สถาบันการพลศึกษา
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สถาบันการพลศึกษา เดิมคือ วิทยาลัยพลศึกษาทำหน้าที่ผลิตครูโดยเฉพาะครูสอนพลศึกษาและสุขศึกษา แต่ปัจจุบันได้เพิ่มบทบาทในการผลิตบุคลากรด้านวิชาชีพ ด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา และสุขภาพเพิ่มขึ้น โดยมีประวัติความเป็นมาของการก่อตั้งวิทยาลัยพลศึกษาดังนี้ ปี 2456 กระทรวงธรรมการได้จัดตั้ง "ห้องพลศึกษากลาง" ขึ้นที่โรงเรียนมัธยมวัดราชบูรณะ (ปัจจุบันคือโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย) เพื่อเป็นสถานฝึกหัดพลศึกษา มีวิชาเรียน 2 วิชา คือ มวยไทย และการตัดสิน ปี 2462 กรมศึกษาธิการกระทรวงธรรมการได้แก้ไขหลักสูตรและให้ชื่อว่า "โรงเรียนพลศึกษากลาง" สถานที่ตั้งคงอยู่ที่เดิมและกำหนดหลักสูตรใหม่ มี 4 วิชา คือ วิชาลูกเสือ วิชาดัดตนส่วนห้อยโหน วิชาญูญิตสู (ยูโด) และวิชามวยไทย มวยฝรั่ง ถ้าผู้เรียนสอนได้ 2 วิชา จะได้ประกาศนียบัตรครูผู้สอนพลศึกษาชั้นตรี (พ.ต.) สอบได้ 3 วิชา ได้ประกาศนียบัตรครูผู้สอนพลศึกษาชั้นโท (พ.ท.) และถ้าสอบได้ทุกวิชา จะได้ประกาศนียบัตรครูผู้สอบพลศึกษาชั้นเอก (พ.อ.) ระยะเวลาที่ศึกษาตามหลักสูตรไม่แน่นอน อาจเรียนจบในปีเดียว ทั้ง 4 วิชา หรือหลายปีจบก็ได้ ตามความสามารถของแต่ละบุคคล ปี 2476 กระทรวงศึกษาธิการได้ตั้งกรมพลศึกษาขึ้น จึงได้โอนโรงเรียนพลศึกษากลาง มาสังกัดกรมพลศึกษา ในปี 2497 แต่สถานที่ตั้งคงอยู่ที่เดิม ปี 2483 ได้ย้ายมาอยู่อาคารใหม่ บริเวณ กรีฑาสถานแห่งชาติ กรมพลศึกษาได้ปรับปรุงแก้ไขหลักสูตรโดยแบ่งวิชา ออกเป็น 2 หมวด คือ หมวดวิชาบังคับ ได้แก่ จรรยาครู ลูกเสือ สุขศึกษา ปฐมพยาบาล กายบริหาร กรีฑาและกีฬา หมวดวิชาไม่บังคับ มี 4 วิชา มี มวยไทย มวยสากล กระบี่กระบองและฟันดาบ ดัดตนส่วนห้อยโหนและญูญิตสู เมื่อผู้เรียนสอบวิชาบังคับได้แล้ว จะได้รับประกาศนียบัตรประโยคครูพลศึกษาตรี (พ.ต.) ถ้าสอบได้ในหมวดวิชาไม่บังคับอีก 2 ชุดจะได้รับประกาศนียบัตรประโยคครูพลศึกษาโท (พ.ท.) ถ้าสอบได้หมด 4 ชุดจะได้ประกาศนียบัตรประโยคครูพลศึกษาเอก (พ.อ.) ปี 2493 กรมพลศึกษาได้ปรับปรุงหลักสูตรการผลิตครูพลศึกษาให้สอดคล้องกับการผลิตครูสามัญ อื่น ๆ
โดยมีหลักสูตร 5 ปี และให้ชื่อโรงเรียนใหม่ว่า "โรงเรียนฝึกหัดครูพลศึกษา" รับนักเรียน
ที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เฉพาะผู้ที่ได้รับทุนของจังหวัด โดยจังหวัดทำการคัดเลือก มาจังหวัดละ 2 คน (เฉพาะชาย) การเรียนเป็นแบบประจำ โดย วิชาที่เรียนมี 5 หมวด คือ หมวดวิชาครูและสังคมศึกษา หมวดวิชาภาษาอังกฤษ หมวดวิชาภาษาไทย หมวดวิชาพลศึกษา (กรีฑาและกีฬา) หมวดวิชาประกอบ มีสุขศึกษา อนามัย สรีระกายวิภาคศาสตร์ ชีววิทยาและการเล่นเข้าจังหวะ ผู้ที่เรียนจบปี 1 จะได้รับประกาศนียบัตรประโยคครูพลศึกษาตรี (พ.ต.) จบปีที่ 3 ได้รับประกาศนียบัตรประโยคครูพลศึกษาโท (พ.ท.) และจบปีที่ 5 ได้รับประกาศนียบัตรประโยคครูพลศึกษาเอก (พ.อ.) ปี 2497 โรงเรียนฝึกหัดครูพลศึกษาได้เปิดรับนักเรียนในส่วนกลาง โดยโรงเรียนสอบคัดเลือกเอง เรียนและไป-กลับ และรับนักเรียนหญิงด้วยและในปีเดียวกันนี้กระทรวงศึกษาธิการได้ขยายโครงการด้านการฝึกหัดครูขึ้นเพื่อจะได้ รวบรวมการฝึกหัดครู ซึ่งอยู่ในสังกัดต่าง ๆ มาอยู่ด้วยกันโรงเรียนฝึกหัดครูพลศึกษา จึงได้โอนไปสังกัดแผนกฝึกหัดครูพลานามัยกองโรงเรียน ฝึกหัดครูกรมการฝึกหัดครู ปี 2498 กรมพลศึกษาได้ขอจัดตั้ง "วิทยาลัยพลศึกษา" ขึ้นแทนโรงเรียนฝึกหัดครู โดยมีหลักสูตรการเรียน 4 ปี และ 2 ปี หลักสูตร 4 ปี ทำการรับนักเรียนที่สำเร็จชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ส่วนหลักสูตร 2 ปี รับนักเรียนที่สำเร็จเตรียมอุดมหรือเทียบเท่าซึ่งทั้ง 2 หลักสูตรนี้ ผู้สำเร็จการศึกษาจะได้รับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง (พลศึกษา) หรือ ป.