มหาวิทยาลัยพายัพ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สถานีย่อย:ประเทศไทย

มหาวิทยาลัยพายัพ

พายัพ

ชื่อ มหาวิทยาลัยพายัพ (P.Y.U)
ชื่อ (อังกฤษ) Payap University
ก่อตั้ง พ.ศ. 2517
ประเภทสถาบัน เอกชน
อธิการบดี ผศ. ดร. ประดิษฐ์ เถกิงรังสฤษดิ์
คำขวัญ สัจจะ-บริการ
เพลงประจำสถาบัน สัจจะ-บริการ
ต้นไม้ประจำสถาบัน ดอกบุนนาค
สีประจำสถาบัน ฟ้า-ขาว
ที่ตั้ง/วิทยาเขต ถ.ซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ - ลำปาง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000
เว็บไซต์ www.payap.ac.th

มหาวิทยาลัยพายัพ ก่อตั้งตั้งแต่ พ.ศ. 2517 โดยนับเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกของประเทศไทย[1]

สารบัญ

[แก้] ประวัติ

คริสตศาสนานิกายโปรเตสแตนทเข้ามาประกาศเผยแพร่ครั้งแรกในประเทศไทย สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นในปีค.ศ. 1828 โดยคณะมิชชันนารีจากอังกฤษ คือ คณะลอนดอนมิชชันนารีโซไซเอ็ตตี้ (London Missionary Society) ต่อมาได้ติดต่อประสานงานให้ คณะมิชชั่นอื่นส่งมิชชันนารีเข้ามาประกาศเผยแพร่ด้วย เช่น มิชชันนารีคณะอเมริกันเพรสไบทีเรียนมิชชั่น เข้ามาประกาศเผยแพร่คริสตศาสนาในประเทศไทยตั้งแต่ปี ค.ศ. 1840 ในช่วงแรกประกาศเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ เท่านั้น ในปี ค.ศ.1861 ทางราชการประกาศอนุญาตให้ออกไปเผยแพร่ทำการประกาศนอกกรุงเทพฯได้ จึงส่งมิชชันนารีไปทำงานที่เพชรบุรี และในปี ค.ศ. 1867 ก็เข้ามาประกาศเผยแพร่ที่เชียงใหม่ ลักษณะการเผยแพร่ประกาศคริสตศาสนาสิ่งหนึ่งคือ การตั้งโรงเรียนเป็นสถานศึกษาแบบตะวันตก จัดสอน การเรียนการศึกษาแบบตะวันตกแก่เด็กชายและเด็กหญิง เป็นการเตรียมผู้นำสำหรับคริสตจักร และการบริหารโรงเรียน การดำเนินการพันธกิจด้านการศึกษาของมิชชั่น ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี มีการตั้งโรงเรียนในจังหวัดต่าง ๆ ที่มิชชั่นเข้าไปดำเนินการ รวมทั้งมีการตั้งโรงเรียนในคริสตจักรต่าง ๆ ที่มีความพร้อมด้วย ดังนั้นช่วงต้นศตวรรษ ที่ 20 มิชชั่นจึงมีแนวความคิดที่จะจัดตั้งมหาวิทยาลัย คริสเตียนขึ้นที่เชียงใหม่ ดังจะเห็นได้จากรายงานของมิชชั่นลาวเหนือ (North Siam Mission) ที่มีไปถึงคณะกรรมาธิการต่างประเทศ (Board of Foreign Mission) ที่สหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1912 – 1913 กล่าวว่ามิชชั่นลาวมีนโยบายขยายการศึกษาในเขตชุมชนคริสเตียนทุกแห่ง คือจะต้องมีการจัดตั้งโรงเรียนประถมรวมทั้งโรงเรียนมัธยมชายและหญิงในทุกสถานี (Station) และมิชชั่นเห็นว่าเชียงใหม่มีทุกอย่างที่เหมาะสม มีโรงเรียนระดับมัธยมสำหรับชายและหญิง มีวิทยาลัย พระคริสตธรรม มีโรงพยาบาล มีโรงพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสถานที่และบุคลากร มิชชั่นจึงต้องการรวมสถาบันการศึกษาชั้นสูงในเชียงใหม่ขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย The Laos Christian University มี 4 คณะ คือ ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศาสนศาสตร์ และแพทยศาสตร์ โดยมีคณบดี 4 ท่าน อาจารย์ผู้สอน 4 ท่าน และเลขานุการสำหรับมหาวิทยาลัย 1 ท่าน และจะต้องมีศึกษานิเทศน์ประจำสถานีด้วย ทางด้านอาคารสถานที่จากรายงานของมิชชั่นในปีค.