เทพมารสะท้านภพ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เทพมารสะท้านภพ (覆雨翻云, ภาษาอังกฤษ Lethal Weapons of Love and Passion) เป็นผลงานนิยายกำลังภายในเรื่องที่ 3 ของหวงอี้ นับเป็นเรื่องถัดจาก เหยี่ยวเหนือฟ้า และ ขุนศึกสะท้านปฐพี เริ่มเขียนเมื่อ พ.ศ. 2535 หลังจากนี้จึงเขียนเรื่อง เจาะเวลาหาจิ๋นซี
ฉบับแปลไทยแปลโดย น.นพรัตน์ ลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์บุ๊คส์ โดยแปลหลังจากเรื่องเจาะเวลาหาจิ๋นซี และมังกรคู่สู้สิบทิศ น.นพรัตน์แปลจากฉบับปรับปรุงของหวงอี้ เริ่มวางจำหน่ายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2548 ความยาว 18 เล่ม ราคาเล่มละ 190 บาท
สารบัญ |
[แก้] ฉบับการ์ตูนและละครชุด
เทพมารสะท้านภพฉบับการ์ตูนถูกแบ่งเป็น 2 เรื่อง โดยเนื้อเรื่องในช่วงแรกใช้ชื่อว่า กระบี่พลิกเมฆา ของสำนักพิมพ์บูรพัฒน์ ความยาว 3 เล่ม ส่วนเนื้อเรื่องในส่วนที่เหลือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ ใช้ชื่อว่า เทพมารสะัท้านภพ เหมือนฉบับนิยาย
เทพมารสะท้านภพยังถูกดัดแปลงเป็นละครชุดทางโทรทัศน์ของสถานี TVB ความยาว 40 ตอน ฉายในประเทศจีนเมื่อ พ.ศ. 2549
[แก้] เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในสมัยต้นราชวงศ์หมิงยุคที่จูหยวนจางครองบัลลังก์ กล่าวถึงปรมาจารย์มารผังปานท้าสู้กับกระบี่คลุมวรุณล่างฟานหวิน พร้อมกันนั้นยังเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมามากมายทั้งการกู้ราชวงศ์มองโกลของฟางเยี่ยหวี่ อีกทั้งเรื่องราวของเด็กกำพร้าหานป๋อเด็กรับใช้ที่พบเจอกับโชคอันมหัศจรรย์ได้ก้าวขึ้นมาเป็นจอมยุทธ์ชั่วข้ามคืน
[แก้] รายชื่อตัวละคร
- กระบี่คลุมวรุณล่างฟานหวิน
- ปรมาจารย์มารผังปาน
- ฟางเยี่ยหวี่
- หานป๋อ
- ฟงสิงเลี่ย
- ชิฉางเจิง
- ฉินเมิ่งเหยา
- จิ้นปิงหวิน
- ตันอี้หยู
- ภูตบดีซวีเยออู๋
- โจรท่องโดดเดี่ยวฟั่นเหลียงจี๋
- อธรรมศักดิ์สิทธิ์ลี่เย่อไห่
- ปู้เส่อไต้ซือ
- จูหยวนจาง
- เหลิงเอี้ยน
- ธรรมมาจารย์อาทิตย์
- หัตถ์พิษเฉียนหลอ
- ซ่านกวนอิง
[แก้] กรณีกับฉบับ คลุมพิรุณพลิกเมฆา
นิยายเรื่อง "ฟู่หวี่ฟานหวิน" ซึ่งเป็นชื่อภาษาจีนของเรื่องนี้ ได้มีฉบับแปลโดยแฟนๆ แจกจ่ายให้อ่านกันบนอินเทอร์เน็ต ในชื่อเรื่องว่า คลุมพิรุณพลิกเมฆา ซึ่งแปลโดยคุณ Linmou อย่างไรก็ตามไม่ได้ทำการแปลจนจบเพราะมีฉบับลิขสิทธิ์และเกิดกรณีความคล้ายกับของสำนวนแปล
เมื่อสยามอินเตอร์บุ๊คส์ได้ซื้อลิขสิทธิ์เรื่อง ฟู่หวี่ฟานหวิน มา และน.นพรัตน์ได้แปลออกมาในชื่อว่า "เทพมารสะท้านภพ" ได้มีนักอ่านจำนวนหนึ่งซึ่งอ่านสำนวนแปลฉบับคลุมพิรุณพลิกเมฆามาแล้ว ตั้งข้อสังเกตว่า น.นพรัตน์ลอกสำนวนการแปลของ Linmou มา ทำให้เกิดการวิจารณ์อย่างกว้างขวางบนอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม น.นพรัตน์ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ว่าเขาได้ลอกจากสำนวนแปลของตนเอง ที่เคยแปลซ้อมมือไม่ได้ตีพิมพ์ไว้เมื่อ พ.ศ. 2544 [1]