แฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับคือหนังสือเล่มที่สองของหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่แต่งโดย เจ. เค. โรว์ลิ่ง และแปลโดย สุมาลี (สุมาลี บำรุงสุข) ตีพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยโดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ ตีพิมพ์และวางจำหน่ายเป็นฉบับภาษาอังกฤษครั้งแรกในปี พ.ศ. 2541 และฉบับภาษาไทยในเดือนกันยายน พ.ศ. 2543
หนังสือเล่มนี้ดำเนินเรื่องต่อจากหนังสือเล่มแรกของชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์
สารบัญ |
[แก้] โครงเรื่องโดยรวม
[แก้] บ้านโพรงกระต่ายและการเดินทางไปฮอกวอตส์
เรื่องเริ่มต้นที่การที่แฮร์รี่ถูกครอบครัวเดอร์สลีย์ปฏิบัติเหมือนบุคคลอันตราย, การที่แฮร์รี่พบว่าไม่มีเพื่อนคนไหนเลย ไม่ว่าจะเป็นรอนหรือเฮอร์ไมโอนี่เขียนจดหมายมาหาเขา และนัดมื้อเย็นสำคัญของลุงเวอร์นอนกับลูกค้าของเขา ในขณะนั้นด๊อบบี้ เอลฟ์ประจำบ้านก็ปรากฏตัวต่อให้แฮร์รี่ในขณะที่เขาซ่อนอยู่ในห้องนอนตามคำสั่งของลุงเวอร์นอน ด๊อบบี้มาเพื่อเตือนแฮร์รี่ไม่ให้กลับไปเรียนที่ฮอกวอตส์ในปีที่สองเพราะถ้าแฮร์รี่กลับไปที่โรงเรียน ชีวิตของเขาจะเป็นอันตราย แฮร์รี่เพิกเฉยต่อคำเตือนดังกล่าว และพบว่าด๊อบบี้นี่เองที่เป็นคนกักจดหมายของเพื่อนของเขา (รวมถึงของแฮกริด) ไว้และต่อมาทำให้แฮร์รี่ถูกขังไว้ในห้องนอนของเขาเอง เนื่องจากด๊อบบี้ทำลายมื้อเย็นของครัอบครัวเดอร์สลีย์โดยทำให้ดูเหมือนว่าแฮร์รี่เป็นคนทำ
แต่หลังจากถูกขัง 3 วัน พี่น้องวีสลีย์ (เฟร็ด, จอร์จและรอน) ก็นำรถบินได้ของพ่อมาเพื่อช่วยแฮร์รี่ไปยังบ้านของครอบครัววีสลีย์ 'บ้านโพรงกระต่าย' แฮร์รี่ได้พบกับพ่อแม่ของรอน (นายอาเธอร์และนางมอลลี่ วีสลีย์) และจินนี่ น้องสาวคนเดียวของครอบครัวที่แอบชอบแฮร์รี่ และเขาก็อยู่กับครอบครัววีสลีย์จนกระทั่งพวกเขาไปซื้ออุปกรณ์การเรียนที่ตรอกไดแอกอน ซึ่งขณะที่อยู่ในร้านหนังสือตัวบรรจงและหยดหมึกนั้น กลุ่มของครอบครัววีสลีย์เผชิญหน้ากับพ่อและลูกชายมัลฟอย ลูเซียสและเดรโก มีปากเสียงกันและจบลงด้วยการชกต่อยกันกลางร้านหนังสือระหว่างนายวีสลีย์และนายมัลฟอย เนื่องจากนายมัลฟอยดูหมิ่นครอบครัวของเฮอร์ไมโอนี่และถูกจับแยกโดยแฮกริดที่บังเอิญเห็นเหตุการณ์
