร.jpg]]) wikitext text/x-wiki {{ลบ|ท6 - บุญเลี่ยม แสงวิจิตร ยังมีชีวิตอยู่ หรือถ้าตายแล้ว ก็ยังไม่เกิน 50 ปี (เพราะมีรูปว่า ในปี 2009 ยังมีชีวิตอยู่ > [[:File:จ.ส.อ.บุญเลี่ยม แสงวิจิตร.jpg]])}} {{วิกิพีเดีย|หมู่บ้านคุ้งตะเภา|พิธีกรรมที่ใช้บทเวียนเทียนพระบวชใหม่}} '''ที่มา''' จ่าสิบเอก บุญเลี่ยม แสงวิจิตร '''ต้นที่มา''' คุณพ่อ ละมูล เพชรฟัก * สาธุ ภันเต สาธุสะ ข้าพเจ้าขอพร บวรเดช [[W:พระพุทธเจ้า|พระบรมโลกเชษฐ์ ทศพลญาณ]] แห่งอดุลย์โลกาจารย์ '''ขอให้ท่านกำจัดเสีย ซึ่งหมู่มารปัจจามิตร ให้พ่ายแพ้แก่ฤทธิ์ ของพ่อในครั้งนี้''' * ด้วยเดชะ[[W:บารมี|พระบารมีสามสิบทัศ]] อีกทั้งคุณ[[W:ไตรรัตน์|พระศรีรัตนตรัย]]ชัยยะมังคล '''ขอให้พ่อจงเข้าผจญซึ่งข้าศึก คืออวิชชาและ[[W:ตัณหา|ตัณหา]]ให้สิ้นสุด''' * ข้าพเจ้าขอพร[[W:พระสารีบุตร|พระสารีบุตร]]อันยิ่งยง ด้วยท่านเป็นเอกองค์อัคคะสาวก ถึงหากว่าฝนจะตกลงมาเต็มทั้งโลกธาตุ พระองค์ก็ยังอาจนับเม็ดฝนนั้นได้ '''ขอให้พ่อจงปัญญาไวอันปรากฏ ให้ฟุ้งเฟื้องเรืองยศคนลือชา''' * ข้าฯ ขอพร[[W:พระมหาโมคคัลลานะ|พระโมคคัลลาน์]]ยอดสาวก พระสัพพัญญูท่านก็ได้ยกข้างฝ่ายซ้ายนั้น ก็บันลือลั่นสะเทือนอินทร์จันทร์สะท้านจบ ถึงว่าใครจะมารบได้ก็อย่างยาก ทั้งนันโทพระยานาคราช ก็เข็ดขาม จึงพากันน้อมเศียรอวยพรพระนามด้วยเกรงฤทธิ์ '''ขอให้พ่อจงประกอบกิจในศีลขันธ์เป็นอันงาม ทั้งศัตรูหมู่มารทั่วทั้งตำบล''' * ข้าพเจ้าขอพร[[W:พระอานนท์|พระอานนท์ผู้เป็นพระอนุชา]] ด้วยท่านทรงปัญญาอันแม่นยำ ด้วยท่านเป็นคลังพระสัทธรรมของพระพุทธองค์ คือพระพุทธองค์ท่านตรัสย้อนยอกประการใด พระอานนท์ท่านก็แก้ได้อธิบายจนสิ้นสุด จึงได้สั่งสอนกุลบุตรและสามเณร * ข้าฯ ขอพร[[W:พระมหากัสสปะ|พระกัสสปเถระผู้เป็นใหญ่]] ท่านรักษาไว้ได้ถึงสองร้อยปีปลาย เมื่อครั้งยามปฐมสังคายนานั้นเมื่อครั้งก่อน พระปริยัติธรรมจึงได้ถาวรมาจนถึงทุกวันนี้ * ข้าฯ ขอพร[[W:พระสีวลี|พระสีวลี]]อันล้ำเลิศ ประกอบเกิดอันเนืองนิจ ให้ไหลมาเทมาทั้งสี่ทิศ มิได้ขาดสาย เหล่าทั่วโลกทั้งหลายก็นับถือ เกียรติศักดิ์ของท่านก็ร่ำลือไปทั่วโลกธาตุ '''ขอให้พ่อเจ้าพระคุณผู้ใจปราชญ์อันปรากฏ ให้ฟุ้งเฟื่องเรืองยศยิ่งกว่าบุคคลทั้งหลาย''' * ในวาระสุดท้าย ขอให้ท่านเจ้าภาพจงจำเริญ ๆ ด้วยพรบวรพิพัฒน์สวัสดีศรีชัยยะมังคลัง อายุ วัณโณ สุขัง พลัง เทอญ สาธุฯ 4ck4xpcublljpgeg8ocklhlzyfrckwo วสวัตตีมาราธิราช 0 21572 188001 57074 2022-07-22T10:32:21Z Miwako Sato 4619 แจ้งลบด้วย[[WS:iScript|สจห.]]: ท6 - ผู้แต่ง คือ สืบ ธรรมไทย (ดังปรากฏที่ก้นหน้า) และสืบ ธรรมไทย ยังไม่ตาย ยังเขียนบล็อกเขียนโพสต์ต่าง ๆ ในเน็ตอยู่ ดูได้จาก [https://www.google.com/search?q=%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%9A+%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2&sourceid=chrome&ie=UTF-8 กูเกิลเซิร์ช] wikitext text/x-wiki {{ลบ|ท6 - ผู้แต่ง คือ สืบ ธรรมไทย (ดังปรากฏที่ก้นหน้า) และสืบ ธรรมไทย ยังไม่ตาย ยังเขียนบล็อกเขียนโพสต์ต่าง ๆ ในเน็ตอยู่ ดูได้จาก [https://www.google.com/search?q=%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%9A+%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2&sourceid=chrome&ie=UTF-8 กูเกิลเซิร์ช]}} สมาบท ประณมค้อม น้อมกร วิงวอนไหว้ วอนเทพไท้ ทั่วทิศ สถิตหล้า ข้าจักขอ เรียงพจน์ รจนา ถึงองค์มาร พาลกล้า ท้าฟ้าดิน หากคำร้อย ถ้อยเรียง สำเนียงพล่อย วอนเทพพลอย คล้อยกรรม คำติฉิน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มิตรหลายหลาก หากได้ยิน ขอนบสิ้น นอบน้อม พร้อมกายใจ วสวัตตีมาราธิราช ณ เมืองแมน แดนสวรรค์ อันบรรเจิด ช่างงามเลิศ เพริดพราย ประกายแสง เปล่งปลั่งเรือง เหลืองบริสุทธิ์ ทองสุกแดง พลอยหลากแสง แกมประดับ สลับกัน ปรางค์ปราสาท ดารดาษ เกลื่อนกลาดเพชร เลื่อมลายเกล็ด กนกแพรว แววเฉิดฉัน เชิงช่อฟ้า ชายคาฉลุ มุกหน้าบัน ประดับสัน หลังคาแก้ว ด้วยแถวธง กระดึงน้อย ร้อยพัน รังสรรค์ติด แลระยิบ วิจิตรวาม งามสวยสม ล้วนสัมฤทธิ์ สนิทแทรก อย่างแยบยล ห้อยตุ้มผล เรืองรอง ทองซ้อนใน ยามลมโชย โบยพัด สะบัดพลิ้ว แลละลิ่ว ริ้วธง ลู่ลมไหว เคล้าเสียงหวาน กังวานแผ่ว แว่วแต่ไกล กริ๊งกร๊างใส ฟังเคลิ้มใจ ไปกับลม แสงสีเสียง พร้อมเพรียง จำเรียงเหมาะ ฟังไพเราะ เสนาะใจ ให้สุขสม ดูวิจิตร ติดตรึงตา คราได้ยล ช่างงามล้น ชมชื่น เริงรื่นใจ ปรนิม มิต วสวัตตี(อ่านว่า ปะ-ระ-นิม-มิ-ตะ-วะ-สะ-วะ-ตี) แดนชั้นที่ มีนภา จดฟ้าใส สูงเกินล่วง สรวงสวรรค์ ชั้นใดใด ผู้บุญใหญ่ ใช่เกิดได้ ไม่ง่ายยล มีเจ้าฟ้า ราชา มาราใหญ่ ยศเกริกไกล มารหวังใกล้ ใคร่ประสงค์ คิดฝากตัว ถวายหัว ทั่วทุกตน เทพเกลื่อนกล่น ทนน้อมก้ม องค์ราชันย์ ครั้งศาสดา พระนามว่า กัสสปะ วงศ์พุทธ(อ่านว่า พุด-ทะ) วัฏเปลี่ยน เวียนสุขสันต์ เคยวิบัติ ก็ดับหาย คลายทั่วกัน ใจสุขล้ำ ด้วยพระธรรม ชี้นำใจ ศาสนา แผ่ไกล ไปทั่วหล้า ผิราชา หรือไพร่ข้า ล้วนหน้าใส จิตสงบ ดั่งหมดทุกข์ สุขเหลือใจ ชนมากหลาย ต่างน้อมใจ ใฝ่ในธรรม ทั่วแผ่นดิน สิ้นโศก โลกเปี่ยมสุข ยักษ์นาคครุฑ มนุษย์อินทร์ สิ้นโศกศัลย์ เหล่าอสูร ประยูรมาร บานหน้ากัน พรหมสวรรค์ สันติสุข ไม่ทุกข์ใจ ณ แผ่นดิน