ประเทศเวียดนาม
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
|
|||||
คำขวัญ: Độc lập – Tự do – Hạnh phúc ("เอกราช อิสรภาพ ความสุข") |
|||||
เพลงชาติ: Tiến Quân Ca | |||||
![]() |
|||||
เมืองหลวง | ฮานอย |
||||
เมืองใหญ่สุด | โฮจิมินห์ซิตี | ||||
ภาษาราชการ | ภาษาเวียดนาม | ||||
รัฐบาล | รัฐคอมมิวนิสต์ | ||||
- เลขาธิการพรรค | นง ดึ๊ก หม่านห์ | ||||
- ประธานาธิบดี | เหงียน มินห์ เตรียต | ||||
- นายกรัฐมนตรี | เหงียน ถัน ซุง | ||||
เอกราช ประกาศ เป็นที่ยอมรับ |
จาก ฝรั่งเศส 2 กันยายน พ.ศ. 2488 พ.ศ. 2497 |
||||
เนื้อที่ - ทั้งหมด - พื้นน้ำ (%) |
331,689 กม.² (อันดับที่ 65) 128,065 ไมล์² 1.3 |
||||
ประชากร - ก.ค. 2548 ประมาณ - 2542 - ความหนาแน่น |
84,238,000 (อันดับที่ 12) 76,323,173 253/กม² (อันดับที่ 46) 655/ไมล์² |
||||
GDP (PPP) - รวม - ต่อประชากร |
2548 ค่าประมาณ 251.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 36) 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 123) |
||||
HDI (2546) | 0.704 (อันดับที่ 108) – กลาง | ||||
สกุลเงิน | ด่อง (₫) (VND ) |
||||
เขตเวลา - ฤดูร้อน (DST) |
(UTC+7) (UTC+7) |
||||
รหัสอินเทอร์เน็ต | .vn | ||||
รหัสโทรศัพท์ | +84 |
เวียดนาม (Vietnam) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (Socialist Republic of Vietnam) เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพรมแดนติดกับประเทศจีน ประเทศลาว ประเทศกัมพูชา และอ่าวตังเกี๋ย
สารบัญ |
[แก้] ประวัติศาสตร์
[แก้] สมัยก่อนประวัติศาสตร์
เมื่อราว 4 พันปีมาเเล้ว ชาวเวียดนามตั้งถิ่นฐานทางตอนใต้ของจีน มีผู้ปกครองติดต่อกัน 3 คน คือ ตวายเยิน ฟุกฮี เชนนอง ทางเหนือของเผ่าเวียด มีเผ่าฮั่นขนาดใหญ่มีความสามัคคี เป็นหนึ่งเดียวกัน ตรงข้ามกับเผ่าเวียดที่เเตกเเยกออกเป็นร้อยๆ เผ่า เมื่อเผ่าฮั่นมีอำนาจที่เข้มเเข็ง ชาวฮั่น เข้ามารุกราน ทำให้ชาวเวียดหนีร่นมาทางใต้
หลังจากนายพลเจียวดา ได้ก่อตั้งอาณาจักรนามเวียด เมื่องราว2200ปีก่อนพุทธกาล บนดินเเดนราบลุ่มเเม่น้ำเเดง เเละสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ โดยมีเมืองหลวงใกล้กวางสูของจีน เจริญรุ่งเรีองมาถึงราวๆ พ.ศ. 430 เเละอีกไม่นาน จักรพรรดิ์จีน ฮั่นหวูฮี สั่งยกพลจำนวนมหาศาลเข้ายึดเวียดนาม
[แก้] สมัยประวัติศาสตร์
กองทัพฮั่นเข้ายึดอาณาจักรนามเวียด ได้ในปี พ.ศ. 585 เปลี่ยนชื่ออาณาจักรใหม่ว่า นามเหวียตก๊วก (หนานเยว่กว๋อ)เเต่งตั้งผู้ปกครองระดับสูงมาปกครอง ความพยายามที่ชาวจีนนำวัฒนธรรมจีนทางด้านต่างๆ ไปเผยเเพร่ที่ดินเเดนเเห่งนี้ กลับถูกชาวพื้นเมืองหรือชาวเวียดนามต่อต้านอย่างรุนเเรง:
--วีรสตรีในนาม ฮายบาจึง ได้นำกองกำลังการปฏิวัติปลดเเอกจากจีน เเต่อีก 3 ปีต่อมาก็ตกเป็นเมืองขึ้นของจีนอีก --นักโทษปัญญาชนชาวจีนนามว่า หลีโบน ร่วมมือกับปัญญาชนชาวเวียดนามร่วมทำการปฏิวัติ ก่อตั้งราชวงค์หลี ขนานนามเเคว้นว่า วันซวน เเต่ต้องตกเป็นเมืองจีนอีก