ในวันเปิดเทอม พี่น้องวีสลีย์และแฮร์รี่เดินทางไปยังสถานีรถไฟคิงส์ครอสโดยรถยนต์โดยมีนายวีสลีย์ไปส่ง เพื่อเข้าไปในชานชาลาเก้าเศษสามส่วนสี่ (กำแพงต้องมนตร์ที่กั้นระหว่างชานชาลาเก้าและชานชาลาสิบ) ครอบครัววีสลีย์เข้าไปได้ทั้งหมด ยกเว้นรอนและแฮร์รี่ที่ไม่สามารถเข้าไปได้ แต่กลับชนกำแพง ทั้งสองตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้าด้วยการนำรถของพ่อบินไปยังฮอกวอตส์ ที่ๆ พวกเขาพุ่งเข้าชนต้นวิลโลว์จอมหวดและโดนหวดจนรถเกือบพังและทำให้ไม้กายสิทธิ์ของรอนหัก
[แก้] อาจารย์สอนวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่และเสียงกระซิบ
จากการกระทำดังกล่าวทำให้แฮร์รี่และรอนเกือบถูกไล่ออก และทำให้รอนถูกแม่ของเขาส่งจดหมายกัมปนาทมาต่อว่ารอนถึงฮอกวอตส์ แฮร์รี่และเพื่อนพบว่าอาจารย์ผู้มารับช่วงต่อวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดต่อจากควีเรลล์ ทาสรับใช้ของโวลเดอมอร์คือพ่อมดนักเขียนชื่อดัง กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต ผู้มีนิสัยหลงรูปลักษณ์และชื่อเสียงของตน และให้ความสนใจกับบุคคลโด่งดังอย่างแฮร์รี่เป็นพิเศษ นอกจากนี้ แฮร์รี่ยังได้พบกับรุ่นน้องปีหนึ่งที่คลั่งไคล้เขาและชอบการถ่ายรูปเขาเป็นประจำ คอลิน ครีฟวีย์ซึ่งสร้างความรำคาญใจให้กับแฮร์รี่ผู้ไม่ชอบชื่อเสียง ชีวิตของแฮร์รี่ยังดำเนินต่อไปอย่างธรรมดาจนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังรับโทษกักบริเวณจากความผิดเมื่อต้นเทอมกับศาสตราจารย์ล็อกฮาร์ตอยู่ แฮร์รี่ได้ยินเสียงจากหลังกำแพงที่เกี่ยวกับการฆ่า แฮร์รี่ยังคงได้ยินเสียงปริศนาดังกล่าวจนวันฮัลโลวีน ในขณะที่แฮร์รี่และเพื่อนเดินกลับมาจากงานเลี้ยงของผี พวกเขาพบแมวของภารโรงถูกจับห้อยตัวแข็งมาจากคบเพลิง โดยมีข้อความเขียนไว้เหนือร่างแมวว่า "ห้องแห่งความลับเปิดออกแล้ว เหล่าศัตรูของทายาท จงระวัง!"
[แก้] ห้องแห่งความลับและสมุดบันทึกของ ท.ม. ริดเดิ้ล
เหตุดังกล่าวทำให้เกิดความตื่นตระหนกในเหล่าคณาจารย์และนักเรียนที่รู้ตำนานเกี่ยวกับห้องแห่งความลับเป็นอย่างมาก แฮร์รี่พบว่าห้องแห่งความลับคือตำนานที่ว่าผู้ก่อตั้งที่สี่ของฮอกวอตส์ ซัลลาซาร์ สลิธีรินต้องการให้นักเรียนที่เกิดมาจากครอบครัวผู้วิเศษเท่านั้นที่จะเข้ามาเรียนที่ฮอกวอตส์ได้ ซึ่งขัดกับความคิดของผู้ก่อตั้งโรงเรียนคนอื่นๆ จึงทำให้สลิธีรินออกจากโรงเรียนไป แต่ตำนานกล่าวไว้ว่า ก่อนที่เขาจะออกไป เขาได้สร้างห้องแห่งความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวปราสาทเพื่อรอสักวันหนึ่งที่จะมีทายาทแห่งสลิธีรินที่แท้จริงเปิดห้องแห่งความลับออกมา เพื่อปล่อยปีศาจร้ายที่จะกำจัดผู้วิเศษที่เกิดจากมักเกิ้ล (บุคคลที่ไม่มีอำนาจเวทมนตร์) ไปให้หมดจากโรงเรียน แฮร์รี่, รอนและเฮอร์ไมโอนี่สงสัยมัลฟอยว่าเขาอาจเป็นทายาทแห่งสลิธีริน พวกเขาจึงวางแผนที่จะปรุงน้ำยาสรรพรสออกมาเพื่อแปลงตัวเข้าไปหามัลฟอย และขุดคุ้ยข้อมูลเรื่องดังกล่าว ในขณะเดียวกัน ก็มีคนถูกโจมตีมากขึ้นอีกได้แก่คอลิน ครีฟวีย์ และนิคหัวเกือบขาด ผีประจำบ้านกริฟฟินดอร์ แต่ต่อมา หลังจากที่แฮร์รี่พูดภาษาพาร์เซลกับงูที่มัลฟอยเสกขึ้นมาในชมรมการต่อสู้ตัวต่อตัว เขาจึงถูกสงสัยว่าเขาอาจจะเป็นทายาทสลิธีริน ทำให้ถูกรังเกียจเดียจฉันท์และหวาดกลัวจากบรรดาผู้ที่เชื่อเช่นนั้น หลังจากนั้นไม่นานนักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ จัสติน ฟินช์-เฟล็ทชลีย์ก็ถูกโจมตีด้วยอีกคน ทำให้ความสงสัยว่าแฮร์รี่อาจจะเป็นทายาทมีเพิ่มยิ่งขึ้นไปอีก
ในที่สุดน้ำยาสรรพรสก็พร้อมหลังจากผ่านการเคี่ยวมานานในห้องน้ำหญิงชำรุดที่มีเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญอาศัยเป็นผีอยู่ โดยแฮร์รี่แปลงเป็นกอยล์ รอนแปลงเป็นแครบ และเฮอร์ไมโอนี่ (โดยไม่ได้ตั้งใจ) แปลงเป็นแมวของมิลลิเซนต์ บัลสโตรด (เนื่องจากน้ำยาสรรพรสแปลงรูปมนุษย์เป็นสัตว์ไม่ได้ ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ต้องได้รับการรักษา) ทำให้มีเพียงแฮร์รี่และรอนเท่านั้นที่ได้เข้าไปหามัลฟอย แต่มัลฟอยสารภาพกับแฮร์รี่และรอนในร่างของกอยล์และแครบว่าเขาไม่ได้ทำ สร้างความประหลาดใจให้กับทั้งสองคนพอสมควร และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ออกมาจากห้องพยาบาลหลังจากผ่านการรักษาแล้ว แฮร์รี่ก็เผอิญพบกับสมุดบันทึกเปียกน้ำในห้องน้ำหญิงชำรุด แฮร์รีพบว่าสมุดบันทึกเล่มนี้เป็นของ ทอม ริดเดิ้ล นักเรียนที่ฮอกวอตส์เมื่อ 50 ปีที่แล้วที่บันทึกความจำเอาไว้ในสมุดบันทึกของตน เขาพาแฮร์รี่ไปดูเหตุการณ์เมื่อ 50 ปีก่อนเมื่อห้องแห่งความลับถูกเปิดเป็นครั้งแรก ริดเดิ้ลแสดงให้แฮร์รี่ดูว่าผู้ผิดเมื่อ 50 ปีที่แล้วคือแฮกริด ผู้ดูแลสัตว์ของฮอกวอตส์ในปัจจุบันนี่เอง แฮร์รี่และเพื่อนพบว่าแฮกริดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในขณะเดียวกันแฮร์รี่ยังคงได้ยินเสียงปริศนานั้นอยู่ต่อไป แต่หลังจากนั้นไม่นั้นไม่นาน มีการโจมตีอีกครั้งติดต่อกันสองรายรวดได้แก่ เพเนโลพี เคลียวอเทอร์ พรีเฟ็คบ้านเรเวนคลอ และเฮอร์ไมโอนี่เอง นี่ทำให้แฮกริดถูกจับกุมตัวไปยังคุกอัซคาบัน สถานจองจำของพ่อมดแม่มดที่ทำผิดร้ายแรง