โรงเรียนอัสสัมชัญ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โรงเรียนอัสสัมชัญ
ชื่อ | โรงเรียนอัสสัมชัญ
(อสช) |
ชื่อ (อังกฤษ) | Assumption College
(AC) |
ก่อตั้ง | พ.ศ. 2428 หรือ ค.ศ. 1885 |
ประเภทโรงเรียน | โรงเรียนเอกชน |
คำขวัญ | LABOR OMNIA VINCIT |
เพลงประจำสถาบัน | สดุดีอัสสัมชัญ |
สีประจำสถาบัน | แดง ขาว |
ที่อยู่ | 26 ซอยเจริญกรุง 40 ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500 |
เว็บไซต์ | http://www.assumption.ac.th/ |
โรงเรียนอัสสัมชัญ (อังกฤษ: Assumption College) (อักษรย่อ: อสช, AC) เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ แบ่งเป็นแผนกประถม และแผนกมัธยม ก่อตั้งโดยโดยบาทหลวงเอมิล กอลมเบต์ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1885 (พ.ศ. 2428) ปัจจุบันโรงเรียนอัสสัมชัญมีอายุ 121 ปี
โรงเรียนอัสสัมชัญ ตั้งอยู่ที่ 26 ซอยเจริญกรุง 40 ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯ
สารบัญ |
[แก้] ประวัติ
ผู้ให้กำเนิดโรงเรียนอัสสัมชัญ คือ บาทหลวงเอมิล ออกัสต์ กอลมเบต์ เจ้าอาวาสวัดอัสสัมชัญ เมื่อ พ.ศ. 2420 เริ่มด้วย นักเรียน 12 คน ต่อมาในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2428 ได้มีพิธีเปิดเรือนไม้ใช้เป็นโรงเรียน มีนักเรียน 33 คน พอถึงสิ้นปีมีนักเรียนรวม75 คน ปีต่อมามีนักเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 130 คน บาทหลวงกอลมเบต์เห็นว่าจะต้องขยายอาคารเรียน จึงได้ถวายฎีกาไปถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และบอกบุญเรี่ยไรบรรดาพ่อค้า วาณิช ทั้งชาวไทยและต่างประเทศในกรุงเทพฯ
วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2430 สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จมาทรงวางศิลาฤกษ์อาคารใหม่ เมื่อพระองค์ทรงจับค้อนเคาะศิลาฤกษ์ได้ตรัสว่า "ให้ที่นี้ถาวรมั่นคงสืบไป" อาคารใหม่ (ตึกเก่า)หลังนี้ได้สร้างสำเร็จบริบูรณ์ใน พ.ศ. 2433
ในปี พ.ศ. 2443 มีนักเรียนถึง 400 คน บาทหลวงกอลมเบต์ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือด้านบุคลากรมาจากคณะภราดาเซนต์คาเบรียล ณ ประเทศฝรั่งเศส และในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2444 ภราดา 5 ท่าน โดยการนำของภราดามาร์ติน เดอ ตูรส์ ในจำนวนนี้มีภราดา ฮีแลร์ รวมอยู่ด้วย ได้เดินทางถึงกรุงเทพฯ และเข้ารับช่วงงานและหน้าที่จากบาทหลวงกอลมเบต์
วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2469 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 และ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี เสด็จเยี่ยมชมกิจการของโรงเรียน พระองค์ได้ประทาน พระบรมราโชวาทตอนหนึ่งว่า
"ที่จริงโรงเรียนนี้ข้าได้คิดมานานแล้วว่าอยากจะมาดูสักทีหนึ่ง เพราะว่าในการที่พวกคณะโรมันคาทอลิกอุตสาหะสร้างโรงเรียนนี้ขึ้น ก็นับว่าเป็นกุศลเจตนาบุญกิริยา ซึ่งน่าชมเชยและน่าอนุโมทนาเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้เอง สมเด็จพระบรมชนกนาถของข้าจึงได้ทรง อุดหนุนมาเป็นอันมากและก็การที่โรงเรียนนี้ได้รับความอุดหนุน รับพระมหากรุณาของพระเจ้าอยู่หัว มาทุกรัชกาลนั้นก็ไม่เป็นการเปล่าประโยชน์และผิดคาดหมาย เพราะโรงเรียนนี้ได้ตั้งมั่นคงและได้ทำการสั่งสอนนักเรียนได้ผลดีเป็นอันมากสมกับที่ได้รับพระมหา กรุณาธิคุณใน พระเจ้าแผ่นดินเป็นลำดับมาโรงเรียนนี้ได้เพาะข้าราชการและพลเมืองที่ดีขึ้นเป็นอันมาก นักเรียนเก่าของโรงเรียนนี้ได้รับราชการในตำแหน่งสูงๆอยู่เป็นอันมาก"
