สำนักข่าว INN
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ซึ่งไม่สอดคล้องกับนโยบายวิกิพีเดีย ในมุมมองที่เป็นกลาง กรุณาศึกษาวิธีเขียนอย่างไรให้เป็นกลาง และคุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้โดยการกดปุ่ม แก้ไข กรุณาอภิปรายประเด็นนี้ในหน้าพูดคุย หากทั้งบทความมีลักษณะโฆษณาอย่างชัดเจน ให้แจ้งลบทันที |
ไอเอ็นเอ็น...สดทันทีที่มีข่าว...
สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น ภายใต้คอนเซ็ปต์แนวคิดและสโลแกน “สดทันทีที่มีข่าว” ถือกำเนิดเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการภายในอาณาเขต"รั้วแดง"อันศักดิ์สิทธิ์ของ"วังลัดดาวัลย์" อันเป็นที่ตั้งของ"สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๒
ถึงวันนี้ ถือว่า ไอเอ็นเอ็น.ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์และจิตวิญญาณของ"นักรบข่าว"ได้ฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ จนยืนหยัดมาเป็นปีที่ ๑๘ แล้ว
ย้อนรอยเส้นทางการเติบโตของ สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น.เป็นการพัฒนาการมาจาก"โครงการข่าวด่วน พล. ๑" เมื่อปลายปี พ.ศ.๒๕๓๑ภายใต้ชื่อ"บริษัท สหศีนิมา จำกัด" (สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ถือหุ้น 100% โดยสนธิญาณ หนูแก้ว เป็นผู้ริเริ่มโครงการ)
จากแนวนโยบายของบริษัทสหศีนิมา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่ต้องการให้มีข่าวสารและรายการสาระประโยชน์ที่มีคุณภาพ มีเนื้อหาที่มีความเป็นกลาง ความถูกต้อง รวดเร็ว เผยแพร่ ออกสู่สาธารณชน อันนำไปสู่การพัฒนาและยกระดับวงการสื่อสารมวลชนของไทยในอนาคต
ดังนั้นในช่วงปลายปี ๒๕๓๑ ดังกล่าว บริษัทสหศีนิมา จำกัด จึงได้จัดตั้งโครงการ"ข่าวด่วน"ขึ้น เพื่อนำเสนอสู่ประชาชนผ่านทางสื่อต่างๆ โดยในระยะแรกได้เผยแพร่ผ่านทางสถานีวิทยุกองพลที่ ๑ รักษาพระองค์ จำนวน ๕ คลื่น ความถี่ FM๙๐.๐,๙๘.๐Mhz.,AM๑๐๐๘,๑๓๕๙,๑๕๔๘KHz. ในนามข่าวด่วนต้นชั่วโมงที่รู้จักกันในชื่อ"ข่าวด่วน พล ๑ โดยเริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๒
หลังจากการเผยแพร่ได้ไม่นาน "ข่าวด่วน พล ๑"ได้รับการกล่าวขานจากประชาชนและวงการสื่อสารมวลชนถึงการนำเสนอข่าวสารที่รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์
ต่อมาในช่วงปี ๒๕๓๓ บริษัทฯได้ผลิต"ข่าวด่วน"นำเสนอทางสถานีวิทยุกระจายเสียงกองทัพอากาศ FM ๑๐๒.๕ MHz.พร้อมทั้งโครงการเผยแพร่ข่าวสารบนรถประจำทาง ที่รู้จักกันในนาม"Bus Sound"ในนาม"โครงการข่าวด่วนสหศีนิมา"
ด้วยความเป็น"สำนักข่าววิทยุ"ที่เสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง"ข่าวการเมือง"แบบเจาะลึก ที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ทุกฝ่าย ย่อมมีผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบกับคนที่ตกเป็นข่าว จึงได้เปลี่ยนชื่อจาก "สหศินิมา" มาเป็น"สำนักข่าว INN"(Independent News Network)ขึ้น เพื่อไม่ต้องการให้มีข้อกังขาว่าสำนักทรัพย์สินฯ มายุ่งเกี่ยวกับข่าวการเมืองเกินไป รวมถึงเหตุผลของการพัฒนาการทางข่าวสาร ที่สามารถตอบสนองการบริโภคข่าวสารของสาธารณชนได้อย่างเต็มที่ ในปี พ.ศ.๒๕๓๕ ซึ่งในระยะเวลาดังกล่าวนอกจากการผลิตข่าวด่วนแล้ว สำนักข่าวINN ยังเริ่มดำเนินการผลิตรายการสาระประโยชน์ในด้านต่างๆ นำเสนอสู่ประชาชนทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา และสังคม ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นสถานีเพื่อข่าวสารสาระในที่สุด