กศ.สูง (พลศึกษา) ปี 2501 กรมพลศึกษาได้จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูพลานามัยขึ้น โดยรับนักเรียนที่สำเร็จชั้นมัธยมศึกษา มีหลักสูตร 2 ปี ผู้สำเร็จการศึกษาจะได้รับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา (พลานามัย) ส่วนวิทยาลัยพลศึกษายังคงผลิตหลักสูตร 2 ปีเท่านั้น ปี 2511 กระทรวงศึกษาธิการได้ระงับการผลิตครูระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา (พลานามัย) และมอบหมายให้ กรมพลศึกษาดำเนินการผลิตครู เฉพาะระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง (พลศึกษา) เพียงอย่างเดียว ปี 2513 กระทรวงศึกษาธิการได้อนุมัติการจัดตั้งวิทยาลัยพลศึกษาเป็นวิทยาลัย วิชาการศึกษา (พลศึกษา) โดยถือเป็นสาขาหนึ่งของวิทยาลัย วิชาการศึกษา สังกัดกรมการฝึกหัดครูทั้งนี้เพื่อผลิตครูพลศึกษาระดับปริญญาตรี โดยมอบให้กรมพลศึกษาเป็น ผู้รับผิดชอบซึ่งต่อมาได้โอนไปเป็นคณะหนึ่งในมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สำหรับอัตรากำลังของวิทยาลัยวิชาการศึกษาพลศึกษาเดิมนั้น ยังคงเป็นของกรมพลศึกษาอยู่ โดยเรียกส่วนงานนี้ว่าวิทยาลัยพลศึกษาส่วนกลาง แต่ยังไม่รับนักศึกษา เพราะกรมพลศึกษามีนโยบายที่จะขยายการผลิตครูพลศึกษาไปยังส่วนภูมิภาคโดยทั่วถึงก่อน แล้วถึงจะไปขยายในส่วนกลางภายหลัง ดังนั้นในปี 2513 กรมพลศึกษาจึงได้จัดเตรียมงานเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการผลิตครูพลศึกษาไปยังส่วนภูมิภาคภายใต้ การดำเนินงานของ ดร.สำอาง พ่วงบุตร โดยใช้สถานที่กรมพลศึกษาเป็นที่เตรียมงาน ปี 2514 กรมพลศึกษาจึงขอเปิดวิทยาลัยพลศึกษาในส่วนภูมิภาคขึ้นเป็นแห่งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้ชื่อว่า "วิทยาลัยพลศึกษาจังหวัดเชียงใหม่" สังกัดกรมพลศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ในปีแรกทำการผลิตครูพลศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง (พลศึกษา) และในปีต่อ ๆ มา จึงผลิตครูสุขศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาการ -ศึกษาชั้นสูง (สุขศึกษา) หลังจากเปิดวิทยาลัยพลศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นวิทยาลัยในส่วนภูมิภาค เป็นแห่งแรกวิทยาลัยพลศึกษาจังหวัดมหาสารคามเป็นแห่งที่สอง แล้ว กรมพลศึกษาก็ได้ขยายเปิดวิทยาลัยพลศึกษาในส่วนภูมิภาคแห่งอื่น ๆ อีก ตามนโยบายที่ได้วางไว้ จนมีวิทยาลัยพลศึกษารวมทั้งสิ้น 17 แห่ง
ปี 2537 จัดตั้งวิทยาลัยชุมชนขึ้นในวิทยาลัยพลศึกษา 17 แห่งทั่วประเทศ เปิดการเรียนการสอนหลักสูตรวิทยาลัยชุมชนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)
ปี 2545 เป็นสถานศึกษาสังกัดสำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ (กรมพลศึกษาเดิม) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545
ปี 2548 ดำเนินการตามพระราชบัญญัติสถาบันการพลศึกษา พ.ศ. 2548 สังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีทั้งสิ้น 17 วิทยาเขตทั่วประเทศ