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2486 โรงเรียนได้รับการรับรองวิทยฐานะเทียบเท่า โรงเรียนรัฐบาล
วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนันทมหิดล รัชกาลที่ 8 เสด็จเยี่ยมโรงเรียนอย่างไม่เป็นทางการ โรงเรียนอยู่ในระหว่างปิดภาคปลาย
ในปี พ.ศ. 2499 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการแสดงคอนเสิร์ต ณ หอประชุมสุวรรณสมโภช
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2502 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินเปิดงานวชิรสมโภช ในวโรกาสที่โรงเรียนเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี
วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2507 ประเดิมการแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตร ณ สนามศุภชลาศัยกรีฑาสถานแห่งชาติ ระหว่างโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียเทพศิรินทร์ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และโรงเรียนอัสสัมชัญ
วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2508 เริ่มการก่อสร้างอาคารเรียนหลังแรกของแผนกประถมศึกษา บนสนามส่วนหนึ่งของโรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชยการ ด้านติดเซนต์หลุยส์ซอย 3 ถนนสาทรใต้
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินเปิดตึก ฟ.ฮีแลร์
วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2515 สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีในรัชกาลที่ 7 เสด็จพระราชดำเนินมายังหอประชุมสุวรรณสมโภชของโรงเรียน เพื่อทอดพระเนตรละครเรื่อง "อานุภาพแห่งความเสียสละ" พฤษภาคม 2527 สมเด็จพระสันตปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 เสด็จเยือนประเทศไทย นับเป็นมหามงคลสมัยประจวบรอบ 100 ปี แห่งโรงเรียนอัสสัมชัญ , คณะนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ ได้ร่วมแปรอักษร ที่สนามศุภชลาศัยกรีฑาสถานแห่งชาติ , สมเด็จพระสันตปาปา จึงได้ทรงพระกรุณาเสกศิลาฤกษ์ตึก 100 ปี เพื่อความสวัสดีวัฒนาถาวรแห่งอนุสรณ์สถานแห่งนี้ตราบชั่วกาลนาน
วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2528 งานสมโภชอัสสัมชัญ 100 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์พร้อมด้วยพระสวามี ทรงประกอบพิธีเปิดตึกอัสสัมชัญ 100 ปี และ งานสมโภชอัสสัมชัญ 100 ปี
วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2529 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการแสดงโขนชุด "สมโภชพระราม" ในงานสมโภชอัสสัมชัญ 100 ปี ณ หอประชุมสุวรรณสมโภช ภายในโรงเรียน
วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2530 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร การแสดงนาฏดุริยางค์ไทย ในรายการ "โขนอัสสัมชัญเพื่อตึกสยามินทร์" ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2530 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานงานเฉลิมฉลองวโรกาสที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารเรียนหลังแรกของโรงเรียนครบรอบ 100 ปี (15 สิงหาคม 2430)
วันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2535 เวลา 15.00 น. สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เสด็จทรงประกอบพิธีเททองหล่อ พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่โรงเรียนอัสสัมชัญเป็นผู้จัดสร้างเป็นที่ระลึกในโอกาสครบรอบ 80 ปีของกิจการลูกเสือไทย
วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2536 ฯพณฯ พลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรีให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์คอมพิวเตอร์ โรงเรียนอัสสัมชัญ
วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2536 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในศุภวาระหิรัญสมโภชอัสสัมชัญแผนกประถม
วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในศุภวาระสมโภช "ครบรอบ 108 ปี โรงเรียนอัสสัมชัญ"
วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2539 คณะครูและนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ ไปแสดงศิลปะและวัฒนธรรมไทย เทิดพระเกียรติ ณ Opera Hall กรุงออตตาวา เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ตามคำเชิญจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา
วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2541 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานเปิดค่ายลูกเสือโรงเรียนอัสสัมชัญ ณ ค่ายลูกเสืออัสสัมชัญ อ.สามพราน จังหวัดนครปฐม
วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2541 โรงเรียนอัสสัมชัญเป็นเจ้าภาพเปิดงานประชุมสมัชชาภราดาภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิก ในเครือนักบุญหลุยส์-มารี กรีญอง เดอ มงฟอร์ต
วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2542 คณะนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ ร่วมแปรอักษรกับ 4 สถาบันจตุรมิตรในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเฟสปิกเกมส์ ครั้งที่ 7 ณ สนามศูนย์กีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต
ตลอดระยะเวลาที่โรงเรียนได้เปิดทำการสอนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2428 ถึงปัจจุบันเป็นเวลายาวนาน ย่อมเป็นที่ประจักษ์แก่สังคมแล้วว่า นักเรียนของโรงเรียนอัสสัมชัญ ได้ออกไปสู่โลกภายนอกอย่างมั่นใจ มีความรู้ดี มีความสามารถใช้ความรู้ด้วยสติปัญญาและมีคุณธรรมประจำใจ จนประสบความสำเร็จในชีวิต และหน้าที่การงาน ได้รับใช้ประเทศชาติในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 4 ท่าน คือ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา (อสช. 961) นายกรัฐมนตรีคนแรก, ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช (อสช. 3567) , นายควง อภัยวงศ์ (อสช. 2990) และ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ (อสช. 3570) มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ มากมาย โรงเรียนจึงเชื่อว่าการให้การศึกษาอบรมด้วยเนื้อหาสาระและค่านิยมที่โรงเรียนยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอดนั้น มีความสำคัญเป็นอันมากต่อการพัฒนาบุคคลที่จะเติบโตขึ้นมา มีคุณภาพที่เหมาะสมแก่ยุคสมัย โรงเรียนจึงถือเป็นหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ และสำคัญ ที่จะจรรโลงเอกลักษณ์นี้ ในอันที่จะผลิตผู้ผ่านการศึกษาในโรงเรียน ให้มีคุณภาพและมีพื้นฐานที่ดีพอ สำหรับพัฒนาตนเองให้สอดคล้องเหมาะสมแก่ความต้องการของสังคม เพื่อสร้างสังคมให้ดีพร้อม มีสันติ มีความรัก มีความยุติธรรม และมีความจริงตลอดไป
[แก้] ประวัติ โรงเรียนอัสสัมชัญโดยละเอียด
![]() |
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นแก้ไขภาษาให้สละสลวย และแก้ตัวสะกดให้ถูกต้อง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คู่มือ และ นโยบายวิกิพีเดีย |