กิงกิสสะ มหาราช มีอำมาตย์ มากบารมี ศรีสมัย องค์ราชา พึ่งพาได้ ให้คลายใจ เรื่องน้อยใหญ่ โพธิไซร้ ไขได้พลัน พระราชา คลั่งบุญญา ในพุทธ(อ่านว่า พุด-ทะ) ครุ่นคิดจัก ถากถาง ทางสวรรค์ โลภกุศล จนหลงผิด ติดบ่วงกรรม คิดสะบั้น กั้นกุศล ชนทั่วไป มาวันหนึ่ง ความทราบถึง ซึ่งกษัตริย์ จอมสงฆ์จัก พักจิต คิดหลับใหล ด้วยสมาบัติ ดับทุกข์ สุขเหนือใคร ใต้ไทรใหญ่ ห่างออกไป ไกลเวียงวัง มีกำหนด จบเพลา เจ็ดราตรี จอมมุนี จึงผละที่ มีสุขสันต์ ออกโปรดเว ไนยสัตว์ สลัดกรรม สร้างกุศล ผลบุญนำ ธรรมร่มเย็น เพลานั้น ท่านว่าบุญ อดุลย์เลิศ แสนประเสริฐ เกิดผลครัน ทันได้เห็น อย่างเร็วได้ ในเจ็ดวัน พลันเกิดเป็น อย่างช้าเห็น เช่นกัน ทันก่อนตาย จอมราชา บ้าบุญ รู้คุณใหญ่ รับสั่งไป ใกล้จดไกล ห้ามใครหมาย หวังปาฏิหาริย์ ทานสัมฤทธิ์ คิดเฉียดกาย ผ่านกรายใกล้ พระจอมไตร ในเจ็ดวัน ผู้ใดฝืน ขืนไป ลอบใส่บาตร ต้องถูกพราก ชีวา ให้อาสัญ โทษประหาร ผลาญตาย วายชีวัน ทั่วชนชั้น ต่างพรั่น ทัณฑ์อาญา โพธิทราบ คาดความ ตามดำรัส แต่ยากหัก ตัดใจ อาลัยหา ผลบุญใหญ่ ให้หวั่นไหว ในวิญญา แม้นถูกฆ่า ยังค่าคุ้ม ถ้าบุญนำ จึงจัดแจง แต่งทาน อาหารห่อ ไม่รีรอ ท้อใจ ให้สิ้นหวัง กุศลใหญ่ ใกล้อยู่หน้า ถ้าฝ่าฟัน ปลงใจมั่น จึงเร่งพลัน จรลี ถึงมณฑล ร่มไทร แผ่ใหญ่กว้าง รอบทิศทาง วางยามเวร เกณฑ์เต็มที่ เฝ้าเตรียมพร้อม ล้อมวง องค์มุนี โพธิรี่ ปรี่ใกล้ ไม่หวาดทัณฑ์ เหล่าทหาร ถามความ ตามหน้าที่ นายท่านมี ที่ห่วงใด ไยหุนหัน อำมาตย์คิด ผิดถูกไป ใจสู้กัน เท็จจริงนั่น ช่างยากไข ให้ยุ่งจริง หากจะตอบ บอกเท็จ เสร็จไม่ยาก ฝ่าพระบาท กราบบังคม องค์ทรงศีล อาราธนา พาองค์เจ้า เข้าเวียงพิง เป็นขวัญมิ่ง ถิ่นสกล ชนทั่วไป แต่ใจหนึ่ง ตรึกถึง ซึ่งบุญบาป มุสาวาท บาปนำ ธรรมไม่ใส ทานผลน้อย บุญพลอยด้อย ย่อยยับไป เราจะไม่ ให้บาปผลาญ ทานบุญเรา จึงร้องบอก ตอบไป ด้วยใจเด็ด ไม่เอ่ยเท็จ สำเร็จกรรม ทำบาปเขลา เรามาไกล ใจหมายมาด ตักบาตรเรา แด่องค์เจ้า ก้าวผ่านภพ จบแดนดิน เหล่าทหาร ครั้นได้ฟัง ซึ่งคำตอบ ที่เคยชอบ ก็ลอบลา หายหน้าสิ้น เข้าหมอบเกรียน เรียนนายใหญ่ ให้ได้ยิน ทราบทุกสิ่ง สิ้นทุกคำ ดั่งฟังมา ท่านขุนทัพ สดับความ ตามยามบอก โกรธตะคอก ตอบไป ไม่ไว้หน้า รีบจับกุม ควบคุมขัง ฟังอาญา ยังเบื้องหน้า ฝ่ายุคล องค์ราชันย์ บัดนั้น กิงกิสสะ มหาราช ให้เกรี้ยวกราด โกรธา พาหุนหัน ก้องประกาศ มาดโทษ คนโปรดพลัน น้อยหรือนั่น ท่านทำเรา เศร้าเสียใจ เหตุไฉน หนอทำไม ไปทำผิด มิรู้คิด ผิดพลาด มากเพียงไหน เพชฌฆาต รีบกระชาก ลากตัวไป บั่นคอไซร้ ต่อไพร่ชน ยลทั่วกัน เพลานั้น องค์พุทธ(อ่านว่า พุด-ทะ) นฤนาท ทรงออกจาก สมาธิ ปีติหรรษ์ จึงทราบผ่าน ญาณวิถี มีโดยพลัน โพธิมั่น ดังสัจจา กล้ายอมตาย จึงบันดาล ด้วยฌานฤทธิ์ สถิตอยู่ ใต้ไทรดู ดั่งคู่เหมือน ไม่เลือนหาย ส่วนองค์ท่าน นั้นพลันดับ หายวับไป ณ ลานใหญ่ แดนประหาร ห่างเวียงวัง เสด็จพัก ประทับนั่ง บัลลังก์อาสน์ งามพิลาส หลากรังสี มีเฉิดฉันท์ ยังเบื้องหน้า มหาอำมาตย์ ทราบลำพัง ตรัสสอนสั่ง หลั่งรดธรรม ฟังก่อนตาย โพธิกราบ ปลาบปลื้ม เริงรื่นจิต ผุดความคิด นิมิตจ้า บุญพาหมาย หวังสิ้นภพ จบภูมิ ดับสูญไป ทรงตอบได้ สมดั่งใจ ใฝ่จำนง เพลานั้น คมดาบฟัน บั่นคอขาด จิตพุ่งวาบ กระชากไกล ใจสุขสม ผ่านทะลวง สรวงสวรรค์ ชั้นเบื้องบน เทพเกลื่อนกล่น ต่างอึงอล จนทั่วกัน ขึ้นบัลลังก์ นั่งฟ้า อาภาเขต ทรงเศวต พิเนตแค้วน แดนสวรรค์ สูงเหนือเทพ เทวา มีมากัน ลือนามลั่น สรวงสวรรค์ ชั้นปรนิม ทั้งชนก ครบครัน กรรมน้อยใหญ่ อุปถัมภ์ ค้ำไกล ไม่หมดสิ้น บุญก่อเกิด เบิกบาน งามเหนือจินต์ ระบือยิ่ง สิ้นแดนสรวง ห้วงกามา ครองไอศูรย์ สมบูรณ์ยศ ดิลกราช แสนองอาจ นิราศทุกข์ สุขใดหา ห้อมล้อมด้วย ทวยเทพ เทวดา มากล้นหนัก ศักดา บารมี เลื่องระบือ ลือนาม จอมมารใหญ่ ก้องสนั่น ลั่นไกล ไปทุกที่ เทพสวรรค์ ชั้นฟ้า ประดามี สยบที่ วสวัตตี ศรีมารา ทิพย์สมบัติ อัครฐาน วิมานแก้ว เพริศพราวแพรว แววตระการ งามนักหนา เกินหาเทียบ เปรียบคำ พร่ำพรรณนา หกชั้นฟ้า ที่มีมา หมองค่าไป กามคุณ ละมุนละเมียด ละเอียดนัก น่าสัมผัส จับต้อง ลิ้มลองไฉน ล้วนประณีต วิจิตรงาม ซาบซ่านใจ เกินหาไหน ใดเคียง เทียมเทียบทัน ปรารถนา จักหาใด ให้นึกคิด เทพมากฤทธิ์ เนรมิต ดั่งคิดฝัน อยากสิ่งไหน ได้สิ่งนั้น ท่านให้พลัน สมใจหวัง ดังทุกครา พาย่ามใจ ทั้งรูปเรียง เสียงรส ครบผัสสะ ก่อมานะ กักขฬะพาล มารวิสัย ห้อมล้อมสุข ทุกค่ำเช้า ยั่วเย้าใจ ลืมหมดไซร้ ใคร่เคยหวัง ตั้งเจตนา เกิดมาใหญ่ ไร้ทุกข์ สุขเหนือคาด แต่ประมาท หาบเขลา เศร้านักหนา ปล่อยให้โลภ โกรธหลง วงศ์กามา เข้าฉุดคร่า พร่าผลาญ รุกรานใจ มีความคิด วิปริต ผิดอาเพศ เห็นวิเศษ เหตุกามา น่าหลงใหล ล้ำเลิศรส มัวคบธรรม ไปทำไม สัตว์น้อยใหญ่ โอ้ไฉน เฝ้าใฝ่ธรรม ไยด่วนละ พระนิพพาน ไม่พานหาย สัตว์ทุกราย ถึงสุดท้าย ไม่กลายผัน ต้องได้เข้า แดนเหงาสงบ หมดโทษทัณฑ์ รีบเร็วล้ำ ไปทำไม เศร้าใจจริง สิ่งสดใส ให้มากมี ที่ในหล้า ไม่นำพา นี่สิบ้า น่าติฉิน สุขจากหวัง สมดั่งหวัง ล้ำเลิศจริง อย่าถวิล สิ้นคิด ติดในธรรม ใครว่าทุกข์ มีแต่สุข ทุกกิเลส หากได้เสพ สุขสม อารมณ์ฝัน ตาหูลิ้น สิ้นทั่วกาย ใจได้ดัง สมดั่งหวัง ไม่พ้นฝั่ง ช่างประไร จึงคนไหน มีใจ ใคร่หลุดออก