อำเภอพิชัย
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สถิติ | |
---|---|
จังหวัด: | จังหวัดอุตรดิตถ์ |
พื้นที่: | 736.7 ตร.กม. |
ประชากร: | 77,536 (พ.ศ. 2005) |
ความหนาแน่น: | 105.2 คน/ตร.กม. |
รหัสไปรษณีย์: | 53120 |
รหัสทางภูมิศาสตร์: | 5307 |
แผนที่ | |
![]() |
อำเภอพิชัยเป็นอำเภอหนึ่งในจำนวน 9 อำเภอ ของจังหวัดอุตรดิตถ์ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ ตามทางรถไฟไปทางทิศใต้ประมาณ 38 กิโลเมตร ตัวเมืองพิชัยเก่าอยู่ทางทิศเหนือของสถานีรถไฟขึ้นไปไม่ไกล
เมืองพิชัยเป็นเมืองสำคัญมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เคยเป็นเมืองลูกหลวงของอาณาจักรสุโขทัย เมืองหน้าด่านในสมัยกรุงศรีอยุธยา และเคยเป็นตัวจังหวัดเก่าอีกด้วย
สารบัญ |
[แก้] ประวัติ
เมืองพิชัยในอดีตได้ปรากฏในพงศาวดารเหนือและพงศาวดารหลายตอนสำหรับในพงศาวดารเหนือ ปรากฏอยู่ในเรื่องพระยาแกรกตอนหนึ่งว่า เจ้าไวยยักษาเป็นผู้ได้สร้างเมืองพิชัย แต่ทว่าเรื่องพระยาพิชัยในพงศวาดารเหนือ เป็นตำนานเล่าต่อกัน มาเท่านั้น ซึ่งเชื่อกันว่าเหตุการณ์ในเรื่องคงจะตรงกับสมัยสุโขทัยหรือก่อนสุโขทัยก็ได้ ซึ่งในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาได้ กล่าวถึงพกระเจ้าอู่ทองสร้างกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 1893 ปรากฏว่ามีเมืองขึ้นด้วยกันถึง 16 เมือง ในจำนวน 16 เมือง นั้นมี เมืองพิชัยรวมอยู่ด้วย แสดงว่า เมืองพิชัยเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของอาณาจักรศรีอยุธยาแล้ว
ต่อมา พ.ศ. 2033 ได้มีการก่อกำแพงเมืองขึ้น ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ในปี พ.ศ. 2127 ตรงกับรัชกาลสมเด็จพระมหาธรรมราชา ซึ่งเป็นปีที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชประกาศอิสรภาพ พระองค์ทรงขับไล่กองทัพพม่า ทางหัวเมืองเหนือ ปรากฏว่าพระยาสวรรคโลกและพระยาพิชัยแข็งเมือง ไม่ยอมเกณฑ์ กำลังไปช่วย พระองค์จึงยกกองทัพเข้าตีเมืองสวรรคโลกและเมืองพิชัย จับพระยาสวรรคโลกและพระยาพิชัย มีรับสั่งให้ประหารชีวิตทั้งสองคนและกวาดต้อนพลเมือง ลงมายังพิษณุโลกจนสิ้น ต่อมาในสมัยธนบุรี พระเจ้ากรุงธนบุรีจะเสด็จไปตีเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2314 พระองค์ได้ไปตั้งประชุมทัพหลวงที่พิชัย ต่อมา พ.ศ. 2315 โปสุพาลา แม่ทัพพม่าไปตีได้เมืองหลวงพระบาง ให้ซิกชิงโบ นายทัพพม่ายกมาตีเมืองลับแลแล้วเลยมาตีเมืองพิชัย พม่าตั้งค่ายอยู่ที่ วัดเอกา ขณะนั้นเมืองพิชัยมีรี้พลน้อย พระยาพิชัยได้ตั้งมั่นรักษาเมืองแล้วขอกองทัพเมืองพิษณุโลกขึ้นไปช่วย กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เมื่อยังเป็นเจ้าพระยาสุรสีห์เสด็จยกกองทัพเมืองพิษณุโลกขึ้นไปช่วยได้รบกับพม่าเป็นสามารถ พระยาพิชัยถือดาบสองมือคุมพลทหารออกไล่ฟันพม่าจนดาบหัก จึงได้สมญาว่า "พระยาพิชัยดาบหัก" แต่นั้นมาทำให้กองทัพพม่าแตกพ่ายหนีไป
จนกระทั่งถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองพิชัยได้เป็นเมืองสำคัญขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เพราะเมื่อเจ้าอนุวงเวียงจันทร์เป็นขบถ กองทัพกรุงเทพฯ ยกขึ้นไปปราบปราม และโปรดให้เลิกอาณาเขตศรีสัตนาคนหุตไม่ให้มีดังแต่ก่อน เมืองพิชัยได้หัวเมืองขึ้นหลายเมือง ขยายเขตแดนออกไปถึงแม่น้ำโขง ต้องตรวจตรารักษาการทางเมืองแพร่ น่าน ตลอดจนเมืองหลวงพระบาง
ต่อมาเมืองพิชัยเสื่อมลง เนื่องจากราษฎรอพยพไปอยู่ตำบลท่าอิฐ (ซึ่งเป็นที่ตั้งตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ในปัจจุบันนี้) จนกระทั้งถึงสมัยรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเป็นเมืองขึ้นเรียกว่า เมืองอุตรดิตถ์ และโปรดให้เป็นเมืองขึ้นของอำเภอพิชัย ซึ่งในตอนนั้นเมืองพิชัยแบ่งการปกครองออกเป็น 5 เมือง คือ เมืองอุตรดิตถ์ เมืองตรอน เมืองลับแล เเละเมืองน้ำปาด
ใน พ.ศ. 2442 รัชกาลที่ 5 โปรดให้ย้ายศาลากลางเมืองไปตั้งที่เมืองอุตรดิตถ์ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงมา ใช้ชื่อเมืองอุตรดิตถ์ คือ ใช้เมืองพิชัยอยู่ พึ่งเปลี่ยนชื่อมาเป็นเมืองอุตรดิตถ์ เมื่อปี พ.ศ. 2458 ในสมัยรัชกาลที่ 6 ส่วน อำเภอพิชัยเก่า โปรดเกล้าให้เรียกว่า "อำเภอพิชัย" เรื่อยมาจนปัจจุบันนี้
[แก้] อาณาเขต
ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์
ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก
ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอศรีนคร และอำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย
[แก้] การปกครอง
อำเภอพิชัยแบ่งออกเป็น 11 ตำบล 85 หมู่บ้าน
[แก้] สถานที่ท่องเที่ยว
วัดหน้าพระธาตุ
พิพิธภัณฑ์บ้านเกิดพระยาพิชัยดาบหัก ที่ห้วยคา
คูปราสาท
ปรางค์
วัดเอกา
วัดมหาธาตุ
วัดขวางชัยภูมิ
กำแพงเมืองพิชัย
วัดบึงสัมพันธ์
อำเภอ ใน จังหวัดอุตรดิตถ์ | ![]() |
|||
---|---|---|---|---|
อำเภอ: |
เมืองอุตรดิตถ์ - ตรอน - ท่าปลา - น้ำปาด - ฟากท่า - บ้านโคก - พิชัย - ลับแล - ทองแสนขัน |
แก้ |