รวมถึงการที่ดัมเบิลดอร์ถูกคณะกรรมการสั่งพักงานจากคำขู่เข็ญโดยนายมัลฟอย นี่ทำให้แฮร์รี่และรอนยิ่งต้องรีบค้นหาทายาทแห่งสลิธีรินให้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งคู่ทำตามคำใบ้ของแฮกกริดไปเข้าไปในป่าต้องห้าม ที่ๆ พวกเขาพบกับแมงมุมยักษ์ที่ชื่อว่าอาราก็อก ที่เป็นสัตว์เลี้ยงของแฮกริดมาตั้งแต่เด็ก และแมงมุมตัวนี้นี่เองที่เคยถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจในห้องแห่งความลับ แมงมุมยักษ์กล่าวกับทั้งสองคนว่าแฮกริดไม่ใช่คนเปิดห้องแห่งความลับ และมันก็ไม่ได้เป็นสัตว์ร้ายดังตำนาน แต่สัตว์ร้ายนั้นมีอยู่จริงและเป็นสัตว์ที่พวกแมงมุมกลัวมาก จนต้องหนีออกมาอยู่นอกปราสาท เมื่อทราบแล้วแฮร์รี่และรอนก็ถูกบรรดาลูกสมุนแมงมุมของอาราก็อกพยายามจับตัวเป็นอาหาร แต่โชคดีที่รถฟอร์ดแองเกลียบินได้มาช่วยพวกเขาทันเวลาทำให้หนีออกมาจากรังแมงมุมได้อย่างปลอดภัย
หลังจากนั้นไม่นาน แฮร์รี่และรอนจึงไขปริศนาด้วยความช่วยเหลือของโน้ตที่เฮอร์ไมโอนี่ทิ้งไว้ได้ว่า แท้ที่จริงแล้วสัตว์ร้ายแห่งห้องแห่งความลับคืองูยักษ์บาซิลิสก์ ที่มีดวงตาอานุภาพสังหารที่เพียงสบตามันก็จะเสียชีวิตในทันที โชคดีที่แต่ละคนดูเหมือนจะสบตางูทางอ้อมทั้งสิ้น (ยกเว้นผีนิคหัวเกือบขาด ที่สบตากับงูตรงๆ แต่เขา'ไม่สามารถตายได้อีก') ทันทีที่ทราบทั้งสองคนก็พบว่าน้องสาวของรอน จินนี่จะถูกจับตัวไปยังห้องแห่งความลับ โดยมีข้อความเป็นเลือดทิ้งไว้ว่า "โครงกระดูกของเธอจะนอนอยู่ในห้องชั่วนิรันดร์" เมื่อทราบพวกเขาจึงไปตามศาสตราจารย์ล็อกฮาร์ต (ที่กำลังจะหนีเนื่องจากเขาถูกมอบหมายให้ไปหาตัวจินนี่) ล็อกฮาร์ตปฏิเสธและถูกแฮร์รี่และรอนบังคับให้ลงไปในท่ออุโมงค์ของห้องแห่งความลับที่ซ่อนอยู่ใต้ห้องน้ำหญิงชำรุด ที่ๆ ล็อกฮาร์ตชิงไม้กายสิทธิ์มาจากรอน และเสกคาถาลบความจำใส่แฮร์รี่และรอนที่ทราบแล้วว่า ล็อกฮาร์ตอาศัยประสบการณ์ของคนอื่นไปเขียนหนังสือแล้วเสกคาถาลบความจำคนๆ นั้น แต่ไม้กายสิทธิ์ของรอนที่เสียหายตั้งแต่ต้นปีสะท้อนคาถาลบความจำเข้าสู่ตัวล็อกฮาร์ตเอง ทำให้เขาความจำเสื่อมเสียเอง รอนอยู่เฝ้าล็อกฮาร์ตที่ความจำเสื่อมไปแล้ว ส่วนแฮร์รี่เข้าไปในห้องแห่งความลับคนเดียว เขาพบว่าจินนี่กำลังจะตาย และพบทอม ริดเดิ้ลที่เคยอยู่แต่ในความทรงจำในสมุดบันทึกเมื่อ 50 ปีก่อน บัดนี้ปรากฏตัวให้เห็นเป็นรูปร่างภายนอกเกือบเด่นชัดแล้ว ริดเดิ้ลบอกกับแฮร์รี่ว่าจินนี่กำลังถ่ายชีวิตและจิตวิญญาณให้กับเขา และทำให้เขาแข็งแรงขึ้น