กินนี่พิก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Domestic Guinea Pig
วิกิพีเดีย:การอ่านตารางจำแนกพันธุ์

การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร Animalia
ไฟลัม Chordate
ชั้น Mammalia
ตระกูล Rodentia
วงศ์ Caviidae
วงศ์ย่อย Caviinae
สกุล Cavia
สปีชีส์ C. porcellus
ชื่อทวินาม
Cavia porcellus
(Linnaeus, 1758)

กินนี่พิก (guinea pig) เควี่ (cavy) หรือหนูตะเภา เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทฟันแทะ (rodent) ชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาใต้ เป็นสัตว์เลี้ยงและสัตว์ทดลองที่ได้รับความนิยม

ในประเทศไทยยังนิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า หนูแกสบี้ โดยมักใช้กับสายพันธุ์สัตว์เลี้ยงจากต่างประเทศที่ได้รับการพัฒนา มีลักษณะภายนอกแตกต่างจากหนูตะเภาทั่วไปที่มีในประเทศไทย ไม่ปรากฏการใช้ชื่อนี้ในภาษาอื่น

สารบัญ

[แก้] ประวัติของกินนี่พิก

กินนี่พิก มีหลักฐานทางโบราณคดีเริ่มเปลี่ยนจากสัตว์ป่ามาเป็นสัตวเลี้ยงระหว่าง 9,000 และ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล กินนี่พิก ถูกนำเข้าไปยังยุโรปโดยชาวดัสต์มากว่า 300 ปีแล้ว และนับจากนั้นมากินนี่พิกก็ถูกเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง มีการคัดเลือกพันธุ์เพื่อให้ได้ลักษณะเฉพาะ และสีสันใหม่ๆ เพื่อการประกวดมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงระหว่างและหลังปีคศ 1600 กินนี่พิกเป็นที่นิยมมากในเหล่าขุนนางและชนชั้นสูงของยุโรป แม้กระทั่งพระนางเจ้า เอลิซาเบธที่ 1 แห่งราชวงศ์อังกฤษ ก็ยังทรงเลี้ยงๆไว้ดูเล่น [1]

ในศตวรรษที่ 19 ชาวอังกฤษก็ได้อพยพมายังประเทศสหรัฐอเมริกา และได้นำเอากินนี่พิกที่ได้เพาะพันธุ์และมีพัฒนาจนมีความสวยงาม ย้อนกลับเข้าไปในทวีปอเมริกาเหนือ จนเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆมาจนปัจจุบัน โดยได้มีการจัดตั้งสมาคมของผู้เลี้ยงกินนี่พิกขึ้นในปีคศ. 1910 ที่รู้จักกันดีในนามของ สมาคมผู้เพาะพันธุ์เควี่แห่งอเมริกา ( American Cavy Breeders Association หรือ ACBA ) เพื่อควบคุมดูแลเรื่องเกี่ยวกับหนูกินนี่พิกในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นองค์กรที่เป็นสาขาหนึ่งที่แตกออกมาจากสมาคมผู้เพาะพันธุ์กระต่ายแห่งอเมริกา ( American Rabbit Breeders Association Inc.) ทุกวันนี้กินนี่พิกได้รับความนิยมและแพร่กระจายไปทั่วโลก[1]

เมื่อก่อนนี้ นับเป็นพันๆปี ที่ชนชาวพื้นเมืองอินคาในอเมริกาใต้ ใช้เนื้อของกินนี่พิกเป็นอาหาร โดยนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง เพื่อใช้ประกอบอาหาร และเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา[1]

[แก้] สายพันธุ์ของกินนี่พิก

[แก้] พันธุ์ขนสั้น

Short Hair หรือ American บางคนจะเรียกว่า American Short Hair หรือ English Short Hair คือขนสั้นตรงไม่มีขวัญ ซึ่งแบ่งย่อยเป็น Self หรือ Non-Self เป็นพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงกันมากกที่สุดในสหรัฐอเมริกาจมูกกลม ขนจะสั้นแต่อ่อนนุ่ม พันธุ์ short hair

Crest คือขวัญ ลักษณะจะเหมือนกับ American Short Hair แต่จะมีขวัญบนหัว แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

  1. English Crested แบบนี้หงอนหรือขวัญที่หัวจะเป็นสีเดียวกับลำตัว แบ่งเป็น
  2. American Crested แบบนี้ขวัญหรือหงอนบนหัวจะมีสีแตกต่างจากตัว

