เรื่องเล่าแนวสยองขวัญที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บทความนี้ได้รับแจ้งว่ามีลักษณะไม่เป็นสารานุกรม
เนื่องด้วยการใช้ถ้อยคำ รูปแบบการเขียน เนื้อหา หรือมีลักษณะคล้ายคู่มือ หรือเอกสารต้นฉบับ ซึ่งไม่ตรงตามนโยบายของวิกิพีเดีย
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยการกดที่ปุ่ม แก้ไข หรือย้ายบทความนี้ไปยังโครงการพี่น้องที่เหมาะสม
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เงื่อนไขในการนับว่าเป็นสารานุกรม อะไรที่ไม่ใช่วิกิพีเดีย โครงการพี่น้อง และ นโยบายวิกิพีเดีย


เรื่องเล่าแนวสยองขวัญเป็นเรื่องเล่าที่ได้รับความนิยมแนวหนึ่งของผู้คนทั่วโลกร่วมทั้งในประเทศไทย ปรากฏมีขึ้นตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนกระทั่งในปัจจุบัน และปรากฏในทั่วทุกภูมิภาค เรื่องเล่าแนวนี้ส่วนมากมักถูกถ่ายทอดผ่านการบอกเล่าแบบปากต่อปาก ซึ่งทำให้รายละเอียดต่าง ๆ สามารถสูญหายหรือถูกดัดแปลงเพิ่มเติมจนแตกต่างจากเค้ามูลดั้งเดิม และอาจปรากฏเป็นหลายสำนวน จนแม้ว่าที่มาของเรื่องราวอาจเกิดจากประสบการณ์จริง แต่ก็เป็นการยากที่จะสืบหารายละเอียดของต้นตออันแท้จริงได้ อย่างไรก็ตาม ผู้รับฟังเรื่องเล่าแนวนี้ก็มักคาดหวังเพียงแค่ความบันเทิง รายละเอียดข้อเท็จจริงต่าง ๆ จึงมักไม่ได้รับความสำคัญและถูกมองข้ามไป

สำหรับเรื่องเล่าแนวสยองขวัญที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย มีดังนี้

สารบัญ

[แก้] แม่นากพระโขนง

เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นในช่วงปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กล่าวถึงนางนาก หญิงสาวที่มีถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ในปัจจุบัน เรื่องราวมีอยู่ว่า นายมากและนางนาก เป็นคู่สามีภริยาที่รักใคร่กันมาก ในคราวทั้งคู่เพิ่งจะสมรสกัน นายมากก็ได้ถูกหมายเกณฑ์ให้ไปช่วยราชการสงคราม จึงต้องปล่อยให้นางนากซึ่งกำลังมีครรภ์อ่อนอยู่บ้านเพียงลำพัง นางนากได้รอคอยการกลับมาของนายมากอย่างโหยหา กระทั่งถึงกำหนดคลอด นางนากและบุตรในท้องได้เสียชีวิต แต่ด้วยความห่วงใยในตัวสามี จึงทำให้วิญญาณของนางนากยังคงวนเวียนอยู่ที่บ้านเพื่อรอการกลับมาของนายมาก ผู้ที่พบเห็นจึงเกิดความหวาดกลัว ก่อเป็นเรื่องเล่าลือทั่วไป

เมื่อราชการสงครามที่นายมากถูกเกณฑ์ไปช่วยได้สิ้นสุดลง นายมากจึงได้รีบเดินทางกลับบ้านอย่างรีบเร่งด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงในตัวภริยาและบุตร แม้ว่าจะต้องเดินทางมาถึงบ้านในเวลามืดค่ำก็มิได้กังวล ทำให้นายมากมิได้พบปะกับผู้คนที่พอจะบอกเล่าเรื่องราวของนางนากให้รับทราบได้ เมื่อนายมากเดินทางมาถึงบ้านก็ได้พบกับวิญญาณของนางนากซึ่งปรากฏกายเหมือนคนปกติ จึงไม่ได้คิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับนางนาก และได้ใช้ชีวิตอยู่กับนางนากเหมือนสามีภริยาตามปกติทั่วไป แต่ในที่สุดนายมากก็ได้รับทราบความจริงจึงได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ที่วัดมหาบุศย์ ทำให้วิญญาณนางนากได้ตามไปอาละวาด ก่อความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านทั่วไป สุดท้ายได้มีสามเณรองค์หนึ่งซึ่งมีวิชาอาคมแก่กล้าเข้ามาปราบ เรื่องราววิญญาณนางนากจึงได้ยุติลง

[แก้] ด้ายแดง

เป็นเรื่องเล่าที่อ้างว่าเกิดขึ้นในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อกันในวงกว้างว่าเป็นโรงพยาบาลศิริราช อย่างไรก็ตามรายละเอียดของสถานที่ได้ปรากฏว่าเป็นโรงพยาบาลแห่งอื่น ๆ ด้วย

เนื้อเรื่องได้กล่าวถึงนักศึกษาพยาบาลที่เพิ่งเข้าเวรใหม่ในเวลากลางดึก ได้อาศัยลิฟต์เพื่อขึ้นลงอาคาร แล้วได้พบกับผู้โดยสารอีกผู้หนึ่งซึ่งดูเหมือนคนปกติ ทั้งสองได้พูดคุยกันอย่างเป็นกันเองในระหว่างการเดินทาง จนกระทั่งลิฟต์เดินทางมาถึงปลายทาง นักศึกษาพยาบาลผู้นั้นจึงได้เหลือบไปเห็นว่าที่ข้อมือของเพื่อนผู้ร่วมโดยสารลิฟต์นั้นถูกผูกด้วยเส้นด้ายสีแดง ซึ่งจะผูกไว้เฉพาะกับผู้ป่วยที่เสียชีวิตแล้วเท่านั้น และเมื่อเธอเหลือบกลับไปมองที่ใบหน้าของบุคคลคนนั้น ก็ปรากกว่าใบหน้าได้กลายเป็นซีดเซียวคล้ายศพไปเสียแล้ว

[แก้] ลิฟต์แดง

เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์ตุลาวิปโยคเมื่อปีพุทธศักราช 2519 จุดกำเนิดของเรื่องเกิดมาจากการปราบปรามการชุมนุมประท้วงของนักศึกษา โดยได้มีการระดมยิงเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำให้ผู้ที่ชุมนุมประท้วงอยู่ต่างพากันวิ่งหลบหนีไปตามส่วนต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย ซึ่งได้มีผู้ประท้วงส่วนหนึ่งวิ่งหนีเข้าไปหลบในลิฟต์ของอาคารคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี แล้วถูกยิงตายภายในลิฟต์ตัวนั้นทั้งหมด โดยเลือดของผู้เสียชีวิตได้กระจัดกระจายฉาบไปทั่ว จนลิฟต์ตัวนั้นได้รับฉายาว่าลิฟต์แดง และวิญญาณของนักศึกษาเหล่านั้นก็วนเวียนอยู่ภายในตัวลิฟต์กระทั่งถึงปัจจุบัน

ภายหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นผ่านไป ก็ได้มีเรื่องเล่าถึงนักศึกษาที่ใช้ลิฟต์ตัวนี้ในเวลาค่ำคืน ก็มักจะพบกับเหตุการณ์ประหลาด เช่น ลิฟต์หยุดในชั้นที่ไม่มีคน ได้พบกับผู้ร่วมโดยสารที่ร่างเปลี่ยนเป็นโชกไปด้วยเลือดภายในพริบตา หรือเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อถึงชั้นเป้าหมายก็จะพบกับภาพเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเหตุตุลาวิปโยคนั้น

[แก้] ป๊อก ป๊อก ครืด

เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหอพักนักศึกษาของมหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่ง แต่ไม่สามารถสรุปจากเรื่องเล่าส่วนใหญ่ได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งใด เพียงมีรายละเอียดเพิ่มเติมที่ตรงกันว่า เป็นมหาวิทยาลัยที่มิได้ตั้งอยู่ภายในเขตกรุงเทพมหานคร และควรจะได้รับการจัดตั้งมาก่อนปี พ.ศ.2530 เนื่องจากเป็นเรื่องที่ได้รับการเล่าขานมาก่อนหน้านั้น

เรื่องราวกล่าวถึงนักศึกษาหญิงในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งเกิดไม่สบายจนไม่สามารถออกไปหาซื้ออาหารรับประทานได้ เพื่อร่วมห้องพักจึงได้อาสาออกไปซื้ออาหารให้ แต่หลังจากเวลาผ่านไปเป็นเวลานาน เพื่อนร่วมห้องคนดังกล่าวก็ยังไม่กลับมา อย่างไรก็ตามด้วยอาการป่วย ทำให้นักศึกษาผู้นั้นงีบหลับไปจนกระทั่งได้ตื่นขึ้นมาในกลางดึก ก็ได้ยินเสียงประหลาดดัง ป๊อก ! ป๊อก ! ครืด ! อยู่ไกล ๆ แล้วค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้ามาจนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง จากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูห้องเบา ๆ เกิดขึ้น

แม้ว่าจะรู้สึกหวาดกลัว แต่ในที่สุดนักศึกษาคนดังกล่าวก็ตัดสินใจเดินไปเปิดประตูด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอจึงพบภาพของเพื่อนเธอที่อยู่ในสภาพไร้แขนขา (บางสำนวนว่าเหลือเพียงศีรษะ) นอนคาบถุงอาหารอยู่หน้าห้อง

รายละเอียดเพิ่มเติมของเรื่องเล่ามีว่า หอพักดังกล่าวและร้านขายอาหารนั้นมีที่ตั้งที่ห่างไกลกัน โดยเส้นทางระหว่างสถานที่ทั้งสองนั้นเป็นที่เปลี่ยว ระหว่างที่เพื่อนนักศึกษาผู้อาสาออกไปซื้ออาหารนั้นเดินทางกลับ ก็ได้ถูกคนร้ายฉุดไปข่มขืนกระทำชำเราแล้วฆ่าทิ้งโดยมีการตัดแขนขาและศีรษะ แต่เนื่องจากด้วยความเป็นห่วงเพื่อน วิญญาณของเธอจึงได้พยายามนำอาหารกลับมาส่งให้ตามสัญญา ซึ่งเนื่องจากการที่แขนขาของเธอได้ถูกตัดไป ทำให้เธอไม่สามารถเดินได้เหมือนอย่างคนปกติ จำเป็นต้องค่อยคืบคลานโดยใช้อวัยวะเท่าที่เหลืออยู่ จนทำให้เปิดเสียง ป๊อก ! ป๊อก ! ครืด ! อันเป็นที่มาของชื่อเรื่อง

[แก้] รถโดยสาร

เป็นเรื่องเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรถโดยสารคันหนึ่ง แต่รายละเอียดของเรื่องราวได้ถูกดัดแปลงไปต่าง ๆ นานา รายละเอียดของรถโดยสารคันดังกล่าวจึงถูกบรรยายในลักษณะที่ต่างกันออกไป ทั้งเป็นรถโดยสารปรับอากาศประจำทางของบริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพ รถโดยสารประจำทางของบริษัทขนส่งจำกัด หรือรถโดยสารในลักษณะอื่น แต่มีลักษณะร่วมที่ตรงกันเป็นส่วนมากคือ เป็นรถโดยสารที่มีพนักงานเก็บค่าโดยสารอยู่บนรถ อย่างไรก็ตาม รายละเอียดของรถโดยสารคันดังกล่าวจากสำนวนที่ได้รับความนิยมที่สุด จะเป็นรถโดยสารประจำทางปรับอากาศของบริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพ ซึ่งมีเส้นทางการให้บริการที่ไกลมาก ให้บริการตลอดคืน และเดินทางผ่านถนนเพชรบุรี

เรื่องราวมีอยู่ว่า ได้มีผู้โดยสารคนหนึ่ง จำเป็นต้องมารอโดยสารรถประจำทาง ณ ป้ายหยุดรถที่ไม่คุ้นเคยในเวลากลางดึก หลังจากที่นั่งรอรถประจำทางอยู่เป็นเวลานานเพียงลำพัง โดยไม่มีรถประจำทางคันอื่นผ่านมา รถประจำทางคันที่คอยอยู่ก็ได้เดินทางมาถึง ผู้โดยสารคนนั้นได้รีบเร่งขึ้นไปบนรถโดยไม่ได้สนใจในรายละเอียดภายในต่าง ๆ มากนัก แต่หลังจากขึ้นไปนั่งอยู่ภายในตัวรถพักหนึ่งก็ได้สังเกตเห็นความผิดปกติ เช่น ผู้โดยสารคนอื่นต่างนั่งตัวตรงนิ่งไม่ไหวติง พนักงานเก็บค่าโดยสารนั่งนิ่งเงียบไม่ยอมลุกขึ้นมาเก็บค่าโดยสาร เป็นต้น หลังจากโดยสารบนรถเป็นเวลานาน ผู้โดยสารคนดังกล่าวก็พบว่ารถได้เล่นไปในเส้นทางที่ตนไม่คุ้นเคย ด้วยความกังวลว่าจะโดยสารในรถผิดคัน เขาจึงได้ลุกขึ้นไปหาพนักงานขับรถเพื่อสอบถาม แต่ก็พบว่าพนักงานขับรถ พนักงานเก็บค่าบริการ รวมถึงผู้โดยสารคนอื่น ปรากฏร่องรอยบาดแผลเหวอะหวะทั่วร่าง ด้วยความตกใจเขาจึงได้กระโดดหนีออกนอกตัวรถ แล้วก็พบว่าเขาได้กลับมาอยู่ ณ ป้ายรถเมล์เดิมที่นั่งรอรถประจำทางอยู่นั่นเอง

สำหรับที่มาของเรื่องราวนั้น ส่วนหนึ่งมิได้ให้รายละเอียดไว้ แต่อีกส่วนหนึ่งได้กล่าวว่า รถโดยสารคันดังกล่าวได้อยู่ในเหตุการณ์รถบรรทุกแก๊สระเบิดที่ถนนเพชรบุรี โดยที่ผู้โดยสารและพนักงานบนรถทั้งหมดได้เสียชีวิต จากนั้นวิญญาณของพวกเขาก็วนเวียนอยู่ในรถที่เดินทางไปไม่ถึงจุดหมายคันนั้นเรื่อยมา

เรื่องเล่านี้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นเมื่อคุณอุดม แต้พาณิชได้นำมาเล่าถึงในการแสดง เดี่ยวไมโครโฟน ครั้งที่สอง ซึ่งได้ถูกดัดแปลงให้เป็นเรื่องขำขัน นอกจากนี้เรื่องเล่าดังกล่าวยังถูกดัดแปลงว่าได้เกิดขึ้นในรถโดยสารประเภทอื่น เช่น รถตู้โดยสารและรถแท็กซี่ ด้วย