พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระนามเดิมว่า พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงได้รับพระสมัญญาว่าทรงเป็นบิดาแห่งกฎหมายไทย ทรงเป็นต้นราชสกุล "รพีพัฒน"
สารบัญ |
[แก้] พระประวัติ
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ เป็น พระราชโอรสองค์ที่ ๑๔ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประสูติแต่เจ้าจอมมารดาตลับ เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๗ ทรงศึกษาวิชาภาษาไทยชั้นต้นที่สำนักพระยาศรีสุนทรโวหาร(น้อย อาจารยางกูร) และพระตำหนักสวนเรอดิส
ทรงเป็นพระราชโอรสกลุ่มแรก ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงไปศึกษาต่อในทวีปยุโรป เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๘ พร้อมกัน ๔ พระองค์ คือ
- กรมพระจันทบุรีนฤนาถ (พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์)
- กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์)
- กรมหลวงปราจิณกิติบดี (พระองค์เจ้าประวิตรวัฒโนดม)
- กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช (พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช)
พ.ศ. ๒๔๓๑ เสด็จไปศึกษาชั้นมัธยมอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แล้วทรงเลือกศึกษาวิชากฎหมายต่อที่วิทยาลัยไครส์ตเชิช ในมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๓ ทรงสอบไล่ได้ตามหลักสูตรชั้นปริญญาเกียรตินิยม จากนั้นจึงเสด็จกลับประเทศไทย
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงเริ่มรับราชการในสำนักราชเลขาธิการ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นองคมนตรี ทรงประกอบพระกรณียกิจ อันเป็นคุณประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อวงการกฎหมายไทยและศาลสถิตยุติธรรม ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม และสภานายกในกองข้าหลวงพิเศษ จัดการปรับปรุงศาลยุติธรรมสู่ระบบใหม่ จัดตั้งศาลมณฑล และศาลจังหวัด ทั่วประเทศ, ทรงเป็นประธานกรรมการตรวจชำระกฎหมาย ประมวลขึ้นเป็นกฏหมายอาญาฉบับ ร.ศ. ๑๒๗ (พ.ศ. ๒๔๕๑ ), ทรงตั้งโรงเรียนกฎหมายเพื่อเปิดการสอนกฎหมาย ทรงรวบรวมและแต่งตำราคำอธิบายกฎหมายลักษณะต่างๆ มากมาย และทรงสอนวิชากฎหมายด้วยพระองค์เอง, ทรงเป็นกรรมการตรวจตัดสินความฎีกาซึ่งเทียบได้กับศาลฎีกาในบบัจจุบัน, เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๓ ทรงตั้งกองพิมพ์ลายมือขึ้น สำหรับตรวจลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหาในคดีอาญา ตำแหน่งสุดท้ายทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ ทรงปรับปรุงกิจการกรมทะเบียนที่ดิน
ในปี พ.ศ. ๒๔๖๒ ได้ทรงได้รับพระบรมราชานุญาต ให้ลาพักราชการในตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ เนื่องจากทรงประชวรด้วยพระวัณโรคที่พระวักกะ และเสด็จไปรักษาพระองค์ที่กรุงปารีส สิ้นพระชนม์ ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๔๖๓ พระชนมายุได้ ๔๗ พรรษา
ทรงได้รับยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งกฎหมายไทย" และนักกฎหมายทั้งหลายได้กำหนดให้วันที่ ๗ สิงหาคมของทุกปี อันเป็นคล้ายวันสิ้นพระชนม์ เป็น "วันรพี"
[แก้] พระโอรส-ธิดา
![]() |
หลังพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ เสด็จกลับจากศึกษาที่ประเทศอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสู่ขอ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอรพัทธประไพ พระธิดาองค์ใหญ่ใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ พระราชทานเสกสมรสให้
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงมีพระโอรส-ธิดา ที่ประสูติกับหม่อมอ่อน หม่อมแดง และหม่อมราชวงศ์สง่า ปราโมช ทุกพระองค์ทรงตั้งชื่อคล้องจองกันหมด และมีความหมายเกี่ยวกับ พระอาทิตย์[1]
- หม่อมเจ้าหญิงพิมพ์รำไพ รพีพัฒน์ (๑๘ มกราคม ๒๔๔๑ - ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๐)
- หม่อมเจ้าไขแสงรพี รพีพัฒน์ (๒๙ ตุลาคม ๒๔๔๒ - ๑๙ ตุลาคม ๒๕๒๑)
- หม่อมเจ้าสุรีย์ประภา รพีพัฒน์ (๑๖ เมษายน ๒๔๔๔ - ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๓)
- หม่อมเจ้าวิมวาทิตย์ รพีพัฒน์ (๒๕ ธันวาคม ๒๔๔๕ - ๒๙ ธันวาคม ๒๕๐๑)
- หม่อมเจ้าหญิงชวลิตโอภาส รพีพัฒน์ (๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๗ - ๑๘ มิถุนายน ๒๔๗๕)
- หม่อมเจ้าอากาศดำเกิง รพีพัฒน์ (๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๔๘ - ๑๘ พฤษภาคม ๒๔๗๕)
- หม่อมเจ้าเพลิงนภดล รพีพัฒน์ (๓๐ ธันวาคม ๒๔๔๙ - ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๘)
- หม่อมเจ้าถกลไกรวัล รพีพัฒน์ (๒ มกราคม ๒๔๕๒ - ๑๖ กันยายน ๒๕๒๓)
- หม่อมเจ้ารวิพันธุ์ไพโรจน์ รพีพัฒน์ (๕ กันยายน ๒๔๕๕ - )
- หม่อมเจ้าดวงทิพโชติแจ้งหล้า รพีพัฒน์ (๑๑ ตุลาคม ๒๔๕๗ - )
- หม่อมเจ้าฑิตยาทรงกลด รพีพัฒน์ (๒๑ พฤษภาคม ๒๔๕๙ - )
- หม่อมเจ้าคันธรสรังษี รพีพัฒน์ (๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๐ - ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙) (ประสูติแต่ หม่อมแดง รพีพัฒน์ ณ อยุธยา)
- หม่อมเจ้าหญิงรำไพศรีสอางค์ รพีพัฒน์ (๑๗ กันยายน ๒๔๖๒ - ) (ประสูติแต่ หม่อมราชวงศ์สง่า ปราโมช)
[แก้] อ้างอิง
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
![]() |
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เป็นบทความเกี่ยวกับ ชีวประวัติ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น |