พืชดัดแปลงพันธุกรรม
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สังคมในปัจจุบันกำลังมีความกังวลและมีข้อข้องใจเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม ซึ่งมีทั้งที่เป็นพืช สัตว์ และจุลินทรีย์ หรือที่เราเรียกกันว่าจี เอ็ม โอ (Genetically Modified Organisms : GMOs) นั่นเอง ทุกคนกำลังสงสัยว่าการบริโภคอาหารที่มีส่วนประกอบเป็นจี เอ็ม โอ จะมีผลกระทบต่อร่างกายหรือไม่ อย่างไร ทั้งในแง่ที่เป็นทั้งโทษและประโยชน์ เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่นี้มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่เราทุกคนต้องเรียนรู้และศึกษาทำความรู้จักกับ พืช สัตว์ และจุลินทรีย์ดัดแปลงพันธุกรรมเหล่านี้ เพื่อที่จะได้รับความรู้ข้อมูลที่ถูกต้องและมีความเข้าใจในเนื้อหามากขึ้น
จี เอ็ม โอ (GMOs – Genetically Modified Organisms) คือสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงพันธุกรรม เป็นผลผลิตจากการใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม (Genetic Engineering Technology) หรือ เทคนิคการตัดต่อยีน (Gene Recombination Technique) ในพืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ เพื่อให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีคุณสมบัติหรือคุณลักษณะที่จำเพาะเจาะจงตามที่เราต้องการ เช่นมีความต้านทานต่อแมลงศัตรูพืช คงทนต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม หรือมีการเพิ่มขึ้นของสารโภชนาการ ชีวโมเลกุลบางชนิด เช่นวิตามิน โปรตีน ไขมัน เป็นต้น
การพิจารณาว่าจี เอ็ม โอ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และ/หรือ สิ่งแวดล้อมนั้นจะต้องผ่านการทดลองหลายด้านเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ เนื่องจากสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีความหลากหลายทางพันธุกรรมและมีบทบาทในสิ่งแวดล้อมต่างๆกันไป และก่อนที่ผู้ผลิตรายใดจะนำเอาจี เอ็ม โอ หรือผลผลิตจากจี เอ็ม โอแต่ละชนิดออกสู่ผู้บริโภคนั้น จะต้องได้รับการประเมินความปลอดภัยจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ต้องอาศัยผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละสาขาวิชาเพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆมีความปลอดภัยเทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์ในลักษณะเดียวกันที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ ดังนั้นจึงถือได้ว่าผลิตภัณฑ์จี เอ็ม โอ ทุกชนิด ทั้งที่นำมาเป็นอาหาร หรือที่นำมาปลูกเพื่อจำหน่ายในทางพาณิชย์มีความปลอดภัยแล้ว บางคนคิดว่าจีเอ็มโอคือสารปนเปื้อนที่มีอันตราย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ใช่อย่างแน่นอน เพราะจี เอ็ม โอ ไม่ใช่สารปนเปื้อนและไม่ใช่สารเคมี แต่จี เอ็ม โอนั้นคือ “สิ่งมีชีวิต” ที่เป็นผลพวงจากการใช้เทคนิคทางเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ ซึ่งเกิดจากความตั้งใจของนักวิทยาศาสตร์ที่จะปรับปรุงพันธุ์ให้มีคุณสมบัติตามอย่างที่ต้องการ ยกตัวอย่างเช่น การดัดแปรพันธุกรรมของมะเขือเทศให้มีลักษณะการสุกงอมที่ช้าลงกว่าปรกติ การดัดแปลงพันธุกรรมของถั่วเหลืองให้มีไขมันชนิดไม่อิ่มตัวสูงซึ่งให้ประโยชน์ต่อมนุษย์สูง เป็นต้น ดังนั้นการใช้คำว่า “ปนเปื้อน” ในกรณีนี้จึงไม่ถูกต้อง! เพราะ ”ปนเปื้อน” มีความหมายในลักษณะที่ไม่ต้องการให้มี เช่นไม่ต้องการให้อาหารมีการปนเปิ้อนของสารปรอทหรือสารหนูปนเปื้อนในอาหารเป็นต้น ดังนั้น จีเอ็มโอไม่ใช่สารปนเปื้อนแน่นอน
สารบัญ |
[แก้] ตัวอย่างพืชดัดแปลงพันธุกรรม
[แก้] วอลนัท
หลังจากที่ทำการตัดต่อทางพันธุกรรมแล้ว จึงทำให้เม็ด วอลนัทนั้นมีคุณสมบัติที่ดีขึ้นคือ
- เม็ด วอลนัท แข็งขึ้น
- ทนทานต่อโรค
[แก้] สตรอเบอร์รี
การตัดต่อทางพันธุกรรม (GMO) ส่งผลให้ สตรอเบอร์รี
- เน่าช้าลง ทำให้สะดวกต่อการขนส่ง
- เพิ่มสารอาหาร
[แก้] แอปเปิล
ผลของการตัดต่อทางพันธุกรรมที่มีต่อ แอปเปิล คือ
- ทำให้ความสดและกรอบของผลมีระยะเวลานานขึ้น (delay ripening)
- ทนต่อแมลงต่างๆ ที่เป็นศัตรูพืช
[แก้] มะเขือเทศ
ลักษณะที่ดีขึ้นขอ มะเขือเทศ หลังจากที่ทำการตัดต่อทางพันธุกรรมแล้วมีดังนี้
- ทนทานต่อโรคมากขึ้น
- เพิ่มความแข็งของเนื้อมะเขือเทศมากขึ้น ทำให้ลดปัญหาผลผลิตเสียหายขณะขนส่ง
- ผลผลิตที่ได้จากการเก็บเกี่ยวจะเกิดการเน่าเสียช้าลง
[แก้] ข้าวโพด
ข้าวโพดนับว่าเป็นพืชทางเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่เรานำมาทำการตัดต่อทางพันธุกรรม โดยการตัดต่อยีนของแบคทีเรียที่ชื่อว่า Bacillus thuringiensis เข้าไปในยีนของเมล็ดข้าวโพด จึงทำให้ข้าวโพดที่ได้ทำการตัดต่อทางพันธุกรรมนี้มีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถสร้างสารพิษต่อแมลงที่เป็นศัตรูพืชได้ โดยเมื่อแมลงมากัดกินข้าวโพดนี้แมลงก็จะตาย
[แก้] มันฝรั่ง
มันฝรั่ง (Potato) เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีการตัดต่อทางพันธุกรรมเช่นเดียวกันกับข้าวโพด โดยใช้การตัดต่อยีนของแบคทีเรียที่ชื่อว่า Bacillus thuringiensis เข้าไปในยีนของมันฝรั่ง ทำให้มันฝรั่งที่ได้รับการตัดต่อทางพันธุกรรมแล้วมีคุณค่าทางสารอาหารเพิ่มขึ้น (เพิ่มปริมาณโปรตีน) และในบางชนิดยังสามารถผลิตวัคซีนที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์อีกด้วย
[แก้] ถั่วเหลือง
ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษสามารถทนต่อยาที่กำจัดวัชพืชชนิด Roundup ได้มากกว่าถั่วเหลืองทั่วไป ทำให้ผู้ปลูกสามารถใช้ยากำจัดวัชพืชชนิด Roundup มากขึ้น มีผลทำให้ได้ผลผลิตมากขึ้นตามไปด้วย
[แก้] ฝ้าย
เป็นฝ้ายที่ผ่านการดัดแปลงทางพันธุกรรมโดยใส่ยีนของแบคทีเรีย Bacillus thuringiensis var. kurataki (B.t.k)เข้าไปในโครโมโซมของต้นฝ้าย ทำให้สามารถผลิตโปรตีน Cry 1A ซึ่งมีคุณสมบัติในการฆ่าหนอนที่เป็นศัตรูฝ้ายได้