ตัดภาพ ย้อนถอยกลับไปในระยะเวลาเหล่านั้น ต้องยอมรับว่า เมื่อสมัย ๒๐ ปีที่แล้ววงการข่าวสารบ้านเรา หรือแม้แต่ทั่วโลกยังคงมี"รอบหมุน"ของข่าวสาร ที่ไม่รวดเร็วเช่นปี ๒๐๐๕ ปัจจุบัน อันเนื่องมาจากยุคสมัยของสังคม และ เทคโนโลยีการสื่อสาร
"สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น."ถือเป็นสำนักข่าวที่เกิดขึ้นมาภายใต้แนวทางความคิดการเร่งรอบหมุนของข่าวสาร ให้รวดเร็วยิ่งขึ้นในแต่ละวัน จากเดิมที่ผู้คนในสมัยนั้นโดยส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะสนใจข่าวสารอยู่แล้ว ขณะที่ส่วนน้อยที่ติดตามข่าวสาร จะมีโอกาสรับรู้ข่าวสารจากสื่อต่างๆที่จำกัดซึ่งเนื้อหาข่าวสาร(มักมุ่งเน้นที่ข่าวสารราชการ) เช่น หนังสือพิมพ์รายวัน วิทยุ โทรทัศน์ ยิ่งเมื่อเป็นยุคที่ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่านทางการเมือง จากการรัฐประหาร(รสช.-พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ พ.ศ. ๒๕๓๒) และเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง การชุมนุมประท้วง (พฤษภาทมิฬ ๒๕๓๕ :พล.อ.สุจินดา คราประยูร)ด้วยแล้ว ขบวนการของ"สื่อมวลชน"ในยุคสมัย ยิ่งถูกจำกัดด้วยสารพัดปัจจัยแห่งปัญหาโดยเฉพาะ"อำนาจเผด็จการ"ครองเมือง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ"สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น."นั้น จุดเด่นแห่งกำเนิด คือการเป็น"สำนักข่าว"ที่นำเสนอข่าวด่วนต้นชั่วโมงเป็นแห่งแรก จากเดิมที่สมัยนั้น ข่าววิทยุ มักใช้วิธีตัดข่าวจากหนังสือพิมพ์มาอ่านเป็นข่าวต้นชั่วโมง แต่"สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น" ถือเป็นสำนักข่าวทางวิทยุที่แรก ที่ได้พลิกรูปแบบใหม่มีการส่งผู้สื่อข่าวลงพื้นที่และรายงานทางโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว(ข่าวด่วนต้นชั่วโมง) ภายใต้"ผู้สื่อข่าว-กองบก.ประมาณ ๑๐ คน สมัยนั้น ก่อนจะพัฒนาพัฒนามาสู่การทำรายการวิทยุในเวลาต่อมา
" ไอเอ็นเอ็น" เริ่มทำรายการวิทยุข่าวและเพลงเป็นคลื่นแรกที่ F.M. ๙๔.๕ MHz. เป็นความร่วมมือกับ"มีเดียพลัส" แม้ว่าจะเป็นที่นิยมไปทั่วประเทศ ที่ผู้คนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับข่าวต้นชั่วโมงทางวิทยุ ในยุคที่บ้านเมืองเต็มไปด้วย"เผด็จการ" แต่ในแง่ของการบริหาร ได้เกิดปัญหาภายในที่ไม่สามารถประสานระหว่างคนทำข่าวกับเพลงที่มีธรรมชาติแตกต่างกันให้ไปด้วยกันได้จึงต้องเลิกไป
ต่อมา"ไอเอ็นเอ็น."จึงได้ไปทำ"คลื่นข่าว"โดยตรงคือ F.M.๑๐๒.๕ MHz. ทำอยู่ได้ ๒ ปี จึงได้แก้ปัญหาการขาดทุนและสามารถสร้างกำไรสูงสุดของวงการวิทยุในปีถัดมา
ในขณะเดียวกัน ในช่วงกลางปี"ไอเอ็นเอ็น"ได้รุกเข้าทำวิทยุอีกคลื่น เป็นรายการเศรษฐกิจนั่นคือ Business radio ทางคลื่น F.M. ๙๖.๕ MHz.
อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ไอเอ็นเอ็น ต้องอำลา จากหน้าปัด คลื่น F.M. ๑๐๒.๕ MHz. ด้วยเหตุผลทางการเมือง เพราะไปตรวจสอบ และ วิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองซีกรัฐบาลในขณะนั้น ส่งผลไอเอ็นเอ็นให้ไม่ได้รับการต่ออายุสัมปทานทันที เมื่อคลื่น ๑๐๒.๕ ไม่ได้ต่อสัญญา จึงเหลือ F.M. ๙๖.๐ เพียงคลื่นเดียว ซึ่งก็ยังไม่ได้ทำกำไรมากนัก ทำให้ผู้บริหารคิดจะปิด ไอ.เอ็น.เอ็น ขอเก็บเฉพาะ F.M. ๙๖.๕ ที่มีรายได้พอเลี้ยงตัวเองรอด เหลือคนไว้ประมาณ ๓๐ คน(จาก๒๐๐-๓๐๐ชีวิต)
บังเอิญในวันรุ่งขึ้น ผู้บริหารไอเอ็นเอ็น.(คุณสนธิญาณ)ทราบข่าวว่ายูคอมได้คลื่นเอเอ็มมา ๔๐ สถานีเลยไปเจรจา ผลลัพธ์คือยูคอมได้เข้ามาถือหุ้นในไอเอ็นเอ็นเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก ๑๐ ล้านเป็น ๓๐ ล้านบาท แต่ความฝันที่จะพัฒนาคลื่น เอเอ็น ๔๐ สถานีให้เป็นระบบสเตริโอ กลับไม่ประสบความสำเร็จ เพราะต้องใช้ทุนสูงถึง ๔๐๐ ล้านบาท จึงต้องพับโครงการนี้ไป
อย่างไรก็ตามช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๓๙ ช่วงที่ไอเอ็นเอ็น.ทำวิทยุคลื่นข่าว ๑๐๒.๕ ไอเอ็นเอ็น ได้ทดลองโครงการ Night radio ตั้งแต่ ๒๓.๐๐๐-๐๕.๐๐ น. (ซึ่งเป็นต้นแบบของร่วมด้วยช่วยกันในเวลาต่อมา) ด้วยแนวคิดที่ว่า ในสังคมยุคที่ต้องแข่งขัน สังคมที่บริโภคมาขึ้นแต่ผู้คนกลับเหลียวแลซึ่งกันและกันน้อยลง การรอคอยการบริการจากภาครัฐอย่างเดียวไม่เพียงพอ ถึงเวลาที่จะต้องเรียกให้สังคมหันมาช่วยเหลือกันมากขึ้นไม่ว่าเป็นภาครัฐกับรัฐ รัฐกับประชาชน หรือประชาชนกับประชาชนด้วยกันเอง
ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ไอเอ็นเอ็น ได้เช่าช่วงเวลาต่อจากสถานีวิทยุผู้จัดการทางคลื่น F.M. ๙๗.๕ MHz. เพื่อทำ ร่วมด้วยช่วยกันอย่างเต็มตัว แต่เพียงแค่ ๖ เดือนก็ต้องย้ายมาเป็น คลื่น ๙๖.๐ MHผ. เพราะไม่สามารถสู้ค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่าเช่าเวลาสถานีได้ โดยในช่วงแรก "ดร.พิจิตต รัตนกุล" ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขณะนั้นได้เชื่อมโยงคลื่นเอเอ็ม ๘๗๓ ของกทม. ร่วมออกอากาศ ๒๔ ชั่วโมง แต่ร่วมงานได้เพียงปีกว่าๆ ก็ล้มเลิกไปเพราะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายในช่วงปลายของผู้ว่ากทม.