เกิดการต่อสู้กับจีนบ่อยที่สุด เมื่อราชวงศ์ของจีนขึ้นปกครอง ต้องถูกจีนยึดอีก กินเวลาจากพ.ศ. 1146-1498 เปลี่ยนชื่อเป็นอานนาม(อันหนาน)ในยุคนี้จีนถือว่า เเคว้นนี้เป็นมณทลหนึ่งของจีน จึงส่งชาวจีนเข้าไปอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเพื่อกลืนชาติชาวเวียดนาม ศิลปะของจีนทุกเเขนง ศาสนาพุทธ ลัทธิต่างๆ รวมทั้งอักษรจีน ได้เข้าสู่ดินเเดนเเห่งนี้ ภายใต้การบริหารอันเข้มเเข็งของรัฐบาลจีนภายใต้ราชวงศ์ถัง
- พ.ศ. 1498-1510 ราชวงศ์โง--หลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ถังของจีน นายพลโงเกวี่ยนทำการปฏิวัติขับไล่ชาวจีนได้
เเล้วจึงก่อตั้งราชวงศ์โงเปลี่ยนชื่อประเทศว่า ไดเวียด หลังจากจักรพรรดิ์สวรรคต เวียดนามถูกเเบ่งแยกออกเป็น 12 เเคว้น โดยขุนนางในชาติ
- พ.ศ. 1511-1523 ราชวงศ์ดิงห์--ชาวนา นามว่า ดินห์โบหลิง ทำการรวบรวมเเคว้นต่างๆเข้าด้วยกัน เปลียนชื่อประเทศเป็น
ไดโกเวียด ทรงจัดแบบเเผนราชสำนักเเละข้าราชการพลเรือน ทหาร ตามอย่างราชวงศ์ถังของจีน
- พ.ศ. 1524-1552 ราชวงศ์เตี่ยนเล--ราชินีจักรพรรดิดินห์โบหลิง ขับไล่รัชทายาทราชวงศ์ดิงห์ สถาปนาตนเองเป็น จักรพรรดินี เล ได ฮัง ทรงป้องกันประเทศโดยถวายเครื่องบรรณาการเเก่ราชวงศ์ซ้องของจีน ในปี 1529 ส่งกองทัพรุกคืบไปทางใต้
ทำลายบางส่วนของอาณาจกรจามปา ในสมัยนี้ศาสนาพุทธได้วางรากฐานอย่างมั่งคงในอาณาจักรเเห่งนี้
- พ.ศ. 1552-1768 ราชวงศ์หลี--หลี กง อ่วน ถูกช่วยเหลือโดยพระภิกษุรูปหนึ่ง ให้มีอำนาจในราชสำนักฮวาลือ เมื่อขึ้นครองราชย์
ในนาม หลี ไท โต ทรงย้ายเมืองหลวงไปที่ ทังลอง(ฮานอย)ทงรสร้างวัดขึ้น 150 เเห่ง ในปี 1070 นำระบบการสอบจอหงวนมาใช้ ก่อตั้งมหาวิทยาลัย วันเหมียว ให้ความรู้เกี่ยวกับวรรณคดีขงจื้อ เพื่อสอบเข้ารับราชการในระบบจอหงวน
- พ.ศ. 1768-1943 ราชวงศ์เจิ่น--เจิ่ง เเก๋ง สามัญชนอภิเษกสมรสกับพระนางเจียว ฮว่าง ราชินีองศ์สุดท้ายของราชวงศ์หลี สถาปนาตนเองนามว่า เจิ่น ฮึง เดา พระองศ์ทรงนำกองทัพขับไล่กองมองโกของกุบไลข่านออกไปได้ ในระยะนี้ยังคงนำกองทัพรุบคืบไปทางใต้ต่อไป
พ.ศ. 1943-1971 ราชวงศ์โฮ--การอภิเษกสมรสระหว่างกษัตริย์กับญาติเสนาบดีผู้หนึ่งอันนำไปสู่จุดจบของราชวงศเจิ่น โฮ กุ๋ยหลี ก้าวสู่การครองราชย์ ตั้งราชวงศ์ตามตระกูลของตนเอง ระบบจอหงวน กองทัพ เศรษฐกิจ ได้รับการสังคายนาขนานใหญ่ เช่น การสอบเน้นวิชาคณิต วิถีชีวิตชาวนา เเละงานของขงขื้อ กฎหมายได้มีการปฏิรูป เปิดเมืองท่าสองเเห่ง ราชวงศ์หมิงของจีนกังวล หากปล่อยเอาไว้ อาจเป็นภัย จึงส่งกองทัพเข้ามายึดครองอีกครั้ง บังคับให้ชาวเวียดนามเเต่งกายตามเเบบชาวจีน ทำลายล้างความเป็นชาติเวียดนามดดยการเผาบันทึกทางประวัติของเวียดนาม
[แก้] การเมือง
- การเมืองของเวียดนามมีเสถียรภาพ เนื่องจากมีพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นองค์กรที่มีอำนาจ สูงสุดผูกขาดการชี้นำภายใต้ระบบผู้นำร่วม (collective leadership) ที่คานอำนาจระหว่างกลุ่มผู้นำ ได้แก่
- กลุ่มปฏิรูป ที่สนับสนุนการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรี ฟาน วัน ขาย
- กลุ่มอนุรักษ์นิยม ซึ่งต่อต้านหรือชะลอการเปิดประเทศ เพราะเกรงภัยของ “วิวัฒนาการที่สันติ” peaceful evolution) อันเนื่องมาจากการเปิดประเทศ และ
