โอมาร์ ซิวอรี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เอ็นริเก้ โอมาร์ ซิวอรี่ (2 ตุลาคม 1935 - 17 กุมภาพันธ์, 2005) เป็นกองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ แฟนบอลเรียนเขาว่า "El Cabezón" หรือเจ้าหัวโต เมื่ออายุ 17 ปี ซิวอรี่ได้กลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพแล้ว โดยเขาเล่นให้กับทีมริเวอร์ เพลทเป็นทีมแรก [1] เขาได้แชมป์ฟุตบอลลีกของอาร์เจนติน่าร่วมกับริเวอร์ เพลทในปี 1955 และ 1956ด้วย
สารบัญ |
[แก้] ทีมชาติอาร์เจนติน่า
ซิวอรี่ติดทีมชาติอาร์เจนติน่า 18 ครั้ง ทำได้ทั้งหมด 9 ประตู[2] เขาช่วยให้ทีมชาติอาร์เจนติน่าได้แชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติ อเมริกาใต้ในปี 1957 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงลิม่า เมื่อหลวงของประเทศเปรู ทีมชุดนั้นมีกองหน้าฝีเท้าดีหาตัวจับยากมากมาย นอกจากซิวอรี่แล้วยังมี คอร์แบตต้า, มาสโช่, อังเจลิลโล่ และครูซ พวกเขาได้รับฉายาว่า "caras sucias" ซึ่งถ้าแปลตรงๆตามตัวอักษรในภาษาสเปนจะแปลว่า พวกหน้าสกปรก(dirty faces) แต่ที่จริงนั้นแฟนบอลตั้งในให้มีความหมายล้อเลียนตลกๆ เพราะตอนที่พวกเขาลงเล่นนั้นน่าตลก เลอะเทอะเหมือนเด็กซนๆ
[แก้] ประวัติอาชีพ
ยูเวนตุสยอมจ่ายเงิน 10 ล้านเปโซ(อาร์เจนติน่า)แลกกับตัวซิวอรี่มาอยู่กับทีมในปี 1957 ระหว่างเล่นให้กับยูเวนตุส เขาพาทีมประสบความสำเร็จมากมาย โดยได้แชมป์ลีกสูงสุดของอิตาลีที่เรียกว่า ลีก แชมเปี้ยนชิพ(หรือกัลโช่ เซเรีย อาปัจจุบัน) 3 ครั้ง คือในปี 1958, 1960 และ 1961 นอกจากนี้ยังได้แชมป์อิตาเลียน คัพอีก 2 ครั้งในปี 1959 และ 1960 ซิวอรี่เล่นให้กับยูเวนตุสจนถึงปี 1965 รวมแล้วเขาลงเล่นให้ยูเวนตุสทั้งสิ้น 253 นัด ยิงได้ถึง 167 ประตู มากเป็นอันดับ 4 ตลอดกาลของสโมสรอีกด้วย[2] หลังจากเล่นให้กับยูเวนตุสเกือบ 10 ปี เขาก็เซ็นสัญญาย้ายไปอยู่กับนาโปลี และช่วยนาโปลีได้อันดับสองในลีกถึง 2 ครั้งอีกด้วย เขาอำลาสนามในปี 1969 และเดินทางกลับบ้านเกิด จากนั้นหวนคืนสนามอีกครั้งในฐานะโค้ชทีมริเวอร์ เพลท, โรซาริโอ เซ็นทรัล, เอสตูดิอันเตส เดอ ลา พลาต้า, เบเลซ ซาร์สฟิลลด์ และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งโค้ชทีมชาติอาร์เจนติน่าในปี 1974
[แก้] ทีมชาติอิตาลี
หลังจากได้ย้ายมาค้าแข้งในอิตาลีแล้ว ซิวอรี่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนติน่าจากรัฐบาลของอาร์เจนติน่าเอง เขาเปลี่ยนมาเล่นให้กับทีมชาติอิตาลีแทน โดยลงสนามในนามทีมชาติอิตาลีนัดแรกในเดือนเมษายน 1961 รวมแล้วเข้ายิงให้ทีมชาติอิตาลี 8 ลูก จากการลงเล่นเพียง 9 นัด[2]
[แก้] รางวัล
ซิวอรี่ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป(Ballon d'or)ในปี 1961 นอกจากนี้ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 125นักเตะที่ดีที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ เช่นเดียวกับนักเตะอย่างเปเล่เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของฟีฟ่าในเดือนมีนาคม 2004 อีกด้วย น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตลงเมื่อปี 2005 ด้วยโรคมะเร็งตับในวัย 69 ปี
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
ทีมชาติอิตาลี ชุดฟุตบอลโลก1962 | ![]() |
1บุฟฟ่อน | 2โลซี่ | 3ลาดิเซ่ | 4ซัลวาดอเร่ | 5มัลดินี่ | 6ตราปัตโตนี่ | 7โมร่า | 8มาสโช่ | 9อัลตาฟินี่ | 10ซิวอรี | 11เมนิเชลลี่ | 12มัตเทรล | 13อัลแบร์โตซี่ | 14ริเวร่า | 15ซอร์มานี่ | 16โรบอตติ | 17เอซิโอ ปัสคุตติ | 18ดาวิด | 19ยานิช | 20ตัมบุรุส | 21แฟร์รินี่ | 22บัลกาเรลลี่ | ผู้จัดการทีม:มาซซ่า/แฟร์รารี่ | |
หมวดหมู่: 1935 births | 2005 deaths | Argentine Italians | Argentine footballers | River Plate footballers | Argentine football managers | River Plate managers | Estudiantes de La Plata managers | Pancreatic cancer deaths | European Footballers of the Year | FIFA 100 | FIFA World Cup 1962 players | Italian footballers | Italy international footballers | Juventus F.C. players | S.S.C. Napoli players | Serie A players