พระสารีบุตร
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ส่วนหนึ่งของ ประวัติพุทธศาสนา |
|
ศาสดา | |
จุดมุ่งหมายของพุทธศาสนา | |
เพื่อความดับทุกข์ · นิพพาน |
|
ใจความสำคัญของพุทธศาสนา | |
ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส |
|
ไตรสรณะ | |
ความเชื่อและการปฏิบัติ | |
ศีล · ธรรม ศีลห้า · ศีลแปด บทสวดมนต์และพระคาถา |
|
คัมภีร์และหนังสือ | |
พระไตรปิฎก พระวินัยปิฎก · พระสุตตันตปิฎก · พระอภิธรรมปิฎก |
|
นิกาย | |
เถรวาท · อาจริยวาท (มหายาน) · วัชรยาน · เซน | |
สังคมพุทธศาสนา | |
เมือง · ปฏิทิน · บุคคล · วันสำคัญ · ศาสนสถาน · วัตถุมงคล | |
ดูเพิ่มเติม | |
ศัพท์เกี่ยวกับพุทธศาสนา หมวดหมู่พุทธศาสนา |
พระสารีบุตร เป็นอัครสาวกเบื้องขวา ของพระพุทธเจ้า เป็นเอตทัคคะ คือได้รับการยกย่อง จากพระผู้มีพระภาคเจ้า ว่าเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในด้านมีปัญญามาก
พระสารีบุตร มีเดิมนามเดิมว่า อุปติสสะ ได้บรรลุโสดาบัน เมื่อได้ฟังธรรมจากพระอัสสชิ ภายหลังได้บวชในพระพุทธศาสนาแล้ว มีชื่อเรียกใหม่ว่า สารีบุตร (แปลว่า บุตรของนางสารี) และต่อมาไม่นานก็บรรลุอรหัตผล
พระสารีบุตร มีคุณความดีและบำเพ็ญประโยชน์ให้พระพุทธศาสนาอย่างมาก และธรรมภาษิต ที่ท่านได้แสดงไว้ก็ปรากฏอยู่มากมายในพระไตรปิฎก มีคำเรียกเพื่อยกย่องท่าน อีกอย่างหนึ่งว่า พระธรรมเสนาบดี (ซึ่งเป็นคู่กับพระบรมศาสดาว่า พระธรรมราชา)
พระสารีบุตร นิพพานเมื่อวันขึ้น15ค่ำเดือน12 (ก่อนพระบรมศาสดา)
สารบัญ |
[แก้] อุปติสสะ
อุปติสสะเกิดในตระกูลพราหมณ์ ในบ้านตำบลอุปติสสคาม เมืองนาลันทา เป็นบุตรของพราหมณ์ชื่อ วังคันตะ ซึ่งเป็นนายบ้านอุปติสสคามนั้น (ท่านจึงได้ชื่อว่าอุปติสสะ่) ส่วนมารดาชื่อสารี มีน้องชาย3คน คือ พระจุนทะ พระอุปเสน พระเรวัตตะ มีน้องสาว3คน ได้แก่ นางจาลา อุปจาลา และสีสุปจาลา มีเพื่อนสนิทซึ่งเกิดวันเดียวกัน ชีื่อว่า โกลิตะ (ซึ่งภายหลังรู้จักกันในนาม พระมหาโมคคัลลานะ) เมื่ออุปติสสะและโกลิตะเจริญวัยขึ้น ก็สำเร็จศิลปศาสตร์ทุกอย่าง
วันหนึ่งขณะทั้งสองนั่งดูมหรสพประจำปี บนยอดเขาในกรุงราชคฤห์ รู้สึกไม่เบิกบานเหมือนที่เคยดู ได้คิดตรงกันว่า "ในการดูของคนเหล่านี้ ไม่มีแก่นสารเลย การดูนี้ไม่มีประโยชน์ ควรแสวงหาธรรม เครื่องหลุดพ้นสำหรับตน" หลังจากนั้นท่านทั้งสองจึงตัดสินใจออกบวช ในสำนักสัญชัยปริพาชกในกรุงราชคฤห์นั้น ได้เรียนจบลัทธิของสัญชัย ในเพียง2-3วันเท่านั้น ท่านทั้งสองจึงออกจากสำนัก เพื่อตามหาอาจารย์ผู้สามารถแสดงโมกขธรรม โดยตกลงกันว่า "ในเราสองคน ผู้ใดได้บรรลุอมตธรรมก่อน ผู้นั้นจงบอกแก่กัน"
[แก้] บรรลุโสดาบันและบวชในพระพุทธศาสนา
พระอัสสชิอันเป็นหนึ่งในพระปัญจวัคคีย์ หลังจากได้ฟังธรรมจาก พระพุทธองค์ จนบรรลุอรหันต์แล้ว วันหนึ่งท่านถือบาตรและจีวร ไปสู่กรุงราชคฤห์เพื่อบิณฑบาตแต่เช้าตรู่ อุปติสสะได้พบพระอัสสชิเถระ ประทับใจในอิริยาบถน่าเลื่อมใส สำรวมดี ของท่านพระอัสสชิเถระ ผู้มีอินทรีย์ฝึกดีแล้ว จึงเกิดความคิดว่า ท่านผู้นี้จักเป็นพระอรหันต์ จึงได้ตามท่านพระอัสสชิเถระไปข้างหลัง รอคอยโอกาสอยู่ แล้วสอบถาม
พระอัสสชิเถระได้แสดงความลึกซึ้งในคำสอน ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ว่า
"ท่านกล่าวบทอันลึกซึ้งละเอียดทุกอย่าง เป็นเครื่องฆ่าลูกศร คือ ตัณหา เป็นเครื่องบรรเทาความทุกข์ทั้งมวล ว่าธรรมเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตเจ้า ตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะเจ้ามีปกติตรัสอย่างนี้"
เมื่ออุปติสสะได้ฟังก็ได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุโสดาบัน
หลังจากนั้น อุปติสสะกราบลาพระอัสสชิเถระ แล้วนำธรรมะที่ได้รับฟังมา ไปบอกเพื่อนสนิทคือโกลิตะ จนได้บรรลุโสดาบัน เช่นเดียวกัน ทั้งสองได้ไปชวนสัญชัยปริพาชก ให้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า แต่สัญชัยปริพาชกปฏิเสธ ทั้งสองจึงได้พาปริพาชก 250 คน ไปฟังธรรมจากพระพุทธองค์ หลังจากฟังธรรมครั้งนั้น ปริพาชก 250 คนบรรลุอรหัตผล แต่อุปติสสะและโกลิตะ ยังคงบรรลุเพียงโสดาบันเช่นเดิม พระพุทธเจ้าทรงบวชให้ทั้งหมดด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา ภายหลังบวชในพระพุทธศาสนาแล้ว ท่านอุปติสสะมีชื่อเรียกใหม่ว่าสารีบุตร
[แก้] บรรลุอรหันต์
เวลาผ่านไปครึ่งเดือน (หลังจากที่พระสารีบุตรบวชในพระพุทธศาสนา) ที่ถ้ำสุกรขาตา เชิงเขาคิชกูฏ นครราชคฤห์ พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพระสารีบุตร ทีฆนขปริพาชกผู้เป็นหลาน(ลุง)พระสารีบุตร เข้าเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อทูลถามปัญหา พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเกี่ยวกับ ทิฏฐิและเวทนา ทีฆนขะได้บรรลุโสดาบัน ส่วนพระสารีบุตรนั้น ท่านกำลังถวายงานพัดพระพุทธองค์ ท่านได้ยินธรรมเหล่านั้นอยู่ด้วย ก็บรรลุอรหัตผล
วันนั้นเป็นวันเพ็ญเดือนมาฆะ ซึ่งเหตุการณ์ถัดไป พระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ให้กับพระอรหันต์ 1250 รูป (รวมพระสารีบุตร ผู้เพิ่งบรรลุเป็นพระอรหันต์ ในวันนั้นด้วย)
[แก้] เป็นผู้เลิศทางปัญญา
หลังจากพระพุทธองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหารย์ จำพรรษาและแสดงอภิธรรม ณดาวดึงส์ เสด็จลงมา ณประตูเมืองสังกัสสะ พระสารีบุตรพร้อมทั้งภิกษุ ภิกษุณี และสาธุชนจำนวนมาก มาเฝ้ารอรับเสด็จ
พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสถามปัญหาในวิสัยของปุถุชนเป็นต้น พวกปุถุชนแก้ปัญหาได้ ในวิสัยของตนเท่านั้น ไม่สามารถจะแก้ปัญหา ในวิสัยของพระโสดาบันได้ พระอริยบุคคลทั้งหลาย มีพระโสดาบันเป็นต้นก็เหมือนกัน ไม่สามารถจะแก้ปัญหา ในวิสัยของพระอริยบุคคลทั้งหลาย มีพระสกทาคามีเป็นต้น พระมหาสาวกที่เหลือ ไม่สามารถจะแก้ปัญหา ในวิสัยของพระมหาโมคคัลลานะ พระมหาโมคคัลลานะไม่ สามารถจะแก้ปัญหา ในวิสัยของพระสารีบุตรเถระได้ แม้พระสารีบุตรเถระ ก็ไม่สามารถจะแก้ปัญหาในวิสัยของพระพุทธเจ้าได้เหมือนกัน
ในครั้งนั้น มหาชนจึงได้รู้จักพระสารีบุตร ว่า เป็นผู้เลิศทางปัญญา
พระสารีบุตร เลิศกว่าพวกภิกษุสาวกของเราผู้มีปัญญามาก ฯ เอตทัคคบาลี อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐
[แก้] ธรรมบรรยายของพระสารีบุตร
พระสารีบุตรได้แสดงธรรมอันลึกซึ้ง ปรากฏอยู่มากมายในพระไตรปิฎก เช่น
- คัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 31
- สังคีติสูตร ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 11
- ทสุตตรสูตร ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 11
- ตอนท้ายของธรรมทายาทสูตร ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 12
- อนังคณสูตร ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 12
- สัมมาทิฏฐิสูตร ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 12
- มหาหัตถิปโทปมสูตร ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 12
- ธนัญชานิสูตร ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 13
- ฉันโนวาทสูตร ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 14
- ชัมพุขาทกสังยุตต์ ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 18
[แก้] อ้างอิง
- บรรจบ บรรณรุจิ "อสีติมหาสาวก".
- อาจารสัมปันโน "บุคคลในพระไตรปิฎก".
- สุรีย์-วิเชียร มีผลกิจ "พระพุทธกิจ ๔๕ พรรษา".
- ประวัติพระสารีบุตรเถระจาก www.dhammathai.org
- ประวัติพระสารีบุตรจาก 84000.org
- สารีปุตตเถราปทาน ว่าด้วยบุพจริยาของพระสารีบุตร จาก 84000.org
- เอตทัคคบาลี อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐
- ทีฆนขสูตร
- อรรถกถา ทีฆนขสูตร