การยุบสภาผู้แทนราษฎรไทย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สถานีย่อย:ประเทศไทย

การยุบสภาผู้แทนราษฎร (dissolution of parliament) คือการทำให้ความเป็นสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สิ้นสุดลงโดยพระมหากษัตริย์ทรงตราพระราชกฤษฎีกาบัญญัติให้อายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงก่อนครบกำหนดตามวาระ อันมีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภาพ้นจากตำแหน่งพร้อมกัน เพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ การยุบสภานี้เป็นมาตรการสำคัญอย่างหนึ่งของระบบรัฐสภาที่ทำให้มีการคานอำนาจกันระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหาร อย่างไรก็ตาม การยุบสภาเป็นกระบวนการที่ไม่มีในระบบประธานาธิบดี เพราะขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจตามระบบดังกล่าว (Separation of Powers) อันแตกต่างจากระบบรัฐสภาซึ่งเป็นการแบ่งแยกหน้าที่ (Separation of Functions)

การยุบสภาผู้แทนราษฎรถือเป็นกระบวนการที่นำมาใช้แก้ปัญหาทางตันทางการเมือง (Political Deadlock) กล่าวคือ การแก้ปัญหาอาจกระทำได้หลายประการ อาทิ การที่รัฐบาลลาออก การยุบสภา และการปฏิวัติรัฐประหาร เช่นนี้ จึงกล่าวได้ว่า การยุบสภาเป็นมาตรการเกือบสุดท้ายก่อนการปฏิวัติ โดยเป็นการคืนอำนาจให้ประชาชน

การคืนอำนาจให้ประชาชนในที่นี้ หมายถึง การให้ประชาชนอันเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามระบอบประชาธิปไตย เป็นผู้ตัดสินโดยผ่านกระบวนการเลือกตั้ง

อนึ่ง เหตุผลในการยุบสภานั้น หาได้มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดบัญญัติไว้ไม่ ดังนี้ จึงเป็นไปตามประเพณีการปกครองตลอดจนสภาวการณ์ของประเทศในขณะนั้น อาทิ การเกิดความขัดแย้งรุนแรงในรัฐสภาหรือระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล การใช้เป็นเครื่องมือในการชิงความได้เปรียบทางการเมือง เช่น ขณะที่ตนมีคะแนนนิยมสูงมาก การที่สภาวการณ์ต่างๆสุกงอมพอสมควรที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งก่อนครบอายุสภา เช่น ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญได้เสร็จสิ้นแล้ว ส่วนการยุบสภาในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 คือ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดจากการชุมนุมนอกรัฐสภา จนนอาจนำมาซึ่งการจลาจลและความสุญเสียในชีวิตของประชาชน

[แก้] หลักการสำคัญในการยุบสภา

หลักการสำคัญในการยุบสภาสามารถพิจารณาภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญได้ ดังนี้

  1. การยุบสภาเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ (มาตา 116 วรรคหนึ่ง) เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ (Head of State) พระมหากษัตริย์ทางไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพระองค์ทรงอยู่เหนือการเมือง ดังนั้น จะทรงใช้พระราชอำนาจนี้ต่อเมื่อนายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯ ขอพระบรมราชานุญาตเท่านั้น
  2. การยุบสภาผู้แทนราษฎรต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกา (มาตรา 116 วรรคสอง) เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วย่อมมีผลเป็นการยุบสภาทันที ในการนี้ย่อมต้องกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป ภายใน 60 วัน เช่น การยุบสภาครั้งล่าสุด กำหดให้มีการเลือกตั้งภายใน 37 วัน เป็นต้น
  3. การยุบสภาผู้แทนราษฎรจะกระทำได้เพียงครั้งเดียวในเหตุการณ์เดียวกัน (มาตรา 116 วรรค 3) หมายถึง หากมีจะการยุบสภาอีกครั้ง มิอาจอ้างเหตุผลหรือเหตุการณ์ที่ใช้ในการยุบสภาครั้งก่อนได้
  4. การยุบสภาผู้แทนราษฎรกระทำลงก่อนครบวาระของสภา คือ สามารถกระทำในเวลาใดๆก็ได้ ในช่วงก่อนสภามีวาระครบ 4 ปี แม้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภา อย่างไรก็ตาม กรณีมีการเสนอญัตติเพื่อขอเปิดอภิปราบทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแล้ว ย่อมมิสามารถยุบสภาได้
  5. การยุบสภาผู้แทนราษฎรทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง (มาตรา 118)

อนึ่ง คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่ง ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ ในกรณีพ้นจากตำแหน่งจากการยุบสภา จะใช้อำนาจแต่งตั้งหรือย้ายข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ หรือพนักงานของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ หรือให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่ง มิได้ เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ส่วนสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาหาได้สิ้นสุดลงจากการยุบสภาผู้แทนราษฎรไม่ ดังนั้น จึงยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยต้องเป็นการประชุมวุฒิสภาเฉพาะกรณีดังต่อไปนี้ (มาตรา 168)

  1. การประชุมที่ให้วุฒิสภาทำหน้าที่รัฐสภา เช่น การแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทน การแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาล การแต่งตั้งพระรัชทายาท การประกาศสงคราม เป็นต้น
  2. การประชุมที่ให้วุฒิสภาทำหน้าที่เลือก แต่งตั้งให้คำแนะนำ หรือให้ความเห็นชอบให้บุคคลดำรงตำแหน่งใด เช่น กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
  3. การประชุมที่ให้วุฒิสภาทำหน้าที่พิจารณาและมีมติให้ถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง

[แก้] ข้อดี-เสียของการยุบสภา

การยุบสภานี้ มีข้อดีประกาศสำคัญ คือ เป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา เพื่อคืนอำนาจให้แก่ประชาชน อย่างไรก็ตาม การยุบสภานั้นมีผลเสียประการสำคัญคือ ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณเป็นจำนวนมาก และเป็นความเสี่ยงประการหนึ่งของรัฐบาลที่ยุบสภา กล่าวคือ รัฐบาลชุดเดิมอาจมิได้รับการเลือกตั้งกับเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง ตลอดจนการยุบสภาอาจเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไม่ชอบธรรมต่อฝ่ายตรงข้าม แม้เหตุผลในการยุบสภาจะมิขัดต่อกฎหมายก็ตาม

ภาษาอื่น