ปีพุทธศักราช 2428 เป็นปีที่สำคัญยิ่งต่ออัสสัมชัญทุกคน ด้วยเหตุที่เป็นปีกำเนิดโรงเรียนอัสสัมชัญ แต่หากพิจารณาจากประวัติของโรงเรียนโดยละเอียดแล้วจะพบว่าโรงเรียนอัสสัมชัญมีพัฒนาการ และความเป็นมาที่ย้อนกลับไปในอดีตจากปีดังกล่าวอีกหลายปี หนังสือประวัติกระทรวงศึกษาธิการ 2435-2507 กล่าวถึงการจัดการศึกษาฝ่ายโรงเรียนราษฎร ว่า "...ในพ.ศ. 2420 มีโรงเรียนไทย-ฝรั่ง ซึ่งต่อมาเรียกว่าโรงเรียนอัสสัมชัญ..."(ประวัติกระทรวง น.99)โรงเรียนไทย-ฝรั่งที่ว่านี้ ที่ถูกแล้วคือ โรงเรียนไทย-ฝรั่งเศส วัดสวนท่าน ซึ่งตั้งขึ้น โดยท่านบาทหลวงเอมิล กอลมเบต์ (Pere Emile Colombet) นั่นเอง
โรงเรียนไทย-ฝรั่งเศสแห่งนี้กล่าวได้ว่าคือรากฐานที่พัฒนามาสู่โรงเรียนอัสสัมชัญในเวลาต่อมาจากโรงเรียนเล็กๆที่ประกอบไป ด้วยนักเรียนยากจนและกำพร้าเพียงไม่กี่คน กลายมาเป็นโรงเรียนที่เจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญก็คือในการสร้างอาคารเรียน หลังใหม่ของโรงเรียนอัสสัมชัญในเวลา 2 ปีหลังจากที่เปิดสอนโรงเรียนได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ และพระบรมวงศานุวงศ์พระราชทานและประทานทรัพย์อุดหนุนการนี้จำนวนหนึ่งทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศเสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์ตึกแห่งนี้อีกด้วย
ศิลาฤกษ์ตึกหลังแรกที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ทรงประกอบพิธีวาง เมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2430 และเหรียญต่างๆที่ฝั่งพร้อมศิลาฤกษ์ของตึกอัสสัมชัญเก่า
เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า เหตุใดอัสสัมชัญซึ่งเป็นโรงเรียนราษฎร์มีกำเนิดที่เนื่องด้วยคริสตศาสนาและมีประวัติการดำเนินการเพื่อเด็กคาทอลิก ที่ยากจนและกำพร้าจึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณถึงเพียงนั้น
เมื่อเริ่มสมัยรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯไม่นานก็มีการริเริ่มที่สำคัญหลายประการในเรื่องการศึกษาของประเทศในปี พ.ศ. 2414 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯทรงกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นภายในพระบรมมหาราชวังมีพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เมื่อเป็นหลวงสารประเสริฐเป็นอาจารย์ใหญ่ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะฝึกหัดบุตรหลานของข้าราชการให้รู้หนังสือ รู้จักคิดเลข และขนบธรรมเนียมราชการให้ชัดเจนเพื่อเข้ารับราชการต่อไป โรงเรียนหลวงแห่งนี้มีลักษณะของการเป็น "โรงเรียน" แบบใหม่อยู่ชัดเจน อาทิ มีสถานที่สำหรับเล่าเรียนเป็นการเฉพาะ มีครูผู้สอน ที่เป็นฆราวาสทำหน้าที่สอนโดยเฉพาะ และวิชาที่สอนมีภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และอื่นๆที่ไม่เคยมีสอนในสถานศึกษาแบบเดิม(คือวัด) อย่างไรก็ตามการศึกษาแผนใหม่นี้จะยังเป็นเรื่องแปลกสำหรับคนไทยในสมัยนั้น ซึ่งคุ้นเคยแต่กับการส่งบุตรหลานไปเล่าเรียนที่วัดกับพระสงฆ์ เมื่อตั้งโรงเรียนแล้วจึงโปรดให้มีหมายประกาศชักชวนพระราชวงศ์และข้าราชการให้ส่งบุตรหลานเข้าเรียน โดยชี้แจงให้เห็นประโยชน์ของการศึกษาว่า "...การรู้หนังสือนี้ก็เป็นคุณสำคัญข้อใหญ่เป็นเหตุจะให้ได้รู้วิชาและขนบธรรมเนียมต่างๆ จึงทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดโรงสอนไว้ที่ในพระบรมมหาราชวัง..." และ "...ถ้าท่านทั้งปวงได้ทราบหมายประกาศนี้แล้วจงมีใจยินดีหมั่น ตักเตือนบุตรหลานของท่านทั้งปวงให้เข้ามาฝึกหัดหนังสือไทยถ้าเล่าเรียนได้ชำนาญในการหนังสือแล้ว ความดีงามความเจริญก็จะมีแก่ บุตรหลานของท่านทั้งปวงไปสิ้นกาลนาน..."