เครื่องพูนพอก สำรอกมาร หาญผลักไส มารจะเข้า เฝ้าขวาง ผลาญเรื่อยไป ชักจูงให้ ไกลทิศ ไม่ชิดธรรม คราเมื่อพระ สิทธัตถ ผละเวียงเกศ ปลีกวิเวก ยังเขตไกล ในไพรสัณฑ์ หวังถากถาง ทางพ้นทุกข์ หยุดวงกรรม ทรงบากบั่น กระทำถึง ซึ่งความเพียร ด่านสุดท้าย ร้ายล้น จักพ้นผ่าน ด้วยเหล่ามาร พานระดม พลหมดเกลี้ยง เข้าขัดขวาง ทางพ้นหลุด ฉุดความเพียร ต่างแผดเสียง สำเนียงก้อง จ้องฆ่าฟัน พญามาร พาลใหญ่ ใจกำเริบ จิตบังเกิด ซึ่งโกรธา บ้าโมหันธ์ เห็นใครใคร่ ใฝ่ดี ปรี่ลงทัณฑ์ มุ่งห้ำหั่น ราวี ย่ำบีฑา ก่อนวิสา ขเพ็ญ เห็นปรากฏ มารปรารภ กลบไพร ใจร้อนร่า ถ้ายังคง ดำรงมั่น ดั่งทำมา จักเข่นฆ่า พร่าให้ดิ้น สิ้นชีวี หมู่ทหาร เสนามาร พาลน้อยใหญ่ สุขสมใจ ใคร่พุ่งไกล ไปขยี้ ส่งเสียงร้อง ก้องสนั่น ลั่นปฐพี หวังเคลื่อนที่ จรลี เข้าบีฑา เหล่าทวยเทพ เทวา ที่อารักษ์ ครั้นสดับ สรรพสำเนียง เสียงโห่ฆ่า กัมปนาท ตวาดร้อง ก้องพนา ต่างหนีหน้า ลาเร้น เช่นพวกกลัว ท้าวสุยาม เทวราช องอาจยิ่ง เทพทั่วถิ่น หมดสิ้นพร้อม น้อมเหนือหัว ทั่วยามา หาใครไหน ใหญ่เท่าตัว เพียงแค่ชั่ว พริบตาหาย ไม่อายใจ สันดุสิต โพธิราช ปราดเปรื่องเก่ง เทพยำเกรง เช่นบพิตร มิตรเลื่อมใส ถือเป็นบุตร พุทธวงศ์ องค์ภูวไนย ยังทิ้งได้ รีบผลักไส ไม่ใยดี ปัญจสิข จิตสั่น ไม่หวั่นเยาะ กลัวโดนเคราะห์ เหาะเมฆา ลี้หน้าหนี ทิ้งองค์อินทร์ มิ่งขวัญ พรั่นฤดี ธ จึงรี่ หลีกเร้น เช่นคนธรรพ์ ฝ่ายกาฬ นาคราช พังพาบติด เลื้อยแนบชิด บิดกายา ลาเหหัน แทรกปฐพี ดิ่งเร็วรี่ ลี้ลงพลัน บรรทมแนบ แอบในถ้ำ ครั่นคร้ามใจ ท้าวสหัม บดีพรหม ยิ่งขมจิต ไม่อยากคิด ผิดใจมาร พานผลักไส อ้างว่าฤทธิ์ ติดตัวน้อย ด้อยเกินไป สู้ไม่ได้ ต้องจำใจ ไกลกลับวัง กาลบัดนั้น รอบร่มโพธิ์ โอ้อนาถ ไร้มิตรญาติ ขาดเพื่อนชิด ไม่คิดฝัน พระเหลือแต่ ตัวเองแท้ แม้ลำพัง แต่ยังมั่น ประทังสู้ อยู่ผู้เดียว มีทานพร้อม น้อมเป็น เช่นบาทเบื้อง สองกรเขื่อง เนืองแน่นศีล สิ้นเฉลียว ภาวนา แรงกล้าเด่น เป็นเกราะเดียว แสนเด็ดเดี่ยว เหนี่ยวจิต ไม่คิดเกรง ทรงปัญญา ดุจศัสตรา เป็นอาวุธ เมตตาหยุด ทุกข์ภัย ใดข่มเหง บารมี ที่ประจักษ์ ยักษ์เทพเกรง รวมลงเด่น เห็นสว่าง ท่ามกลางใจ บัดนั้น พญามาร ให้พล่านจิต เพ่งพินิจ พิศมุนี อินทรีย์ใส ธ ยิ่งเพ่ง ยิ่งคิด หงุดหงิดใจ เหตุไฉน หนอทำไม ไยไม่กลัว จึงพิโรธ โกรธแสน แค้นประดัง เนตรแดงก่ำ สั่งคำราม ข้ามเหนือหัว ถึงเหล่ามาร พาลทั้งหลาย รายรอบตัว ย่ำให้ทั่ว อย่ามัวช้า ฆ่าไพรี เหล่าทหาร ขุนพลมาร สันดานหยาบ ริมสองฟาก ปากตะโกน กระโจนรี่ ยินคำสั่ง พลันเคลื่อนทัพ รับทันที หวังขยี้ พระภูมี ศรีศากยา บางตนแผลง ปลอมแปลง สำแดงเดช เปลี่ยนเป็นเพศ เดรัจฉาน คืบคลานหา บ้างเป็นเสือ บ้างเป็นสิงห์ วิ่งตามมา บ้างเป็นช้าง บ้างเป็นม้า เข้าราวี อสุภ จตุบาท สัญชาติสัตว์ สารพัด สลับกาย ร่างคล้ายผี ครึ่งล่างสัตว์ ครึ่งบนร้าย พรายตานี สัตว์ครึ่งผี มีมากล้น ปะปนมาร ทวิบาท ชาติแร้งกา ดูบ้าบิ่น รุมฉีกกิน ล้วนแล้วสิ่ง กลิ่นเหม็นสาง สารรูป ภูตร้าย ใจชั่วทราม กรีดเสียงขาน ผสานร้อง ก้องพฤกษ์ไพร มวลหมู่มาร มากมาย หลากหลายสัตว์ เปรตผียักษ์ กลาดเกลื่อน เคลื่อนพลไหล มุ่งสู่ยัง บัลลังก์อาสน์ บาทภูวไน อึกทึก กึกไกล ทั่วไพรวัน เพลานั้น องค์เลิศลักษณ์ ทรงพักจิต ไร้เรื่องคิด ไม่ติดใด ใจสุขสันต์ เห็นหมู่มาร พาลฉกาจ หลากร้อยพัน ล้อมหน้าหลัง เรียงราย ใต้ร่มโพธิ์ พระทรงมอง ตรองคิด พิศพาลต่ำ ทรงน้อมธรรม กั้นบดบัง บั่นโทโส ค่อยลิดรอน ทอนจิตร้าย ฝ่ายพาโล ดับโมโห โกรธาหาย มลายพลัน บัดนั้น วสวัตตี ให้มีจิต อาฆาตคิด ประชิดรี่ ไม่รีหัน รีบไสช้าง คิริ เมขลัง หวังห้ำหั่น ฟาดฟัน ให้บรรลัย อวดกำแหง สำแดงฤทธิ์ มหิทธิเดช ยังอาเพศ เสกลมฝน อึงอลไหว เสียงสนั่น ลั่นฟ้า มาแต่ไกล เมฆดำใหญ่ ไหลคลุมครอบ รายรอบพลัน ท้องนภา พร่ามิด ดังปิดโลก ลมกรรโชก โบกกระหน่ำ ครั่นคร้ามขวัญ พายุโหม โถมขย้ำ ดั่งลงทัณฑ์ ฟ้าเลื่อนลั่น ประดังผ่า น่าเสียวใจ ไม้หลากพันธุ์ รอบบัลลังก์ ลั่นเกลื่อนกลาด หักล้มฟาด ปฐพี เอียงรี่ไหว รากชี้ฟ้า พายุพา ถลาไป หอบวนใกล้ เทือกเขาไกล ให้อัศจรรย์ แล้วเข้าซัด งัดทำลาย ปลายยอดผา ปลิวลิ่วมา คล้ายจักฆ่า ให้อาสัญ พุ่งเข้าสู่ พระภูมี รี่เร็วพลัน พิลึกลั่น พลันย่อยแหลก แตกใกล้องค์ ห่าฝนใหญ่ แปลกเหลือใจ ใคร่คร้ามเข็ด เคยเห็นเล็ก เม็ดกลับใหญ่ ไม่คล้ายฝน หยดเท่าโอ่ง หล่นนองไหล ให้ชอบกล ทับยอดสน ดงไม้ รายราบพลัน เกิดเป็นสาย น้ำใหญ่ ไหลใกล้อาสน์ หวังพิฆาต พรากมุนี ศรีสวรรค์ ประหลาดแปลก แผ่นดินแยก แตกออกพลัน น้ำเชี่ยวผัน หลั่งหาย ใต้ปฐพี บัดนั้น พญามาร พลุ่งพล่านจิต บันดาลฤทธิ์ คิดกล้ำกราย ไม่คลายหนี เป็นเปลวไฟ ไหม้จากฟ้า เข้าราวี เป็นอิฐหิน พุ่งรี่ เข้าบีฑา ห่าอาวุธ ทุกศัสตรา ซัดฆ่าเข่น ทั้งดั้งเขน พร่างพรู ธนูถลา พระขรรค์แข่ง หอกแทง พุ่งแรงมา มีดขวานพร้า พากระหน่ำ หวังซ้ำตาย เพลานั้น อัศจรรย์ พลันบังเกิด บุญญาเลิศ ประเสริฐฌาณ เข้าลาญหาย ไฟร้อนพ่น ฝนอาวุธ ผุดกลับกลาย เป็นดอกไม้ รายร่วงรอบ ขอบบัลลังก์ หมู่พหล พลมาร ที่ตามติด เห็นซึ่งฤทธิ์ ประสิทธิ์มี ภูมีสวรรค์ ต่างตะลึง พึงเพริด เกิดงงงัน ล้วนหยุดหน้า บาทบัลลังก์ ยั้งพักใจ จอมสวรรค์ ชั้นมาร ให้คร้ามจิต เริ่มเกรงฤทธิ์ นฤบดี ศรีสมัย หยุดกำแหง