วิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สถานีย่อย:ประเทศไทย
 บทความนี้มีเนื้อหาว่าด้วยเหตุการณ์ปัจจุบัน
รายละเอียดภายในอาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วตามสถานการณ์ของเหตุการณ์นั้นๆ

วิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549 คือชุดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุที่เริ่มต้นมาจาก การพยายามกดดันของหลายฝ่าย เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หมดอำนาจทางการเมือง

สารบัญ

[แก้] จุดเริ่มต้นของวิกฤตการณ์

[แก้] กรณีการยกเลิกรายการเมืองไทยรายสัปดาห์

ดู รายการเมืองไทยรายสัปดาห์

ราวกลางเดือนกันยายน พ.ศ. 2548 คณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) (บมจ.อสมท) ชุดที่มี นายเรวัต ฉ่ำเฉลิม เป็นประธาน และ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท เป็นกรรมการและเลขานุการ มีมติให้ระงับการออกอากาศ รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี อย่างไม่มีกำหนด

เนื่องจาก สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ ได้อ่านบทความเรื่อง "ลูกแกะหลงทาง" ซึ่งมาจากความคิดเห็นท้ายข่าว ในเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ที่มีเนื้อหาโดยอ้อม กล่าวหารัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเชื่อมโยงไปถึงสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเป็นการมิบังควร ทำให้สนธิไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดยแถลงข่าวตอบโต้ที่บ้านพระอาทิตย์ในวันเดียวกันว่า ตนจะออกไปจัดรายการนอกสถานที่ และเชิญชวนประชาชนเข้ามารับฟังให้มากที่สุด ซึ่งได้ขยายตัวกลายเป็นการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ในเวลาต่อมา

[แก้] กรณีหลวงตามหาบัว

ภาพการทำบุญในวัดพระแก้วของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ภาพการทำบุญในวัดพระแก้วของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

[แก้] กรณีการทำบุญในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

[แก้] ข้อกล่าวหา

วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2548 พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปเป็นประธานในพิธีทำบุญประเทศไทย ภายในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) โดยมีข้อกล่าวหาว่า มีการจัดที่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ นั่ง ในตำแหน่งที่ประทับของพระมหากษัตริย์ จึงมีผู้วิจารณ์ด้วยความเข้าใจผิดว่า ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง [1]

[แก้] การตอบกลับ ทางช่อง 11 และโมเดิร์นไนน์ทีวี

โดยรัฐบาลได้ชี้แจง ผ่านรายการกรองสถานการณ์ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ในเวลา 20.30 น. และรายการพิเศษ ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ในเวลา 22.00 น. โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รศ.ธงทอง จันทรางศุ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะ ผู้เชี่ยวชาญด้านพระราชสำนัก และ รองผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งทั้งสามชี้แจงว่า ได้ส่งหนังสือขอใช้สถานที่ ไปยังสำนักพระราชวัง และทางสำนักพระราชวังตอบรับด้วยวาจาแล้ว แต่มีหนังสืออนุญาตออกมาภายหลัง เนื่องจากกระบวนวิธีทางเอกสารราชการที่มีความล่าช้า ส่วนเรื่องของตำแหน่งที่นั่งนั้น เป็นตำแหน่งที่ถูกต้องแล้ว ตามรูปแบบการจัดที่นั่งในพระอุโบสถวัดพระแก้ว ของสำนักพระราชวัง โดยมีหนังสืออธิบายรูปแบบการจัดที่นั่งดังกล่าว ที่ลงนามท้ายหนังสือโดย นายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง [2]

นอกจากนี้ นายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ Post Today โดยกล่าวว่า “เขาเจตนาดี ไปไหว้พระให้ประเทศชาติสงบสุข พากันไปทั้งคณะ ไปไหว้พระแก้ว เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ของประเทศไทย ไปให้สัตย์ปฏิญาณสาบานตน คนเข้าไปในวัดพระแก้วเขาผิดหรือ”[3] ทั้งนี้ กองงานพระราชพิธี ก็ได้ประชุมภายใน และนำภาพข่าวพืธีมาพิจารณา ก็เห็นว่าถูกต้อง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ก็มีหน้าที่กำกับ บังคับบัญชาสำนักพระราชวัง เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ดังนั้น พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก็น่าจะเข้าไปในวัดพระแก้วได้[4]

[แก้] การชุมนุมต่อต้านขับไล่และสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ

[แก้] การชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ

ดูบทความหลักที่ การขับไล่ ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

[แก้] การชุมนุมสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ

[แก้] การขายหุ้น กลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ดูบทความหลักที่ กรณีตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ขายหุ้นกลุ่มบริษัทชินคอร์ป

[แก้] ความพยายามถอดถอน พ.ต.ท.ทักษิณ

ดูบทความหลักที่ การขับไล่ ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

[แก้] การยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2549

เย็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร และจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่ ในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 โดยให้เหตุผลในการแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เมื่อเวลา 20.30 น. ในคืนเดียวกันว่า มีกลุ่มคนที่ใช้วิถีทางนอกระบอบประชาธิปไตย กดดันให้ตนลาออกจากตำแหน่ง แต่ตนจะขอใช้วิถีทางประชาธิปไตย เพื่อให้ประชาชนตัดสินว่า ต้องการให้ตนกลับมาบริหารประเทศต่อหรือไม่

[แก้] การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมษายน พ.ศ. 2549

ดูบทความหลักที่ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในไทย เมษายน พ.ศ. 2549

[แก้] พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศเว้นวรรค พร้อมลาราชการ

วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2549 เวลา 20.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่า ตนจะไม่ขอเข้ารับการสรรหาบุคคล เพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากการเลือกตั้งฯ เมื่อวันที่ 2 เมษายน โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการสร้างความสมานฉันท์ และความปรองดองในชาติ แต่ยังจำเป็นต้องรักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป จนกว่าจะมีการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่จนแล้วเสร็จ

แต่เมื่อยังคงมีกระแสต่อต้าน จากกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อ ดังนั้น ในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ลาราชการ และแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทน

ในระหว่างลาราชการ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางเยือน และพบปะหารือเป็นการส่วนตัวกับผู้นำหลายประเทศ ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย ญี่ปุ่น จีน และ เขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกง ตั้งแต่ วันที่ 24 ถึง 30 เมษายน พ.ศ. 2549

[แก้] พระราชดำรัสแก่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดและผู้พิพากษาศาลฎีกา

ดูบทความหลักที่ พระราชดำรัสพระราชทานแก่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดและผู้พิพากษาศาลฎีกา (25 เมษายน พ.ศ. 2549)

ดูวิกิซอร์ซที่ พระราชดำรัส พระราชทานแก่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙

และ พระราชดำรัส พระราชทานแก่ผู้พิพากษาประจำศาลสำนักงานศาลยุติธรรม ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙

เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2549 ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานพระราชดำรัสแก่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด และผู้พิพากษาศาลฎีกา ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตน ก่อนเข้ารับหน้าที่

[แก้] การเพิกถอนการเลือกตั้ง

การเลือกตั้งในครั้งนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ขอให้ ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัย ตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 198 กรณีการดำเนินการของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่เกี่ยวกับ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่ วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 จนถึงปัจจุบัน มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ เพิกถอนการเลือกตั้ง เพื่อจะได้จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดย ศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดการพิจารณาวินิจฉัย ในวันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2549

ผลการพิจารณา กรณีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เสียงข้างมาก จำนวน 8 ท่าน วินิจฉัยว่า การดำเนินการของ กกต. ดังกล่าว มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เสียงข้างน้อย จำนวน 6 ท่าน วินิจฉัยว่า การดำเนินการของ กกต. ดังกล่าว ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

ในส่วนของการพิจารณา เพิกถอนการเลือกตั้ง และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่นั้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 9 ท่าน วินิจฉัยว่า ให้มีการเพิกถอนการเลือกตั้ง และต้องจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการเลือกตั้งทั่วไปใหม่ [5]

[แก้] ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ

พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวตอนหนึ่ง ในที่ประชุมข้าราชการ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ว่า

..วันนี้องค์กรนอกรัฐธรรมนูญไม่ใช่รัฐธรรมนูญ คือ บุคคลซึ่งดูเหมือนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ เข้ามาวุ่นวายองค์กรที่มีในระบบรัฐธรรมนูญมากไป มีการไม่เคารพกติกา..

ซึ่งได้มีการตีความจากหลายฝ่ายว่าหมายถึงใคร แม้นักข่าวจะพยายามสอบถาม พ.ต.ท.ทักษิณ หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ความกระจ่าง แต่โดยความเข้าใจของหลายฝ่าย คาดกันว่า คงจะหมายถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ [6] [7]

[แก้] จดหมายถึงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

ราวเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2549 นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดนครราชสีมา ได้เปิดเผยในรายการ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร คอนเสิร์ตการเมือง ที่สวนลุมพินีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เขียนจดหมายส่วนตัวถึง นายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา โดยมีใจความว่า ตนได้รับเลือกตั้งมาอย่างถูกต้อง ตามระบอบประชาธิปไตย แต่กลับต้องเผชิญวิกฤตการณ์ทางการเมือง เพราะโดนกลั่นแกล้ง ซึ่งหลายฝ่ายวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม โดยให้เหตุผลว่า เป็นการทำไปเพื่อปกป้องตนเอง [8] [9] [10] [11]

[แก้] พิพากษาจำคุก กกต.

[แก้] เหตุการณ์ปะทะกันของกลุ่มผู้สนับสนุนและต่อต้าน

[แก้] เหตุการณ์ที่ ย่านการค้าสีลม

[แก้] เหตุการณ์ที่ สยามพารากอน

[แก้] เหตุการณ์ที่ เซ็นทรัลเวิลด์พลาซา

[แก้] เหตุการณ์คาร์บอมบ์

[แก้] เหตุการณ์รัฐประหาร พ.ศ. 2549

ดูบทความหลักที่ รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549

คืนวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ได้ทำการรัฐประหาร ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน จากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่ระหว่างเข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

ในแถลงการณ์ของคณะรัฐประหาร ได้กล่าวถึงเหตุผลหลักในการทำรัฐประหารไว้ ดังนี้

  1. การบริหารราชการแผ่นดินโดยรัฐบาลรักษาการปัจจุบัน ได้ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง แบ่งฝ่าย สลายความรู้รักสามัคคีของชนในชาติ
  2. การบริหารราชการแผ่นดินอันส่อไปในทางทุจริต ประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง หน่วยงาน องค์กรอิสระ ถูกครอบงำทางการเมือง
  3. การหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นที่เคารพเทิดทูนของปวงชนชาวไทยบ่อยครั้ง

โดยได้กล่าวยืนยันว่า ไม่มีเจตนาที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดินเสียเอง และจะได้คืนอำนาจการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข กลับคืนสู่ปวงชนชาวไทยโดยเร็วที่สุด

[แก้] ข้อมูลอ้างอิง


วิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549
เหตุการณ์หลัก     ลำดับเหตุการณ์     บุคคลหลัก    

จุดเริ่มต้น

เหตุการณ์หลัก

การเลือกตั้ง

     

คปค. - คมช.

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


 วิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549 เป็นบทความเกี่ยวกับ การเมือง การปกครอง หรือ กฎหมาย ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับ วิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549 ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ
ภาษาอื่น