- กลุ่มที่เป็นกลาง ประนีประนอมระหว่างสองกลุ่มแรก นำโดยอดีตประธานาธิบดี เจิ่น ดึ๊ก เลือง ส่งผลให้รัฐบาลเวียดนามต้องปรับแนวทางการบริหารประเทศให้ยืดหยุ่นและเปิดกว้างมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถดำเนินไปได้ในย่างก้าวที่รวดเร็วนัก
- เวียดนามได้มีการเลือกตั้งสภาแห่งชาติ สมัยที่ 11 เมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 มีผู้ได้รับการเลือกตั้งทั้งสิ้น 498 คน เป็นผู้สมัครอิสระเพียง 2 คน ที่เหลือเป็นผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกจากพรรคคอมมิวนิสต์ สภาแห่งชาติมีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี มีหน้าที่ตรากฎหมาย แต่งตั้งหรือถอดถอนประธานาธิบดี ประธานรัฐสภา และ นายกรัฐมนตรี
- สภาแห่งชาติชุดใหม่ได้เปิดประชุมเมื่อ 19 กรกฎาคม 2545 โดยสภาได้มีมติสำคัญๆ คือ
- รับรองผลการเลือกตั้งเมื่อ 19 พฤษภาคม
- เลือกตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ประจำสภา
- การเลือกตั้งให้นายเหวียน วัน อาน ดำรงตำแหน่งประธานสภาต่อไป (เมื่อ 23 กรกฎาคม)
- การเลือกตั้งให้นายเจิ่น ดึ๊ก เลือง ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไป (เมื่อ 24 กรกฎาคม) และ
- เลือกตั้งให้นายฟาน วัน ขาย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป (เมื่อ 25 กรกฎาคม) และได้มีการปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อ 8 สิงหาคม 2545 โดยในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ 26 คน มีรัฐมนตรีที่ได้รับแต่งตั่งใหม่ 15 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ หลายคนเคยดำรงรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงนั้น ๆ มาแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการตั้งกระทรวงใหม่ 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคม และกระทรวงภายใน ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการปฏิรูปเศรษฐกิจและการบริหารประเทศมากขึ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาในประเด็นนี้ ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามที่ดำเนินไปด้วยดีในปัจจุบัน
- แผนงานการปฏิรูประบบราชการสำหรับปี ค.ศ. 2001-2010 เน้น 4 ประเด็น ได้แก่ การปฏิรูประบบกฎหมาย การปฏิรูปโครงสร้างองค์กร การยกระดับความสามารถของข้าราชการ และการปฏิรูปด้านการคลัง
[แก้] การแบ่งเขตการปกครอง
ประเทศเวียดนามแบ่งเป็น 59 จังหวัด (tỉnh: ติ้ญ) และ 5 เทศบาลนคร* (thủ đô: ทู่โด) ดังนี้
|
|
[แก้] ภูมิศาสตร์
เวียดนามเป็นประเทศที่มีลักษณะเป็นแนวยาว และ มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงกั้นระหว่างที่ราบลุ่มแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ทางตอนเเหนือและใต้ แต่มีภูเขาที่มีป่าหนาทึบแค่ 20%
[แก้] ลักษณะภูมิประเทศ
- มีที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ 2 ตอน คือ ตอนเหนือ เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำแดง และตอนใต้เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง
- มีที่ราบสูงตอนเหนือของประเทศ และยังเป็นภูมิภาคที่มี เขาฟาน ซี ฟัน(Phan Xi Păng)ซึ่งเป็นภูเขาที่สูง 3,143 เมตร (10,312 ft) ตั้งอยู่ในจังหวัดเล่าไค เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอินโดจีน
[แก้] ลักษณะภูมิอากาศ
- เป็นแบบมรสุมเขตร้อน ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกเปิดโล่งรับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านทะเลจีนใต้ ทำให้มีโอกาสรับลมมรสุมและพายุหมุนเขตร้อน จึงมีฝนตกชุกในฤดูหนาว สามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2 ครั้ง (ฝนตกตลอดปี ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ)
- เป็นประเทศที่มีความชื้นประมาณ 84 % ตลอดปี มีปริมาณฝน จาก 120 ถึง 300 เซนติเมคร(47 ถึง 118 นิ้ว) และมีอุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่ 5°C (41°F) ถึง 37°C (99°F)
[แก้] ชายแดน
ทั้งหมด 4,638 km (2,883 mi) โดยติดกับประเทศกัมพูชา 1,228 km (763 mi) ประเทศจีน 1,281 km (796 mi) และ ประเทศลาว 2,130 km (1,324 mi)
[แก้] เศรษฐกิจ
- เกษตรกรรม ได้แก่ ข้าวเจ้า ยางพารา ชา กาแฟ ยาสูบ
- การทำเหมืองแร่ที่สำคัญ คือ ถ่านหิน น้ำมันปิโตรเลียม และก๊าซธรรมชาติ
- อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมทอผ้า ศูนย์กลางอยู่ที่โฮจิมิน
- การประมง เวียดนามจับปลาได้เป็นอันดับ 4 ของสินค้าส่งออก เช่น ปลาหมึก กุ้ง ตลาดที่สำคัญ คือ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และสิงคโปร์
แม้ว่าเหตุผลทางเศรษฐกิจจะเป็นเหตุผลที่มีความสำคัญรองจากเหตุผลทางการเมืองและยุทธศาสตร์ในการที่อาเซียนรับเวียดนามเข้าเป็นสมาชิก แต่ก็ยังคงความสำคัญในระดับหนึ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้ความสัมพันธ์ทวิภาคีทางเศรษฐกิจระหว่างเวียดนามและประกาศถอนทหารออกจากกัมพูชา และเมื่อเวียดนามได้ลงนามในข้อตกลงสันติภาพที่กรุงปารีสในปี 1991
[แก้] เหตุผลการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน
- การสนับสนุนและความช่วยเหลือในการพัฒนาทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมจากประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งเวียดนามมองว่าเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับการปรับสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์และการปรับนโยบายต่างประเทศ การเข้ารวมกลุ่มอาเซียนจะทำให้เวียดนามมีโอกาสได้เรียนรู้ประสบการณ์ในการพัฒนาประเทศจากสมาชิกต่างๆ อันจะมีส่วนเอื้ออำนวยและเร่งการพัฒนาของตนไปสู่ระบบเศรษฐกิจการตลาดซึ่งตั้งอยู่บนหลักการของการแข่งขันได้ในที่สุด
- เวียดนามให้ความสำคัญสูงสุดต่อการเข้าร่วมในระบบเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและระบบเศรษฐกิจของโลก การเป็นสมาชิกของอาเซียนจะนำไปสู่การมีส่วนร่วมในเขตการค้าเสรีอาเซียน และนำเวียดนามไปสู่ความคุ้นเคยกับแนวทางปฏิบัติในการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในระดับโลก อันจะมีผลดีและเป็นปัจจัยประการหนึ่งที่จะผลักดันเวียดนามให้ก้าวไปสู้การเป็นสมาชิกของ APEC และ WTO ได้ในที่สุด
