หนังสืออิเล็กทรอนิกส์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Book ชื่อทางการที่เรามักจะไม่ค่อยพูดกันสำหรับกลุ่มนักคอมพิวเตอร์ หรือกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป แต่เรามักจะเรียก E-Book ตามชนิดของไฟล์ที่เราบันทึก (SAVE) หรือตามโปรแกรมที่สร้าง E-Book และส่งกันไปส่งกันมากกว่า ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยคุ้นหูกับคำว่า E-Book แล้ว E-Book จริงๆนั้นมีบัญญัติไว้ว่าอย่างไรและเป็นไฟล์ที่สร้างจากโปรแกรมอะไร


คำนิยามของ E-Book คือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ แต่หนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะมีคำขยายความต่อท้ายว่า หนังสือที่เก็บอยู่ในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์ หรือเก็บไว้อยู่ในแบบของไฟล์ โปรแกรมส่วนมากที่เราเข้าใจกันคือ หนังสือที่เก็บในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ต้องใช้กระดาษ และมีการสร้างจากคอมพิวเตอร์ และสามารถอ่านได้จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่าง คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค PDA (Palm และ PocketPC) หรือกระทั่งอ่านได้จากโทรศัพท์มือถือ

E-Book เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่จะเริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตเรามากขึ้น ด้วยความสะดวกสบายของทั้งการสร้าง E-Book คุณเองก็สร้างได้ ความสะดวกในการพกพา ขนาดที่เล็ก และสามารถอ่านได้ทุกที่ทุกเวลาที่คุณมีอุปกรณ์พกพาที่สามารถอ่าน E-Book ได้ เมื่อดูที่ E-Book คุณสามารถสร้างให้ E-Book นอกจากจะมีสีสันสวยงามเพื่อง่ายต่อการอ่าน และทำความเข้าใจแล้ว คุณยังสามารถใส่เสียง ภาพเคลื่อนไหว สร้างสารบัญ (Link) หรือการคลิ๊กเพื่อส่ง E-Mail ไปยังผู้เขียน หรือ E-Mail ใน E-Book ก็ได้

รูปแบบของไฟล์ E-Book

E-Book เป็นไฟล์ที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ แต่คำนิยามของ E-Book ไม่ได้แสดงถึงคำจำกัดความที่ลงลึกไปถึงรายละเอียดว่าสร้างจากโปรแกรมอะไร ต้องมีรูปแบบไฟล์แบบไหน ทำให้ไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน เพราะมันคือหนังสือที่เก็บอยู่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถสร้างได้จากโปรแกรมอะไรก็ที่เก็บอยู่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

เนื่องจาก E-Book จะมีลักษณะเป็นไฟล์ที่เก็บในคอมพิวเตอร์จึงไม่แปลกที่จะมี format หรือไฟล์รูปแบบนามสกุลต่างๆ ที่เป็น e-book ได้แก่ ไฟล์นามสกุล pdf, rtf, xml หรือกระทั่งไฟล์ html ที่เป็นไฟล์เว็บไซด์ในอินเตอร์เน็ต หรือไฟล์คู่มือในแผ่นซีดีรอมไดร์เวอร์ และอีกประเภทหนึ่งที่เห็นกันบ่อยคือ ไฟล์ html หรือไฟล์เว็บไซด์ในอินเตอร์เน็ตนั่นเอง

แต่ไฟล์ที่นิยมใช้กันมากๆ เป็นไฟล์ประเภท pdf และ html เพราะนอกจากจะมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ไฟล์ทั้งสองประเภทมีคุณสมบัติที่เด่นๆที่สามารถทำได้มากกว่าไฟล์รูปแบบอื่นๆ เช่น การสร้างสารบัญ การใส่ไฟล์รูปภาพ เสียง หรือวีดีโอ ดังนั้นในบทความนี้จึงจะนำเสนอการสร้าง e-book ในรูปแบบของไฟล์ทั้งสองประเภท (แต่จะพบว่าในการขายหนังสือไฟล์ e-book ในอินเตอร์เน็ตหรือทั่วๆไปจะนิยมใช้ pdf มากกว่า เพราะเราสามารถสร้างได้ง่ายกว่า สามารถใส่ password และป้องกันการก็อปปี๊ได้ดีกว่า) --203.150.30.31 07:56, 6 ธันวาคม 2006 (UTC)

