ว่านหางจระเข้

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บทความนี้ได้รับแจ้งว่า การใช้ภาษา การแปลภาษา การทับศัพท์ หรือการสะกดคำ สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ ซึ่งอาจรวมถึงรูปแบบการเขียนที่อาจไม่ใช่สารานุกรม
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นแก้ไขภาษาให้สละสลวย และแก้ตัวสะกดให้ถูกต้อง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คู่มือ และ นโยบายวิกิพีเดีย

กำเนิดว่านหางจระเข้

          ว่านหางจระเข้เป็นต้นพืชที่มีเนื้ออิ่มอวบ จัดอยู่ในตระกูลลิเลี่ยม ( Lilium )  แหล่งกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในชานฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและบริเวณตอนใต้ของทวีปอาฟริกา พันธุ์ของว่านหางจระเข้มีมากมายกว่า 300 ชนิด  ซึ่งมีทั้งพันธ์ที่มีขนาดใหญ่มากจนไปถึงพันธุ์ที่มีขนาดเล็กกว่า 10 เซนติเมตร ลักษณะพิเศษของว่านหางจระเข้ก็คือ มีใบแหลมคล้ายกับเข็ม เนื้อหนา และเนื้อในมีน้ำเมือกเหนียว ว่านหางจระเข้ผลิดอกในช่วงฤดูหนาว ดอกจะมีสีต่างๆกัน เช่น เหลือง ขาว และแดง เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของมัน

คำว่า " อะโล" ( Aloe ) เป็นภาษากรีซโบราณ หมายถึงว่านหางจระเข้ ซึ่งแผลงมาจากคำว่า "Allal" มีความหมายว่า ฝาดหรือขม ในภาษายิว ฉะนั้นเมื่อผู้คนได้ยินชื่อนี้ ก็จะทำให้นึกถึงว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้เดิมเป็นพืชที่ขึ้นในเขตร้อนต่อมาได้ถูกนำไปแพร่พันธุ์ในยุโรปและเอเชีย และทุกวันนี้ทั่วโลกกำลังเกิดกระแสนิยมว่านหางจระเข้กันเป็นการใหญ่

นับเป็นหลายศตวรรษที่หลายประเทศรู้จักใช้ว่านหางจระเข้รักษาโรคต่างๆมากมาย เนื่องจากมีคุณวิเศษในการรักษาแผลไฟลวก รักษาแผลทั่วไปและระงับความเจ็บปวด รวมทั้งรักษาโรคเรื้อนกวาง ในกรณีของโรคเรื้อนกวางนี้ ถ้าใช้สม่ำเสมอจะลดการตกสะเก็ดและอาการคัน รวมทั้งช่วยให้แผลดูดีขึ้น จากเอกสารทางประวัติศาสตร์ของอียิปต์ โรมัน กรีก แอลจีเรีย ตูนีเซีย อาหรับ อินเดียและจีน มีการรายงานใช้พืชนี้เป็นทั้งยาและเครื่องสำอาง แม้แต่พระนางคลีโอพัตราก็รักษาความงามและความมีเสน่ห์ของพระองค์ด้วยวุ้นของว่านหางจระเข้

ก่อนคริสต์ศักราช 1500 ( หรือ 1000 ปีก่อนพุทธศักราช ) มีรายงานของชาวอียิปต์ที่ถือว่าเป็นหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดกล่าวถึงสรรพคุณมากมายของว่านหางจระเข้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการรู้จักใช้พืชชนิดนี้มาเป็นเวลาหลายศตวรรษแล้ว ในตำราสมุนไพรที่มีชื่อของกรีกเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 1 รายงานถึงวิธีการใช้ว่านหางจระเข้ในการรักษาโรคต่างๆอย่างละเอียดพิสดาร ตั้งแต่รักษาบาดแผล โรคนอนไม่หลับ กระเพาะอาหารทำงานไม่ปกติ ท้องผูก ริดสีดวงทวาร อาการคันที่ผิวหนัง ปวดหัว ผมร่วง โรคเหงือกและฟัน โรคไต ผิวหนังพอง ผิวถูกแดดเผา ผิวด่างดำ ช่วยบำรุงผิวหนัง ระงับอาการปวดและอื่นๆ

นักประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า อริสโตเติ้ลได้กราบบังคมทูลให้พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชยึดเกาะโซโครโต ซึ่งอยู่ทางฝั่งทะเลตะวันออกของแอฟริกา เพื่อเอาว่านหางจระเข้มาไว้ใช้สำหรับรักษาบาดแผลของทหารที่ออกสู้รบ นอกจากนี้ บันทึกสมัยโบราณฉบับอื่นๆก็บรรยายถึงการใช้ว่านหางจระเข้บำรุงผิว ป้องกันผิวจากแดดเผา ถูกลมเป่า ถูกไฟลวก และผิวแตกเมื่อถูกความเย็น รักษาบาดแผลเล็กๆน้อยๆ แก้แมลงสัตว์กัดต่อย แผลถลอก แผลน้ำร้อนลวก แผลมีดบาด ผื่นคัน สิว ผิวหนังเป็นด่างดำ ผิวหนังถูกใบตำแยหรือแพ้สารต่างๆ แผลชอนทะลุ คันคอเนื่องจากกินอาหารผิด แผลเรื้อรัง ผื่นปวดแสบปวดร้อน และโรคผิวหนังอื่นๆ ในคัมภีร์ไบเบิล ( จอห์น 19: 39 ) มีบันทึกไว้ว่า ยาชโลมพระศพพระเยซูมีส่วนผสมของว่านหางจระเข้อยู่ด้วย


สรรพคุณและวิธีใช้ว่านหางจระเข้

       ว่านหางจระเข้  ซึ่งเป็นที่นิยมกันมาแต่โบราณ  มีความลี้ลับอะไรอยู่หรือ  แม้ว่าผู้คนจะนิยมใช้ว่านหางจระเข้กันมาแต่โบราณ  แต่สรรพคุณของว่านหางจระเข้ก็ยังมีม่านแห่งความ   ลี้ลับปกคลุมอยู่มาตลอดช่วงระยะเวลาอันยาวนาน  ผู้เปิดม่านความลี้ลับของว่านหางจระเข้ด้วยทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ก็คือ  ดร.โซเอดะ โมโมเอะ  ผู้เชี่ยวชาญด้านปฏิชีวนะสารที่มี     ชื่อเสียงของญี่ปุ่น  ดร.โซเอดะ  เริ่มศึกษาวิจัยว่านหางจระเข้เมื่อ  พ.ศ. 2540  โดยเธอได้นำ  สารละลายของว่านหางจระเข้มากรอง  แล้วนำไปแช่แข็ง  จากนั้นก็สกัดให้เป็นผง  แล้วจึงสกัดอีกครั้งด้วยน้ำและแอลกอฮอล์  แล้วตรวจวัดทันที  ก็พบมีสารตกตะกอนหลายชนิด  หนึ่งในผลงานศึกษาของเธอคือ  ได้ค้นพบสารใหม่ที่ออกฤทธิ์ของยาของว่านหางจระเข้อีกครั้ง  ซึ่งแต่เดิมทราบกันแต่ว่าว่านหางจระเข้มีสารอยู่สองชนิดคือ  สารอะโลอิน  กับสารอะโลไอโมติน  แต่ดร.โซเอดะได้ค้นพบสารใหม่อีก  3  ชนิด  สารหนึ่งในสามนี้คือ  อะโลติน  ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคและเชื้อรา  อีกชนิดหนึ่งคือ  สารอะโลมิติน  มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเนื้องอก  และสารชนิดสุดท้ายคือ  สารอะโลอูรซิน  ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยสมานแผล 

การปลูกว่านในเชิงประสบการณ์

การปลูกว่านที่จะให้ผลผลิตดี มีใบที่ เนื้อแน่น และอวบ แต่แข็งแรงนั้น จะใช้หลักประสบการณ์ควบคู่ไปกับหลักวิชาการ เรียกได้ว่า เป็นวิธีการของชาวบ้านที่ไม่เน้น ไม่เคร่งตามแบบหลักวิชาการจนเกินไป

ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีการปลูกว่านอยู่หลายอำเภอ แต่ที่ปลูกแล้วได้ผลผลิตค่อนข้างดี เช่น ในอำเภอเมือง ที่หมู่บ้านคั่นกระได ตำบลอ่าวน้อย และที่นิคม

    ยกตัวอย่างการปลูกว่านตามหลักปะสบการณ์เช่น ตามหลักของนายณรงค์ ศรีสุทานันท์ ที่หมู่บ้านคั่นกระได ตำบลอ่าวน้อย ปลูกว่านหางจระเข้มานานหลายปี และได้ใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมา ช่าวในการปลูกแต่ไม่เน้นหลักวิชาการมากเกินไป กาบว่านของนายณรงค์ จะมีขนาดใหญ่ อวบ เนื้อแน่น และผลผลิตที่ได้จะส่งเข้าโรงงานเพื่อนำไปแปรรูปเป็นว่านหางจระเข้กระป๋อง ส่งออกทั้งในประเทศและนอกประทศ เคยมีผู้ซื้อจากต่างจังหวัดคือจังหวัดราชบุรีมาขอซื้อพันธุ์ว่านหางจระเข้ เพื่อนำไปเพาะพันธุ์ และซื้อใบว่านเพื่อส่งโรงงาน ยังมีผู้ซื้อจากประเทศญี่ปุ่นมาดูขนาดของต้นว่าน และซื้อไปเพื่อแปรรูป