จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร |
 |
พระเจดีย์และพระอุโบสถ วัดพระสิงห์ |
|
ข้อมูลทั่วไป |
ชื่อสามัญ |
วัดพระสิงห์ |
ประเภท |
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร |
นิกาย |
เถรวาท |
ความพิเศษ |
ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์(พระสิงห์) (ศิลปะเชียงแสน) |
พระประธาน |
|
พระพุทธรูปสำคัญ |
พระพุทธสิหิงค์(พระสิงห์) |
ข้อมูลด้านการท่องเที่ยว |
ที่ตั้ง |
ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ |
โทรศัพท์ |
(+66) |
รถประจำทาง |
|
เรือ |
|
รถไฟ/รถไฟฟ้า |
|
เวลาทำการ |
|
ค่าธรรมเนียมเข้าชม |
|
จุดที่น่าสนใจ |
สักการะพระพุทธสิหิงค์ ชมซุ้มประตูโขง และจิตรกรรมฝาผนัง |
กิจกรรม |
|
มักคุเทศก์ |
|
อาหารและเครื่องดื่ม |
|
ข้อห้าม |
|
การถ่ายภาพ |
ไม่ควรใช้แฟลช ในถ่ายภาพจิตรกรรมฝาผนัง |
ที่จอดรถ |
ในบริเวณวัด |
สถานที่ไกล้เคียง |
|
หมายเหตุ |
|
|
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิด "วรมหาวิหาร" ตั้งอยู่ในบริเวณคูเมืองเชียงใหม่ ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ วัดพระสิงห์ฯ เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ ประดิษฐานพระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์)พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา พระพุทธรูปเป็นศิลปะเชียงแสนรู้จักกันในชื่อ "เชียงแสนสิงห์หนึ่ง"
[แก้] ประวัติวัด
พญาผายู กษัตริย์เชียงใหม่ราชวงศ์เม็งราย โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๑๘๘๘ ขั้นแรกให้สร้างเจดีย์สูง ๒๓ วา เพื่อบรรจุพระอัฐิ ของพญาคำฟู พระราชบิดา ต่อมาอีกสองปีจึงสร้างพระอาราม เสนาสนวิหาร ศาลาการเปรียญ หอไตร และกุฎิสงฆ์เรียบร้อย ทรงตั้งชื่อว่า "วัดลี"ต่อมาบริเวณหน้าวัดมีตลาดเกิดขึ้นชาวบ้านเรียกว่า"ตลาดลีเชียง" แล้วเรียกวัดว่า"วัดลีเชียง"และ"วัดลีเชียงพระ" ระหว่างปี พ.ศ. ๑๙๓๑ - ๑๙๕๔ สมัยพระเจ้าแสนเมืองมา ขึ้นครองนครเชียงใหม่โปรดให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาจากเมืองเชียงราย เมื่อขบวนช้างอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาถึงหน้าวัดลีเชียงก็ไม่ยอมเดินทางต่อ พระเจ้าแสนเมืองมาจึงให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ประดิษฐาน ณ วัดลีเชียง ประชาชนทางเหนือนิยมเรียก"พระพุทธสิหิงค์" สั้นๆ ว่า "พระสิงห์" จึงเรียกชื่อวัดตามพระพุทธรูปว่า "วัดพระสิงห์"
[แก้] ตำนานพระสิงห์(พระพุทธสิหิงค์)
พระสิงห์(พระพุทธสิหิงค์)ศิลปะเชียงแสนพระพุทธรูปคู่เมืองเชียงใหม่
- พระมหาเถรโพธิรังสีชาวหิริภุญไชย รจนาภาษาบาลีไว้ว่า เมื่อประมาณ พ.ศ. ๗๐๐ พระเจ้าสีหฬะแห่งลังกาทวีป ได้โปรดให้หล่อพระพุทธรูปขึ้นองค์หนึ่งเรียกว่า "พระพุทธสิหิงค์"แต่ในชินกาลมาลีปกรณ์เรียกว่า"สีหฬะปฎิมา" ตามนามกษัตริย์ผู้สร้าง
- พ.ศ. ๑๘๓๙ กษัตริย์เมืองนครศรีธรรมราช ได้แต่งทูตไปขอคัมภีร์พระไตรปิฎกจากลังกา และได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์อีกองค์หนึ่ง(ศิลปะลังกา)กลับมาด้วย ภายหลังมาประดิษฐานอยู่ที่กรุงสุโขทัย เมื่อพระบรมราชาธิราชที่ ๑ (ขุนหลวงพะงั่ว) ตีกรุงสุโขทัยได้ หลายสิบปีต่อมาพญาไสลือไทยได้อัญเชิญมาไว้ที่เมืองพิษณุโลก เมื่อพญาไสลือไทยสิ้นพระชนม์ จึงอัญเชิญมาที่กรุงศรีอยุธยา
- พ.ศ. ๑๙๒๗ พระญาณดิศ เชื้อวงศ์พระร่วงได้กราบทูลพระเจ้ากรุงศรีอยุธยาขออัญเชิญมาไว้ที่เมืองกำแพงเพชร
- พ.ศ. ๑๙๓๔ เจ้ามหาพรหม พระปิตุลาของเจ้าแสนเมืองมาได้อัญเชิญไปไว้ที่เมืองเชียงราย ด้วยเหตุนี้จึงปรากฎ วัดที่ประดิษฐานพระพุทธสิงหิงค์อีกแห่งหนึ่ง ที่เมืองเชียงรายมีชื่อว่า วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงราย และโปรดให้หล่อพระพุทธสิหิงค์จำลองขึ้น เมื่อเจ้ามหาพรหมถึงแก่พิราลัยแล้ว พระพุทธสิหิงค์จึงได้มาประดิษฐาน ณ วัดลีเชียงพระ ในนครเชียงใหม่ เช่นเดิม
- พ.ศ. ๒๐๘๔ พระไชยเชษฐากษัตริย์ล้านช้างเชื้อสายล้านนา ทรงนำพระพุทธสิหิงค์ และพระพุทธรูปจากเชียงใหม่หลายองค์ไปไว้ที่ล้านช้าง(หลวงพระบาง) เมื่อทางเชียงใหม่ทวงถามจึงทรงคืนพระพุทธสิหิงค์มาเพียงองค์เดียว
- พ.ศ. ๒๒๐๕ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงยกทัพมารบเชียงใหม่ และทรงอัญเชิญลงไปไว้ที่อยุธยาอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้อยู่นานถึง ๑๐๕ ปี
- พ.ศ. ๒๓๑๐ กรุงศรีอยุธยาแตก ทัพทหารเชียงใหม่ที่มาในกองทัพพม่าอัญเชิญกลับนครเชียงใหม่ทางเรือ และประดิษฐานอยู่ที่วัดพระสิงห์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
- วิหารลายคำ เป็นวิหารพื้นเมืองศิลปะล้านนาขนาดเล็ก ภายในเป็นที่ประดิษฐาน"พระพุทธสิหิงค์" ขนาดหน้าตักกว้าง ๓๑ นิ้ว สูงจากขอบฐานถึงยอดพระเมาลีบัวตูม ๕๑ นิ้ว เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ชาวเมืองชียงใหม่จะอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์แห่ไปถนนรอบเมือง เพื่อให้ประชาชนได้สักการะบูชาโดยทั่วกัน วิหารลายคำพบแห่งเดียวที่นี่
 |
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เป็นบทความเกี่ยวกับ อาคาร หรือ สถานที่สำคัญ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น |
ข้อมูลเกี่ยวกับ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ในภาษาอื่น สามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ๆ ด้านซ้ายมือ