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของไอเอ็นเอ็น เกิดขึ้นเมื่อ ๑ พ.ย. ๒๕๔๑ มีการแยกธุรกิจออกเป็น ๓ กลุ่ม เพื่อความชัดเจนในการบริหารงานและต้นทุนทางบัญชี นั่นคือ สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น, Business radio คลื่น F.M. ๙๖.๕ MHz. และร่วมด้วยช่วยกัน F.M. ๙๖.๐ MHz. ซึ่งก็ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงตัวผู้ถือหุ้นในแต่ละบริษัทด้วย
ในระยะเริ่มแรกของ"ร่วมด้วยช่วยกัน"คือ การลองผิดลองถูกและเรียนรู้สิ่งใหม่ หลายเหตุการณ์ส่งผลกระทบทั้งด้านลบและบวกต่อสถานี ทั้งกรณี “สมพงษ์ เลือดทหาร” ที่ใช้สถานีวิทยุเป็นเครื่องมือหลอกลวงสังคมว่าเป็นคนดีเก็บกระเป๋าเงินมูลค่ามหาศาลของนักท่องเที่ยวแล้วนำไปคืนเจ้าของจนโด่งดังไปทั่วประเทศ หรือกรณี "ตุ๊กปีปอิน" ที่มีหญิงสาวโทรเข้าสถานีร้องขอความช่วยเหลือว่าถูกล่อลวง ทำให้เกิดม็อบแท็กซี่หลายร้อยคนไปปิดล้อมโรงแรม เพื่อทำหน้าที่พลเมืองดี แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ หรือกรณี นศ. พม่าบุกสถานทูตพม่าในประเทศไทย และบุกโรงพยาบาลราชบุรีที่ผู้ดำเนินรายการาพยายามเป็นตัวกลางประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแสดงบทบาทเป็นผู้เจรจาต่อรอง ทำให้เกิดคำถามจากสังคมเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของ"สื่อมวลชน"ว่าควรมีขอบเขตเพียงใด ระหว่างการเป็นแค่สื่อกระจายเสียงหรือการยื่นมือไปช่วยเหลือทางมนุษยธรรม
ในอีกด้านหนึ่ง "ร่วมด้วยช่วยกัน"ก็ได้แสดงบทบาทช่วยเหลือบรรเทาปัญหาในสังคม เช่น เป็นศูนย์กลางรับบริจาคช่วยผู้ประสบภัยต่างๆ เช่น ยามเกิดภัยน้ำท่วมหนักครั้งใด น้ำใจและความช่วยเหลือก็หลั่งไหลอย่างไม่ขาดสาย ผู้มีฐานะจะช่วยบริจาคข้าวของ ผู้ที่ไม่อยู่ในฐานะจะให้ก็จะออกแรง รถแท็กซี่จะช่วยรับส่งของบริจาคจากบ้านไปสถานีวิทยุ การเป็นสื่อกลางรับเรื่องร้องเรียน ช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนและการประสานให้เกิดการช่วยเหลือชีวิตที่กำลังเผชิญกับนาทีวิกฤติไม่ว่าจะเป็นชีวิตมนุษย์ที่ติดอยู่ในทะเลเพลิงของโรงแรม Royal จอมเทียน จนถึงชีวิตสัตว์ใหญ่ เช่น ช้างไปจนถึงงูที่ถูกทำร้ายหรือแมวที่ตกในหลุมเสาเข็ม สิ่งเหล่านี้นอกจากจะสร้างความโด่งดังให้แก่
เส้นทางชีวิตของ ไอเอ็นเอ็น กว่าจะมาได้ถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะ การบริหารสื่อวิทยุ ข่าวสาร เป็นเรื่องที่ยาก โดยเฉพาะสำนักข่าวเอกชน เพราะขนาด"ไอเอ็นเอ็น" มีสำนักงานทรัพย์สินฯ กับยูคอมสนับสนุน ยังประสบปัญหาการขาดทุน เพราะใช้ต้นทุนสูง เมื่อออกอากาศแล้วทุกอย่างก็หายไป ซึ่งจำเป็นที่ต้องมีช่อวทางของสื่อต่างๆมารองรับ
แนวคิดดังกล่าวสะท้อนเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนผ่านเครือข่ายธุรกิจที่มีอยู่ของบริษัท ไอ.เอ็น.เอ็น ที่ผ่านมา ได้แก่
วิทยุ FM. ในกทม. ๒ คลื่น คือ ร่วมด้วยช่วยกัน ๙๖.๐ กับ ไอ เอ็น เอ็น นิวส์ แอนด์ ทอล็ค ๙๙.๕ MHz. วิทยุต่างจังหวัดอีก ๖ คลื่น ครอบคลุม เชียงใหม่ เชียงราย ระยอง ร้อยเอ็ด ขอนแก่นและหาดใหญ่
สื่อสิ่งพิมพ์ อาทิตย์รายวัน, อาทิตย์ วิเคราะห์รายสัปดาห์, ร่วมด้วยช่วยกัน, บูรพาปาฏิหารย์, นิตยสารรายเดือนพีเพิล นอกจากนี้ยังมี บริษัทเพื่อนที่มีคุณค่า ซึ่งเป็นความร่วมมือกับสำนักดอกหญ้า พิมพ์พ็อกเก็ตบุ๊คอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งเล่ม โดย สำนักพิมพ์แสงพระอาทิตย์ อีกด้วย
ปัจจุบันสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น.ภายใต้ ไอเอ็นเอ็น.มัลติมีเดียกรุ๊ป มีเครือข่ายธุรกิจสื่อวิทยุในสังกัด คือ กรุงเทพฯ ร่วมด้วยช่วยกัน FM๙๖.๐, ๑๐๑ INN News Channel FM ๑ -FM ๑๐๑ MHz.,เครือข่ายภูมิภาค ภาคกลาง เพชรบุรี-ราชบุรี,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สุโขทัย,พิษณุโลก,ข่อนแก่น,ร้อยเอ็ด,กาฬสินธ์,มหาสารคาม,อุบล,ศรีสะเกษ,อำนาจเจริญ,นครราชสีมา -ภาคเหนือ เชียงราย,เชียงใหม่-ลำพูน,พะเยา,ลำปาง -ภาคใต้ ประจวบ,ชุมพร,ภูเก็ต,พังงา,กระบี่,สงขลา,พัทลุง,ปัตตานี,ยะลา ฯลฯ
สื่อสิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ไอเอ็นเอ็น.เอ็กคลูซีฟนิวส์ ,สำนักพิมพ์ร่วมด้วยช่วยกัน ผลิตพ็อกเก็ตบุ๊ค ฯลฯ
รวมถึงสื่ออินเทอร์เน็ต เวปไซต์ http://www.innnews.co.th
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือไปจากสื่อวิทยุ...ณ พ.ศ. ปัจจุบัน. สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น.กำลังได้รับการยอมรับและความนิยมอย่างสูง จากการเป็นผู้บุกเบิกนำใน ช่องทาง”ข่าวสาร”ที่วิวัฒน์ไปอีกขั้นของ"ข่าวด่วนทันสถานการณ์"ในช่องทางสื่อวิทยุกระจายเสียง ที่เป็นรายชั่วโมงหรือครึ่งชั่วโมง ให้เป็น "ทุกเสี้ยววินาทีที่เกิดข่าว " โดยยังคงคอนเซ็ปต"สดทันทีที่มีข่าว"เช่นเดิม
