ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
![]() |
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นจัดหน้าให้เหมาะสม แบ่งหัวข้อ ทำลิงก์ภายในสำหรับคำสำคัญ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การแก้ไขหน้า การแก้ไขหน้าพื้นฐาน และ นโยบายวิกิพีเดีย |
ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตั้งขั้นเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2498 เดิมชื่อ ศูนย์กลางอบรมการศึกษาผู้ใหญ่จังหวัดอุบลราชธานี มีชื่อย่อว่า ศ.อ.ศ.อ. เป็นหน่วยงานการศึกษานอกโรงเรียนในระดับภาค ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอุบลราชธานี อยู่ที่เลขที่ 415 ถนนชยางกูร ตำบลในเมื่อง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี มีอาณาเขต ดังนี้
- ทิศตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ติดกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
- ทิศตะวันออก ติดกับ โรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี และ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจังหวัดอุบลราชธานี
- ทิศตะวันตก ติดกับ โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธ์
- ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดกับ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน อุบลราชธานี
ปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์การศึกษานอกโรงงเรียนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ"ศ.อ.ศ.อ." (ศนอ.) จังหวัดอุบลราชธานี เป็นสถานศึกษาสังกัด สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน โดยมี นายจรูญพงษ์ จีระมะกร เป็นผู้อำนวยการสถานศึกษา และนายทรงเดช โคตรสิน เป็นรองผู้อำนวยการสถานศึกษา ซึ่งมีโครงสร้างการบริหารงานดังนี้ 1 กลุ่มอำนวยการ 2 กลุ่มวิจัยและพัฒนาวิชาการ 3 กลุ่มการศึกษาทางไกล 4 กลุ่มวิทยุและโทรทัศน์ 5 งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ประวัติ ความเป็นมา
[แก้] จาก "ศ.อ.ศ.อ." ถึง "ศนอ."
บทความนี้ อ้างอิงมาจากหนังสือ ศ.อ.ศ.อ. 50 ปี ศนอ.[1]
ชื่อเดิมของ ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ ศูนย์กลางอบรมการศึกษาผู้ใหญ่จังหวัดอุบลราชธานีโดยมีชื่อย่อว่า ศ.อ.ศ.อ. หรือชื่อย่อเป็นภาษาอังกฤษ คือ TUFEC ซึ่งย่อมาจากคำเต็มว่า Thailand UNESCO Fundamental Education Centre นับเป็นสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง อยู่ในความดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ
ศ.อ.ศ.อ. ตั้งขึ้นตามมติที่ประชุมใหญ่ของ UNESCO ครั้งที่ 6 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศษ เมื่อ พ.ศ. 2494 ที่มีบรรดาประเทศที่เป็นสมาชิก 64 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย (ม.ล.ปิ่น มาลากุล ปลัดกระทรวงศึกษาธิการสมัยนั้น เป็นหัวหน้าผู้แทนไทย) วึ่งมีมติเอกฉันท์ ให้ตั้งศูนย์กลางการศึกษาหลักมูลฐานขึ้นประจำภูมิภาต่างๆ ทั่วโลกขึ้น 6 แห่ง แต่สามารถสร้างได้เพียง 3 แห่ง
คำว่า ศ.อ.ศ.อ ย่อมาจากคำเต็มว่า " ศูนย์กลางอบรมการศึกษาผู้ใหญ่ จังหวัดอุบลราชธานี"
- ศ ตัวแรก ย่อมาจากคำว่า "ศูนย์กลาง"
- อ ตัวแรก ย่อมาจากคำว่า "อบรม"
- ศ ตัวหลัง ย่อมาจากคำว่า "การศึกษาผู้ใหญ่"
- อ ตัวหลัง ย่อมาจากคำว่า "จังหวัดอุบลราชธานี"