ทำไมไม่ใช้ Word

หลายๆคนคงสงสัยว่าแล้ว Microsoft Word ไม่ใช่ E-Book หรือ ที่จริงหากเรานำไฟล์ Microsoft Word ไปใช้เป็น E-Book นั้นก็ทำได้แต่ไม่มีใครนิยม เนื่องจาก Word นั้นมีจุดอ่อนในการทำ E-Book หลายเรื่อง แม้ว่า Word จะสามารถใส่รหัส หรือ Password ได้ Word จะส่งให้กันอ่านได้ Word สามารถแก้ไขได้ Word สามารถบังคับไม่ให้บันทึกทับได้ (สร้างไฟล์ในแบบ Template) แต่นั้นยังไม่เพียงพอ และยังเป็นจุดอ่อนที่ไม่เหมาะเป็น E-Book อีกด้วย

จุดอ่อนเช่น Word ไม่สามารถอ่านได้จากเครื่องเล่นต่างๆอย่างแพร่หลาย ต่างจาก pdf และ html ไฟล์ของ Word มีความแตกต่างภายในของแต่ละเวอร์ชั่น เพราะมีคุณสมบัติที่พัฒนาเพิ่มแตกต่างกัน ทำให้เมื่อเปิดต่างเวอร์ชั่นจะเกิดปัญหาเด้ง (เด้งในที่นี้เป็นคำศัพท์ที่นักเขียนบทความ และนักจัดรูปแบบบทความพูดกัน หมายถึง ตัวอักษรมีความผิดปกติ เช่นไม่มีฟอนต์ที่ Word บันทึกมาในต้นฉบับ หรือแม้ว่ามีฟอนต์แต่การเปิดกับเครื่องต่างกัน เวอร์ชั่นต่างกัน ทำให้ย่อหน้าเพี้ยน ตัวหนังสือผิดไป) ปัญหาเด้ง และการเข้าไปแก้ไข ก๊อปปี๊ได้นั้นเป็นคุณสมบัติที่ไม่เหมาะต่อการเป็น E-Book E-Book อ่านได้จากอะไรบ้าง

คราวนี้เรามาดูกันว่าอะไรบ้างละที่สามารถอ่านไฟล์ E-Book กันได้บ้าง สำหรับ E-Book นั้นผมจะพูดเน้นไปทางด้านไฟล์ pdf และ html มากกว่าเพราะดูจะแพร่หลายกว่าไฟล์ E-Book ประเภทอื่นๆ

มาดูที่ html ก่อน ไฟล์ E-Book ที่เป็น html นั้นเราสามารถเปิดอ่านได้จากโปรแกรมที่ใช้ในการเล่นอินเตอร์เน็ทเป็นพื้นฐานอย่างโปรแกรมจำพวก Browser โปรแกรม Browser ได้แก่ internet Explorer, Netscape, Opera, Mozilla ฯ และไฟล์ html ยังอาจเปิดได้จากโปรแกรมอื่นๆอีก เช่น Microsoft Office เวอร์ชั่น 97 ขึ้นไป จุดนี้เองทำให้เป็นจุดเด่นของ html ยังเป็นจุดดึงดูดใจสำหรับการนำไปเป็น E-Book

