การคิดเชิงปรัชญา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บทความนี้ต้องการเก็บกวาด ตรวจสอบ ปรับปรุง แก้ไขรูปแบบ เพิ่มแหล่งอ้างอิง ใส่หมวดหมู่ หรือภาษาที่ใช้
ส่วนใดส่วนหนึ่งหรือในหลายส่วนด้วยกัน
คุณสามารถช่วยตรวจสอบ และแก้ไขบทความนี้ได้ด้วยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน
กรุณาเปลี่ยนไปใช้ป้ายข้อความอื่น เพื่อระบุสิ่งที่ต้องการตรวจสอบ หรือแก้ไข
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ วิธีแก้ไขหน้าพื้นฐาน คู่มือการเขียน และ นโยบายวิกิพีเดีย ซึ่งสามารถดูตัวอย่างบทความได้ที่ บทความคุณภาพ และเมื่อแก้ไขตามนโยบายแล้ว สามารถนำป้ายนี้ออกได้

คำว่าปรัชญามีเพียงคำนิยามซึ่งเป็นที่รู้กันว่า "ความรักในความรู้" แต่ไม่มีความหมายที่ตายตัวว่าปรัชญาหมายถึงอะไร อาจตอบได้ว่า ความหมายของปรัชญาขึ้นอยู่กับความสนใจของนักปรัชญาแต่ละยุคแต่ละสมัยและต่างกาลเทศะ ในอดีตความหมายของปรัชญาขึ้นอยู่กับสาขาของปรัชญา กล่าวคือ นักอภิปรัญาให้ความหมายปรัชญาว่าปรัชญาว่าด้วยความจริง นักญาณวิทยาให้ความหมายปรัชญาว่าหมายถึงความรู้ ส่วนนักจริยศาสตร์ให้ความหมายของปรัชญาว่าหมายถึงความดี จึงสรุปว่า ความหมายของปรัชญาขึ้นอยู่กับสาขาของปรัชญา ความหมายโดยรวมของปรัชญาคือ การคิดอย่างเป็นระบบ คิดเกี่ยวกับพระเจ้า โลก และวิญญาณอย่างเป็นระบบ คำตอบที่ได้เป็นเพียงคำตอบที่ยอมรับกันในขณะนั้นเท่านั้น เป็นคำตอบที่ยังไม่เป็นที่ยุติ สามารถให้เหตุผลโต้แย้งกัน คำตอบจึงเป็นลักษณะปลายเปิด ไม่ใช่ปลายปิดเหมือนคำตอบของศาสนา การแสวงหาคำตอบทางปรัชญา จึงมีคำเปรียบเทียบว่า เหมือนการแสวงหาแมวดำในห้องมืด ซึ่งคล้ายกับจะบอกว่า คำตอบของปัญหาทางปรัชญานั้นสามารถตอบได้หลายนัย ไม่มีการตัดสินว่า คำตอบใดผิดถูก ขึ้นอยู่กับเหตุผลที่นักปรัชญาคนั้นจะให้ ดังนั้น ปรัชญาจึงมีเสน่ห์และมีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง เสน่ห์ของปรัชญา คือ ทำให้เป็นคนใจกว้าง ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น และทำให้มีโลกทรรศน์กว้าง ได้ทราบสิ่งใหม่ๆ เสมอ ลักษณะของนักปรัชญา คือ เป็นคนที่มีอิสรภาพทางปัญญา หรือ มีอิสรภาพทางความคิด เหมือนคนรวย ย่อมมีอิสรภาพทางการจับจ่ายใช้สอยเงิน ปรัชญามีวิธีการเป็นของตนเอง เราสามารถทำปรัชญาได้ 3 ขั้นตอน คือ อันดับแรก เราต้องทราบว่า ใครพูดอะไรที่ไหน อันดับที่สอง เขาพูดอย่างนั้นเพาะเหตุใด และ อันดับที่สาม เราเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเขาเพราะเหตุผลใด ประเด็นที่สาม นับว่ามีความสำคัญมาก เพราะ ปรัชญาสอนให้รู้จักคิดหาเหตุผลทั้งโต้แย้งและสนับสนุน เราอาจฝึกทำปรัชญาด้วยวิธีการง่ายๆ คือ หัดหาคำถามและคำตอบด้วยด้วยตนเอง คำถามและตอบทางปรัชญามีลักษณะ 4 อย่าง คือ 1. คำถามเก่า-คำตอบเก่า 2. คำถามเก่า-คำตอบใหม่ 3. คำถามใหม่คำตอบเก่า และ 4. คำถามใหม่และคำตอบใหม่ หมายความว่า คำถามคำอย่างหนึ่งตอบได้หลายอย่าง และคำตอบแต่ละอย่างยังไม่เป็นข้อยุติ นักปรัชญาต้องหัดคิด ชอบคิดและฉุกคิดเสมอ นักคิดย่อมต้องทำใจให้สงบเพื่อจะได้คิดได้ไวและแตกประเด็นได้ ถ้าใจไม่สงบก็ป่วยการคิด เพราะจะไม่สามารถได้คำตอบที่ชัดเจน