ในที่สุดเขาเปิดเผยตัวเองว่าเขาเป็นความทรงจำเมื่อ 50 ปีที่แล้วของโวลเดอมอร์ในวัยสิบหกปี ผู้ซึ่งเป็นทายาทที่แท้จริงของซาลาซาร์ สลิธีริน จากนั้นริดเดิ้ลก็สั่งให้งูยักษ์บาสิลิสก์ลงมือสังหารแฮร์รี่ ในขณะที่แฮร์รี่ได้รับความช่วยเหลือจากฟอกส์ นกฟีนิกซ์ของดัมเบิลดอร์ที่นำหมวกคัดสรรที่ซ่อนดาบของก็อดดริก กริฟฟินดอร์ เมื่อแฮร์รี่กล่าวแสดงความภักดีต่อดัมเบิลดอร์ ฟอกส์นั้นช่วยแฮร์รี่โดยการจิ้มลงไปยังตาพิฆาตของบาสิลิสก์ ทำให้ตาของงูยักษ์ไม่เป็นอันตรายต่อแฮร์รี่อีกต่อไป แฮร์รี่สามารถสังหารบาสิลิสก์ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการถูกเขี้ยวพิษของงูฝังเข้าไปเต็มๆ แต่ฟอกส์ก็ช่วยแฮร์รี่ได้อีกครั้งด้วยการหลั่งหยาดน้ำตาของนกฟีนิกซ์ซึ่งมีอำนาจสมานแผล แฮร์รี่ซึ่งกลับมาเป็นปกติแล้วสามารถกำจักริดเดิ้ลด้วยการทำลายสมุดบันทึกด้วยเขี้ยวพิษของงู และคืนชีวิตและวิญญาณให้แก่จินนี่อีกครั้ง
นักเรียนทุกคนที่ถูกทำร้ายกลับคืนสู่สภาพปกติอีกครั้ง แฮร์รี่พบว่าลูเซียส มัลฟอยนั่นเองที่เป็นผู้ยัดสมุดบันทึกให้กับจินนี่เมื่อตอนที่เกิดวิวาทกันกลางร้านตัวบรรจงและหยดหมึก แต่ไม่สามารถทำอะไรกับนายมัลฟอยได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าเขาทำเช่นนั้น แฮร์รี่สังเกตเห็นด๊อบบี้ที่มากับเจ้านายมัลฟอยของเขา แฮร์รี่หาทางช่วยโดยซ่อนถุงเท้าไว้ในสมุดบันทึกของริดเดิ้ลแล้วนำไปคืนให้กับนายมัลฟอย นายมัลฟอยเห็นถุงเท้าจึงโยนออกไป ด๊อบบี้เก็บได้ และการกระทำเช่นนั้น (ด้วยการที่เจ้านายมอบเสื้อผ้าให้กับเอลฟ์ประจำบ้านของตนเอง) คือการปล่อยด๊อบบี้ให้เป็นไท ด๊อบบี้ผู้เป็นไทแล้ว สำนึกในบุญคุณของแฮร์รี่อย่างสูง และล็อกฮาร์ตผู้ความจำเสื่อมถาวรถูกส่งตัวเข้าไปบำบัดในโรงพยาบาลวิเศษเซนต์มังโกเพื่อผู้ป่วยและบาดเจ็บ และปีที่สองในฮอกวอตส์ของแฮร์รี่ก็จบลงอย่างมีความสุข
แฮร์รี่ พอตเตอร์ | |||
---|---|---|---|
1 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ | 5 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ | ||
2 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ | 6 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม | ||
3 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบัน | 7 Harry Potter and the Deathly Hallow | ||
4 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี | |||
|
|||
ควิดดิชในยุคต่างๆ | สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ |