คาราเต้

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

คาราเต้ (「空手」 karate – คาราเตะ?) หรือ คาราเต้โด (「空手道」 karatedō – ความหมายว่า "วิถีมือเปล่า"?) เป็นศิลปะการต่อสู้ถือกำเนิดที่โอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น เป็นการผสมผสานระหว่างการต่อสู้ของชาวโอกินาวาและชาวจีน คาราเต้ได้เผยแพร่เข้าสู้ญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2464 (ค.ศ. 1921) เมื่อชาวโอกินาวาอพยพเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น

สารบัญ

[แก้] ประวัติ

บทความนี้ได้รับแจ้งว่า การใช้ภาษา การแปลภาษา การทับศัพท์ หรือการสะกดคำ สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ ซึ่งอาจรวมถึงรูปแบบการเขียนที่อาจไม่ใช่สารานุกรม
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นแก้ไขภาษาให้สละสลวย และแก้ตัวสะกดให้ถูกต้อง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คู่มือ และ นโยบายวิกิพีเดีย

สมัยศตวรรษที่14 โอกินาวาได้มีการติดต่อการค้ากับทางจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีมานานมากตั้งแต่สมัยอดีต ในขณะนั้นได้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม วิชาการความรู้แขนงต่างๆ รวมถึงศิลปะการป้องกันตัว โอกินาวาได้มีศิลปะการต่อสู้ประจำอยู่แล้ว และได้ผสมผสานกับทักษะที่ได้รับมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งก็คือมวยใต้ และเส้าหลินใต้ในฟูเจี้ยน(ฮกเกี้ยน) แล้วพัฒนาต่อเนื่องเรื่อยมา จนสามารถเรียกว่าเป็นต้นกำเนิดของคาราเต้ได้ โดยโอกินาวาจะเรียกศิลปะป้องกันตัวของตนเองว่า Tudi (โทเต้ Tode) ในภาษาโอกินาวา (หรือในภาษาญี่ปุ่นจะเรียก โอกินาวาเต้)

โซคอน มัทสุมูระ Sokon Mutsumura ผู้เชี่ยวชาญแห่งชูริเต้ได้เดินทางไปจีนเพื่อศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมความรู้ของตนและนำกลับมาพัฒนาชูริเต้ ความรู้ใหม่ที่โซคอนนำมาก็คือ ทักษะของมวยสิงอี้ฉวน ต่อมา โชกิ โมโตบุ Shoki Motobu ผู้เชี่ยวชาญแห่งชูริเต้ ได้แลกเปลี่ยนความรู้กับ T'ung Gee Hsing (ผู้สืบทอดวิชาสิงอี้ และปากั้ว ซึ่งอพยพมาอยู่ที่โอกินาวา)

ต่อมาปี 1922 ฟูนาโกชิ กิชิน ลูกศิษย์ของ อังโก อิโตสึ (Anko Itosu) แห่งชูริเต้ ได้พัฒนาคาราเต้ และเผยแพร่เข้าสู่ญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการที่โตเกียวโดยได้รับการสนับสนุนของ จิกาโร่ คาโน Jikaro Kano ผู้ก่อตั้งยูโดโคโดกัน Kodokan Judo และต่อมา บรรดาศิษย์ของฟูนาโกชิ ได้เรียกรูปแบบการสอนของฟูนาโกชิว่า โชโต Shoto 松涛 ตามนามปากกาของท่าน และได้เรียกโรงฝึกแห่งแรกของท่านว่า โชโตกัน 松涛館 นาฮาเต้ มวยแห่งเมืองนาฮา Naha-Te 那覇手