นั่นคือ การนำเสนอ"ข่าวด่วน"HOT News ผ่าน ช่องทางของสื่อมัลติมีเดีย..ทั้ง SMS-MMS (ข้อความ,ภาพ,เสียง) ทางโทรศัพท์มือถือ ของค่ายมือถือเกือบทุกค่าย ไม่ว่าจะเป็น AIS,DTAC,TURE,HUCTH ฯลฯ ภายใต้ทีมผลิต กองบรรณาธิการข่าวสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น.ที่ยังคงถูกจัดอันดับในวงการข่าวว่าเป็น"ผู้นำ"ที่มีความเร็วในการนำเสนอข่าวมากที่สุดในปัจจุบัน..
โดยเฉพาะกลไกการนำเสนอข่าวอย่างรวดเร็วฉับไวถูกต้อง น่าสนใจ ของทีมข่าว ทั้งภายใน และภายนอก ที่มีการวางแผนการรบของข่าวสารในแต่ละวันล่วงหน้า อันแตกต่างจาก ข่าว SMS ของสำนักข่าวอื่นๆที่มุ่งเพียงการมอนิเตอร์ตามกระแสข่าว ด้วยความเร็วและถูกต้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชนผู้บริโภคข่าวสารผ่านทางมือถือ ทำให้ไอเอ็นเอ็น.ได้รับการกล่าวขวัญถึงในวงการข่าว และรวมถึงในแวดวงผู้ใช้บริการมือถือหรือโอเปอเรเตอร์มือถือค่าย ต่างๆ ที่ต้องการคอนเทนท์”ข่าว”ของไอเอ็นเอ็น.ไปให้บริการผู้ใช้บริการ…ในขณะที่กองบรรณาธิการยังคงต้องพัฒนาศักยภาพ และ คุณภาพของข่าว เพื่อนำเสนอต่อสังคมต่อไป
ดังนั้น ในปัจจุบันที่ กระบวนรบทางข่าวสาร พัฒนาความเร็วและคุณภาพเนื้อหาไปตามเทคโนโลยีของ”ช่องทางการสื่อสาร”ที่กำลังเกิดขึ้น ย่อมส่งผลกับการตัดสินใจที่จะเลือกรับข่าวสารของผู้คนในสังคม..ซึ่งส่งผลต่อการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในสื่อประเภทนี้ จึงมีความจำเป็นยิ่งที่”นักรบ”หรือ”นักข่าว”ของINNจำเป็นที่จะต้องฝึกปรือให้พร้อมในการรบ หรือการทำข่าวอยู่ตลอดเวลา ภายใต้แนวคิดรูปแบบของ กองบรรณาธิการข่าว สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น.ที่จัดกำลังรบข่าวสาร ในรูปแบบของ“กองกำลังเล็กๆ”แบบ”กองโจร”ที่มีการประสานงานขับเคลื่อนที่คล่องตัว รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ มากกว่า“กองทัพข่าว”ขนาดใหญ่ที่เทอะทะ
ด้วยเหตุนี้การจัดกำลังรบ การฝึกฝนทักษะ รวมไปถึงการจัดองค์ประกอบของการทำงาน โดยการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน กับทั้งการทำงาน และบทบาทของแต่ละผู้คนในองคพายพ ของกองบรรณาธิการข่าว อันนำไปสู่การประสานภายใน เพื่อเป็นพลังสู่ภายนอก จึงเป็นสิ่งสำคัญ