อักษรย่อเป็นภาษาอังกฤษว่า "TUFEC" ย่อมาจากคำเต็มว่า Thailand Unesco Fnndamental Edocation Centre สังกัดกองการศึกษาผู้ใหญ่ กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ สถาบันการศึกษาแห่งนี้มุ่งถึงการศึกษาและมูลสารศึกษา ( Fandamental Education ) มูลสารศึกษาเป็นรูปแบบหนึ่งของการศึกษาเบื้องต้น ที่จะช่วยให้การศึกษาทั่วๆไป แก่เด็กและผู้ใหญ่ให้มีความรู้ความสามารถที่จะประกอบอาชีพเพื่อยกระดับฐานะตลอดจนช่วยให้ประชาชนเข้าถึงปัญหาชุมชุน สามารถปลุกให้ชาวบ้านรู้จักและคำนึงถึงสิทธิหน้าที่ ของตนเองเมื่ออยู่ร่วมกันโดยสันติสุขในสังคม
กำเนิด ศ.อ.ศ.อ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง องค์การสหประชาชาติ ได้สำรวจดูประชาชนที่ยังไม่รู้หนังสือทั่วโลก ปรากฎว่ามีมากถึง 1,200 ล้านคน UNESCO ได้พิจารณาเห็นว่าการให้การศึกษาผู้ใหญ่ ประเภทหลักมูลสารการศึกษานี้จะช่วยให้ประชาชนได้รับการศึกษาและมีความรู้พอสมควรในอันที่จะยกระดับฐานะ การครองชีวิตในด้านการประกอบอาชีพ การอนามัย การเกษตร การอุตสาหกรรม การขจัดปัดเป่าปัญหาต่างๆ เพื่อให้มีชีวิตร่วมอยู่ด้วยกันในสังคมด้วยดี
ในปี พ.ศ. 2491 องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม ได้เริ่มการดำเนินงาน ฝึกเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับมูลสารศึกษา โดยส่งผู้เชี่ยวชาญไปช่วยประเทศเฮติ จัดตั้งศูนย์กลางมูลสารศึกษษแห่งชาติ และได้รับผลเป็นที่พึงพอใจ
การประชุมใหญ่ของ UNESCO ครั้งที่ 6 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2494 มีบรรดาประเทศที่เป็นสมาชิก 64 ประเทศ ซึ่งมีประเทศทยรวมอยู่ด้วย (ม.ล. ปิ่น มาลากุล ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นหัวหน้าผู้แทนประเทศไทย) ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ตั้งศูนย์กลางหลักมูลสารศึกษาขึ้นประจำภาคต่างๆ ทั่วโลกขึ้น 6 แห่ง คือ 1. กลุ่มละตินอเมริกัน 1 แห่ง 2. กลุ่มอัฟริกากลาง 1 แห่ง 3. กลุ่มประเทศอินเดีย 1 แห่ง 4. กลุ่มภาคตะวันออกกลาง 1 แห่ง 5. กลุ่มประเทศตะวันออกไกล 2 แห่ง ศูนย์กลางการศึกษาหลักมูลฐานแห่งที่ 1 ของโลกเรียกว่า CREFAL มีชื่อเต็มว่า Centre Regional Education Fundamental American latin ตั้งขึ้นที่ แพทซ์คัวโร (Patzcuaro) ประเทศแม็กซิโก (Mexico) เริ่มดำเนินงานและเปิกเรียน เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2494 ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 19 เดือน 6 เดือนแรก เป็นการศึกษาที่ศูนย์กลาง แล้วออกไปปฏิบัติงานในหมู่บ้านเป็นเวลา 10 เดือน และกลับมาปฎิบัติงานที่ศูนย์กลางอีก 3 เดือน รับนักศึกษาจาก 9 ประเทศ โดยใช้ภาษาสเปญเป็นหลัก และไม่มีความลำบากในเรื่องภาษาแพราะทุกประเทสใช้ภาษาสเปญ
ศูนย์กลางการศึกษาหลักมูลฐานแห่งที่ 2 ของโลกเรียกว่า ASFEC มีชื่อเต็มว่า Arab State Fundamental Education Centre ตั้งขึ้นที่ซิสซ์-เอล-ลายาน (Sies-el-Layan) ประเทศอียิปต์ (Egypt) เริ่มดำเนินงานและเปิดเรียนเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2496 ศูนย์กลางแห่งนี้รับนักศึกษาจากกลุ่มประเทศอาหรับ 6 ประเทศ คือ อียิปต์ จอร์แดน อิรัค เลบานอน อารเบียและซีเรีย ศูนย์กลางแห่งนี้ไม่มีความลำบากในเรื่องของภาษา เพราะทุกประเทศใช้ภาษาอาหรับ
ศูนย์ 2 แห่งนี้ มีขอบข่ายเป็นศูนย์กลางประจำภาค แต่ละแห่งรับนักศึกษาจากประเทศต่างๆ ในกลุ่มของตนเอง
ศูนย์กลางการศึกษาหลักมูลฐานแห่งที่ 3 ของโลกคือ ศ.อ.ศ.อ. ที่ตั้งขึ้นในจังหวัดอุบลราชธานีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของประเทศเดียว ส่วนศูนย์กลางแห่งที่ 4 และ 5 ยังมิได้ติดตั้งเพราะยูเนสโกเลิกล้มโครงการ