อันที่จริงการตั้ง"โรงเรียน"ในลักษณะอย่างที่เข้าใจกันในปัจจุบัน ได้เกิดมีขึ้นแล้วตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ โดยในปี พ.ศ. 2395 นางแมทตูนซึ่งอยู่ในคณะมิชชันนารีอเมริกันได้ตั้ง"โรงเรียนไปมา"ขึ้นในย่านที่อยู่อาศัยของชาวมอญ ในปีเดียวกันนั้นคณะมิชชันนารียังได้เปิดโรงเรียนประจำสำหรับเด็กชาวจีน ขึ้นที่ข้างวัดอรุณราชวรารามด้วย จนกระทั่งปี พ.ศ. 2400 โรงเรียนทั้งสองได้รวมกัน เข้าเป็นโรงเรียนเดียวและได้ย้ายมาตั้งที่สำเหร่ โรงเรียนที่สำเหร่นี้เอง ที่ศ.จอห์น เอ เอกิน ชาวอเมริกันได้ย้ายโรงเรียนชาย คริสเตียน ไฮสกูล ที่ตนตั้งขึ้นที่ตำบลกุฎีจีนมารวมภายหลังย้ายไปตั้ง ณ ถนนประมวญ สีลม และเปลี่ยนชื่อเป็น กรุงเทพคริสเตียนไฮสกูล (กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยปัจจุบัน) ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ในปี พ.ศ. 2417 นางเฮาส์ภรรยา "หมอเฮาส์"มิชชันนารีอเมริกัน ก็ได้เปิดโรงเรียนกุลสตรีวังหลังขึ้น (ต่อมาคือ วัฒนาวิทยาลัย) และในปี พ.ศ. 2428 โรงเรียนอาซมซานกอเล็ศ (โรงเรียนอัสสัมชัญ ปัจจุบัน) ก็เปิดทำการสอน จะเห็นว่า ในระยะแรกๆ การจัดการศึกษาแบบ"โรงเรียน"ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ผิดแผกแตกต่างไปจากการศึกษาเล่าเรียนแบบดั้งเดิมแบบไทยเกิด จากการจัดการของชาวตะวันตกทั้งสิ้นและเกือบทั้งหมดมีแรงผลักดันหรือจุดประสงค์ด้านศาสนาเป็นเครื่องสนับสนุนอยู่ส่วนการศึกษาของ ชาวไทยโดยทั่วๆไปแล้วยังคงยึดตามแนวทางเดิม
หลังจากโรงเรียนหลวงภายในพระบรมมหาราชวังเริ่มดำเนินการไม่นานก็ได้มีการตั้งโรงเรียนหลวงสำหรับสอนภาษาอังกฤษขึ้นอีกแห่ง หนึ่งในบริเวณใกล้ๆกัน เพื่อสอนพระเจ้าน้องยาเธอและหม่อมเจ้าต่างกรม มีนาย ฟรานซิส ยอร์ช แปตเตอร์สันเป็นครูโรงเรียนนี้ตั้งอยู่ จน พ.ศ. 2419 ก็เลิกไป เนื่องจากผู้สอนลากลับประเทศใน ปี พ.ศ. 2422 โปรดฯให้ตั้งโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษขึ้นใหม่ที่พระราชวังนันทอุทยานมีศาสนาจารย์เอส จี แมคฟาร์แลนด์เป็นอาจารย์ใหญ่ จน พ.ศ. 2429 จึงย้ายไปรวมกับโรงเรียนสุนันทาลัย(โรงเรียนราชินีปัจจุบัน) ครั้นปี พ.ศ. 2425 ก็ได้มีการตั้งโรงเรียนนายร้อยมหาดเล็กขึ้นที่พระตำหนักสวนกุหลาบ โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบนี้แรกทีเดียว ตั้งขึ้นโดยมุ่งฝึกหัดผู้ที่เป็น "เชื้อสายราชสกุลและบุตรหลานข้าราชการ" ให้เป็นนายทหารมหาดเล็กแต่เมื่อดำเนินการแล้วปรากฏว่ามีผู้ มาสมัครเรียนจำนวนมากเกินอัตราทหารมหาดเล็กที่มี ทำให้เกิดปัญหาว่าโรงเรียนควรจะรับทุกคนที่ประสงค์จะเข้าเรียนหรือจะจำกัด จำนวนผู้เข้าเรียน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯทรงมีพระราชวินิจฉัยว่า "...การเล่าเรียนเป็นการสำคัญของบ้านเมืองอย่างหนึ่ง เมื่อความนิยมเริ่มเกิดขึ้นอย่างนี้แล้ว ที่จะสกัดกั้นเสียด้วยหวัง แต่ประโยชน์ของกรมทหารมหาดเล็กกรมเดียวเท่านั้นหาควรไม่ในกระทรวงราชการต่างๆก็ต้องการคนที่ได้เล่าเรียน มีวิชาความรู้ เข้าตำแหน่งรับราชการอยู่เป็นอันมากเหมือนกัน ให้คิดจัดเป็นโรงเรียนชั้นสูงสำหรับพระราชวงศ์และผู้ที่ จะเป็นข้าราชการให้เป็นประโยชน์กว้างขวางสำหรับข้าราชการบ้านเมืองทั่วไปเถิด..."
โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบจึงเปลี่ยนจากโรงเรียนฝึกหัดทหารมาเป็นโรงเรียนฝึกสอนการเข้ารับราชการพลเรือนแทน ได้มีการปรับการเรียนการสอนเพิ่มวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และความรู้ที่จำเป็นสำหรับงานเสมียนพลเรือนประจำกระทรวงต่างๆนับตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2427 เป็นต้นมา จะเห็นว่าช่วงเวลาแห่งกำเนิดของโรงเรียนอัสสัมชัญ คือปี พ.ศ. 2428 นั้นได้มีโรงเรียนแผนใหม่เกิดขึ้นหลายแห่งแล้ว อย่างไรตามใน ระยะแรกๆ เราจะพบว่าการศึกษาแผนใหม่ที่มีขึ้นในสยาม มักจัดขึ้นเพื่อบุคคลเฉพาะกลุ่ม กล่าวคือ มิชชันนารีและผู้สอนศาสนาจัดให้แก่ ชาวมอญ ชาวจีน หรือคริสตศาสนิกชน ส่วน"หลวง" ก็จัดอยู่เฉพาะในกลุ่มเชื้อพระวงศ์และบุตรหลานข้าราชการ
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2427 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เริ่มจัดตั้งโรงเรียนหลวงสำหรับราษฎรขึ้น จึงนับว่าโอกาสทางการศึกษาได้กระจาย ออกสู่คนทั่วไปในสังคมเป็นครั้งแรก วัตถุประสงค์ของการนี้ก็เพื่อใหราษฎรได้มีการศึกษาเล่าเรียนตามแบบแผนที่ราชการกำหนดให้ เป็นมาตรฐานเดียวกัน แทนที่จะขึ้นอยู่กับครู(พระ)ผู้สอนแต่ละรายเช่นเดิม แต่ก็ยังอิงรากฐานการศึกษาเดิมอยู่บ้างโดยการจัดตั้งโรงเรียน ขึ้นตามวัด โรงเรียนแรก คือ โรงเรียนวัดมหรรณพาราม ปรากฏว่าได้เกิดเล่าลือไปในหมู่ราษฎรว่า รัฐจัดตั้งโรงเรียนขึ้น เพื่อเกณฑ์เด็กไปเป็นทหาร ทำให้คนไม่อยากส่งบุตรหลานเข้าเรียนถึงกับ ต้องออกหมายประกาศชี้แจง "...ทรงพระราชดำริเห็นว่าการวิชาหนังสือเป็นต้นทางของวิชาความรู้ทั้งปวง สมควรที่จะทำนุบำรุงให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป เพราะคน ในพื้นบ้านเมืองสยามเรานี้ ที่จนโตใหญ่ไม่รู้หนังสือไทยก็มีโดยมากที่รู้พออ่านเขียนได้แต่ ไม่ถูกถ้วนนั้นก็มีโดยมาก เพราะโรงเรียนที่สอน วิชาตามแบบหลวง นั้นยังมีน้อยไม่พอกับผู้ที่จะเล่าเรียน มีพระราชประสงค์จะให้พระบรมวงศานุวงศ์และบุตรหลานข้าราชการและราษฎร ทั้งปวงได้เล่าเรียนศึกษาหนังสือไทยโดยละเอียดแบบที่ถูกต้อง จึงทรงเสียสละพระราชทรัพย์ออกตั้งโรงเรียน และจ้างครูสอนบำรุงการเล่าเรียน..." "...อนึ่งเด็กทั้งปวงนี้ก็ล้วนแต่เป็นบุตรหลานไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินทั้งสิ้นด้วยกัน ถ้าจะเก็บเอามาเป็นทหารเสียตรงๆนั้นจะไม่ได้หรือจะต้อง ตั้งโรงเรียนเกลี้ยกล่อมให้ลำบากและเปลืองพระราชทรัพย์ด้วยเหตุใด..." หลังจากหมายประกาศนี้ออกไปในปี พ.ศ. 2428 แล้ว ราษฎรก็จึงเข้าใจและพากันส่งบุตรหลานเข้าเรียน การจัดตั้งโรงเรียนหลวงตามวัดก็แพร่หลายออกไปเป็นลำดับ การจัดให้มีโรงเรียนแบบใหม่ขึ้นในบ้านเมืองโดยที่คนทั่วไปยังไม่เข้าใจถึงระบบระเบียบและวิธีการศึกษานั้นก็เป็นภารกิจที่ยุ่งยาก และสิ้นเปลืองมากอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ยากยิ่งกว่านั้นก็คือการโน้มน้าวให้คนเห็นประโยชน์และความสำคัญของการศึกษาเล่าเรียน รวมทั้งให้ มาเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนดังจะเห็นได้จากหมายประกาศที่ได้ยกมาข้างต้นนั่นคือสภาพการณ์การศึกษาของไทยในช่วงครึ่งแรก แห่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ และในสภาพการณ์เช่นนี้เองที่โรงเรียนอัสสัมชัญได้ถือกำเนิดขึ้น ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของโรงเรียนอัสสัมชัญอีกครั้งหนึ่ง เมื่อคุณพ่อกอลมเบต์ริเริ่มที่จะให้การศึกษาแก่เด็กคาทอลิกในชุมชนละแวก วัดสวนท่านด้วยการสอนวิชาความรู้และศาสนาควบคู่กันไป ในระยะแรกท่านสอนเป็นภาษาไทยและภาษาฝรั่งเศส จนเป็นที่มาของชื่อ โรงเรียนดังได้กล่าวแล้ว โรงเรียนแห่งนี้เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2420 หลังจากนั้นอีก 8 ปี ก็พัฒนามาเป็น "โรงเรียน อาซมซาน กอเล็ศ"
