อาหม
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อาหม หรือ ไทอาหม มีประวัติที่สำคัญไม่น้อย เป็นประวัติแห่งการต่อสู้ของชาติไท ต่อสู้เพื่อตั้งราชอาณาจักรไทเพื่อดำรงรักษาราชอาณาจักรที่ตั้งไว้ และเพื่อรักษาความเป็นชาติไท ไทอาหมได้ทำการต่อสู่ถึง 6 ศตวรรษ นับแต่ตั้งอาณาจักรลงได้ ในดินแดนอัสสัม เวลานี้ คำว่า อัสสัม นั้นนักค้นคว้าได้อธิบายอย่างเดียวกันว่า มาจากเชื้อชาติไทพวกนี้ ที่เรียกว่า"อาหม"
อาหม เป็นกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มหนึ่งซึ่งอาศัยในรัฐอัสสัมของประเทศอินเดีย เดิมใช้ภาษาอาหม ในกลุ่มภาษาย่อยไทพายัพ ซึงเป็นภาษาในกลุ่มภาษาคำ-ไต ตระกูลภาษาไท-กะได แต่ชาวอาหมในปัจจุบันนั้นหันไปใช้ภาษาตระกูลอินโด-ยูโรเปียนแล้ว ชาวอาหมในปัจจุบันมีจำนวนทั้งหมด 2-3 ล้านคน ซึ่งมากกว่าชาวไทกลุ่มอื่นที่อพยพมายังอัสสัมที่นับรวมกันเพียงแค่ 2 แสนคนหรือมากกว่านั้น
สารบัญ |
[แก้] ยุคเริ่มต้น
ดินแดนอัสสัมตามชื่อของพวกอาหมนั้น เดิมทีหมู่ชน กะฉารีมาตั้งนิคมไว้ คนพวกนี้มาจากเชิงเขาดาร์จีลิง และแถวถิ่นที่เรียกว่าโมรัง ซึ่งชาวเนปาลเรียกว่าถิ่นประเทศของพวกกัจฉะ พวกนี้ได้เคลื่อนตัวไปทางตะวันออกข้ามแม่น้ำพรหมบุตร และเร่มตั้งภูมิลำเนา ที่ซึ่งในเวลานี้เรียกว่าเนากอง ขยายตัวไปทางลุ่มน้ำธารสิริ และโกปีลี ตลอดเนื้อที่ของอัสสัมตะวันออก ต่อมามีกลุ่มชนอีสองพวก คือพวก ชุติยะ และคอช ทั้งสองได้แตกสาขาจากพวกกะฉารีนั่นเอง
ราว พ.ศ. 1763 ใกล้เคียงกับสมัยที่ตั้งอาณาจักรสุโขทัย ชาวไทพวกหนึ่ง ชื่อว่า "อาหม" ได้อพยพเข้ามาในดินแดนนี้ โดยข้ามภูเขาปาดไก่ทางเหนือของพม่า ไทพวกนี้มาจากอาณาจักรไทโบราณอาณาจักรหนึ่ง เรียกว่า "ปง" คือโมกอง (เมืองกอง) ในพม่าเหนือ
[แก้] พงศาวดาร
ชาวไทอาหมเป็นพวกที่รู้หนังสือ จึงมีตำนานพงศาวดารเป็นของตนเอง ตำนานเล่มนี้เรียกว่าบุราณชิ (Ahom Buranji อ่านว่า อาหม บุราณจี ) เป็นเอกสารที่ช่วยให้เราศึกษาประวัติศาสตร์ของไทอาหมได้ดี
[แก้] วัฒนธรรม ความเชื่อ ศาสนา