- ในฐานะของสมาชิกอาเซียน เวียดนามหวังที่จะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของการค้าและการลงทุนกับประเทศอาเซียนทั้งหลาย ขณะเดียวกันในขณะที่การค้าภายในกลุ่มอาเซียนกำลังขยายตัว เวียดนามก็ได้ตระเตรียมและปรับทิศทางการส่งออกของตนที่จะไปสู่ตลาดอาเซียนนี้อย่างจริงจังมากขึ้น การนำเข้าของเวียดนามจากอาเซียนในขณะนี้เป็นครึ่งหนึ่งของการนำเข้าทั้งหมดของทั้งหมดของเวียดนาม และประมาณร้อยละ 30 ของการค้าทั้งหมดของเวียดนามที่มีกับอาเซียนนอกจากนี้ เวียดนามยังหวังว่าตนจะได้รับสิทธิพิเศษ GSP อย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป และเวียดนามยังจะเป็นจุดส่งออกที่สำคัญสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ
ในด้านการลงทุน ทั้งเวียดนามและประเทศในกลุ่มอาเซียนจะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันจากการที่ประเทศในกลุ่มอาเซียนเข้าไปลงทุนในเวียดนามโดยเวียดนามจะสามารถดูดซึมเทคนิค วิทยาการและเทคโนโลยีที่ผ่านมากับการลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบของการร่วมทุน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาการผลิตของเวียดนาม และขณะเดียวกัน นับตั้งแต่เวียดนามเปิดประเทศและประกาศกฎหมายว่าด้วยการลงทุนต่างชาติ ประเทศสมาชิกอาเซียนต่างก็ให้ความสนใจลพยายามแสวงหาโอกาสเข้าไปลงทุนในเวียดนาม ทั้งนี้เพราะอาเซียนก็สนใจในผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกันทั้งด้านการค้าและการลงทุน เนื่องจากเวียดนามเป็นตลาดใหญ่มีประชากรถึง 73 ล้านคน มีความสมบูรณ์ทางทรัพยาธรรมชาติ มีแรงงานที่มีศักยภาพและมีราคาถูก การมีเวียดนามเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นจะทำให้อาเซียนมีประชากรเพิ่มเป็น 420 ล้านคน และจะมีผลผลิตมวลรวมภายในถึง 500 พันล้าน เหรียญสหรัฐฯ อันจะทำให้อาเซียนมีศักยภาพในการขยายตัวกางเศรษฐกิจได้มากขึ้นไปอีก
ในปัจจุบัน ประเทศที่ได้รับการอนุมัติด้วยมูลค่าลงทุนมากที่สุดได้แก่สิงคโปร์ ซึ่งมีโครงการการลงทุนที่ได้รับการอนุมัติจำนวนโครงการ ด้วยมูลค่า 5.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มูลค่าการลงทุนของประเทศสมาชิกอาเซียนในเวียดนามคิดได้เป็นร้อยละ 27.69 ของมูลค่าของการลงทุนต่างชาติทั้งสิ้นในเวียดนาม กล่าวคือในมูลค่า 8.14 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จากมูลค่าของการลงทุนต่างชาติทั้งสิน 29.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีโครงการทั้งสิ้น 337 โครงการ โดยมาเลเซียลงทุนเป็นอันดับ 2 รองจากสิงคโปร์ ไทยลงทุนเป็นอันดับ 3 ประเภทของการลงทุนที่สมาชิกอาเซียนดำเนินการในเวียดนาม ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิต การก่อสร้างสำนักงาน ที่อยู่อาศัย การผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและการแปรรูปอาหาร เวียดนามหวังว่าการลงทุนจากประเทศสมาชิกอาเซียนนี้จะมีส่วนช่วยถ่วงดุลการลงทุนจากเกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง และญี่ปุ่น
