ดึก ดำ ดึ๋ย
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ดึก ดำ ดึ๋ย Duk dum dui |
|
---|---|
ภาพ:Duk dum dui.jpg ใบปิดภาพยนตร์ ดึก ดำ ดึ๋ย |
|
กำกับ | สุเทพ โพธิ์งาม |
อำนวยการสร้าง | วิชัย ธนารุ่งโรจน์ |
บทภาพยนตร์ | สุเทพ โพธิ์งาม |
นักแสดงนำ | สุเทพ โพธิ์งาม เด่น ดอกประดู่ สามารถ พยัคฆ์อรุณ เขาทราย แกแล็คซี่ จรัล เพ็ชรเจริญ น้อย โพธิ์งาม กรุง ศรีวิไล |
จัดจำหน่าย | พระนครฟิล์ม |
วันที่เข้าฉาย | 10 ตุลาคม พ.ศ. 2546 |
ความยาว | 104 นาที |
ภาษา | ไทย |
ก่อนหน้านี้ | ผีหัวขาด(ภาพยนตร์) |
ต่อจากนี้ | คนปีมะ |
ข้อมูลบนเว็บ IMDb | |
ข้อมูลบนเว็บ สยามโซน |
ดึก ดำ ดึ๋ย เป็นภาพยนตร์ตลก ที่กำกับโดยเทพ โพธิ์งาม เป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองของบริษัท พระนครฟิล์ม ต่อจากเรื่อง ผีหัวขาด (2545) โดยเป็นภาพยนตร์หนึ่งในสองเรื่อง ที่กำกับโดยนักแสดงตลก ซึ่งปกติจะประกอบอาชีพตลกเล่นตามคาเฟ่ ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2546 โดยอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่อง บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม ทั้งสองเรื่องจัดจำหน่ายโดยพระนครฟิล์ม
ภาพยนตร์ ดึก ดำ ดึ๋ย เป็นผลงานกำกับการแสดงชิ้นแรกของ เทพ ซึ่งรับหน้าที่ทั้งเขียนบท กำกับ และร่วมแสดง โดยมีเพื่อนฝูงและมิตรสหายในวงการ ร่วมแสดงรับเชิญมากมาย เช่น เด่น ดอกประดู่, สามารถ พยัคฆ์อรุณ, เขาทราย แกแล็คซี่, สีเทา, น้อย โพธิ์งาม, กรุง ศรีวิไล
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ประสบความสำเร็จ เดิมตั้งเป้ายอดรายได้ไว้ที่ 30 ล้านบาท ปรากฏว่ามีรายได้เพียง 11 ล้านบาท [1] และถูกวิจารณ์อย่างหนักถึงความอ่อนด้อยของบท แต่นักวิจารณ์บางคน ก็ชื่นชมในแนวคิด และยกย่องว่าเป็น หนังแนว (cult film) เรื่องหนึ่ง ทีเดียว
[แก้] เรื่องราว
การเดินทางของทั้งสี่คนต้องออกเดินทางทำภารกิจ ที่ประเทศแอฟริกาทั้งสี่ชื่อว่า เทพ (แสดงโดยเทพ โพธิ์งาม) เด่น (แสดงโดยเด่น ดอกประดู่) มาด (แสดงโดยสามารถ พยัคฆ์อรุณ) ระ (แสดงโดยเขาทราย แกแล็คซี่)โดยมีไมเคิลคนขับรถชาวนิโกร และทั้งสี่ได้พบกับความโชคร้ายในการเดินทางเพราะรถเกิดเสียระหว่างทาง และไมเคิลกำลังซ่อมรถอยู่แต่มีโจอี้ด่าไมเคิล และมีชาวนิโกรที่ใส่เสื้อสีเหลืองและแว่นตาสีดำ และชกหน้าไมเคิล และกลับไปที่รถเดิม และเด่นกำลังเอาหัวออกจากรถมีคนอะไรมาฉี่บนรถด้วย และเด่นก็มองดูข้างบนรถนั่นเด็กชาวนิโกร และเด่นก็หน้าโมโหเด็กคนนั้นมากก็เลยให้เอาเด็กชาวนิโกรลงมา และพูดว่า:ไอ้เด็กบ้า เอ้ย พ่อแม่อยู่ไหนล่ะ: และเด็กชาวนิโกรก็ไปหาพ่อของเขาและฟ้องพ่อจะมาแกล้งผม และชาวนิโกรกำลังจะไปฉี่ที่ต้นกล้วยในป่า และทั้งสี่ก็เริ่มปวดฉี่ด้วยเหมือนกัน และทั้งหมดก็ได้ยินเสียงอะไรที่เหมือนรถกำลังจะใช้ได้และทั้งหมดก็ดีใจ จะขึ้นรถออกเดินทางต่อ แต่ปรากฏว่ารถมาเกิดเสียระหว่างทาง และไมเคิลกำลังจะซ่อมรถโดยสารและทุกคนชาวนิโกรก็ด่าไมเคิล และไมเคิลก็ห้ามไม่ให้ส่งเสียวดังเพราะไมเคิลเสียสมาธิในการซ่อมรถ และรถก็สตาร์ทติด พอสตาร์ทติดแล้วมันก็ระเบิดจนไมเคิลลอยไปติดอยู่บนต้นไม้ ทั้งหมดไม่เห็นว่าไมเคิลอยู่ตรงไหนและทุกคนก็ได้ยินเสียงใครอยู่ข้างบนต้นไม้ก็เลนมองดู ไมเคิลอยู่ต้นไม้นั่นเอง ทุกคนแปลกว่าไมเคิลปีนต้นไม้ได้ยังไงเนี่ย? และมีชาวนิโกรที่ใส่เสื้อสีเหลืองและแว่นสีดำก็ชกหน้าเขาอีกและทุกคนก็กลับไป และทั้งสี่จึงออกเดินทางด้วยเท้าเปล่า และตกกลางคืน ไมเคิลกำลังนอนพิงอยู่ใกล้ๆกับรถโดยสารที่เกิดเสียอยู่ และทันใดนั้นปีศาจที่ใส่ดำก็ปรากฏตัวออกมา และไมเคิลก็ตกใจวิ่งหน้าตั้ง และยังลากรถโดยสารวิ่งผ่านป่าเขา และทั้งสี่ได้พบกระท่อมหลังหนึ่ง ทั้งสี่ได้เห็นตากับยายกำลังกินข้าวกันอยู่ และทั้งสี่ก็เข้ามาแอบเห็นสองตายาย(แสดงโดย อุดม ชวนชื่น และ น้อย โพธ์งาม)กำลังกินข้าวอยู่และยายเห็นทั้งสี่แอบมองตากับยายอยู่ และทั้งสี่ก็เข้ามาข้างในบ้านของตากับยาย และคุยว่าทำไมมาที่นี่ ในหมู่บ้านนี้ถูกคนใจร้ายฆ่าทุกคนตายก็เลยมาสืบดู และยายเรียกสวย และยายบอกสวยไปหาข้าวให้ทั้งสี่ทาน และตอนนอนระปวดฉี่ และได้พบกับสวยที่วิ่งเล่นกลางฝนตก และระเข้าไปหาสวย และก็มีปีศาจที่จะฆ่าสวยจนตาย ทั้งสี่ตื่นนอนเห็นระหายไป และทั้งสี่ก็ได้พบระซึ่งเสียสติอยู่ และทั้งสี่ก็กลับบ้าน และสองตายายแปลงกายเป็นผีกระซือและจะทำลายทั้งสี่คน และทั้งสี่ก็หนีตากับยายไปจนมาถึงโรงแรมเก่า ภายในโรงแรมกำลังสนุกสนานไปด้วยเสียงดนตรี โดยมีผู้จัดการแก่ๆประจำโรงแรม (แสดงโดยจรัล เพ็ชรเจริญ) และสาวผมทองแสนสวย ทั้งสี่อยากมาพักในโรงแรมแห่งนี้ แต่ถ้าหากใครมาพักที่นี่จะกลายศพหมดทุกคน แต่ทั้งสี่ไม่ยอมสนใจอยากจะพักอย่างเดียว และพอทั้งสี่เริ่มออกที่โรงแรมได้เห็นตากับยายขายข้าวแกงอยู่ และทั้งสี่กินเสร็จแล้วได้เห็นหัวของตายายที่อยู่ในหม้อแกงและทั้งสี่ตกใจกลัววิ่งหนี และต่อมามีพนักงายสาวสวยกำลังแต่งตัวอยู่ได้เจอกับปีศาจชุดดำ และทั้งสี่ก็ช่วยเหลือแต่เจอกับความว่างเปล่าเท่านั้น และทั้งสี่ก็วิ่งหนี ทั้งสี่ก็ต้องเจอกับนายอำเภอ และลูกน้องของเขา ยิงใส่ทั้งสี่คน และลูกน้องได้พบกับปีศาจชุดดำที่ใช้เวท์มนต์บนหลังคาของโรงแรม ยิ่งใส่ลูกน้องของเขาตายและทั้งสี่ก็หนีไป จนหลงเข้าไปในหมู่บ้านของคนป่า โดยมีหัวหน้าเผ่าและต้องมีหน้าที่รับผิดชอบของเผ่าเราในป่าใหญ่ โดยที่สถานการณ์กำลังเป็นไปได้ด้วยดีและสาวชาวป่าโดนปีศาจชุดดำทำร้าย และคนป่าอื่นๆก็วิ่งไปดู แต่คนป่าอื่นๆไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของชายแปลกหน้าที่เพื่องมาเยือน และทั้งสี่วิ่งหนีออกจากป่าไปด้วยผ้าเตี่ยวเท่านั้น และทั้งสี่เดินออกมาจากป่ามาเป็นทะเลทราย ทั้งสี่เริ่มหิวน้ำ และวันหนึ่งทั้งสี่ได้เจอกับชาวนิโกรสองคน ที่จะมาตักน้ำ แต่ทั้งสี่ที่จะได้กินน้ำ น้ำมันหมดและทั้งสี่ก็ตามชาวนิโกรไปและทั้งสี่แอบมาโขมยชุดของผู้หญิง และตกกลางคืนทั้งสี่ได้พบกระท่องหลังหนึ่งคิดว่ามันเป็นฆาตกรอย่างแน่นอน และทั้งสี่ห้ามทำร้ายคนที่น่าสงสาร และพอทั้งสี่ห้ามคนร้ายได้และทั้งสี่ก็เข้ามาวัด และคุยกับหลวงพ่อและคุยเสร็จแล้วหลวงพ่อ ทั้งสี่คนและชาวบ้านออกก็ออกจากวัด ก็ได้ยินเสียงคนตีระฆังตอนดึกและทุกคนก็กลับไป เสียงที่คนกำลังตีระฆังมันคือ ปีศาจชุดดำ ตอนเช้าทุกคนก็รอรถโดยสาร แต่ทุกคนเห็นรถโดยสารกำลังมาแต่ไม่มีหลังคา และทั้งสี่ทำภารกิจสำเร็จและทั้งสี่กลับไปประเทศไทย