พระเทพรัตนกวี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระเทพรัตนกวี นามเดิม เกตุ แสงหิรัญ เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2443 ที่บ้านบางใหญ่ หมู่ 6 ตำบลหนองไทร อ.พุนพิน บิดาชื่อนายแก้ว มารดาชื่อนางบุญมาก ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดา 4 คน แต่ทุกคนถึงแก่กรรมตั้งแต่แรกคลอด
พระเทพรัตนกวีเริ่มต้นเล่าเรียนหนังสือที่บ้านเมื่ออายุ 5-6 ปี เป็นการเรียนหนังสือแบบโบราณคือ เรียนจากสมุดข่อย และเรียน วิชาเลข คือ บวก ลบ คูณ หาร เมื่ออ่านได้คล่องได้ศึกษาอักษรขอมจาก สมุดข่อย และใบลานเพิ่มเติม จึงสามารถเขียนอ่านได้คล่อง ตั้งแต่บัดนั้น
เมื่อายุได้ 10 ปี ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนประชาบาล วัดน้ำรอบ อ.พุนพิน เรียนอยู่ได้เดือนเศษก็ได้ลาออก เพราะการเดินทางไปมาลำบาก ระหว่างนี้ท่านสนใจศึกษาด้วยตนเองด้วยการศึกษาจากแบบเรียนสมัยใหม่ ทำให้มีความรู้แตกฉานขึ้นตามลำดับ
ครั้นอายุ 15 ปี คือ พ.ศ. 2457 ได้บรรพชาที่วัดนาคาวาส ต. ท่าโรงช้าง อ.พุนพิน หลังบรรพชา 3 วัน ได้แสดง พระธรรมเทศนา เรื่อง โพธิปักขิยธรรมที่วัดตรีธาราราม ตำบลลิเล็ด อำเภอพุนพิน เป็นที่ นิยมชมชอบแก่ผู้ ฟังเป็นอันมาก ในระยะนี้เองท่านได้ศึกษา พระธรรมวินัยและพระปฏิโมกข์พร้อมกับสนใจงานด้านการประพันธ์ร้อยกรองประเภทต่างๆ ด้วยการศึกษาวรรณคดีต่างๆ อย่างกว้างขวาง
ก่อนที่บิดาถึงแก่กรรม ในปี พ.ศ. 2458 บิดาได้ขอร้องให้ท่านอยู่ในสมณะเพศตลอดไป ในปี พ.ศ. 2462 ท่านได้เป็นครูสอนที่วัดประดู่และปีต่อมาได้อุปสมบทที่วัดโพธาวาส ตำบลมะขามเตี้ย อำเภอเมืองสุราษฏร์ธานี อุปสมบทแล้วได้ฉายาว่า "ธมวโร" ท่านสอบไล่ได้หลักสูตรนักธรรมตรีและโท ในปี พ.ศ. 2465 และ 2466 ตามลำดับ และสอบนักธรรมเอกได้เป็นที่ 1 ของราชอาณาจักรเมื่อปี พ.ศ. 2470
ท่านได้เป็นครูสอนที่โรงเรียนวัดประดู่ อำเภอเมืองสุราษฏร์ธานีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2462 และเป็นครู ใหญ่ที่ โรงเรียนนี้ในปี พ.ศ. 2464 ต่อมา ในปี พ.ศ. 2469 ได้จัดตั้งโรงเรียนราตรีธรรมประวัติเป็น โรงเรียนสอนนักธรรมในเวลากลางคืนขึ้นและได้ลาออกจากตำแหน่งครูใหญ่โรงเรียนวัดประดู่เมื่อ พ.ศ.2470 ในปี พ.ศ. 2472 ท่านได้จำพรรษาที่วัดไตรธรรมาราม ได้นำเอาระเบียบวินัยของวัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ มาใช้อบรมภิกษุสามเณรและได้จัดตั้งโรงเรียนสอนนักธรรมและภาษาบาลีขึ้นที่นี่พร้อมกับปฏิบัติงานต่างๆ อย่างขยันขันแข็งจนในที่สุดได้รับแต่งตั้งเป็นเลขานุการเจ้าคณะจังหวัด
ในด้านการปกครองสงฆ์ พระเทพรัตนกวีได้ทำหน้าที่ปกครองสงฆ์ในหน้าที่ต่างๆ เช่น เป็นพระปลัด ฐานานุกรมของเจ้าคณะ จังหวัดสุราษฏร์ธานี เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นผู้ช่วยเจ้าคณะจังหวัดสุราษฏร์ธานี รักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาสและเป็นเจ้าอาวาสวัดต่างๆ เช่น เจ้าอาวาสวัดประดู่ วัดไตรธรรมาราม วัดพระโยค วัตรณาราม และได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 นอกจากนั้นท่านยังรักษาการใน ตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอต่างๆ เช่น อำเภอเกาะสมุย อำเภอเมือง และรักษาการในตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด จนกระทั่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดสุราษฏร์ธานี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 จนกระทั่งมรณภาพ
พระเทพรัตนกวี สนใจศึกษางานด้านการประพันธ์ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองแต่สนใจประพันธ์งานประเภทร้อยกรอง คือ โคลง ฉันท์ กาพย์กลอนมากเป็นพิเศษผลงานประพันธ์ของท่าน เช่น "กรรมบถ 10 คำกลอน" พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2463 ตลอดเวลา กว่า 60 ปีจนถึงมรณภาพท่าน ได้ประพันธ์งานทั้ง ร้อยแก้วและร้อยกรองพิมพ์เผยแพร่เป็นวิทยาทานมากกว่า 200 เรื่อง
งานของท่านจำนวนหนึ่งได้รับรางวัลจากการประกวดของธนาคารกรุงเทพฯ จำกัดคือ มงคลทีปนี สมเด็จพระนเรศวรมหาราชกู้ชาติไทยและพระพุทธประวัติคำโคลง งานดังกล่าวนี้เป็นสิ่งยืนยันถึงความรู้ความสามารถของท่านทางด้านการประพันธ์เป็นอย่างดี
จากผลงานของท่านแสดงให้ประจักษ์ว่าพระเทพรัตนกวี (เกต ธมมวโร) เป็นผู้ที่มีความสามารถด้านการกวีสูงยิ่งผู้หนึ่ง สมดังที่ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระเทพรัตนกวี ท่านจึงเป็นบุคคลที่ควรแก่การศึกษาและควรแก่การยกย่องอย่างสูงท่านหนึ่งของจังหวัดสุราษฏร์ธานี
![]() |
พระเทพรัตนกวี เป็นบทความเกี่ยวกับ ชีวประวัติ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับ พระเทพรัตนกวี ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ |