ทัศนศิลป์และการออกแบบ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

การออกแบบ เป็นกิจกรรมการสร้างสรรค์ทางศิลปะอย่างหนึ่ง ของมนุษย์ชาติ ซึ่งมีประวัติ ความเป็นมาและวิวัฒนาการที่ควบคู่ กันมากับมนุษย์โดยตลอด เป็นศาสตร์สาขาหนึ่งของศิลปะที่มนุษย์ ทุกคนจะต้องรู้จักและสัมผัสกับผลงานการออกแบบอยู่ตลอดเวลา ในชีวิตและประสบการณ์ประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใดก็ตาม เพราะ การออกแบบนั้นก็คือความเพียรพยายามของมนุษย์ในอันที่จะนำเอาทรัพยากรต่างๆ ในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาดัดแปลงขึ้นเป็นสิ่งที่จะเอื้ออำนวย ความสะดวกสบาย และเกิดคุณประโยชน์เกิดคุณค่าต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์สนองตัญหาความอยาก (Needs) ของมนุษย์ในที่สุดนั่นเอง

[แก้] การออกแบบในยุคโบราณและยุคประวัติศาสตร์

เริ่มปรากฏมีมาตั้งแต่เมื่อมนุษย์รู้จักดัดแปลงเครื่องใช้ไม้สอย เพื่อใช้ประกอบการดำรงชีพ เช่น เครื่องมือล่าสัตว์ เครื่องมือหาอาหาร เช่น ขวาน หิน ถ้วยชาม อาวุธต่างๆ การดัดแปลงธรรมชาติเพื่อการ อยู่อาศัยจากต้นไม้เข้าไปอยู่ในถ้ำ หรือการสร้างบ้านอยู่เป็นกลุ่มๆ เป็นต้น โดยมีหลักฐานปรากฏมาตั้งแต่ประมาณ 10,000 B.C. และ 20,000 B.C. คือ มนุษย์โครมันยอง (Cro-Magnon) เป็นมนุษย์ที่รู้จักถ่ายทอดประสบการณ์จากธรรมชาติและรู้จักดัดแปลงการดำรงชีวิตของตน ด้วยการ สร้างเครื่องใช้ ไม้สอยขึ้นเพื่อการอำนวยความสะดวกให้แก่ชีวิต Kenneth Oakley ได้กล่าวในหนังสือ Man The Toolmaker ว่ามนุษย์เป็นสัตว์ชนิดแรก ที่รู้จักการสร้าง เครื่องมือง่ายๆเบื้องต้นจากวัสดุในธรรมชาติเช่น หิน, กระดูก, ไม้, และอื่นๆที่อยู่ รอบกาย สิ่งนี้เองจึงเป็นสัญลักษณ์แรกที่ยืนยันเป็นหลักฐานว่ามนุษย์เริ่มรู้จักการ ทำงานด้านการออกแบบ การออกแบบจึงเริ่มมีวิวัฒนาการตั้งแต่นั้นมา

มนุษย์โครมันยองรู้จักดัดแปลงการดำรงชีวิตของตน ด้วยการ สร้างเครื่องใช้ ไม้สอยขึ้นเพื่อการอำนวยความสะดวกให้แก่ชีวิต ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นของงานออกแบบ

Friedrich Klemn กล่าวไว้ในหนังสือ A History of Western Technology ว่ามนุษย์ในสมัยโบราณ มีชีวิตและการดำรงชีพอยู่ในโลกของความเชื่อถือต่างๆ ระหว่างวัตถุกับจินตนาการ ระหว่างเรื่องราว กับสัญชาติญาณโดยกำเนิด ดังนั้น สัญญลักษณ์และวัตถุจึงถูกกำหนดขึ้นเป็นสิ่งแทนความนับถือ ที่มีความหมายรวมถึง โลกปัจจุบันและโลกหน้า การออกแบบจึงมีความหมายและสร้างขึ้นเพื่อวัตถุ ประสงค์ด้านความเชื่อนี้ด้วยความเชื่ออีกอย่างหนึ่ง ซึ่งกลายมาเป็นวิถีการดำรงชีวิตก็คือ ความเชื่อที่ว่า มนุษย์เป็นส่วนประกอบหนึ่งของธรรมชาติ ดังนั้นการกระทำใดๆจึงต้องมีลักษณะผสมกลมกลืนไป กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยความเชื่อและวิถีชีวิตของคนโบราณ จึงมีอิทธิพลและได้รับการพัฒนาในสมัยต่อมา โดยเฉพาะ ในสมัยของอียิปต์โบราณยิ่งเห็นได้ชัดว่าการออกแบบ มีลักษณะตามความเชื่อถือที่เกี่ยวข้องกับ ชีวิตในโลกนี้และโลกหน้า (Life After Death) ดังจะเห็นได้จากการพัฒนาการออกแบบสุสานของฟาโรห์ หรือที่เรียกว่า พีระมิด ซึ่งพัฒนามาจาก Mastabas คือสุสานแบบขั้นบันได สู่การสร้างเป็นรูปเหลี่ยม ปิรามิดกลางแจ้งและ Rock Cut Tombs คือการเจาะหน้าผา ในที่สุดจะเห็นว่าการออกแบบมีลักษณะ ใหญ่โตมีความคงทน และแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการในรูปแบบต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กับสภาพ ของสังคมในแต่ละยุคสมัยมากขึ้นตามลำดับ ดังนั้นลักษณะของงานออกแบบสมัยต่อมา ในยุคประวัติศาสตร์จึงขยายสาขา เพื่อสนองความต้องการของสังคมที่กว้างออกไป งานออกแบบจึงเป็นสิ่งแฝง อยู่ตามงานช่างทั่วๆ ไป (Craft Manship) เช่นงานทางด้าน ช่างหัตถกรรมและงานทางด้านช่างศิลป์ งานออกแบบทางหัตถกรรมหรือออกแบบประยุกต์ ซึ่งเป็นงานออกแบบประเภทแรกที่เห็นชัดในช่วง สมัยของอียิปต์ คือมีคุณค่าทางศิลปะและคุณค่าทางการใช้สอย และนับเป็นจุดเริ่มต้นแบ่งการสร้างสรรค์ผลงาน ในแนวที่กว้างขวางขึ้น ค้นพบความก้าวหน้าทางวิทยาการต่างๆ มากขึ้นในสมัยต่อมา จนถึงปัจจุบัน ก.พ.

[แก้] การออกแบบก่อนสมัยการปฏิวัติอุตสาหกรรม

ผลจาการนับถือในความเชื่อและสิ่งลี้ลับต่างๆ ของมวลมนุษย์ในแต่ละยุคสมัยต่างๆ ตั้งแต่ โบราณมา และในที่สุดก็ก่อสร้างเป็นตัวตนขึ้น ในลักษณะรูปแบบที่เรียกว่าศาสนา ศาสนาจึงเป็นสิ่ง ที่มีอิทธิพล ต่อมนุษย์ในพฤติกรรมในทุกๆ ด้าน และศาสนาที่มีอิทธิพลต่อวงการศิลปกรรมมาก ที่สุดก็คือคริสตศาสนา ผลที่ปรากฎเป็นหลักฐานชัดเจนว่า ศิลปกรรมอยู่ใต้อาณัติและเป็นไป เพื่อรับใช้ ศาสนา ก็คือรูปแบบศิลปกรรม, ในสมัย Byzantine, Romanesque, และ Gothic หรือที่เรียกว่ายุคกลาง (The Middle Ages)

การออกแบบและศิลปกรรมในช่วงสมัยรับใช้ศาสนานี้จึงมีข้อกำหนด และขีดจำกัดมากมาย ใต้คณะผู้ปกครอง ศาสนาจึงทำให้วงการศิลปกรรมทุกแขนงซบเซาลงเป็นอันมาก เป็นยุคมืดของ วิทยาการทุกแขนง (The Dark Ages) แต่ผลจากการรับใช้ศาสนานี้ทำให้เกิดรูปแบบ (Styles) ทางศิลปกรรม ขึ้นเฉพาะนั่นคือ Gothic Styleเหตุนี้จึงทำให้การออกแบบเป็นไปในแนวเดียวกัน กับผลงานด้านศิลปะ เฉพาะด้วย เพื่อเป็นการตกแต่งศาสนาให้มีความกลมกลืนกันทั้งหมด ไม่ว่าเป็นการออกแบบ เฟอร์นิเจอร์ งานหัตถกรรม งานเครื่องปั้นดินเผา เครื่องประดับตกแต่งต่างๆ และที่มีชื่อเสียงมากในยุค สมัยนี้ คืองานออกแบบทางด้านประดับกระจก (Stained-Glass) และงาน Mosaic อื่นๆ ตลอดจนการออกแบบลวดลายตกแต่ง (Ornament ) ต่างๆ ด้วย

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น


บทความนี้ นำข้อความบางส่วนมาจากเว็บไซต์หรือสื่ออื่น http://www.tinnabutr.com/ ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์หรือสื่อดังกล่าว อนุญาตให้เผยแพร่ต่อได้ โดยไม่สงวนลิขสิทธิ์