Abyssinion นี้เป็นสายพันธุ์เก่าแก่ที่สุด เชื่อกันว่าเป็นพันธุ์ที่ฉลาดที่สุดในทุกพันธุ์ และจะมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากพันธุ์อื่นๆอย่างชัดเจนคือมีขวัญเต็มไปหมดทั้งตัว โดยจะมีขวัญ 2 ขวัญอยู่บนไหล่ ข้างละขวัญ มีอีก 4 ขวัญอยู่บนหลัง มี 2 ขวัญอยู่บนตะโพก และ อีก 2 ขวัญอยู่ด้านหลังสุด พันธุ์อะบิสสิเนี่ยนที่สวยขวัญจะไม่สะเปะสะปะ จะเรียงเป็นระเบียบ ขนจะหยาบแต่หนา ขนจะยาวประมาณหนึ่งนิ้วครึ่ง แต่เมืองไทยเราไม่นิยมเลี้ยง เพราะคล้ายหนูผสม หรือหนูขวัญ

Teddy เป็นกินนี่พิกที่มีขนหนา แต่สั้นประมาณ 3/4 นิ้ว และขนจะหยิกเล็กน้อย ซึ่งเท็ดดี้จะมีขนแบ่งเป็น 2 ประเภท แบบแรกขนจะเป็นกำมะหยี่ ซึ่งจะนุ่ม แบบที่ 2 ขนจะหยาบ

Rex มีลักษณะคล้ายกับ Teddy แต่ขนจะหยิกและสั้น

[แก้] พันธุ์ขนยาว

  • พันธุ์ขนตรง ได้แก่

Peruvian แต่ก่อนเรียกว่า แองโกล่า จะมีขวัญอยู่ที่บั้นท้าย 2 ขวัญ เมื่อโตแล้ว สายพันธุ์นี้จะมีขนยาวปกคลุมจนถึงพื้น ขนจะขึ้นไล่จากกลางหลัง ลงไปคลุมจนถึงพื้น ขนจะนุ่มและหนา พันธุ์นี้จะเป็นที่นิยมมากในบ้านเรา

Coronet จะมีขวัญ 1 ขวัญบนหน้าผาก ไม่ควรจะมีขวัญที่อื่นอีกเลย จะนิยมเลือกที่หน้าใหญ่ ไม่แหลม และก็โครงสร้างไหล่ควรจะกว้าง

Silkie ดูคล้ายโคโรเนต แต่จะไม่มีขวัญเลย ในประเทศอังกฤษจะเรียกว่า Sheltie ที่เรียกว่าซิลกี้ก็เพราะขนที่ยาวจะลื่นนุ่มมันวาวคล้ายไหม ขนของเค้าจะขึ้นจากจมูกย้อนไปทางด้านหลัง และตกลงด้านข้างในลักษณะหยดคล้ายกับหยดน้ำ ถ้าเป็นซิลกี้ซาติน ขนจะหนาเป็นมันวาวเหมือนซิลกี้ แต่เป็นมันเงาแวววาวกว่า

  • พันธุ์ขนหยิก ได้แก่

Texel เหมือนกับเป็น Silkie ที่ขนหยิก พันธุ์นี้ควรจะไม่มีขวัญ หลายคนกล่าวว่า Texel เป็นพันธุ์ที่หน้าสวยที่สุด

Alpaka เหมือนกับเป็น Peruvian ที่ขนหยิก ดังนั้นแนวขนจะต่างจาก Texel และจะมีขวัญอย่างเพรูเวี่ยน จึงไม่นิยมเอามาผสมกับ โคโรเนต

