โทมัส อควีนาส
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Western Philosophers Medieval Philosophy |
|
---|---|
Depiction of St. Thomas Aquinas from The Demidoff Altarpiece by Carlo Crivelli
|
|
ชื่อ: | โทมัส อควีนาส |
เกิด: | พ.ศ. 1768 อิตาลี) |
เสียชีวิต: | 7 มีนาคม, พ.ศ. 1817 อิตาลี) |
School/tradition: | Scholasticism, Founder of Thomism |
ความสนใจ: | อภิปรัขญา (incl. Theology), ตรรกศาสตร์, จิตใจ, ญาณวิทยา, จริยศาสตร์, ปัชญาการเมือง |
แนวความคิด: | Five Proofs for God's Existence, Principle of double effect |
ได้รับแรงบัลดาลใจจาก: | อริสโตเติล, Boethius, Eriugena, Anselm, Averroes, Maimonides, St. Augustine |
สร้างแรงบัลดาลใจให้กับ: | Giles of Rome, Godfrey of Fontaines, Jacques Maritain, G. E. M. Anscombe, John Locke, Dante |
เซนต์โทมัส อควีนาส (St. Thomas Aquinas, ค.ศ. 1225-1274) เป็นเชื้อสายบุตรขุนนางชาวอิตาลีโดยกำเนิด แต่ได้ตัดสินใจเลือกดำเนินชีวิตเป็นผู้สอนในคณะโดมินิกัน เป็นผู้ที่สนใจศึกษาสิ่งต่าง ๆ อย่างละเอียดลึกซึ้ง อควีนาสได้พัฒนาแนวความคิดของเขาโดยได้รับอิทธิพลจากอริสโตเติล ในขณะที่นักคิดคนอื่นมีความเห็นตรงกันข้าม อควีนาสได้ดำเนินการศึกษา สรุปผลที่เป็นแบบตรรกวิทยาที่สมบูรณ์ โดยไม่มีข้อสงสัยหรือข้อขัดแย้ง ตามแนวความคิดของอควีนาส ระเบียบวิธีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่ออควีนาสเริ่มหันมาสนใจศึกษาค้นคว้าแนวความคิดของอริสโตเติล และได้มีอิทธิพลตลอดชีวิตการทำงานของอควีนาส จุดมุ่งหมายอีกประการหนึ่งของอควีนาสคือ การผสมผสานเทววิทยาทางศาสนาให้เข้ากับตรรกวิทยาของอริสโตเติล ในที่สุดแนวความคิดของอริสโตเติลก็กลับมามีชื่อเสียงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง นักคิดชาวตะวันตกก็เริ่มหันมาศึกษางานของอริสโตเติลกันมากขึ้น มีผู้กล่าวว่า อริสโตเติลเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักปราชญ์ที่มีความรอบรู้ พระเจ้าพึงพอใจยอมอนุญาตให้เป็นผู้สรุปความรู้ทุกสาขาวิชา เท่ากับยอมรับว่าอริสโตเติลเป็นเหมือนคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ เป็นนักบวชของศาสนา เป็นตัวบทกฎหมาย และเป็นนักวินัยทางศาสนา เปรียบเสมือนเป็นผู้ที่มีอำนาจหน้าที่กำหนดความสัมพันธ์ของมนุษย์ กำหนดความรู้ทุกสาขาวิชา