ความแตกต่างระหว่างโรงเรียนเก่ากับโรงเรียนใหม่ของคุณพ่อกอลมเบต์ก็คือ โรงเรียนใหม่แห่งนี้มิได้เป็นโรงเรียนวัดที่มุ่งสอนเฉพาะ เด็กคาทอลิกอีกต่อไป หากแต่เป็นโรงเรียนที่เปิดกว้างสำหรับนักเรียนทุกเชื้อชาติ ศาสนา ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านหลักการที่สำคัญยิ่งอันมีผล เปลี่ยนแปลงทางปฏิบัติคือ ทำให้โรงเรียนของคุณพ่อกอลมเบต์มิได้เป็นโรงเรียนที่ให้การศึกษาแก่บุคคลเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป เมื่อพิจารณาช่วงเวลาที่โรงเรียนแห่งนี้เปิดสอนคือ พ.ศ. 2428 จะเห็นว่าเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่รัฐกำลังจัดตั้งโรงเรียนหลวงสำหรับราษฎร ขึ้นตามวัดโดยมีวัตถุประสงค์ให้ราษฎรทั่วไปได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนตามแบบหลวงที่ได้จัดให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์และบุตรหลานข้าราชการมาก่อนแล้ว นโยบายดังกล่าวของรัฐส่งผลให้การจัดการศึกษาของรัฐเปิดกว้างออกสู่คนทุกกลุ่มในสังคม อนึ่งการจัดการ ศึกษาแก่ราษฎรนี้เป็นการใหม่ที่ริเริ่มขึ้นจึงน่าที่จะขาดความพร้อมหลายประการ อาทิ ครูผู้สอน งบประมาณ และสถานที่ โรงเรียนหลวงที่เปิดตามวัดต่างๆจึงทยอยเปิดทีละโรง ทั้งนี้ยังไม่คำนึงถึงความยากลำบากในการชักชวนโน้มน้าวให้คนเห็นประโยชน์ ส่งบุตรหลานเข้ามาเรียน เมื่อโรงเรียนอัสสัมชัญ หรือ อาซมซาน กอเล็ศ เปิดขึ้นจึงเป็นการสอดรับกับนโยบายการจัดการศึกษาของรัฐพอดี ทั้งยังเป็นการ ช่วยขยายการศึกษาออกสู่ราษฎรอย่างสำคัญอีกแรงหนึ่งดังนั้นจึงสามารถอธิบายได้ว่าเหตุใด โรงเรียน อาซมซาน กอเล็ศ จึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯและพระบรมวงศานุวงศ์ดังนั้น พัฒนาการของโรงเรียนในระยะต่อมา โรงเรียนอัสสัมชัญถือกำเนิดขึ้นจากอุดมการณ์และความเสียสละของบาทหลวงเอมิล กอลมเบต์ (Pere Emile Colombet)เจ้าอาวาสวัด คาทอลิกเล็กๆแห่งหนึ่งแถบบางรักผู้มีศรัทธาอันแรงกล้าในอันที่จะพัฒนาคริสตศาสนิกชนในละแวกวัดของท่านโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน คาทอลิกที่ยากจนและกำพร้าให้เจริญด้วยการศึกษาเล่าเรียนเมื่อแรกเริ่มเป็นสมัยที่คนทั่วไปยังมิได้เล็งเห็นผลประโยชน์และความจำเป็นของ การศึกษาเล่าเรียน ภารกิจของท่านจึงมิได้ตกหนักที่การอบรมสั่งสอนเด็กๆเพียงประการเดียวหากยังต้องหว่านล้อมพ่อแม่ผู้ปกครองให้เห็น ความสำคัญของการศึกษาและส่งลูกเข้ามาเรียนกับท่านด้วยเป็นที่น่ายินดีที่อุดมการณ์และความเมตตาของบาทหลวงกอลมเบต์มิได้จำกัดอยู่เฉพาะในหมู่คริสตศาสนิกชนหากยังแผ่กว้างออกสู่บุคคล ทั่วไปในสังคมโดยไม่เลือกชาติ วรรณะหรือศาสนา ในปี พ.ศ. 2428 "โรงเรียนไทย-ฝรั่งเศส" ของท่านจึงได้ปรับเปลียนตัวเองจากโรงเรียน ของวัดที่เน้นการสอนศาสนาควบคู่กับวิชาความรู้มาเป็น "โรงเรียน อาซมซาน กอเล็ศ" (Le College de l'Assomption) ที่เปิดรับนักเรียนทั่วไปไม่ว่าจะชาติหรือศาสนาใด ความพยายามของท่านเริ่มสัมฤทธิผล เมื่อจำนวนนักเรียนของโรงเรียนทวีจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วเห็นได้ชัดเพียงในปีที่สองและยังคงทวี ขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อขึ้นปีที่สิบห้าของโรงเรียนภารกิจในการดูแลโรงเรียนซึ่งขณะนั้นมีนักเรียนถึง 400 คนแล้วก็เป็นอุปสรรคต่องานด้านศาสนกิจ อันเป็นงานหลักที่แท้จริงของท่าน
