สนธิสัญญาเบาริง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สถานีย่อย:ประเทศไทย

สนธิสัญญาเบาริง เป็นสนธิสัญญา ที่ประเทศไทย ทำกับประเทศอังกฤษ ริเริ่มใช้เมื่อสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ตระหนักถึงภัยจากลิทธิจักวรรดินิยม เนื่องจากในขณะนั้น ประเทศต่างๆ ได้เข้ามาคุกคามประเทศไทย จึงทำสัญญา้ เพื่อรักษาเอกราชของชาติไทยเรา และอีกอย่างหนึ่งคือ เปลี่ยนแปลงนโยบาย มาคบค้ากับชาติตะวันตก

สนธิสัญญานี้ ได้ทำกับอังฤษ เมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 โดย เซอร์ จอห์น เบาริง ราชทูตที่ได้รับการแต่งตั้งจาก สมเด็จพระบรมราชินีนาถวิกตอเรีย และใช้บังคับอยู่เป็นเวลา ถึง 70 กว่าปี จนกระทั่งมีการแก้ไขค่อยๆยกเลิกไปในสมัยรัชกาลที่ 6 ภายหลังเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลงเมื่อปี พ.ศ. 2461

[แก้] สาระสำคัญ

  1. ประเทศอังกฤษจะตั้งสถานกงสุลไว้ในประเทศไทย
  2. ชาวอังกฤษ สามารถเช่าที่ในประเทศไทยได้
  3. ชาวอังกฤษ สามารถสร้างโบถท์และเผยแพร่ ศาสนาคริสต์ได้
  4. เปิดเสรีการค้า ระหว่าง ประเทศไทยและประเทศอังกฤษ
  5. ประเทศไทยสามารถเก็บภาษีขาเข้าได้ไม่เกินร้อยละสาม
  6. สินค้าต้องห้าม ได้แก่ ข้าว ปลา และ เกลือ
  7. หากมีการจดสนธิสัญญากับประเทศอื่น ที่มีผลประโยชน์มากกว่าประเทศอังกฤษ จะต้องทำให้กับอังกฤษด้วย
  8. สนธิสัญญานี้ห้ามมิให้มีการเปลี่ยนแปลง จนกว่าจะใช้แล้ว 10 ปี หากจะแก้ไข จะต้องมีการแจ้งล่วงหน้า 1 ปี โดยทั้งสองฝ่ายจะต้องยินยอมซึ่งกันและกัน
  9. หากคนอังกฤษทำผิดในประเทศไทย จะต้องขึ้นศาลกงสุลอังกฤษ ไม่ต้องขึ้นศาลไทย

[แก้] การเจรจาสนธิสัญญาเบาริง

เซอร์ จอห์น เบาริง อยู่ในกรุงสยาม 1 เดือน และใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์เจรจากับ “ผู้สำเร็จราชการฝ่ายสยาม” 5 ท่านที่ได้คือ

  • พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท
  • สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาปยุรวงศ์ หรือ สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่ ผู้มีอาญาสิทธิ์บังคับบัญชาได้สิทธิขาดทั่วทั้งพระราชอาณาจักร
  • สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ หรือสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย ผู้มีอำนาจบังคับบัญชาทั่วทั้งพระนคร
  • เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) สมุหพระกระลาโหม บังคับบัญชาหัวเมืองชายทะเลปากใต้ฝ่ายตะวันตก
  • เจ้าพระยารวิวงศ์ (ต่อมาเปลี่ยนเป็น “ทิพากรวงศ์” หรือ ขำ บุนนาค) พระคลัง และสำเร็จราชการกรมท่า บังคับบัญชาหัวเมืองฝ่ายตะวันออก

สนธิสัญญาเบาว์ริงได้กลายเป็นแม่แบบของการที่ประเทศอื่นๆ ที่สำคัญๆ เข้ามาทำสัญญาแบบเดียวกัน มีทั้งหมด 14 ประเทศ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เดนมาร์ค โปรตุเกศ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สวีเดน นอรเวย์ เบลเยี่ยม อิตาลี ออสเตรีย-ฮังการี สเปน ญี่ปุ่น และ รัสเซีย