ในขณะเดียวกันในส่วนของอาเซียน เหตุผลประการหนึ่งที่ทำให้อาเซียนยินดีรับเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกก็คือ การเข้ารวมกลุ่มอาเซียนของเวียดนามนั้นจะมีผลไปเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจอีกทั้งอำนาจในการต่อรองทางการเมืองทั้งหลายต่างก็มีผลประโยชน์ที่สอดคล้องกัน ทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจร่วมกันอันนำไปสู่การยอมรับกันในที่สุด
[แก้] แนวโน้มในอนาคต
สิ่งที่น่าจับตามองในอนาคตก็คือ บทบาทของเวียดนามทั้งทางเศรษฐกิจและความมั่นคงในอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีหลังนั้น เวียดนามจะมีศักยภาพหรือเพิ่มศักยภายในการถ่วงดุลให้กับอาเซียนในกรณีความขัดแย้งหมู่เกาะสแปรตลีย์ได้หรือไม่ และอีกทั้งความคาดหวังอาเซียนในผลประโยชน์ด้านต่างๆที่จะได้รับจากการรับเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มจะบรรลุหรือไม่เพียงใด เป็นประเด็นที่น่าติดตามและน่าจะได้มีการศึกษาต่อไป
[แก้] ประชากร
- มีจำนวน 84.23 ล้านคน ความหนาแน่นโดยเฉลี่ย 253 คน : ตารางกิโลเมตร เวียด 86.21% ถาย 1.9% ไท 1.74% เหมื่อง 1.49% ฮั้ว(จีน) 1.13% นุง 1.12% ม้ง 1.03%
[แก้] วัฒนธรรม
จากการสำรวจในปี พ.ศ. 2542 ประเทศเวียดนามมีประชากรถึง 80% ที่ถือว่าตนเองไม่มีศาสนา ที่เหลือนั้นนับถือ ลัทธิเต๋า พุทธมหายาน โรมันคาตอลิก โปรแตสเตนท์ และ อื่นๆ แต่ก็มีชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นชาวจาม
[แก้] ดูเพิ่ม
กัมพูชา · กาตาร์ · เกาหลีใต้ · เกาหลีเหนือ · คาซัคสถาน1 · คีร์กีซสถาน · คูเวต · จอร์เจีย1 · จอร์แดน · จีน · ญี่ปุ่น · ซาอุดีอาระเบีย · ซีเรีย · ไซปรัส2 · ติมอร์ตะวันออก3 · ตุรกี1 · เติร์กเมนิสถาน · ทาจิกิสถาน · ไทย · เนปาล · บรูไน · บังกลาเทศ · บาห์เรน · ปากีสถาน · พม่า · ฟิลิปปินส์ · ภูฏาน · มองโกเลีย · มัลดีฟส์ · มาเลเซีย · เยเมน · รัสเซีย1 · ลาว · เลบานอน · เวียดนาม · ศรีลังกา · สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ · สิงคโปร์ · อัฟกานิสถาน · อาเซอร์ไบจาน1 · อาร์เมเนีย2 · อินเดีย · อินโดนีเซีย3 · อิรัก · อิสราเอล · อิหร่าน · อียิปต์4 · อุซเบกิสถาน · โอมาน
ดินแดนพิเศษ: ฮ่องกง (จีน) · ชัมมูและแคชเมียร์ (อินเดีย/ปากีสถาน/จีน) · เคอร์ดิสถาน (อิรัก) · มาเก๊า (จีน) · นากอร์โน-คาราบัค1 (อาเซอร์ไบจาน) · ปาเลสไตน์: ฉนวนกาซา · เวสต์แบงก์ (อิสราเอล/รัฐบาลปาเลสไตน์) ·ไต้หวัน (จีน/รัฐบาลไต้หวัน) · สาธารณรัฐตุรกีแห่งไซปรัสเหนือ1 (ไซปรัส)
(1) อาจจัดให้อยู่ในทวีปยุโรป; (2) อยู่ในทวีปเอเชีย แต่มีความสัมพันธ์ทางการเมืองสังคมกับทวีปยุโรป;
(3) อาจจัดพื้นที่บางส่วน/ทั้งหมดให้อยู่ในเขตโอเชียเนีย; (4) พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปแอฟริกา
รัฐสมาชิก: กัมพูชา · ไทย · บรูไน · พม่า · ฟิลิปปินส์ · มาเลเซีย · ลาว · เวียดนาม · สิงคโปร์ · อินโดนีเซีย
ประเทศสังเกตการณ์: ปาปัวนิวกินี
เกาหลีใต้ · แคนาดา · จีน · ชิลี · ญี่ปุ่น · นิวซีแลนด์ · บรูไนดารุสซาลาม · ปาปัวนิวกินี · เปรู · ไทย · ฟิลิปปินส์ · มาเลเซีย · เม็กซิโก · รัสเซีย · เวียดนาม · สิงคโปร์ · ออสเตรเลีย · อินโดนีเซีย · สหรัฐอเมริกา · จีนไทเป · ฮ่องกง