ศ.1912 มิชชั่นได้ของบประมาณ จากบอร์ดเป็นเงิน 15,000 ดอลลาร์ สำหรับจัดซื้อที่ดินสร้างมหาวิทยาลัย มิชชั่นเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะราคาที่ดินจะสูงขึ้นถ้าทางรถไฟสร้างมาถึงเชียงใหม่ ซึ่งขณะนั้นมีการสร้างมาถึงแพร่-เวียงละกอนแล้ว มิชชั่นวางโครงการซื้อที่ดิน 100 - 150 เอเคอร์ มิชชั่นต้องการงบประมาณทั้งหมด 160,500 ดอลล่าร์ สำหรับสร้างอาคารเรียนคณะต่าง ๆ แยกเป็นดังนี้ 25,000 ดอลล่าร์ สำหรับสร้างอาคารเรียนคณะศิลปศาสตร์ 370,000 ดอลล่าร์สร้างอาคารเรียนคณะวิทยาศาสตร์ 38,500 ดอลล่าร์สำหรับสร้างอาคารเรียนคณะศาสนศาสตร์ 36,500 ดอลล่าร์ สร้างอาคารเรียนคณะแพทยศาสตร์ และ 23,500 ดอลล่าร์สำหรับสร้างอาคารเรียนโรงเรียนฝึกหัดพระคัมภีร์สำหรับสตรี นอกจากนี้มิชชั่นยังต้องการหอพักนักศึกษา โรงยิม ห้องนมัสการและอุปกรณ์สำหรับแต่ละคณะด้วย แนวความคิดของมิชชั่นลาวเหนือที่ขอจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่เชียงใหม่ไม่ ประสบผลสำเร็จเนื่องจากทางคณะกรรมาธิการต่างประเทศในนามของมิชชั่นที่สหรัฐอเมริกาได้ตอบมาว่ายังไม่พร้อมที่จะให้การสนับสนุน เพราะไม่มีงบประมาณเพียงพอ จึงทำให้แนวคิดนี้ต้องถูกระงับไว้ ต่อมาเมื่อมิชชั่นมีความพร้อมที่จะสนับสนุนงบประมาณให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยได้ แต่ก็ประสบกับอุปสรรคกับทางรัฐบาลไทยในขณะนั้นที่ยังไม่มีพระราชบัญญัติการศึกษาที่สนับสนุนให้ต่างประเทศมาตั้งมหาวิทยาลัย ในช่วงระยะเวลานี้ทางมิชชั่นก็เปิดดำเนินการโรงเรียนของมิชชั่น และมีการเปิดโรงเรียนที่ดำเนินการโดยคริสตจักรท้องถิ่นด้วย โรงเรียนเหล่านี้ได้นำเอาระบบการศึกษาแบบตะวันตกมาปรับปรุงใช้ในการดำเนินงานและอยู่ภายใต้การดูแลของมิชชั่นมาโดยตลอด จนกระทั่งในปีค.ศ. 1934 มีการตั้งสภาคริสตจักรในประเทศไทยขึ้น มิชชั่นได้มอบกิจการต่าง ๆ ให้กับสภาคริสตจักรฯ ดูแลและได้ปรับปรุงงานด้านการศึกษา สภาคริสตจักรในประเทศไทยมีความตั้งใจที่จะตั้งมหาวิทยาลัยคริสเตียนเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของมิชชั่นลาวเหนือที่ได้ริเริ่มโครงการไว้เพื่อส่งเสริมการให้บริการด้านการศึกษาระดับสูงแก่ประชาชนชาวไทยอีกระดับหนึ่ง แต่การดำเนินการต้องประสบกับอุปสรรค เพราะนโยบายของรัฐบาลไทยไม่เปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีส่วนจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา การจัดตั้งมหาวิทยาลัยคริสเตียนจึงยังไม่สามารถดำเนินการได้ ทั้ง ๆ ที่สถานที่และทุนดำเนินการได้มีการเตรียมไว้พร้อมแล้ว ต่อมาเมื่อความต้องการของผู้ที่จะศึกษาในระดับอุดมศึกษามีมากขึ้นและรัฐบาลไม่สามารถสนองตอบความต้องการได้อย่างทั่วถึง รัฐบาลจึงได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติวิทยาลัยเอกชนขึ้นในปี ค.