งานเขียนในระยะนี้พยายามอธิบายสังคมที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนา และพระผู้เป็นเจ้า อควีนาสพยายามกำหนดความสำคัญและหน้าที่ใหม่ของศาสนาที่มีต่อสังคม โดยให้ศาสนายังคงมีอำนาจทางธรรมตามคำสอนของศาสนา อควีนาสก็เหมือนกับนักปราชญ์คนอื่น มีความเชื่อว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมมีจุดมุ่งหมายเพื่อดำรงชีวิตอยู่ในสังคม มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่มีความสามารถกำหนดควบคุมการกระทำของตนเองได้ด้วยสติปัญญา มนุษย์จะตกอยู่ในอันตราย ถ้าไม่ยอมรับระบบสังคม อควีนาสจึงเน้นเอกภาพในสังคมมนุษย์ที่มีพลังอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอกภาพทางการเมืองเป็นสิ่งสำคัญ จุดมุ่งหมายก็เพื่อให้สังคมมีเอกภาพอย่างสันติไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น วิธีการดังกล่าวเปรียบเสมือนมนุษย์ได้รับการอบรมทางจิต จิตที่อบรมแล้ว จะสั่งการให้ร่างกายกระทำสิ่งต่าง ๆ ตามหน้าที่ในสังคม ดังนั้นการปกครองโดยรัฐบาลที่มีผู้นำเพียงคนเดียวจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุด กษัตริย์อันเป็นราชาแห่งปราชญ์คนเดียวจะปกครองประชาชนอย่างยุติธรรม โครงสร้างทางสังคมก็เหมือนกับธรรมชาติที่พระเจ้าปกครอง คนในสังคมจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุด ถ้าสัมคมมีเอกภาพโดยมีผู้นำเพียงคนเดียว
[แก้] กฎสังคม 4 ประการ
อควีนาสศึกษาปัจจัยหลายประการที่มีอิทธิพลกำหนดเอกภาพของสังคมและทำให้เกิดการพัฒนาการของมนุษย์ พระเจ้าและธรรมชาติมีความสำคัญเป็นส่วนหนึ่งของสังคม สิ่งเหล่านี้รวมตัวกันด้วยกฎ 4 ประการคือ
- กฎจักรวาล (Eternal Law) หมายถึง กฎของพระเจ้าที่ควบคุมจักรวาล
- กฎธรรมชาติ (Natural Law) หมายถึง กฎของสิ่งมีชีวิต เป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า
- กฎสังคมมนุษย์ (Human Law) เป็นกฎของสาธารณชน เป็นขบวนการสถาบันสังคม
- กฎพระเจ้า (Divine Law) เป็นกฎที่กำหนดแรงจูงใจภายในของมนุษย์
กฎทั้งสี่มีความสัมพันธ์กันเหมือนกับอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การกระทำของมนุษย์จะถูกควบคุมจากจิตหรือสติปัญญา และวิญญาณหรือความสำนึกทางศีลธรรม ต้องมีการตรวจสอบความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ และการต่อต้านของมนุษย์ในสังคม ประการสุดท้ายผู้ที่มีหน้าที่ตราตัวบทกฎหมายต้องประยุกต์กฎหมายทุกชนิดให้สมาชิกในสังคมทุกคนได้รับประโยชน์สูงสุด มีผู้สรุป ความคิดของอควีนาสไว้ว่าในหนังสือ "Summa Theologica" ที่เขียนราวปี ค.ศ. 1250 พูดถึงลัทธิกฎธรรมชาติของนักปรัชญากลุ่ม Stoic นำไปผสมกับการสอนใน ศาสนาคริสต์ว่าด้วยกฎของพระเจ้า รวมทั้งรับแนวความคิดของอริสโตเติลเกี่ยวกับบรรทัดฐานหรือกฎของมนุษย์ และจุดกำเนิดของหลักกฎหมายโรมันด้วย ทำให้มนุษย์มีความสามารถและมีสติปัญญาอย่างสูงสุด ประการสุดท้ายก็คือ ทำให้เกิดระบบลัทธิรัฐธรรมนูญ