สำแดงเดช เฉกเฉไกล แกล้งเสไส ไถลเวียน เปลี่ยนวิธี แล้วจึงเอื้อน เอ่ยวาจา หน้าเบื้องบาท บัลลังก์ราชย์ อาสน์เรา ช่างเข้าที่ ดูงามสวย ด้วยบุญญา บารมี ของเราที่ พลีทาน บันดาลมา เหตุไฉน ท่านเป็นใคร ใยไม่แจ้ง เข้ายื้อแย่ง ตะแบงพัก นานหนักหนา ซ้ำทำนิ่ง ดั่งสิ้นทุกข์ สุขอุรา หาอายหน้า ทั่วพารา พาเศร้าใจ พระทศพล ปลงกรรม ธรรมสังเวช ถึงกิเลส เฉกพาล มารวิสัย จึงเอื้อนโอษฐ์ โปรดถาม ถึงความนัย เหตุไฉน หนอทำไม ใยกีดกัน โพธิ์บัลลังก์ เรานั่ง ดั่งเห็นนี้ เกิดขึ้นมี ด้วยบุญญา พาสร้างสรรค์ ของเราที่ สั่งสมมา คราปางบรรพ์ ใยมารท่าน นั้นจึงแสร้ง แกล้งเบือนไป กุศลกรรม ที่เราทำ จำฝังจิต เกินพ้นฤทธิ์ แห่งมาร หาญสงสัย สี่อสง ไขยแสนกัป หากนับไป ขออย่าได้ ใฝ่หาภัย ใส่ตนเอง พญามาร ได้ฟังความ ตามพระบาท ครุ่นอาฆาต สำรากคำ ซ้ำข่มเหง สี่อสง ไขยเท่าใด ใครเล่าเกรง ยกตัวเด่น เก่งปากคำ น่าชังจริง อ้างบุญทาน ไหนพยาน ประทานบอก จะขอสอบ ปากฟัง คำผิดศีล หญิงหรือชาย ไปอยู่ไหน ใคร่รู้จริง ใยจึงนิ่ง ทิ้งหาย ไม่กรายมา เราซิแน่ เที่ยงแท้ ไม่แปรเปลี่ยน สร้างความเพียร เปี่ยมศีลทาน นานนักหนา จึงลือลั่น เจ้าสวรรค์ ชั้นกามา มารทั่วหล้า ทอดตาเห็น เป็นพยาน แท่นบัลลังก์ อันสูงค่า เบื้องหน้านี้ มิได้มี ที่ไว้ขลุก สนุกสนาน จงรีบน้อม พร้อมคืนเรา เหล่าพวกมาร ขืนดื้อด้าน จะประหาร ผลาญให้ตาย พระทรงญาณ ได้ฟังความ มารโอ้อวด ยกผนวก พวกพยาน พาลมากหลาย จึงตอบถ้อย ร้อยความ ตามเนื้อไป เรานี้ไม่ ได้มี สักขีพยาน แต่ครั้งเรา เฝ้าทำทาน นานนับชาติ มีประหลาด มากล้น จนคนขาน คือเมื่อพระ เวสสันดร ยอมอกลาญ องค์อินทร์หาญ พาลง้อ ขอมัทรี ธ สุดช้ำ ลำเค็ญ เข็ญใจมาก จำบริจาค บาทบริจา พาหมองศรี หวังเสริมสร้าง ถางทาง ทานบารมี เพื่อจักหนี ลี้ผ่าน ข้ามภพภัย แลครั้งนั้น อัศจรรย์ พลันบังเกิด บุญญาเลิศ ประเสริฐทาน บานเบ่งใส ผืนแผ่นดิน สิ้นอดกลั้น ตื้นตันใจ จึงสั่นไหว สะท้านไกล ไปทั่วกัน เหมือนจักแจ้ง สำแดงเป็น เช่นสักขี ให้ภูมี ได้คลายที่ มีโศกศัลย์ ธรณี ขานรับคุณ บุญอนันต์ จึงไหวสั่น ลั่นเจ็ดครั้ง ดังก้องไกล คราบัดนี้ นั่งเหนือที่ โพธิอาสน์ อริราช ตวาดมอง จ้องผลักไส พสุธา มาสงบ คล้ายหลบไกล เหตุไฉน ไม่เอื้อนตอบ บอกออกมา สุนธรี วนิดา เพลานั้น ได้ยินคำ พระดำรัส ตรัสเรียกหา จึงเผยกาย คลายจากดิน ผินหน้ามา กราบทูลว่า บุญรักษา ฝ่าพระองค์ ข้าพระบาท ทราบมานาน ทานบุญเลิศ อันประเสริฐ พระเลิศญาณ นานสะสม ทักษิโณ ทกทุกหยด หยาดตกลง เกศมวยผม ข้าพระองค์ สั่งสมมา มากเพียงไหน เท่าใดนัก จักให้เห็น ประจักษ์เป็น เช่นพยาน มารเรียกหา ขอพระองค์ ทรงนั่งพัก ทัศนา พลางผินพักตร์ กลับมา เบื้องหน้ามาร บัดนั้น พระธรณี นารีรัตน์ รีบสะบัด จัดโมลี มีไพศาล คลี่สยาย คลายออก ครอบวงศ์มาร รัดสมาน สานเป็นธาร ชลธี เพลานั้น ให้บันดาล พล่านสับสน เหล่ามารพล โกลาหล อึงอลหนี เสียงสนั่น ลั่นแตก แยกปฐพี ดุจเภรี ตีซ้ำ ย้ำทำนอง ไหวสะเทือน กระเพื่อมฟ้า นภากาศ อัสนีบาต ฟาดกลาง มารทั้งผอง ธรณี เอียงรี่ทรุด ยุบเป็นคลอง น้ำบ่าล้อม ไหลต้อนมาร ผลาญพร่าพลัน ท่วมทะลัก พัดกระจาย มลายสิ้น ตกแผ่นดิน หล่นกระสินธุ์ ดิ้นเหหัน คลื่นทับโครม มารโจนหนี ลี้หลบกัน ต่างรีหัน พรั่นผวา คิดลาไกล บ้างโดดเลาะ เกาะไต่ ตะกายขวัก บ้างฉวยจับ ตะพักหยุด ยั้งหลุดไหล บ้างร่วงหาย วายชนม์ จมน้ำไป มารน้อยใหญ่ ต่างพล่านไป ทั้งไพรวัน คลื่นใหญ่ซัด พัดพา ฉุดคร่าสิ้น กลบกลืนกิน ร้องครวญดิ้น สิ้นความหวัง หมู่ปลาร้าย ไล่คะนอง ซ้ำสองพลัน เข้าฮุบหลัง ขย้ำขา ลากพาไกล คชสาร คิริเม ซวนเซซัด ถูกคลื่นยักษ์ ทับทั้งยืน พลั้งลื่นไหล ต้องเสียท่า น้ำพัดพา ถลาไป ท้าวมารใหญ่ ให้ตกใจ ไหวโดดทัน ธ สุดฝืน ยืนโต้คลื่น ครืนครืนซัด เหลียวมองสรรพ พลมาร พลางโศกศัลย์ ต้องมลาย ล้มหาย ตายจากกัน อย่างบ้าคลั่ง ด้วยบาปกรรม นำจากเรา บัดนั้น พญามาร ร้าวรานจิต สำนึกคิด ผิดกระทำ กรรมแผดเผา สร้างบาปใหญ่ ก่อแต่ภัย ใจมืดเมา แล้วใครเล่า จักเฝ้าไป รับใช้เวร กายเข้าทำ จากใจนำ ทำความผิด หากย้อนคิด จิตโดดเดี่ยว ถูกเคี่ยวเข็ญ ตกระกำ ลำบาก ในบาปเวร กายหลีกเร้น บ่เห็นหาย เมื่อตายพลัน โอ้ตัวเรา ไยช่างเขลา เมากิเลส เห็นวิเศษ เสพแต่กรรม นำโศกศัลย์ ที่ทรงฤทธิ์ มหิทธิเดช เหตุบุญนำ แต่ใช่ว่า จักนิรันดร์ เหมือนดั่งใจ สิ้นบุญญา ภพข้างหน้า ช่างน่าคิด สั่งสมผิด ติดกรรม ทำไฉน สรวงสวรรค์ นั้นคงหาย อย่าหมายไป นรกไซร้ ไม่ไกลแน่ แท้ตัวเรา มาบัดนี้ ตาสว่าง กระจ่างแจ้ง โกรธเคยแรง แค้นเคยลน จนมืดเขลา เหมือนถูกพราก ลากไป ไกลจากเรา สองเท้าก้าว เข้าฝั่ง นั่งบังคม เพลานั้น พระทรงชัย ไตรโลกนาถ ปราศจาก วิบากใด ให้สุขสม เห็นเบื้องหน้า ท้าวมารา หน้าทุกข์ตรม จึงเสริมส่ง ด้วยองค์ธรรม โน้มนำใจ ว่าดูก่อน พญามาร ผู้พาลผิด จงอย่าติด เรื่องผ่าน พานหวั่นไหว อดีตลับ ไม่กลับคืน อย่าฝืนใจ เริ่มต้นใหม่ ใฝ่กระทำ แต่กรรมดี ภพข้างหน้า อีกนานช้า กว่าจะถึง มัวคำนึง ถึงไป ไยใช่ที่ เสียเวลา พาเขลา ไม่เข้าที ควรฤาที่ มีแต่เศร้า เฝ้าทำลาย จงอยู่กับ ปัจจุบัน น้อมนำจิต หมั่นดำริ ตริธรรม ทำไฉน จักละโลภ โกรธหลง ปลงจิตใจ มรรคาไหน ศีลข้อใด ใช้นำพา ทุกข์ทั่วหล้า มาจากใจ ในที่สุด นิรทุกข์ แค่หยุดใจ ไยเสาะหา เหตุเช่นไร ให้ผลนั้น นั่นธรรมดา หมดเหตุหนา จึงจักพา