ศ. 1969 เปิดโอกาสให้เอกชนจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาได้ สภาคริสตจักรในประเทศไทยจึงได้รื้อฟื้นความคิดที่จะตั้งสถาบันอุดมศึกษาขึ้นมาใหม่ โดยขั้นแรกจะยกฐานะของสองสถาบันคือ โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัยแมคคอร์มิคและวิทยาลัยพระคริสตธรรม ซึ่งเป็นสถาบันที่เก่าแก่และตั้งมานานแล้วขึ้นเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่รัฐบาลจะรับรองมาตรฐานได้ดังนั้นผู้อำนวยการของทั้งสองสถาบันดังกล่าวได้ตกลงร่วมกันเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้โดยมีผู้อำนวยการโรงเรียนสังกัดสภาคริสตจักรในประเทศไทยและผู้เชี่ยวชาญทางการศึกษาของสภาคริสตจักรฯ อีกหลายคนดังมีรายชื่อต่อไปนี้คือ ศจ.ดร.จอห์น แฮมลิน อจ.บุญชวน เจิมประไพ ศจ.ประเสริฐ อินทะพันธุ์ ร.ต.ท. แก้ว เนตตโยธิน นพ.พิพัฒน์ ตรังรัฐพิทย์ ดร. คอนรัด คิงศ์ฮิลล์ ศจ.วิคเตอร์ แมคแอนนาแลน ศจ.ประพันธ์ จันทรบูรณ์ อจ.ประกาย นนทวาสี อจ.ธวัช เบญจวรรณ และอจ.โดแนลด์ แมคอิลวไรด์ ประชุมเกี่ยวกับการจัดตั้งวิทยาลัยเอกชนเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1970 ที่ประชุมมีมติเห็นสมควรให้จัดตั้งวิทยาลัยเอกชน และได้นำเสนอต่อสภาคริสตจักรฯ และสภาคริสตจักรฯ ได้พิจารณาเห็นชอบด้วย และได้แต่งตั้งคณะบุคคลดังกล่าวเป็น “คณะกรรมการดำเนินการจัดตั้งวิทยาลัยเอกชนของสภาคริสตจักรในประเทศไทย” เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 1970 คณะกรรมการจัดตั้งวิทยาลัยเอกชนฯ ได้ตระเตรียมรายละเอียดของหลักสูตร และระเบียบเกี่ยวกับวิทยาลัยทุกอย่าง ในตอนแรกได้พิจารณาเปิด 2 แผนก คือ แผนกวิทยาศาสตร์ซึ่งเปิดสอนสาขาวิชาพยาบาล (แมคคอร์มิคเดิม) และแผนกศิลปศาสตร์ ซึ่งเปิดสอนสาขาวิชาปรัชญาและศาสนา สาขาวิชาดุริยศิลป์ และสาขาวิชาบริหาร การตั้งชื่อวิทยาลัยนั้นคณะกรรมการดำเนินงานจัดตั้งวิทยาลัยเอกชน ได้มีมติที่ 71/2 ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1971 ให้เรียกชื่อวิทยาลัยว่า “วิทยาลัยคริสเตียนพายัพ” ดังนั้นจึงถือเอาวันที่ 16 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันสถาปนาวิทยาลัย ต่อมาในวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 1972 คณะกรรมการฯ ได้ประชุมกันและพิจารณาปรับเปลี่ยนชื่อวิทยาลัยจาก "วิทยาลัย คริสเตียนพายัพ" เป็น “วิทยาลัยพายัพ” ในการประชุมของคณะกรรมการดำเนินงานจัดตั้งวิทยาลัยพายัพ วันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1972 ที่ประชุมตกลงให้ใช้สีฟ้า - ขาว เป็นสีของวิทยาลัย การแต่งตั้งผู้อำนวยการวิทยาลัยพายัพ ทางคณะกรรมการดำเนินงานสภาคริสตจักร ในประเทศไทย ได้มีมติแต่งตั้ง นายแพทย์พิพัฒน์ ตรังรัฐพิทย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล แมคคอร์มิค เป็น ผู้อำนวยกาวิทยาลัยพายัพคนแรก เมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ.1972 เมื่อเตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว ในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 1972 ร.ต.ท.