เมื่อเดือนพฤษศจิกายน 2494 ทางยูเนสโกได้ส่งนายจอร์น เบาเออร์ส (Mr.John Bowers) ให้สำรวจสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับจัดตั้งศูนย์กลางการศึกษามูลฐานและพิจารณาว่าสมควรจะจัดตั้งขึ้นที่ใดเจ้าหน้าที่ของไทยเราได้เสนอสถานที่ 2 แห่ง คือ ที่อ่างศิลา จังหวัดชลบุรี และที่จังหวัดอุบลราชธานี Mr.John Bowers มีความเห็นว่า จังหวัดชลบุรีมีความเจริญอยู่แล้วไม่เหมาะที่จะจัดตั้งศูนย์กลาง ดังนั้น Mr.John Bowers และนายพร ทองพูนศักดิ์ หัวหน้ากองฝึกหัดครูในขณะนั้นได้เดินทางไปสำรวจบริเวณโรงเรียนฝึกหัดครูอุบลราชธานี เห็นว่าเป็นที่เหมาะสมเพราะ
1. จังหวัดอุบลราชธานี มีสภาพความเป็นอยู่คล้ายกับจังหวัดต่างๆ ในภาคอื่นๆ ของประเทศประกอบกับเป็นจังหวัดที่มีพลเมืองมากเป็นที่ 2 รองจากจังหวัดพระนคร สมควรอย่งยิ่งที่จะให้การศึกษาเพื่อให้เจริญก้าวหน้ากว่าที่เป็นอยู่
2. จังหวัดอุบลราชธานี มีความสะดวกสบายในการคมนาคม ทั้งทางเตรื่องบิน รถไฟ และรถยนต์ ซึ่งสะดวกกับการติดต่อกับจังหวัดพระนครอันเป็นศูนย์กลางของประเทศ และเวลาในการติดต่อทั้งสามทางนี้ก็ไม่กินเวลามากนัก ทั้งระยะทางกไม่ไกลจนเกินควร นอกจากนี้จังหวัดอุบลราชธานียังมีการคมนาคมติดต่อกับจังหวัดต่างๆ ในภาตะวันออกเฉียงเหนือ ได้สะดวกสบายทุกๆ จังหวัด และทุกๆฤดูกาล
3. จังหวัดอุบลราชธานีได้พยายามปรับปรุงระบบการจัดการศึกษาทั้งทางโรงเรียนอนุบาล ปฐมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา เตรียมอุดมศึกษา และการฝึกหัดครู นับว่าเป็นจังหวัดที่ให้การศึกษาครบทุกแขนง เหมาะกับการที่จะให้เป็นสถานที่ทดลองการจัดการศึกษาหลักมูลฐาน
4. ถ้าหากว่าศูนย์กลางการศึกษาหลักมูลฐานหลักนี้เป็นปึกแผ่นดีแล้ว ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นศูนย์กลางอบรมการศึกษาระหว่างชาติประจำภาคอาเซียตะวันออกขึ้น เพราะจังหวัดอุบลราชธานี เป็นจังหวัดชายเดนทางด้านะวันออก ประเทศต่างๆที่อยู่ใกล้เคียง เช่น ลาว เขมร ญวน ก็อาจจะมาศึกษาได้สะดวก
5. ภายในบริเวณที่ตั้งศูนย์กลางแห่งนี้และรัศมีไม่เกิน 15 กิโลเมตร จากที่ตั้งศูนย์กลางมีหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งยังมีความต้องการที่จะบูรณะและปรับปรุงด้านการอนามัย การเกษตร การอุตสาหกรรม การจัดเคหะสถานบ้านเรือน การศึกษาและสวัสดิภาพของสังคม เพื่อเป็นขั้นทดลองในการดำเนินงาได้โดยสะดวก อีกอย่างหนึ่งเนื่องจากภาคนี้กันดารแห้งแล้งกว่าภาคอื่นๆ ประชาชนส่วนมากยากจนค่นแค้น สมควรที่จะปรับปรุงแก้ไขให้เจริญยิ่งขึ้น
หลังจากนั้นกระทรวงศึกษาธิการก็ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่ง ประกอบด้วย นายอภัย จันทวิมล นายพร ทองพูนศักดิ์ นายบุญถิ่น อัตถากร Mr.Thomas Wilson Dr.Hutchinson และ Dr.Tieman และนายชวน ฉวีวงค์ ได้เดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานีเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2494 เพื่อสำรวจสถานที่ตลอดจนความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อมของประชาชน ต่อมาในเดือนตุลาคม 2494 นายบุรินทร์ สิมพะลิก,ม.ล. มานิจ ชุมสาย Mr.Marshall. Dr.Allcot. Dr.Hutchinson และนายชวน ฉวีวงค์ ได้ไปสำรวจรายละเอียดบางประการของประชากรอีก เพราะ Mr.Marahall หัวหน้าผู้แทนยูเนสโกประจำประเทศไทยได้มารับงานต่อจาก Mr.Thomas Wilson
- ↑ ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ศ.อ.ศ.อ.50 ปี ศนอ., โรงพิมพ์ อุบลยงสวัสดิ์ออฟเซท, 2547
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
![]() |
ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นบทความเกี่ยวกับ โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย หรือ สถานศึกษา ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น |