เครื่องที่อ่านไฟล์ E-Book แบบ html ได้นั้นต้องเป็นแบบไหน อุปกรณ์ที่อ่าน E-Book แบบ html ได้นั้น ก็อ่านได้จากเครื่องเล่นที่มี Browser อยู่ในตัวนั่นเอง เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop PC), โน๊ตบุ๊ค (Notebook หรือ Laptop) แท็ปเลท (TabletPC) เพราะคอมพิวเตอร์มี Browser ในตัวอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังเป็นอุปกรณ์พวก PDA ทั้ง PocketPC และ Palm เพราะทั้งสองระบบนี้ที่ใช้ Windows Mobile และ Palm นั้นจะมี Browser อยู่ในตัวแล้ว (รวมถึง PDA Phone อย่าง O2 หรือ Palm Xplore M88 ) และอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่กำลังที่กำลังเป็นที่ท็อปฮิตอยู่ในขณะนี้คือ โทรศัพท์มือถือนั่นเอง แต่คงต้องเป็นรุ่นๆไป ส่วนมากโทรศัพท์มือถือที่สามารถอ่านไฟล์ E-Book ได้นั่นจะเป็นโทรศัพท์ประเภท SmartPhone หรือโทรศัพท์ที่มีระบบ ปฏิบัติการอย่าง Microsoft Mobile ใน O2 Xphone, Symbian ใน Nokia หรือ Sony-Ericsson (Nokia มีหลายรุ่นมากทั้ง 6600/7610/6670/6630/9500/9300 อีกมากมาย), Linux อย่าง Motorola E680 ในที่นี้ไม่ต้องผูกติดเฉพาะยี่ห้อที่กล่าวมาแล้วอย่างเดียว เพราะโทรศัพท์ประเภท SmartPhone สามารถอ่าน E-Book ได้นั้นเนื่องจาก SmartPhone มีระบบปฏิบัติการจึงสามารถติดตั้งโปรแกรมเข้าไปได้บางยี่ห้อบางรุ่นก็ติดตั้งโปรแกรมอ่าน E-Book มาในตัว แต่หากไม่มีคุณก็สามารถหาโปรแกรมอ่าน E-Book มาได้ ซึ่งก็มีหลายโปรแกรม และขึ้นอยู่กับแต่ละระบบปฏิบัติการ

PDF Vs Html คำถามนี้ผมว่าหลายๆท่านคงสนใจว่าแล้ว PDF กับ Html อย่างไหนดีกว่ากัน ในทัศนคติผมมองว่าหากเป็น E-Book แท้ๆ PDF จะมีคุณสมบัติของหนังสือมากกว่า เนื่องจาก E-Book ที่สร้างในแบบ PDF นั้น จะไม่มีอาการเลื่อนของหน้าต่าง คือ ไฟล์ E-Book จะถูกกำหนดมาชัดเชนเป็นลักษณะแผ่นๆคล้ายกระดาษ ผู้สร้าง E-Book สามารถกำหนดได้ว่าต้องการให้แต่ละหน้าของ E-Book มีขนาดเท่าใด เช่น A4, A3, Letter หรือจะกำหนดเป็นความละเอียดหน้าจอเพื่อใช้ในการ Presentation ได้ ด้าน Html จะเน้นการสร้าง E-Book เพื่ออ่านในอินเตอร์เน็ตมากกว่า โดยหน้าต่างการแสดงผลส่วนมากจะกำหนดเป็นความละเอียดหน้าจอ เช่น 1024x768 Pixel ดังนั้นหากไปเปิดที่คอมพิวเตอร์ที่ใช้ความละเอียดไม่ตรงตามนี้อาจจะมีการเลื่อนไปมาของหน้าต่าง (Scroll) ผู้เขียนบางท่านอาจอนุญาตให้มีการตัดคำได้ ตัวอักษรก็จะตัดคำให้พอหน้าต่างที่แสดงผล เกิดความไม่แน่นอนโดยเฉพาะกรณีที่ไม่มีรูปอยู่ด้วย

ด้านสิทธิ์ในการเข้าไปอ่าน หรือก๊อปปี๊ไฟล์ E-Book นั้นการสร้างด้วยลักษณะ PDF นั้นสามารถกำหนดได้ และค่อนข้างง่ายกว่าการป้องกันการเข้าอ่าน และก๊อปปี๊ไฟล์ E-Book ที่สร้างในลักษณะ Html

การเก็บไฟล์ และส่งต่อ PDF นั้นก็มีจุดดีกว่าเพราะเป็นไฟล์เพียงไฟล์เดียว ซึ่งในไฟล์ก็จะบรรจุทุกอย่าง ต่างจาก Html ที่เวลาเก็บนั้นนอกจากจะมีไฟล์ html แล้วยังต้องมีโฟลเดอร์ของไฟล์เพื่อเก็บรูป

ดังนั้นความนิยมการสร้าง E-book จึงถูกฟันธงไปใช้ในรูปแบบของ PDF มากกว่า Html โดยเฉพาะเชิงการค้า PDF จะถูกนำมาใช้เป็นมาตรฐานมากกว่า--จอม 00:33, 8 ธันวาคม 2006 (UTC)

