Cornea Vertex Distance

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บทความนี้มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษ เนื่องจากยังไม่มีชื่อภาษาไทยที่กระชับหรือเหมาะสม ไม่รู้วิธีอ่านในภาษาไทย หรือต้องการคงชื่อเฉพาะไว้ตามต้นฉบับ
บทความนี้ต้องการ จัดรูปแบบ จัดหน้า แบ่งหัวข้อ จัดลิงก์ภายใน
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นจัดหน้าให้เหมาะสม แบ่งหัวข้อ ทำลิงก์ภายในสำหรับคำสำคัญ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การแก้ไขหน้า การแก้ไขหน้าพื้นฐาน และ นโยบายวิกิพีเดีย


Cornea Vertex Distance (CVD) หมายถึง ระยะห่างจากด้านหลังของเลนส์แว่นตา ถึงกระจกตา ในการประกอบแว่นตาโพรเกรสซีฟ จะต้องปรับแต่ง Cornea Vertex Distance ( CVD ) ให้ได้ระยะห่าง ตามค่าที่เลนส์โพรเกรสซีฟแต่ละรุ่นถูกออกแบบมา

เลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าทั่วไป ถูกออกแบบมาให้รองรับค่าพารามิเตอร์ 4 ค่า ดังต่อไปนี้

1. หน้าแว่น 5 องศา ( Face Form Angle เรียกชื่อย่อว่า FFA )

2. ระยะห่างจากกระจกตา ถึง เลนส์แว่นตา 13 mm ( Cornea Vertex Distance เรียกชื่อย่อว่า CVD )

3. P.D. 64 mm R 32 mm / L 32 mm

4. มุมก้มเงย 7 องศา ( Pantoscopic Tilt Angle เรียกชื่อย่อว่า PTA )

หากค่าพารามิเตอร์ไม่ตรงตามที่เลนส์ถูกออกแบบมา จะทำให้พื้นที่การใช้งานแคบลง การบิดเบือนด้านข้างเพิ่มขึ้น ปรับตัวยาก ใส่ไม่สบาย และในหลายกรณี อาจส่งผลร้ายแรงถึงขนาดไม่สามารถใช้งานได้เลย

ความคลาดเคลื่อนของค่าพารามิเตอร์ ในการประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟ

• FFA ค่ามาตรฐาน 5 องศา คลาดเคลื่อนได้ ไม่เกิน + / - 2 องศา

• CVD ค่ามาตรฐาน 13 mm เกณฑ์พิจารณาขึ้นอยู่กับความยาวคอริดอร์ของเลนส์โพรเกรสซีฟแต่ละรุ่น

o Short Corridor ค่า CVD 10 mm – 13 mm หากค่า CVD เกิน 13 mm ระยะกลางจะใช้ไม่ได้เลย

o Semi-Short Corridor ค่า CVD 13 mm – 14 mm เช่น Discovery Xtra , Freedom 13

o Medium Corridor ค่า CVD 13 – 15 mm เช่น Discovery , Freedom 15 , Progressiv AT

o Standard Corridor ค่า CVD 13 – 16 mm เช่น Supra Pro , Hoyalux GP


• PTA ค่ามาตรฐาน 7 องศา คลาดเคลื่อนได้ไม่เกิน + / - 4 องศา

• P.D. ค่ามาตรฐาน 64 mm

o P.D. น้อยกว่า 64 mm ประกอบคลาดเคลื่อนไปทางกว้าง เป็นผลดีกว่าคลาดเคลื่อนไปทางแคบ

o P.D. มากกว่า 64 mm ประกอบคลาดเคลื่อนไปทางแคบ เป็นผลดีกว่าคลาดเคลื่อนไปทางกว้าง


ดังนั้น ในการประกอบเลนส์โพรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า จึงต้องปรับแต่งค่าพารามิเตอร์ของกรอบแว่นให้ได้มาตรฐาน ปัญหาคือผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ยังขาดความชำนาญในการวัดค่าพารามิเตอร์ และ การปรับแต่งกรอบแว่นให้ได้ค่าพารามิเตอร์ตามที่เลนส์ถูกออกแบบมา


วิธีการวัดค่าพารามิเตอร์ มี 4 วิธี

1. กะโดยประมาณด้วยสายตา : วิธีนี้อาศัยความชำนาญ และความสามารถเฉพาะบุคคล มีข้อดีคือสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องมือ แต่มีข้อเสีย คือ ผิดพลาดได้ง่าย ถ่ายทอดฝึกสอนคนอื่นได้ยาก

2. วัดด้วยไม้พีดี คู่กับแผ่นวัด FFA : วิธีนี้ ต้องใช้ไม้พีดีที่มีเส้นวัดองศา PTA มีข้อดีคือ สะดวก รวดเร็ว ลงทุนน้อย ให้ความแม่นยำพอสมควร ถ่ายทอดและฝึกสอนคนอื่นได้ง่าย

3. วัดด้วยเครื่องมือพิเศษ Rodenstock Parameter Ruler : วิธีนี้ สะดวก รวดเร็ว แม่นยำ ดูน่าประทับใจ ถ่ายทอดและฝึกสอนคนอื่นได้ง่าย แต่มีข้อเสียคือต้องลงทุนซื้อเครื่องมือหลายพันบาท

4. วัดด้วยเครื่องมือพิเศษ Rodenstock ImpressionIST : วิธีนี้ สะดวก รวดเร็ว แม่นยำ สร้างความประทับใจได้อย่างสูงสุด และสามารถบันทึกข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์สมบูรณ์แบบ แต่มีข้อเสียคือต้องลงทุนสูงถึง หนึ่งล้านสองแสนบาท จึงเหมาะสำหรับร้านแว่นที่ต้องการขายเลนส์โพรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์ให้กับลูกค้ารายเดียว คราวละหลายคู่