Marino เหมือนกับเป็น Coronet ที่ขนหยิก จะมีขวัญบนหัวเหมือนกับโคโรเนต แต่ขนหยิก

[แก้] ที่มาของชื่อ

[แก้] กินนี่ พิก

มีการอ้างจากหลายแหล่งในที่มาของชื่อ

  • นักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่าเนื่องจาก หนูกินนี่พิก มีรูปร่างที่คล้ายลูกหมูที่ยังไม่หย่านมแม่ และเมื่อนำมาประกอบอาหารจะมีรสชาติคล้ายหมู จึงเรียกว่า หมู หรือ PIG ส่วนคำว่ากินนี่อาจจะเพี้ยนมาจากคำว่ากายอาน่า ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งในทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งชาวยุโรปได้ติดต่อค้าขายด้วย [1]
  • ตำนานของคำว่า กินนี่พิก อีกแหล่งนึง คือพ่อค้าชาวดัสต์เคยเอามาขายในราคา 1 กินนี ซึ่งเป็นเงินเหรียญโบราณที่เคยใช้ในยุโรปสมัยก่อน [1]
  • อีกตำนานที่น่าสนใจคือ ในครั้งแรกที่ชาวสเปนเดินทางไปถึงตลาดของชาวเปรู ได้พบเห็นหนูกินนี่พิกถูกวางขายอยู่เป็นจำนวนมาก และดูคล้ายลูกหมูที่ยังไม่หน่านม และมีเสียงร้องคล้ายลูกหมู ก็เลยเรียกชื่อหนูกินนี่พิก นั้นว่าหมูของอินเดียนตัวเล็ก ส่วนคำว่ากินนี่พิก นั้นก็มาจากความเข้าใจผิดของชาวอังกฤษ ในอดีตอังกฤษทำการค้ากับทางชายฝั่งนิวกินี มากกว่าทางอเมริกาใต้ ดังนั้นเมื่อกะลาสี หรือพ่อค้าชาวดัสต์ นำเอาหนูกินนี่พิกเข้าสู่ยุโรป ก็เลยเข้าใจผิดว่าหนูมาจากชายฝั่งนิวกินี ก็เลยเรียกหนูพวกนี้ว่า กินนี่พิก[1]
  • นอกจากนี้หนูกินนี่พิกนี้ยังถูกใช้เป็นสัตว์ทดลองในห้องปฏิบัติการด้วย คำว่ากินนี่พิก ในภาษาอังกฤษยังมีความหมาย โดยนัยว่า สัตว์ลองยา เนื่องจากใช้ในการทดลองทางวิทยาศาสตร์ หนูกินนี่พิกพันธุ์พิเศษจะถูกขยายพันธุ์ และขายให้กับห้องปฏิบัติการ ส่วนใหญ่ในปีหนึ่งๆ ประมาณว่ามีหนูกินนี่พิกถูกใช้ในการทดลองถึง 500,000 ตัว[1]

[แก้] เควี่

ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักจะเรียกหนูกินนี่พิกว่าเควี่ ซึ่งเป็นชื่อที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับความจริงมากที่สุด เพราะมาจากชื่อวิทยาศาสตร์ว่า cavus = cave แปลว่าถ้ำ เพราะเค้าอาศัยอยู่ในถ้ำหรือโพรง อีกอย่างคือคำว่าเควี่สั้นและเรียกง่ายกว่ากินนี่พิก จริงๆแล้ว ในประเทศทางแถบยุโรปจะเรียกหนูเควี่ว่ากินนี่พิก ซึ่งเป็นชื่อสากล ที่ส่วนใหญ่ใช้กันอยู่โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ ส่วนคำว่าเควี่จะนิยมใช้ใน อเมริกา[1]


[แก้] แกสบี้

แกสบี้ที่คนเรานิยมเรียกกันเป็นการเรียกชื่อผิดๆมาตั้งแต่เริ่มแรก เริ่มจากผู้ขายเรียกว่า แกสบี้ ด้วยเหตุที่จำผิด หรือต้องการให้เป็นชื่อทางการค้าที่เรียกง่าย หรืออย่างไรไม่ทราบ ได้เรียกหนูชนิดนี้ว่าหนูแกสบี้ จากนั้นเป็นต้นมาคนไทยก็จะรู้จักหนูเควี่กันในชื่อที่เรียกว่า "แกสบี้ " ต่อมาเมื่อมีคนสนใจศึกษารายละอียดจากตำราภาษาต่างประเทศ จึงรู้ว่าชื่อที่ถูกต้องของหนูแกสบี้ คือ เควี่ หรือ กินนี่พิก[1]

[แก้] ความเชื่อเกี่ยวกับกินนี่พิก

  • พวกอินเดียน ในทวีปอเมริกาใต้ เชื่อว่ากินนี่พิกมีพลังอำนาจในการที่จะติดต่อกับสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติได้ ก็เลยคิดว่าหนูเหล่านี้มีพลังอำนาจในการบำบัดรักษาผู้เจ็บป่วย[1]
  • พวกอีควาดอร์บริเวณเทือกเขาแอนดิสจำนำเสือผ้าของผู้ป่วยมาผูกติดกับริบบิ้น และเส้นด้าย แล้วนำหนูแกสบี้ไปปล่อย ด้วยความเชื่อว่าหนูแกสบี้สามารถเคลื่อนย้ายความเจ็บป่วยจากคนไข้ ผ่านทางเสื้อผ้า โดยจะนำโรคภัยไปยังสถานที่ๆทำร้าย หรือ ทำอันตรายใครไม่ได้อีก [1]

[แก้] อ้างอิง

  1. 1.00 1.01 1.02 1.03 1.04 1.05 1.06 1.07 1.08 1.09 1.10 เว็บเควี่ไทยแลนด์(http://www.cavythailand.com/tale.html)

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น