  คันเรียว ฮิกาอนนะKanryo Higaonna ลูกศิษย์ของ อาราคากิ เซย์โช arakagi seisho ผู้เชี่ยวชาญนาฮาเต้ ได้เดินทางสู่ฟูเจี้ยนเพื่อหาประสบการณ์ และศึกษาวิชาการต่อสู้ของจีน ได้เรียนกับ ริวริวโก Ryu Ryu Ko ผู้เชี่ยวชาญมวยจีน และเดินทางกลับมาพัฒนานาฮาเต้ ต่อมา โชจุน มิยากิ宮城 長順 Miyagi Chojun 1888—1953 ผู้สืบทอดนาฮาเต้ของคันเรียว ได้เปลี่ยนชื่อสำนักนาฮาเต้ เป็น โกจูริวคาราเต้ 剛柔流空手道  เพื่อพัฒนาให้ทันสมัย และได้เข้ามาในญี่ปุ่นและเริ่มทำการสอนคาราเต้ (แต่เดิมสอนอยู่ในโอกินาวา) เป็นเวลาไม่นานนักหลังจาก ฟูนาโกชิ แห่งโชโตกัน 
  หลังจากที่ มิยากิ ได้ทำการสอนในญี่ปุ่นและโอกินาวา ท่านได้ตัดสินใจเดินทางไปยังประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อศึกษาในด้านของมวยจีนตามแบบอาจารย์ของตน และได้กลับมาญี่ปุ่นอีกครั้งเพื่อเรียบเรียงตำราการฝึกสอนของสำนักโกจูริวขึ้นใหม่ ให้เหมาะสมกับที่ท่านได้เรียนรู้มา
  ในขณะที่ มิยากิ เดินทางไปจีนแผ่นดินใหญ่ หนึ่งในนักเรียนที่ดีที่สุดของ มิยากิ ที่รู้จักกันดีในญี่ปุ่นก็คือ โกเกน ยามากูจิ 剛玄 山口 Gogen Yamaguchi 1909-1989 ฉายา THE CAT  ผู้ได้รับสายดำระดับ10ดั้งจากมิยากิ ได้ทำการสอนต่อไปในญี่ปุ่น โดยยึดหลักการสอนแบบดั้งเดิมที่ได้เรียนรู้จากมิยากิ ก่อนที่จะไปศึกษาต่อที่จีน  
  ภายหลังจึงเป็นเหตุให้เกิดการแบ่งแยกสำนักโกจูริว เป็น 2 พวก คือ โกจูริว ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงท่าใหม่ ซึ่งผสมผสานศิลปะของมวยจีน โดย โชจุน มิยากิ และ โกจูไก พวกมีการสอนในญี่ปุ่นตั้งแต่แรกเริ่ม โดย โกเกน ยามากูจิ

[แก้] ความหมายคำว่า คาราเต้

คำว่า "คาราเต้" เดิมทีมาจากการออกเสียงแบบชาวโอกินาวา ตัว "คารา" 唐 ในภาษาจีน หมายถึง "ประเทศจีน" หรือ "ราชวงศ์ถัง" ส่วน "เต้" 手 หมายถึง มือ คาราเต้ หมายความว่า "ฝ่ามือจีน" หรือ "ฝ่ามือราชวงศ์ถัง" หรือ "กำปั้นจีน" หรือ "ทักษะการต่อสู้แบบจีน" ในรูปแบบการเขียนแบบนี้ "ฝ่ามือราชวงศ์ถัง" จึงหมายถึง การต่อยมวยแบบถัง หรือ "ฝ่ามือจีน" ก็บ่งบอกถึงอิทธิพลที่รับมาจากลักษณะการต่อสู้ของชาวจีน ในปีค.ศ. 1933 หลังจากสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นครั้งที่ 2 กิชิน ฟุนาโคชิ (船越義珍Funakoshi Gichin, 1868 - 1957 เป็นที่รู้จักในฐานะ บิดาแห่งคาราเต้สมัยใหม่) ได้เปลี่ยนตัวอักษร "คารา" ไปเป็นตัวอักษรที่มีเสียงเหมือนกันแต่มีความหมายว่า "ความว่างเปล่า" 空 แทน

เมื่อปีค.ศ. 1936 หนังสือเล่มที่สองของฟุนาโคชิใช้ตัวอักษร "คารา" ที่มีความหมายว่าความว่างเปล่า และในการชุมนุมบรรดาอาจารย์ชาวโอกินาวาก็ใช้ตัวอักษรเดียวกัน ตั้งแต่นั้นมาคำว่า "คาราเต้" (ซึ่งออกเสียงเหมือนเดิม แต่ใช้ตัวอักษรใหม่) จึงหมายถึง "มือเปล่า"

คำว่า "มือเปล่า" ไม่เพียงแต่นักคาราเต้จะต่อสู้โดยปราศจากอาวุธแล้ว ยังซ่อนความหมายตามความเชื่อแบบเซ็นไว้ด้วย เพราะตามวิถีแห่งเซ็นการพัฒนาความสามารถ และศิลปะของแต่ละบุคคล จะต้องทำจิตใจให้ว่างเปล่า ละเว้นจากความปรารถนา ความมีทิฐิและกิเลสต่างๆ

คำว่า โด แปลว่า วิถีทาง ลู่ทาง ศาสตร์ อีกทั้งยังหมายถึงปรัชญาเต๋าอีกด้วย โด เป็นคำต่อท้ายที่ใช้สำหรับศิลปะหลายชนิด ให้ความหมายว่า นอกจากจะศิลปะเหล่านั้นจะเป็นทักษะแล้ว ยังต้องมีพื้นฐานของจิตวิญญาณอยู่ด้วย สำหรับในความหมายที่เกี่ยวข้องกับศิลปะการต่อสู้ อาจจะแปลได้ว่า "วิถีแห่ง..." เช่น ใน ไอคิโด ยูโด เคนโด ดังนั้น "คาราเต้โด" จึงหมายถึง "วิถีแห่งมือเปล่า"