ผาสุกใจ พญามาร ให้เบิกบาน ซ่านดวงจิต ฟังรสทิพย์ จิตดูดดื่ม เริงรื่นใส บรรจงกราบ บาทองค์ พระทรงชัย แล้วถอยหลัง เหาะกลับไป ใจเพริดธรรม เพลานั้น ยังเบื้องหลัง สันบรรพรต เหล่าเทพหลบ มารภัย ใจโศกศัลย์ บ้างผุดลุก ผุดนั่ง หวั่นหวาดทัณฑ์ บ้างชะแง้ แลหลัง ระวังภัย ใจหนึ่งอยาก ข้ามฟาก จากไปช่วย แต่กลัวม้วย มรนา พาผลักไส ใจหนึ่งคิด ถึงถูกผิด จิตป่วนไป ทำไฉน ทุกข์เหลือใจ ไปทั่วกัน ครั้นพอทราบ ชาติพาล มารยิ่งใหญ่ เหาะกลับไป ไม่สู้หน้า พาสุขสันต์ ต่างตะโกน โจนร้อง แซ่ซ้องพลัน สาธุการ กันพร้อมพรั่ง ดังก้องไพร ถกปรารภ โจษจัน ทั่วกันลั่น อัศจรรย์ พระทรงธรรม เลิศล้ำไฉน อนันต ชินราช ราพณ์พ่ายไกล นามนี้ให้ ได้พลัน แต่นั้นมา เหล่าปวงเทพ เทวา ต่างผาสุก ปลดเปลื้องทุกข์ สุขฤทัย ไปทั่วหน้า ต่างเพรียงพร้อม น้อมกราบ องค์ศาสดา แล้วลับกาย หายหน้า ลากลับวัง ได้เวลา สายัณห์ ตะวันตก พระผ่านภพ หมดภัย ใจสุขสันต์ สงบเหลือ เหนืออาสน์ บาทบัลลังก์ แว่วสำเนียง เสียงจักจั่น ลั่นราวไพร หมู่วิหค นกกา พาบินกลับ รวงรังรัก จับคอน นอนหลับใหล เย็นระรื่น คืนค่ำ ดื่มด่ำใจ เพลินลมไหว งามไม้ไกว ใต้แสงจันทร์ สืบ ธรรมไทย to625uotjx4s2iyti8gwwrgps6mhkph 188002 188001 2022-07-22T10:32:35Z Miwako Sato 4619 wikitext text/x-wiki {{ลบ|1=ท6 - ผู้แต่ง คือ สืบ ธรรมไทย (ดังปรากฏที่ก้นหน้า) และสืบ ธรรมไทย ยังไม่ตาย ยังเขียนบล็อกเขียนโพสต์ต่าง ๆ ในเน็ตอยู่ ดูได้จาก [https://www.google.com/search?q=%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%9A+%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2&sourceid=chrome&ie=UTF-8 กูเกิลเซิร์ช]}} สมาบท ประณมค้อม น้อมกร วิงวอนไหว้ วอนเทพไท้ ทั่วทิศ สถิตหล้า ข้าจักขอ เรียงพจน์ รจนา ถึงองค์มาร พาลกล้า ท้าฟ้าดิน หากคำร้อย ถ้อยเรียง สำเนียงพล่อย วอนเทพพลอย คล้อยกรรม คำติฉิน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มิตรหลายหลาก หากได้ยิน ขอนบสิ้น นอบน้อม พร้อมกายใจ วสวัตตีมาราธิราช ณ เมืองแมน แดนสวรรค์ อันบรรเจิด ช่างงามเลิศ เพริดพราย ประกายแสง เปล่งปลั่งเรือง เหลืองบริสุทธิ์ ทองสุกแดง พลอยหลากแสง แกมประดับ สลับกัน ปรางค์ปราสาท ดารดาษ เกลื่อนกลาดเพชร เลื่อมลายเกล็ด กนกแพรว แววเฉิดฉัน เชิงช่อฟ้า ชายคาฉลุ มุกหน้าบัน ประดับสัน หลังคาแก้ว ด้วยแถวธง กระดึงน้อย ร้อยพัน รังสรรค์ติด แลระยิบ วิจิตรวาม งามสวยสม ล้วนสัมฤทธิ์ สนิทแทรก อย่างแยบยล ห้อยตุ้มผล เรืองรอง ทองซ้อนใน ยามลมโชย โบยพัด สะบัดพลิ้ว แลละลิ่ว ริ้วธง ลู่ลมไหว เคล้าเสียงหวาน กังวานแผ่ว แว่วแต่ไกล กริ๊งกร๊างใส ฟังเคลิ้มใจ ไปกับลม แสงสีเสียง พร้อมเพรียง จำเรียงเหมาะ ฟังไพเราะ เสนาะใจ ให้สุขสม ดูวิจิตร ติดตรึงตา คราได้ยล ช่างงามล้น ชมชื่น เริงรื่นใจ ปรนิม มิต วสวัตตี(อ่านว่า ปะ-ระ-นิม-มิ-ตะ-วะ-สะ-วะ-ตี) แดนชั้นที่ มีนภา จดฟ้าใส สูงเกินล่วง สรวงสวรรค์ ชั้นใดใด ผู้บุญใหญ่ ใช่เกิดได้ ไม่ง่ายยล มีเจ้าฟ้า ราชา มาราใหญ่ ยศเกริกไกล มารหวังใกล้ ใคร่ประสงค์ คิดฝากตัว ถวายหัว ทั่วทุกตน เทพเกลื่อนกล่น ทนน้อมก้ม องค์ราชันย์ ครั้งศาสดา พระนามว่า กัสสปะ วงศ์พุทธ(อ่านว่า พุด-ทะ) วัฏเปลี่ยน เวียนสุขสันต์ เคยวิบัติ ก็ดับหาย คลายทั่วกัน ใจสุขล้ำ ด้วยพระธรรม ชี้นำใจ ศาสนา แผ่ไกล ไปทั่วหล้า ผิราชา หรือไพร่ข้า ล้วนหน้าใส จิตสงบ ดั่งหมดทุกข์ สุขเหลือใจ ชนมากหลาย ต่างน้อมใจ ใฝ่ในธรรม ทั่วแผ่นดิน สิ้นโศก โลกเปี่ยมสุข ยักษ์นาคครุฑ มนุษย์อินทร์ สิ้นโศกศัลย์ เหล่าอสูร ประยูรมาร บานหน้ากัน พรหมสวรรค์ สันติสุข ไม่ทุกข์ใจ ณ แผ่นดิน กิงกิสสะ มหาราช มีอำมาตย์ มากบารมี ศรีสมัย องค์ราชา พึ่งพาได้ ให้คลายใจ เรื่องน้อยใหญ่ โพธิไซร้ ไขได้พลัน พระราชา คลั่งบุญญา ในพุทธ(อ่านว่า พุด-ทะ) ครุ่นคิดจัก ถากถาง ทางสวรรค์ โลภกุศล จนหลงผิด ติดบ่วงกรรม คิดสะบั้น กั้นกุศล ชนทั่วไป มาวันหนึ่ง ความทราบถึง ซึ่งกษัตริย์ จอมสงฆ์จัก พักจิต คิดหลับใหล ด้วยสมาบัติ ดับทุกข์ สุขเหนือใคร ใต้ไทรใหญ่ ห่างออกไป ไกลเวียงวัง มีกำหนด จบเพลา เจ็ดราตรี จอมมุนี จึงผละที่ มีสุขสันต์ ออกโปรดเว ไนยสัตว์ สลัดกรรม สร้างกุศล ผลบุญนำ ธรรมร่มเย็น เพลานั้น ท่านว่าบุญ อดุลย์เลิศ แสนประเสริฐ เกิดผลครัน ทันได้เห็น อย่างเร็วได้ ในเจ็ดวัน พลันเกิดเป็น อย่างช้าเห็น เช่นกัน ทันก่อนตาย จอมราชา บ้าบุญ รู้คุณใหญ่ รับสั่งไป ใกล้จดไกล ห้ามใครหมาย หวังปาฏิหาริย์ ทานสัมฤทธิ์ คิดเฉียดกาย ผ่านกรายใกล้ พระจอมไตร ในเจ็ดวัน ผู้ใดฝืน ขืนไป ลอบใส่บาตร ต้องถูกพราก ชีวา ให้อาสัญ โทษประหาร ผลาญตาย วายชีวัน ทั่วชนชั้น ต่างพรั่น ทัณฑ์อาญา โพธิทราบ คาดความ ตามดำรัส แต่ยากหัก ตัดใจ อาลัยหา ผลบุญใหญ่ ให้หวั่นไหว ในวิญญา แม้นถูกฆ่า ยังค่าคุ้ม ถ้าบุญนำ จึงจัดแจง แต่งทาน อาหารห่อ ไม่รีรอ ท้อใจ ให้สิ้นหวัง กุศลใหญ่ ใกล้อยู่หน้า ถ้าฝ่าฟัน ปลงใจมั่น จึงเร่งพลัน จรลี ถึงมณฑล ร่มไทร แผ่ใหญ่กว้าง รอบทิศทาง วางยามเวร เกณฑ์เต็มที่ เฝ้าเตรียมพร้อม ล้อมวง องค์มุนี โพธิรี่ ปรี่ใกล้ ไม่หวาดทัณฑ์ เหล่าทหาร ถามความ ตามหน้าที่ นายท่านมี ที่ห่วงใด ไยหุนหัน อำมาตย์คิด ผิดถูกไป ใจสู้กัน เท็จจริงนั่น ช่างยากไข ให้ยุ่งจริง หากจะตอบ บอกเท็จ เสร็จไม่ยาก ฝ่าพระบาท