แก้ว เนตตโยธิน ประธานคณะกรรมการดำเนินงานการจัดตั้งวิทยาลัยพายัพได้ยื่นหนังสือขออนุมัติจัดตั้ง “วิทยาลัยพายัพ” ต่อคณะกรรมการศึกษาแห่งชาติ แต่ภายหลังคณะปฏิบัติมีประกาศให้หน่วยงานของวิทยาลัยเอกชนไปสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และในวันที่ 21 มีนาคม ค.ศ. 1974 สภาคริสตจักรฯ ก็ได้รับใบอนุมัติจัดตั้งวิทยาลัยพายัพ จากกระทรวงศึกษาธิการรวมใช้เวลาดำเนินการขอจัดตั้งทั้งหมด 3 ปี 8 เดือน 13 วัน วิทยาลัยพายัพเปิดสอนครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 1974 โดยเปิดสอน 8 สาขาวิชา คือ สาขาวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ดุริยศิลป์ ประวัติศาสตร์ ปรัชญาศาสนา สังคมวิทยา - มานุษยวิทยา การบริหารงานบุคคล และอนุปริญญาพยาบาลและอนามัย มีนักศึกษาเริ่มแรก จำนวน 189 คน จาก 15 จังหวัด ทั่วประเทศไทย ในวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 1974 ได้มีพิธีเปิดวิทยาลัยพายัพอย่างเป็นทางการที่เขตแก้วนวรัฐ ต่อมาในปี ค.ศ. 1977 วิทยาลัยพายัพได้เปิดสาขาวิชาเพิ่มขึ้นอีก 3 สาขาวิชา ได้แก่ สาขาวิชาการตลาด สาขาวิชาการเลขานุการ และสาขาวิชาการบัญชี รวมเป็น 11 สาขาวิชา และในวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1977 มติที่ 11/77 ของกรรมการบริหารวิทยาลัยพายัพ แต่งตั้ง ดร.อำนวย ทะพิงค์แก เป็นผู้อำนวยการคนที่สองของวิทยาลัยพายัพ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1977 เป็นต้นไป ในวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1979 กรรมการดำเนินงานสภาคริสตจักรในประเทศไทย มีมติที่ ส.-ด. 44/79 ให้รวมวิทยาลัยพระคริสตธรรมเข้ากับวิทยาลัยพายัพ มีฐานะเป็นคณะหนึ่งของวิทยาลัยพายัพ คือคณะศาสนศาสตร์แมคกิลวารี เพื่อให้การจัดการศึกษาของทั้งสองสถาบันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยให้วิทยาลัยพายัพยื่นขออนุญาตเปิดคณะอีกคณะหนึ่งในปีนี้คือ คณะศาสนศาสตร์แมคกิลวารี และเปิดหลักสูตรปริญญาโทศาสนศาสตร์สำหรับนักศึกษาที่สำเร็จปริญญาตรีแล้วและตั้งใจจะประกอบอาชีพทางศาสนาระดับสูง ต่อมาเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1984 วิทยาลัยพายัพได้รับอนุญาตจากทบวงมหาวิทยาลัยเปลี่ยนประเภทจากวิทยาลัย เป็น “มหาวิทยาลัย” และมหาวิทยาลัยพายัพได้ดำเนินการพัฒนาในด้านการเรียนการสอนมาโดยลำดับจนปัจจุบันนี้ได้รับอนุญาตให้เปิดสอนในระดับปริญญาตรี 9 คณะ 24 สาขาวิชา เปิดสอนภาคค่ำในระดับปริญญาตรี (หลักสูตร 4 ปี) และปริญญาตรีหลักสูตรต่อเนื่อง 2 ปี และเปิดสอนระดับปริญญาโทอีก 5 สาขาวิชา นอกจากนั้นมหาวิทยาลัยพายัพได้พยายามปรับปรุง และพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อผลิตบัณฑิตตามแนวทางที่ตอบสนองความต้องการของสังคมอยู่ตลอดเวลา มหาวิทยาลัยพายัพได้ปฏิบัติภารกิจด้านต่างๆของสถาบันอุดมศึกษาได้ช่วยสนับสนุนให้การจัดการศึกษาและการผลิตบัณฑิตของมหาวิทยาลัยดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานับได้ว่ามหาวิทยาลัยพายัพได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติตลอดมา

(อ้างอิงจาก หอจดหมายเหตุ มหาวิทยาลัยพายัพ)

[แก้] สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย

[แก้] สัญลักษณ์

เครื่องหมายมหาวิทยาลัย เป็นรูปวงกลม ตรงกลางประกอบด้วยวงกลมเล็กสี่วง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ มนุษย์วิทยาศิลป์ และศาสนา ด้านบนวงกลมมีข้อความว่า "มหาวิทยาลัยพายัพ" ด้านล่างมีข้อความว่า "สัจจะ - บริการ" ภาษาอังกฤษ "PAYAP UNIVERSITY" และ "TRUTH - SERVICE" อันเป็น ปณิธานของมหาวิทยาลัย

[แก้] ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย

ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย คือ บุนนาค ( Mesua ferrea Linn ) ซึ่งมีความหมายดังนี้

  • ดอกบุนนาค
  1. มีสีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ ความสะอาด หมดจด คุณงามความดี
  2. มีกลิ่นหอม ทำให้เกิดความพึงพอใจ เป็นสัญลักษณ์ของการขจายขจรชื่อเสียง
  3. มีลักษณะเป็นรูปฉัตร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเกียรติศักดิ์อันสูงส่ง คือคุณค่าแห่งชีวิต
  • ต้นบุนนาค
  1. มีสรรพคุณทางรักษาโรค เป็นสัญลักษณ์การรักษาความเจ็บปวดทั้งกายและใจซึ่งหมายถึง ความรู้และสัจจะที่บัณฑิต ของ มหาวิทยาลัยพายัพได้รับควรจะเป็นยาที่สามารถรักษาความเจ็บป่วยของสังคม หรือผู้อื่น สามารถที่จะสมานน้ำใจของผู้มี ความทุกข์ยาก
  2. เป็นต้นไม้ที่เลี้ยงยากที่สุด ต้องทะนุถนอมเป็นอย่างดีจึงจะเจริญเติบโตได้เป็นสัญลักษณ์ของการท้าชวนและท้าทาย

[แก้] คณะวิชา

[แก้] สถาบัน/ศูนย์และหน่วยงานในมหาวิทยาลัย

[แก้] อ้างอิง

  1. แนะนำมหาวิทยาลัยพายัพ

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น


 มหาวิทยาลัยพายัพ เป็นบทความเกี่ยวกับ สถานศึกษา ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับ มหาวิทยาลัยพายัพ ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