ไทอาหมเป็นชาวไทที่ไม่ได้รับพระพุทธศาสนาเพราะอพยพมาก่อน แต่ถือลัทธิเคารพบูชาบรรพชนยิ่งกว่าไทพวกอื่น บรรพชนที่ตายไปแล้วจะกลายเป็นเทพารักษ์คุ้มครองรักษาบ้านเรือน ครอบครัว บูชาเทวไท และเลงดอน (พระอินทร์) ต่อมาในชั้นหลังไทอาหมได้รับศาสนาฮินดู เนื่องจากเข้าไปอยูใต้อิทธิพลของอินเดีย ซึ่งต่อมาเมื่อสูญเสียสถานะในการปกครอง ชาวอาหมจึงกลายเป็น วรรณะจัณฑาล ซึ่งต่อมา ชาวอาหมในหมู่บ้านบอราโจโหกี ชาวอาหมฮินดูจึงเริ่มหันไปนับถือพระพุทธศาสนากันมากขึ้น เพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับวรรณะ โดยมีนายทนุราม โกกอย เป็นชาวไทอาหมคนแรกที่เปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนา โดยปฏิบัติศาสนกิจกันที่วัดทิสังปานี ในหมู่บ้านทิสังปานี ของชาวไทคำยัง
[แก้] ภาษา
ชาวอาหม คือคนไทกลุ่มหนึ่งที่อพยพมาในดินแดนนามรูป ฉะนั้นภาษาของชาวอาหมคือภาษาไทขนานหนึ่ง ซึ่งจะแตกต่างจากภาษาไทยของเรานิดหน่อย และภาษาอาหมก็มีอักษรอาหมอีกด้วย แต่ใช่ว่าปัจจุบันจะมีคนใช้สื่อสาร เพราะเมื่ออาหมตกอยู่ในวงล้อมของประเทศอินเดียวัฒนธรรมของชนกลุ่มใหญ่ วัฒนธรรมภาษาจึงถูกทำลาย แม้แต่เอกภาษาชาวอาหมรู้หลายภาษา แต่ยังอ่านภาษาอาหมไม่ได้ ในปัจจุบันมีผู้อ่านภาษาอาหมได้ไม่กี่คน ชาวอาหมส่วนใหญ่ในปัจจุบันใช้ภาษาอัสสัม ซึ่งเป็นภาษาแขนงหนึ่งของภาษาฮินดี แต่มีชาวอาหมที่โกหาติพูดและอ่านภาษาฮินดีไม่ได้ก็มี
[แก้] การอพยพและตั้งอาณาจักร
เมื่อพิเคราะห์เส้นทางเข้าไปทำให้เข้าใจว่าไทอาหมเป็นไทพวกเดียวกับไทยใหญ่ เมื่อแรกเข้าไป ได้ตั้งภูมิลำเนาลงที่ นามรูป และได้พบชนเจ้าของถิ่นสองข้างข้างหนึ่งคือ ชุติยะซึ่งครองทางตะวันออกของแม่น้ำสุพรรณสิริ อีกข้างหนึ่งมาจากโมราน ยึดครองพื้นที่แม่น้ำทิขุ และแม่น้ำทิหิง พวกไทอาหมต้องพิพาทกับพวกโมราน และราว พ.ศ. 1779 ไทยอาหมจึงตั้งเมืองหลวงที่อภัยปุระ ต่อมาอีก ๒๐ ปีก็ขยายตัวออกไปตั้งเมืองใหม่ชื่อ ชารายเทโว เป็นเมืองหลวงแรกแห่งอาณาจักรอาหม เมื่อย้ายเมืองหลวงไปที่อื่น ก็ยังให้ความสำคัญแก่ชารายเทโว พระศพของกษัตริย์จะถูกฝังที่เมืองนี้ เวลาอาหมรบชนะ ก็จะตัดหัวของข้าศึกมาฝังที่ชารายเทโว
[แก้] ดูเพิ่ม
[แก้] อ้างอิง
- งานค้นคว้าเรื่องชนชาติไทย ของ พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ
- ประวัติศาสตร์ชนชาติไท ของ กัญญา ลีลาลัย
|
||||||||||||
|