กราบบังคม องค์ทรงศีล อาราธนา พาองค์เจ้า เข้าเวียงพิง เป็นขวัญมิ่ง ถิ่นสกล ชนทั่วไป แต่ใจหนึ่ง ตรึกถึง ซึ่งบุญบาป มุสาวาท บาปนำ ธรรมไม่ใส ทานผลน้อย บุญพลอยด้อย ย่อยยับไป เราจะไม่ ให้บาปผลาญ ทานบุญเรา จึงร้องบอก ตอบไป ด้วยใจเด็ด ไม่เอ่ยเท็จ สำเร็จกรรม ทำบาปเขลา เรามาไกล ใจหมายมาด ตักบาตรเรา แด่องค์เจ้า ก้าวผ่านภพ จบแดนดิน เหล่าทหาร ครั้นได้ฟัง ซึ่งคำตอบ ที่เคยชอบ ก็ลอบลา หายหน้าสิ้น เข้าหมอบเกรียน เรียนนายใหญ่ ให้ได้ยิน ทราบทุกสิ่ง สิ้นทุกคำ ดั่งฟังมา ท่านขุนทัพ สดับความ ตามยามบอก โกรธตะคอก ตอบไป ไม่ไว้หน้า รีบจับกุม ควบคุมขัง ฟังอาญา ยังเบื้องหน้า ฝ่ายุคล องค์ราชันย์ บัดนั้น กิงกิสสะ มหาราช ให้เกรี้ยวกราด โกรธา พาหุนหัน ก้องประกาศ มาดโทษ คนโปรดพลัน น้อยหรือนั่น ท่านทำเรา เศร้าเสียใจ เหตุไฉน หนอทำไม ไปทำผิด มิรู้คิด ผิดพลาด มากเพียงไหน เพชฌฆาต รีบกระชาก ลากตัวไป บั่นคอไซร้ ต่อไพร่ชน ยลทั่วกัน เพลานั้น องค์พุทธ(อ่านว่า พุด-ทะ) นฤนาท ทรงออกจาก สมาธิ ปีติหรรษ์ จึงทราบผ่าน ญาณวิถี มีโดยพลัน โพธิมั่น ดังสัจจา กล้ายอมตาย จึงบันดาล ด้วยฌานฤทธิ์ สถิตอยู่ ใต้ไทรดู ดั่งคู่เหมือน ไม่เลือนหาย ส่วนองค์ท่าน นั้นพลันดับ หายวับไป ณ ลานใหญ่ แดนประหาร ห่างเวียงวัง เสด็จพัก ประทับนั่ง บัลลังก์อาสน์ งามพิลาส หลากรังสี มีเฉิดฉันท์ ยังเบื้องหน้า มหาอำมาตย์ ทราบลำพัง ตรัสสอนสั่ง หลั่งรดธรรม ฟังก่อนตาย โพธิกราบ ปลาบปลื้ม เริงรื่นจิต ผุดความคิด นิมิตจ้า บุญพาหมาย หวังสิ้นภพ จบภูมิ ดับสูญไป ทรงตอบได้ สมดั่งใจ ใฝ่จำนง เพลานั้น คมดาบฟัน บั่นคอขาด จิตพุ่งวาบ กระชากไกล ใจสุขสม ผ่านทะลวง สรวงสวรรค์ ชั้นเบื้องบน เทพเกลื่อนกล่น ต่างอึงอล จนทั่วกัน ขึ้นบัลลังก์ นั่งฟ้า อาภาเขต ทรงเศวต พิเนตแค้วน แดนสวรรค์ สูงเหนือเทพ เทวา มีมากัน ลือนามลั่น สรวงสวรรค์ ชั้นปรนิม ทั้งชนก ครบครัน กรรมน้อยใหญ่ อุปถัมภ์ ค้ำไกล ไม่หมดสิ้น บุญก่อเกิด เบิกบาน งามเหนือจินต์ ระบือยิ่ง สิ้นแดนสรวง ห้วงกามา ครองไอศูรย์ สมบูรณ์ยศ ดิลกราช แสนองอาจ นิราศทุกข์ สุขใดหา ห้อมล้อมด้วย ทวยเทพ เทวดา มากล้นหนัก ศักดา บารมี เลื่องระบือ ลือนาม จอมมารใหญ่ ก้องสนั่น ลั่นไกล ไปทุกที่ เทพสวรรค์ ชั้นฟ้า ประดามี สยบที่ วสวัตตี ศรีมารา ทิพย์สมบัติ อัครฐาน วิมานแก้ว เพริศพราวแพรว แววตระการ งามนักหนา เกินหาเทียบ เปรียบคำ พร่ำพรรณนา หกชั้นฟ้า ที่มีมา หมองค่าไป กามคุณ ละมุนละเมียด ละเอียดนัก น่าสัมผัส จับต้อง ลิ้มลองไฉน ล้วนประณีต วิจิตรงาม ซาบซ่านใจ เกินหาไหน ใดเคียง เทียมเทียบทัน ปรารถนา จักหาใด ให้นึกคิด เทพมากฤทธิ์ เนรมิต ดั่งคิดฝัน อยากสิ่งไหน ได้สิ่งนั้น ท่านให้พลัน สมใจหวัง ดังทุกครา พาย่ามใจ ทั้งรูปเรียง เสียงรส ครบผัสสะ ก่อมานะ กักขฬะพาล มารวิสัย ห้อมล้อมสุข ทุกค่ำเช้า ยั่วเย้าใจ ลืมหมดไซร้ ใคร่เคยหวัง ตั้งเจตนา เกิดมาใหญ่ ไร้ทุกข์ สุขเหนือคาด แต่ประมาท หาบเขลา เศร้านักหนา ปล่อยให้โลภ โกรธหลง วงศ์กามา เข้าฉุดคร่า พร่าผลาญ รุกรานใจ มีความคิด วิปริต ผิดอาเพศ เห็นวิเศษ เหตุกามา น่าหลงใหล ล้ำเลิศรส มัวคบธรรม ไปทำไม สัตว์น้อยใหญ่ โอ้ไฉน เฝ้าใฝ่ธรรม ไยด่วนละ พระนิพพาน ไม่พานหาย สัตว์ทุกราย ถึงสุดท้าย ไม่กลายผัน ต้องได้เข้า แดนเหงาสงบ หมดโทษทัณฑ์ รีบเร็วล้ำ ไปทำไม เศร้าใจจริง สิ่งสดใส ให้มากมี ที่ในหล้า ไม่นำพา นี่สิบ้า น่าติฉิน สุขจากหวัง สมดั่งหวัง ล้ำเลิศจริง อย่าถวิล สิ้นคิด ติดในธรรม ใครว่าทุกข์ มีแต่สุข ทุกกิเลส หากได้เสพ สุขสม อารมณ์ฝัน ตาหูลิ้น สิ้นทั่วกาย ใจได้ดัง สมดั่งหวัง ไม่พ้นฝั่ง ช่างประไร จึงคนไหน มีใจ ใคร่หลุดออก เครื่องพูนพอก สำรอกมาร หาญผลักไส มารจะเข้า เฝ้าขวาง ผลาญเรื่อยไป ชักจูงให้ ไกลทิศ ไม่ชิดธรรม คราเมื่อพระ สิทธัตถ ผละเวียงเกศ ปลีกวิเวก ยังเขตไกล ในไพรสัณฑ์ หวังถากถาง ทางพ้นทุกข์ หยุดวงกรรม ทรงบากบั่น กระทำถึง ซึ่งความเพียร ด่านสุดท้าย ร้ายล้น จักพ้นผ่าน ด้วยเหล่ามาร พานระดม พลหมดเกลี้ยง เข้าขัดขวาง ทางพ้นหลุด ฉุดความเพียร ต่างแผดเสียง สำเนียงก้อง จ้องฆ่าฟัน พญามาร พาลใหญ่ ใจกำเริบ จิตบังเกิด ซึ่งโกรธา บ้าโมหันธ์ เห็นใครใคร่ ใฝ่ดี ปรี่ลงทัณฑ์ มุ่งห้ำหั่น ราวี ย่ำบีฑา ก่อนวิสา ขเพ็ญ เห็นปรากฏ มารปรารภ กลบไพร ใจร้อนร่า ถ้ายังคง ดำรงมั่น ดั่งทำมา จักเข่นฆ่า พร่าให้ดิ้น สิ้นชีวี หมู่ทหาร เสนามาร พาลน้อยใหญ่ สุขสมใจ ใคร่พุ่งไกล ไปขยี้ ส่งเสียงร้อง ก้องสนั่น ลั่นปฐพี หวังเคลื่อนที่ จรลี เข้าบีฑา เหล่าทวยเทพ เทวา ที่อารักษ์ ครั้นสดับ สรรพสำเนียง เสียงโห่ฆ่า กัมปนาท ตวาดร้อง ก้องพนา ต่างหนีหน้า ลาเร้น เช่นพวกกลัว ท้าวสุยาม เทวราช องอาจยิ่ง เทพทั่วถิ่น หมดสิ้นพร้อม น้อมเหนือหัว ทั่วยามา หาใครไหน ใหญ่เท่าตัว เพียงแค่ชั่ว พริบตาหาย ไม่อายใจ สันดุสิต โพธิราช ปราดเปรื่องเก่ง เทพยำเกรง เช่นบพิตร มิตรเลื่อมใส ถือเป็นบุตร พุทธวงศ์ องค์ภูวไนย ยังทิ้งได้ รีบผลักไส ไม่ใยดี ปัญจสิข จิตสั่น ไม่หวั่นเยาะ กลัวโดนเคราะห์ เหาะเมฆา ลี้หน้าหนี ทิ้งองค์อินทร์ มิ่งขวัญ พรั่นฤดี ธ จึงรี่ หลีกเร้น เช่นคนธรรพ์ ฝ่ายกาฬ นาคราช พังพาบติด เลื้อยแนบชิด บิดกายา ลาเหหัน แทรกปฐพี ดิ่งเร็วรี่ ลี้ลงพลัน บรรทมแนบ แอบในถ้ำ ครั่นคร้ามใจ ท้าวสหัม บดีพรหม ยิ่งขมจิต ไม่อยากคิด ผิดใจมาร พานผลักไส อ้างว่าฤทธิ์ ติดตัวน้อย ด้อยเกินไป สู้ไม่ได้ ต้องจำใจ ไกลกลับวัง กาลบัดนั้น รอบร่มโพธิ์ โอ้อนาถ ไร้มิตรญาติ ขาดเพื่อนชิด ไม่คิดฝัน พระเหลือแต่ ตัวเองแท้ แม้ลำพัง แต่ยังมั่น ประทังสู้ อยู่ผู้เดียว มีทานพร้อม น้อมเป็น เช่นบาทเบื้อง สองกรเขื่อง เนืองแน่นศีล สิ้นเฉลียว ภาวนา แรงกล้าเด่น เป็นเกราะเดียว แสนเด็ดเดี่ยว เหนี่ยวจิต ไม่คิดเกรง ทรงปัญญา ดุจศัสตรา เป็นอาวุธ เมตตาหยุด ทุกข์ภัย ใดข่มเหง บารมี ที่ประจักษ์ ยักษ์เทพเกรง รวมลงเด่น เห็นสว่าง ท่ามกลางใจ บัดนั้น พญามาร ให้พล่านจิต เพ่งพินิจ พิศมุนี อินทรีย์ใส ธ ยิ่งเพ่ง ยิ่งคิด หงุดหงิดใจ เหตุไฉน หนอทำไม ไยไม่กลัว จึงพิโรธ โกรธแสน แค้นประดัง เนตรแดงก่ำ สั่งคำราม ข้ามเหนือหัว ถึงเหล่ามาร พาลทั้งหลาย รายรอบตัว ย่ำให้ทั่ว อย่ามัวช้า ฆ่าไพรี เหล่าทหาร ขุนพลมาร สันดานหยาบ ริมสองฟาก ปากตะโกน กระโจนรี่ ยินคำสั่ง พลันเคลื่อนทัพ รับทันที หวังขยี้ พระภูมี ศรีศากยา บางตนแผลง ปลอมแปลง สำแดงเดช เปลี่ยนเป็นเพศ เดรัจฉาน คืบคลานหา บ้างเป็นเสือ บ้างเป็นสิงห์ วิ่งตามมา บ้างเป็นช้าง บ้างเป็นม้า เข้าราวี อสุภ จตุบาท สัญชาติสัตว์ สารพัด สลับกาย ร่างคล้ายผี ครึ่งล่างสัตว์ ครึ่งบนร้าย พรายตานี สัตว์ครึ่งผี มีมากล้น ปะปนมาร ทวิบาท ชาติแร้งกา ดูบ้าบิ่น รุมฉีกกิน ล้วนแล้วสิ่ง กลิ่นเหม็นสาง สารรูป ภูตร้าย ใจชั่วทราม กรีดเสียงขาน ผสานร้อง ก้องพฤกษ์ไพร มวลหมู่มาร มากมาย หลากหลายสัตว์ เปรตผียักษ์ กลาดเกลื่อน เคลื่อนพลไหล มุ่งสู่ยัง บัลลังก์อาสน์ บาทภูวไน อึกทึก กึกไกล ทั่วไพรวัน เพลานั้น องค์เลิศลักษณ์ ทรงพักจิต ไร้เรื่องคิด ไม่ติดใด ใจสุขสันต์ เห็นหมู่มาร พาลฉกาจ หลากร้อยพัน ล้อมหน้าหลัง เรียงราย ใต้ร่มโพธิ์ พระทรงมอง ตรองคิด พิศพาลต่ำ ทรงน้อมธรรม กั้นบดบัง บั่นโทโส ค่อยลิดรอน ทอนจิตร้าย ฝ่ายพาโล ดับโมโห โกรธาหาย มลายพลัน บัดนั้น วสวัตตี ให้มีจิต อาฆาตคิด ประชิดรี่ ไม่รีหัน รีบไสช้าง คิริ เมขลัง หวังห้ำหั่น ฟาดฟัน ให้บรรลัย อวดกำแหง สำแดงฤทธิ์ มหิทธิเดช ยังอาเพศ เสกลมฝน อึงอลไหว เสียงสนั่น ลั่นฟ้า มาแต่ไกล เมฆดำใหญ่ ไหลคลุมครอบ รายรอบพลัน ท้องนภา พร่ามิด ดังปิดโลก ลมกรรโชก โบกกระหน่ำ ครั่นคร้ามขวัญ พายุโหม โถมขย้ำ ดั่งลงทัณฑ์ ฟ้าเลื่อนลั่น ประดังผ่า น่าเสียวใจ ไม้หลากพันธุ์ รอบบัลลังก์ ลั่นเกลื่อนกลาด หักล้มฟาด ปฐพี เอียงรี่ไหว รากชี้ฟ้า พายุพา ถลาไป หอบวนใกล้ เทือกเขาไกล ให้อัศจรรย์ แล้วเข้าซัด งัดทำลาย ปลายยอดผา ปลิวลิ่วมา คล้ายจักฆ่า ให้อาสัญ พุ่งเข้าสู่ พระภูมี รี่เร็วพลัน พิลึกลั่น พลันย่อยแหลก แตกใกล้องค์ ห่าฝนใหญ่ แปลกเหลือใจ ใคร่คร้ามเข็ด เคยเห็นเล็ก เม็ดกลับใหญ่ ไม่คล้ายฝน หยดเท่าโอ่ง หล่นนองไหล ให้ชอบกล ทับยอดสน ดงไม้ รายราบพลัน เกิดเป็นสาย น้ำใหญ่ ไหลใกล้อาสน์ หวังพิฆาต พรากมุนี ศรีสวรรค์ ประหลาดแปลก แผ่นดินแยก แตกออกพลัน น้ำเชี่ยวผัน หลั่งหาย ใต้ปฐพี บัดนั้น พญามาร พลุ่งพล่านจิต บันดาลฤทธิ์ คิดกล้ำกราย ไม่คลายหนี เป็นเปลวไฟ ไหม้จากฟ้า เข้าราวี เป็นอิฐหิน พุ่งรี่ เข้าบีฑา ห่าอาวุธ ทุกศัสตรา ซัดฆ่าเข่น ทั้งดั้งเขน พร่างพรู ธนูถลา พระขรรค์แข่ง หอกแทง พุ่งแรงมา มีดขวานพร้า พากระหน่ำ หวังซ้ำตาย เพลานั้น อัศจรรย์ พลันบังเกิด บุญญาเลิศ ประเสริฐฌาณ เข้าลาญหาย ไฟร้อนพ่น ฝนอาวุธ ผุดกลับกลาย เป็นดอกไม้ รายร่วงรอบ ขอบบัลลังก์ หมู่พหล พลมาร ที่ตามติด เห็นซึ่งฤทธิ์ ประสิทธิ์มี ภูมีสวรรค์ ต่างตะลึง พึงเพริด เกิดงงงัน ล้วนหยุดหน้า บาทบัลลังก์ ยั้งพักใจ จอมสวรรค์ ชั้นมาร ให้คร้ามจิต เริ่มเกรงฤทธิ์ นฤบดี ศรีสมัย หยุดกำแหง สำแดงเดช เฉกเฉไกล แกล้งเสไส ไถลเวียน เปลี่ยนวิธี แล้วจึงเอื้อน เอ่ยวาจา หน้าเบื้องบาท บัลลังก์ราชย์ อาสน์เรา ช่างเข้าที่ ดูงามสวย ด้วยบุญญา บารมี ของเราที่ พลีทาน บันดาลมา เหตุไฉน ท่านเป็นใคร ใยไม่แจ้ง เข้ายื้อแย่ง ตะแบงพัก นานหนักหนา ซ้ำทำนิ่ง ดั่งสิ้นทุกข์ สุขอุรา หาอายหน้า ทั่วพารา พาเศร้าใจ พระทศพล ปลงกรรม ธรรมสังเวช ถึงกิเลส เฉกพาล มารวิสัย จึงเอื้อนโอษฐ์ โปรดถาม ถึงความนัย เหตุไฉน หนอทำไม ใยกีดกัน โพธิ์บัลลังก์ เรานั่ง ดั่งเห็นนี้ เกิดขึ้นมี ด้วยบุญญา พาสร้างสรรค์ ของเราที่ สั่งสมมา คราปางบรรพ์ ใยมารท่าน นั้นจึงแสร้ง แกล้งเบือนไป กุศลกรรม ที่เราทำ จำฝังจิต เกินพ้นฤทธิ์ แห่งมาร หาญสงสัย สี่อสง ไขยแสนกัป หากนับไป ขออย่าได้ ใฝ่หาภัย ใส่ตนเอง พญามาร ได้ฟังความ ตามพระบาท ครุ่นอาฆาต สำรากคำ ซ้ำข่มเหง สี่อสง ไขยเท่าใด ใครเล่าเกรง ยกตัวเด่น เก่งปากคำ น่าชังจริง อ้างบุญทาน ไหนพยาน ประทานบอก จะขอสอบ ปากฟัง คำผิดศีล หญิงหรือชาย ไปอยู่ไหน ใคร่รู้จริง ใยจึงนิ่ง ทิ้งหาย ไม่กรายมา เราซิแน่ เที่ยงแท้ ไม่แปรเปลี่ยน สร้างความเพียร เปี่ยมศีลทาน นานนักหนา จึงลือลั่น เจ้าสวรรค์ ชั้นกามา มารทั่วหล้า ทอดตาเห็น เป็นพยาน แท่นบัลลังก์ อันสูงค่า เบื้องหน้านี้ มิได้มี ที่ไว้ขลุก สนุกสนาน จงรีบน้อม พร้อมคืนเรา เหล่าพวกมาร ขืนดื้อด้าน จะประหาร ผลาญให้ตาย พระทรงญาณ ได้ฟังความ มารโอ้อวด ยกผนวก พวกพยาน พาลมากหลาย จึงตอบถ้อย ร้อยความ ตามเนื้อไป เรานี้ไม่ ได้มี สักขีพยาน แต่ครั้งเรา เฝ้าทำทาน นานนับชาติ มีประหลาด มากล้น จนคนขาน คือเมื่อพระ เวสสันดร ยอมอกลาญ องค์อินทร์หาญ พาลง้อ ขอมัทรี ธ สุดช้ำ ลำเค็ญ เข็ญใจมาก จำบริจาค บาทบริจา พาหมองศรี หวังเสริมสร้าง ถางทาง ทานบารมี เพื่อจักหนี ลี้ผ่าน ข้ามภพภัย แลครั้งนั้น อัศจรรย์ พลันบังเกิด บุญญาเลิศ ประเสริฐทาน บานเบ่งใส ผืนแผ่นดิน สิ้นอดกลั้น ตื้นตันใจ จึงสั่นไหว สะท้านไกล ไปทั่วกัน เหมือนจักแจ้ง สำแดงเป็น เช่นสักขี ให้ภูมี ได้คลายที่ มีโศกศัลย์ ธรณี ขานรับคุณ บุญอนันต์ จึงไหวสั่น ลั่นเจ็ดครั้ง ดังก้องไกล คราบัดนี้ นั่งเหนือที่ โพธิอาสน์ อริราช ตวาดมอง จ้องผลักไส พสุธา มาสงบ คล้ายหลบไกล เหตุไฉน ไม่เอื้อนตอบ บอกออกมา สุนธรี วนิดา เพลานั้น ได้ยินคำ พระดำรัส ตรัสเรียกหา จึงเผยกาย คลายจากดิน ผินหน้ามา กราบทูลว่า บุญรักษา ฝ่าพระองค์ ข้าพระบาท ทราบมานาน ทานบุญเลิศ อันประเสริฐ พระเลิศญาณ นานสะสม ทักษิโณ ทกทุกหยด หยาดตกลง เกศมวยผม ข้าพระองค์ สั่งสมมา มากเพียงไหน เท่าใดนัก จักให้เห็น ประจักษ์เป็น เช่นพยาน มารเรียกหา ขอพระองค์ ทรงนั่งพัก ทัศนา พลางผินพักตร์ กลับมา เบื้องหน้ามาร บัดนั้น พระธรณี นารีรัตน์ รีบสะบัด จัดโมลี มีไพศาล คลี่สยาย คลายออก ครอบวงศ์มาร รัดสมาน สานเป็นธาร ชลธี เพลานั้น ให้บันดาล พล่านสับสน เหล่ามารพล โกลาหล อึงอลหนี เสียงสนั่น ลั่นแตก แยกปฐพี ดุจเภรี ตีซ้ำ ย้ำทำนอง ไหวสะเทือน กระเพื่อมฟ้า นภากาศ อัสนีบาต ฟาดกลาง มารทั้งผอง ธรณี เอียงรี่ทรุด ยุบเป็นคลอง น้ำบ่าล้อม ไหลต้อนมาร ผลาญพร่าพลัน ท่วมทะลัก พัดกระจาย มลายสิ้น ตกแผ่นดิน หล่นกระสินธุ์ ดิ้นเหหัน คลื่นทับโครม มารโจนหนี ลี้หลบกัน ต่างรีหัน พรั่นผวา คิดลาไกล บ้างโดดเลาะ เกาะไต่ ตะกายขวัก บ้างฉวยจับ ตะพักหยุด ยั้งหลุดไหล บ้างร่วงหาย วายชนม์ จมน้ำไป มารน้อยใหญ่ ต่างพล่านไป ทั้งไพรวัน คลื่นใหญ่ซัด พัดพา ฉุดคร่าสิ้น กลบกลืนกิน ร้องครวญดิ้น สิ้นความหวัง หมู่ปลาร้าย ไล่คะนอง ซ้ำสองพลัน เข้าฮุบหลัง ขย้ำขา ลากพาไกล คชสาร คิริเม ซวนเซซัด ถูกคลื่นยักษ์ ทับทั้งยืน พลั้งลื่นไหล ต้องเสียท่า น้ำพัดพา ถลาไป ท้าวมารใหญ่ ให้ตกใจ ไหวโดดทัน ธ สุดฝืน ยืนโต้คลื่น ครืนครืนซัด เหลียวมองสรรพ พลมาร พลางโศกศัลย์ ต้องมลาย ล้มหาย ตายจากกัน อย่างบ้าคลั่ง ด้วยบาปกรรม นำจากเรา บัดนั้น พญามาร ร้าวรานจิต สำนึกคิด ผิดกระทำ กรรมแผดเผา สร้างบาปใหญ่ ก่อแต่ภัย ใจมืดเมา แล้วใครเล่า จักเฝ้าไป รับใช้เวร กายเข้าทำ จากใจนำ ทำความผิด หากย้อนคิด จิตโดดเดี่ยว ถูกเคี่ยวเข็ญ ตกระกำ ลำบาก ในบาปเวร กายหลีกเร้น บ่เห็นหาย เมื่อตายพลัน โอ้ตัวเรา ไยช่างเขลา เมากิเลส เห็นวิเศษ เสพแต่กรรม นำโศกศัลย์ ที่ทรงฤทธิ์ มหิทธิเดช เหตุบุญนำ แต่ใช่ว่า จักนิรันดร์ เหมือนดั่งใจ สิ้นบุญญา ภพข้างหน้า ช่างน่าคิด สั่งสมผิด ติดกรรม ทำไฉน สรวงสวรรค์ นั้นคงหาย อย่าหมายไป นรกไซร้ ไม่ไกลแน่ แท้ตัวเรา มาบัดนี้ ตาสว่าง กระจ่างแจ้ง โกรธเคยแรง แค้นเคยลน จนมืดเขลา เหมือนถูกพราก ลากไป ไกลจากเรา สองเท้าก้าว เข้าฝั่ง นั่งบังคม เพลานั้น พระทรงชัย ไตรโลกนาถ ปราศจาก วิบากใด ให้สุขสม เห็นเบื้องหน้า ท้าวมารา หน้าทุกข์ตรม จึงเสริมส่ง ด้วยองค์ธรรม โน้มนำใจ ว่าดูก่อน พญามาร ผู้พาลผิด จงอย่าติด เรื่องผ่าน พานหวั่นไหว อดีตลับ ไม่กลับคืน อย่าฝืนใจ เริ่มต้นใหม่ ใฝ่กระทำ แต่กรรมดี ภพข้างหน้า อีกนานช้า กว่าจะถึง มัวคำนึง ถึงไป ไยใช่ที่ เสียเวลา พาเขลา ไม่เข้าที ควรฤาที่ มีแต่เศร้า เฝ้าทำลาย จงอยู่กับ ปัจจุบัน น้อมนำจิต หมั่นดำริ ตริธรรม ทำไฉน จักละโลภ โกรธหลง ปลงจิตใจ มรรคาไหน ศีลข้อใด ใช้นำพา ทุกข์ทั่วหล้า มาจากใจ ในที่สุด นิรทุกข์ แค่หยุดใจ ไยเสาะหา เหตุเช่นไร ให้ผลนั้น นั่นธรรมดา หมดเหตุหนา จึงจักพา ผาสุกใจ พญามาร ให้เบิกบาน ซ่านดวงจิต ฟังรสทิพย์ จิตดูดดื่ม เริงรื่นใส บรรจงกราบ บาทองค์ พระทรงชัย แล้วถอยหลัง เหาะกลับไป ใจเพริดธรรม เพลานั้น ยังเบื้องหลัง สันบรรพรต เหล่าเทพหลบ มารภัย ใจโศกศัลย์ บ้างผุดลุก ผุดนั่ง หวั่นหวาดทัณฑ์ บ้างชะแง้ แลหลัง ระวังภัย ใจหนึ่งอยาก ข้ามฟาก จากไปช่วย แต่กลัวม้วย มรนา พาผลักไส ใจหนึ่งคิด ถึงถูกผิด จิตป่วนไป ทำไฉน ทุกข์เหลือใจ ไปทั่วกัน ครั้นพอทราบ ชาติพาล มารยิ่งใหญ่ เหาะกลับไป ไม่สู้หน้า พาสุขสันต์ ต่างตะโกน โจนร้อง แซ่ซ้องพลัน สาธุการ กันพร้อมพรั่ง ดังก้องไพร ถกปรารภ โจษจัน ทั่วกันลั่น อัศจรรย์ พระทรงธรรม เลิศล้ำไฉน อนันต ชินราช ราพณ์พ่ายไกล นามนี้ให้ ได้พลัน แต่นั้นมา เหล่าปวงเทพ เทวา ต่างผาสุก ปลดเปลื้องทุกข์ สุขฤทัย ไปทั่วหน้า ต่างเพรียงพร้อม น้อมกราบ องค์ศาสดา แล้วลับกาย หายหน้า ลากลับวัง ได้เวลา สายัณห์ ตะวันตก พระผ่านภพ หมดภัย ใจสุขสันต์ สงบเหลือ เหนืออาสน์ บาทบัลลังก์ แว่วสำเนียง เสียงจักจั่น ลั่นราวไพร หมู่วิหค นกกา พาบินกลับ รวงรังรัก จับคอน นอนหลับใหล เย็นระรื่น คืนค่ำ ดื่มด่ำใจ เพลินลมไหว งามไม้ไกว ใต้แสงจันทร์ สืบ ธรรมไทย mcgwmnkjzybathq48kstpm8df3qfvj5 คุยกับผู้ใช้:Liruqi 3 57473 187999 2022-07-22T07:08:27Z New user message 1899 เพิ่ม[[Template:Welcome|สารต้อนรับ]]ในหน้าคุยของผู้ใช้ใหม่ wikitext text/x-wiki {{Template:Welcome|realName=|name=Liruqi}} -- [[ผู้ใช้:New user message|New user message]] ([[คุยกับผู้ใช้:New user message|คุย]]) 14:08, 22 กรกฎาคม 2565 (+07) 2t5jx5xu18syrlxdhy52f9s4vxob2y0