อควีนาสเป็นนักปราชญ์ที่มีความสำคัญมากที่สุดคนหนึ่ง พยายามประสานหลักเหตุผลที่มีอยู่ในธรรมชาติเข้ากับความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า โดยแสดงออกมาในรูปของอำนาจเหนือธรรมชาติที่แท้จริง ปรัชญาเป็นผลิตผลของเทววิทยาและเหตุผลเป็นรากฐานของความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า
ก่อนโสกราตีส | เธลีส | โสกราตีส | เพลโต | อริสโตเติล | เอพิคิวเรียน | สโตอิก | โพลตินัส | พีร์โร | ออกัสตินแห่งฮิปโป | โบอีเทียส | อัลฟาราบี | แอนเซล์มแห่งแคนเทอเบอรี | ปีแยร์ อาเบลา | อะเวร์โรอีส | ไมมอนิดีส | โทมัส อควีนาส | แอลเบอร์ทัส แมกนัส | ดันส์ สโกตัส | รามอง ยูย์ | วิลเลียมแห่งออกคัม | โจวันนี ปีโก เดลลา มีรันโดลา | มาร์ซีลีโอ ฟีชีโน | มิเชล เดอ มงตาญ | เรอเน เดส์การตส์ | โทมัส ฮอบบส์ | แบลส ปาสกาล | บารุค สปิโนซา | จอห์น ล็อก | นีโกลา มาลบรองช์ | กอทท์ฟรีด ไลบ์นิซ | จัมบัตติสตา วีโก | ชูเลียง โอเฟรย์ เดอ ลา เมตรี | จอร์จ บาร์กลีย์ | มองเตสกิเออร์ | เดวิด ฮูม | วอลแตร์ | ฌอง-ฌาค รุสโซ | เดนี ดีเดโร | โยฮันน์ แฮร์เดอร์ | อิมมานูเอิล คานท์ | เจเรอมี เบนทัม | ฟรีดิช ชไลเออร์มาเคอร์ | โยฮันน์ กอทท์ลีบ ฟิคเทอ | G.W.F. เฮเกิล | ฟรีดิช ฟอน เชลลิง | ฟรีดิช ฟอน ชเลเกิล | อาเธอร์ โชเพนเฮาเออร์ | เซอเรน เคียร์เคอการ์ด | เฮนรี เดวิด ทอโร | ราล์ฟ วอลโด เอเมอร์สัน | จอห์น สจวร์ต มิลล์ | คาร์ล มาร์กซ | มีฮาอิล บาคูนิน | ฟรีดิช นีทเชอ | วลาดีมีร์ โซโลวีฟ | วิลเลียม เจมส์ | วิลเฮล์ม ดิลเทย์ | C. S. เพิร์ซ | กอทท์ลอบ เฟรเก้ | เอดมุนด์ ฮุสเซิร์ล | อองรี แบร์ซง | แอนสท์ คัสซิเรอร์ | จอห์น ดิวอี | เบนาเดตโต โกรเช | โคเซ ออร์เตกา อี กัสเซต | แอลฟริด นอร์ท ไวต์เฮด | เบอร์แทรนด์ รัสเซิลล์ | ลุดวิก วิทท์เกนสไตน์ | แอนสท์ บลอค | เกออร์ก ลูคัช | มาร์ติน ไฮเดกเกอร์ | รูดอล์ฟ คาร์นาพ | ซีโมน แวย | มอรีซ แมร์โล-ปงตี | ฌอง ปอล ซาร์ต | ไอย์น แรนด์ | ซีโมน เดอ โบวัวร์ | จอร์จ บาไตลล์ | ธีโอดอร์ อดอร์โน | มักซ์ ฮอร์คไฮเมอร์ | ฮานนาห์ อเรนดท์ | กอร์เนลีอุส กาสโตรีอาดิส| โรลอง บาร์ธ | โคลด เลวี สโตรส | ฌาค ลากอง | หลุยส์ อัลธูแซร์ | มิเชล ฟูโกต์ | ฌาค แดริดา | เจอร์เกน ฮาเบอร์มาส | ฌอง โบดริยาร์ด | จิลล์ เดอลูซ | ฌอง-ลุค นองซี | จิอันนี วัตติโม | อันโทนิโอ เนกริ | พอล วิริลลิโอ | ปีเตอร์ สลอตเทอร์ดิค | สลาวอจ ชิเชค