คาราเต้โด แปลว่า วิถีแห่งการใช้มือ (ร่างกาย) ต่อสู้โดยปราศจากอาวุธ วิถีแห่งคาราเต้เป็นวิธีการดึงพลังจากทั้งร่างมารวมให้เป็นหนึ่งในการต่อสู้โจมตี ซึ่งความรุนแรงของการโจมตีนั้นมีคำกล่าวถึงว่า "อิจิเกอิ อิซัทสึ" หรือ "พิชิตในหมัดเดียว" สิ่งที่สำคัญของคาราเต้คือการต่อสู้กับตนเอง เช่นการฝึกยั้งแรงการโจมตี โดยใช้ในการหยุดโจมตีเมื่อสัมผัสร่างกายคู่ต่อสู้แม้เพียงเล็กน้อย เพื่อให้เกิดความรู้สึกเจ็บไม่มากและป้องกันการบาดเจ็บ ซึ่งเป็นการฝึกการกำหนดความรุนแรงของการโจมตี เมื่อผู้ฝึกสามารถยั้งแรงได้ เขาก็จะเพิ่มความรุนแรงในการโจมตีได้จนถึงขีดความสามารถเช่นเดียวกัน

[แก้] การฝึกฝน

ขั้นตอนการฝึกของคาราเต้โด จะเริ่มต้นที่การสอนธรรมเนียมปฏิบัติ เช่นท่าเคารพต่าง ๆ การปฏิบัติตนต่อเซนเซ(อาจารย์) เซมไป(รุ่นพี่) มารยาทในโดโจ (โรงฝึก) ระเบียบในการฝึกต่างๆ แล้วจึงสอนหลักในวิชาคาราเต้ โดยจะเริ่มต้นที่การยืนในท่าชิเซนไต (ท่ายืนธรรมชาติ), ซึกิ (ท่าชก), อุเกะ (ท่าปัดป้อง), เกริ (ท่าเตะ), ดาจิ(ท่ายืนและการย่างก้าว) และนำท่าชกปัดหรือเตะมารวมกับท่าย่างก้าว จนเป็นท่ากิฮ้อง (พื้นฐาน) ต่างๆ เมื่อนำท่าพื้นฐานมาฝึกเข้าคู่กัน โดยให้ฝ่ายหนึ่งบุกฝ่ายหนึ่งรับ ก็จะเป็นการฝึกเพื่อเพิ่มทักษะคูมิเต้ (การต่อสู้) และที่การรวมท่าพื้นฐานต่าง ๆมาร้อยเรียงเป็นเพลงมวยไว้รำ หรือที่เรียกว่ากาต้า เพื่อใช้ฝึกสมาธิ และเทคนิครูปแบบในการต่อสู้ต่างๆ

สิ่งสำคัญที่จะรวมเป็นนักคาราเต้ที่ดีได้ต้องมีทั้งความเป็นคาราเต้ และต้องมีโดในจิตใจ โดยคาราเต้ ต้องประกอบด้วย 3K คือ Kihon基本กิฮ้อง เป็นท่าพื้นฐาน  Kumite組手คุมิเต้เป็นการต่อสู้ Kata型คาตะ เป็นท่าเพลงมวย ซึ่งรวมแล้วเป็น KARATE空手คาราเต้ เป็นการฝึกเพื่อให้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง และสามารถต่อสู้ป้องกันตัว ช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นได้ในยามคับขัน และสิ่งสุดท้ายคือ DO道โด ในคำว่า คาราเต้โด โดคือการฝึกตนเองให้มีระเบียบวินัยต่อตนเองและผู้อื่น มารยาทกาลเทศะ ความอ่อนน้อมถ่อมตน และหลักปรัชญาพุทธนิกายเซน โดยโดเป็นสิ่งที่ควบคุมจิตใจไม่ให้นักคาราเต้ไปทำร้ายผู้อื่นได้เหมือนดาบในฝัก ดังนั้นนักคาราเต้จึงไม่เป็นแค่นักสู้เท่านั้น แต่ยังต้องเป็นคนที่มีจิตใจดีงามอีกด้วย

[แก้] อ้างอิง

คาราเต้ ต้องการแหล่งอ้างอิงที่มา (แตกต่างจาก "แหล่งข้อมูลอื่น" ที่ใช้ในการขยายความ) เพิ่มเติมเพื่อให้บทความมีความน่าเชื่อถือและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
คุณสามารถช่วยพัฒนาวิกิพีเดีย โดยเพิ่มแหล่งอ้างอิงที่เหมาะสม - การอ้างอิงแหล่งที่มา วิธีการเขียน บทความคัดสรร และ นโยบายวิกิพีเดีย

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น