ช่วงเวลานับจากนี้ เราไม่อาจคาดเดาสิ่งที่จะบังเกิดในสังคมไทยในศตวรรษหน้า หลายสิ่งหลายอย่างที่โรงเรียนอัสสัมชัญได้สร้างไว้ในวันนี้ น่าจะได้รับการสืบทอดพัฒนาต่อไปอีกยาวนานเพราะ ณ ที่นี้มีประวัติการกำเนิดซึ่งนับได้ว่าเป็นรากแก้วที่แข็งแรง มีพลังแห่งอุดมการณ์ซึ่งเปรียบ เสมือนแสงแดดและอากาศที่จะหล่อเลี้ยงต้นไม้ใหญ่ให้เติบโตต่อไป มีพลังความเสียสละจากบุคลากรในโรงเรียนและศิษย์เก่าจำนวนมหาศาลเปรียบ เสมือนอาหารและน้ำเพิ่มเติมให้ต้นไม้ออกดอกออกผลอุดมสมบูรณ์ ชื่อเสียง เกียรติคุณ และวัฒนธรรมนานัปการที่โรงเรียนอัสสัมชัญได้สร้างไว้จึงมิควรจะเป็นเพียงความทรงจำหรือเรื่องราวที่ต้องอนุรักษ์ ไว้เล่าต่อกันฟัง หากแต่คงเป็นเพียงบทแรกเริ่มแห่งความภาคภูมิใจของชาวอัสสัมชัญ อีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้าคงเป็นเพียงก้าวเดินต่อไปที่ยังมั่นคงและ ทรงคุณค่าขึ้นตามวันเวลา บันทึกเรื่องราวอัสสัมชัญประวัติจึงยังไม่มีบทสุดท้ายหรือบทสรุป เพราะอัสสัมชัญยังคงจะต้องสืบทอดคติธรรม เจตนารมณ์ และอุดมการณ์ของโรงเรียนแห่งนี้ต่อไปอีกนานเท่านานและจะเป็นประจักษ์พยานของประวัติศาสตร์สังคมไทยที่ต้องบันทึกไว้อย่างไม่รู้จบ
[แก้] ความหมายของตราโรงเรียนอัสสัมชัญ
เครื่องหมายโรงเรียนอัสสัมชัญมีลักษณะ เป็นตราโล่สีแดงคาดสีขาวตรงกลาง
มีตัวอักษร AC สีน้ำเงินไขว้กันอยู่ตรงกลาง และปีคริสตศักราช 1885 สีนำเงินอยู่ใต้ตัวอักษร ซึ่งเป็นปีก่อตั้งโรงเรียน
ความหมาย ตราโล่ คือ เครื่องป้องกันศาสตราวุธทั้งปวง
สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์
สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญในการต่อสู้อุปสรรคต่างๆ
AC ย่อมาจาก ASSUMPTION COLLEGE
สีที่ปรากฏบนโล่ยังเตือนใจให้รำลึกถึงชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
[แก้] สถานที่สำคัญ
หอประชุมสุวรรณสมโภช เป็นหอประชุมแห่งเก่าของโรงเรียนอัสสัมชัญ ได้ก่อสร้างเมื่อโรงเรียนมีอายุครบ 80 ปี แล้วเคยมีครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันเคยมาทอดพระเนตรชมการแสดง อาคารแห่งนี้ได้ถูกทุบทิ้งมี ปี พ.ศ. 2544 เพื่อที่จะสร้างอาคารคู่ประกอบ 2 อาคาร คือ อาคารอัสสัมชัญ 2003 และอาคารโพเดียม และเมื่อปีพ.ศ. 2545 จะเป็นปีที่หอประชุมนี้จะมีอายุครบ 50 ปี
[แก้] ดูเพิ่ม
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
- โรงเรียนอัสสัมชัญ
- สมาคมอัสสัมชัญ (สมาคมศิษย์เก่า)
- เว็บบอร์ดโรงเรียนอัสสัมชัญ (assumpboard.com)
- เว็บบอร์ดโรงเรียนอัสสัมชัญ (assump.net)
เครือ มูลนิธิเซนต์คาเบรียล | ![]() |
โรงเรียนอัสสัมชัญ | โรงเรียนเซนต์คาเบรียล | โรงเรียนมงฟอร์ต | โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชยการ | โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา | โรงเรียนเซนต์หลุยส์ | โรงเรียนอัสสัมชัญลำปาง | โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี | โรงเรียนอัสสัมชัญระยอง | โรงเรียนอัสสัมชัญอุบลราชธานี | โรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม | โรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา | มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ | โรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ |
จตุรมิตรสามัคคี | ![]() |
||
กรุงเทพคริสเตียน (ทีมฟุตบอล) |
เทพศิรินทร์ (ทีมฟุตบอล) |
สวนกุหลาบ (ทีมฟุตบอล) |
อัสสัมชัญ (ทีมฟุตบอล) |