อ่านได้ยังไง

การอ่านไฟล์ทั้ง PDF และ Html นั้น สามารถอ่าน และส่งต่อกันได้โดยการก๊อปปี๊ไปเก็บไว้ยังอุปกรณ์ที่สนับสนุนอย่างคอมพิวเตอร์ PocketPC, Palm หรือโทรศัพท์มือถือ และปิดอ่าน อีกหนึ่งวิธีคือ การอ่านโดยผ่านอินเตอร์เน็ท ในหลายๆเว็พไซด์ก็มีให้บริการตรงนี้แต่กรณีของไฟล์ PDF นั้นจะต้องมีโปรแกรม Acrobat Reader เพื่อใช้ในการเปิดอ่าน (สามารถดาวโหลดมาใช้ได้ฟรีที่เว็พไซด์ www.adobe.com) และอีกหนึ่งช่องทางที่กำลังได้รับความนิยมคือ การอ่านจากโทรศัพท์มือถือ หรือ PDA Phone ที่สามารถติดต่อผ่าน GPRA ของผู้ให้บริการทั้ง AIS, DTAC, Orange และ Hutch เราสามารถเข้าไปท่องเว็พไซด์ และอ่านหนังสือ หรือข่าวต่างๆได้ทันที ในกรณีไฟล์ที่เป็น PDF อาจต้องมีการดาวโหลดมาเก็บไว้ที่เครื่อง และใช้โปรแกรมอย่าง Acrobat Reader ปิดอ่าน ซึ่งก็มีให้ดาวโหลดฟรีเช่นเดิมทั้งในระบบปฏิบัติการ Windows, PocketPC, Palm และ Symbian

โปรแกรมสร้างไฟล์ E-Book

การสร้าง E-Book นั้นเราสามารถสร้างได้จากหลายโปรแกรมในที่นี้อยากจะเน้นไปทางการสร้าง E-Book ในแนวทางของ PDF จะดีกว่าเพราะเป็นที่นิยม และแพร่หลายมากกว่า ที่สำคัญก็สามารถนำไปใช้เชิงพาณิชย์ในกรณีค้าขายได้ โปรแกรมการสร้าง E-Book นั้นมีอยู่ 2 ส่วนที่สำคัญคือ โปรแกรมที่ใช้ในการทำไฟล์อักษร และโปรแกรมที่ใช้ในการแปลงให้อยู่ในรูปแบบของ PDF

1. โปรแกรมที่เราใช้ในการสร้างวัตถุดิบ หลายท่านอาจงง โปรแกรมประเภทนี้ ก็ยกตัวอย่างเช่น โปรแกรม Microsoft Word หรือ Power Point เพื่อสร้างไฟล์งานขึ้นมาก่อน ซึ่งคุณอาจนำไฟล์ที่มีอยู่แล้วมาเปิด และสร้างเป็น PDF ก็ได้ นอกจากโปรแกรม Word และ Excel แล้วยังมีอีกหลายโปรแกรมที่พวกมืออาชีพใช้อย่าง Adobe Pagemaker, Indesign พวกนั้นอาจมีขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่า เอาเป็นว่าถ้าเป็นมือใหม่แนะนำว่าใช้พื้นอย่าง Word และ PowerPoint แล้วค่อยๆไปใช้อย่างอื่น

2. โปรแกรมที่ใช้แปลงไฟล์ในข้อ 1 มาอยู่ในแบบ PDF นั้นอันที่จริงหากลองไปค้น โดยพิมพ์คำว่า Cover to pdf ในอินเตอร์เน็ทมีเยอะครับ แต่ขอแนะนำเอาที่นิยมกันมากโดยเฉพาะในวงการสิ่งพิมพ์บ้านเราก็ Adobe Acrobat เพราะเป็นต้นฉบับส่วนโปรแกรมอื่นๆก็มีอีกทั้งฟรี และคิดเงิน (ส่วน Adobe Acrobat นั้นเป็นโปรแกรมคิดเงินนะครับ ) ส่วนโปรแกรมอื่นที่ใช้งานง่ายๆก็มีแต่ไม่ดังเท่า เช่น ของข่ายที่เคยเป็นอดีตคู่แข่งอย่าง Macromedia ก็ส่ง FlashPaper2 ออกมา

แต่ที่แนะนำ Adobe Acrobat นั้นเพราะเป็นโปรแกรมที่นอกจากจะสร้างไฟล์ PDF ได้แล้วนั้น เมื่อแปลงเป็นไฟล์ PDF แล้ว (หรือมีไฟล์ PDF ที่อนุญาตให้แก้ไขได้) เราสามารถแก้ไขไฟล์ PDF ได้โดย Adobe Acrobat Professional ประกอบไปด้วย Adobe Acrobat และ Acrobat Distiller--จอม 06:13, 12 ธันวาคม 2006 (UTC)

Adobe Acrobat เป็นโปรแกรมแก้ไข เพิ่มลูกเล่น เช่น ภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหวให้กับไฟล์ PDF ทำได้แม้กระทั่งนำไฟล์ PDF มาเรียงต่อกันเป็นไฟล์เดียว คล้ายเย็บแม็กรวมเล่ม หรือฉีกแยกเล่มก็ได้

Acrobat Distiller นั้นเป็นโปรแกรมที่ใช้ในการแปลงไฟล์ต่างๆให้อยู่ในรูปแบบ PDF ผู้ใช้สามารถเลือกความคมชัด ความละเอียดของหนังสือในไฟล์ได้ เช่น หากต้องการไฟล์ PDF ที่มีขนาดเล็กก็สามารถสั่งให้บีบเพื่อย่นขนาดของไฟล์ให้เล็กลง แต่รูปก็จะคมชัดน้อยกว่าไม่บีบ

ใน Adobe Acrobat ในเวอร์ชั่นใหม่ๆยังมีความสามารถในการเข้าไปฝังตัวในโปรแกรมงานต่างๆได้ทั้ง Word, Excel, PowerPoint, Publisher หรือ Access กระทั่ง Internet Explorer ได้ ซึ่งจะมีปุ่มให้คลิ๊กเพื่อแปลงไฟล์ที่เปิดอยู่ให้เป็นไฟล์ PDF (Adobe Acrobat ที่ทำได้จะเป็นเวอร์ชั่น 6.0, 7.0 และ 8.0 ซึ่งใช้ได้เฉพาะ WindowsXp/ 2000 เท่านั้น แต่ไม่ต้องตกใจสำหรับผู้ใช้ Window98se/ ME เพราะในเวอร์ชั่น 3.0-5.0 สามารถใช้งานได้ อาจไม่ง่ายเท่าแต่รับรองว่าไม่ยากไปครับ)

มีคนถามว่าเราสามารถบันทึกเฉพาะไฟล์รูปในสกุล PDF ได้ไหม ตอบว่าได้ครับ เราสามารถสร้างอัลบั้มรูปในแบบคล้ายหนังสือในสไตล์ PDF ได้ ก็ PDF มันคือ E-Book นี่ครับ

โปรแกรมที่ใช้ในการอ่าน

บอกแต่วิธีทำไม่บอกวิธีอ่านไม่ได้ ไฟล์ PDF ผมแนะนำให้อ่านโดยโปรแกรม Adobe Acrobat Reader จะดีกว่า เนื่องจากภายในมีฟังก์ชั่นที่ทำให้อ่านได้สะดวก ทั้งซูมเข้าไปดู เลื่อนหน้า การแสดงผล เลือกรูปภายในมาใช้ได้ ค้นหาคำได้ เรียกว่าสะดวกกว่าทุกๆโปรแกรม

E-Book Vs. Book

สุดท้ายคงเป็นเรื่องของการที่เราจะหันไปใช้ E-Book กันเต็มตัวหรือยัง ในโลกที่หมุนเปลี่ยนไป E-Book กำลังเริ่มมามีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าวันนี้อาจยังไม่เห็นชัดเจนนัก และอีกส่วนหนึ่งคือ ความเคยชินของนักอ่านที่ยังคงติดกับหนังสือที่ได้เปิดเป็นหน้าๆ แต่ในอีกไม่นานข้อดีของ E-Book ก็จะมาพร้อมกับ Generation ของคนยุคถัดไปที่สงวนเรื่องธรรมชาติที่ต้องตัดไม่มาทำกระดาษ และ E-Book ก็สามารถพกพาไปอ่านได้ทุกที่ ไม่แคร์แม้แสงมากหรือน้อย เพราะอุปกรณ์ E-Book มักมีแสง Backlight ของตัวเอง E-Book ยังทำให้อ่าน หรือทำความเข้าใจเป็นเรื่องง่ายกว่าหนังสือ ทั้งด้านภาพ เสียง สีสัน และภาพเคลื่อนไหว E-Book จึงเป็นสื่อที่ง่ายต่อความเข้าถึงของความเข้าใจได้ดีกว่า--จอม 08:35, 13 ธันวาคม 2006 (UTC)