เทศบาลเมืองชลบุรี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เทศบาลเมืองชลบุรี หรือ เมืองชลบุรีตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองฯ จังหวัดชลบุรี และมีสำนักงานตั้งอยู่ที่ ถนนวชิรปราการ ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมืองฯ จังหวัดชลบุรีี เป็นเทศบาลขนาดใหญ่ จัดตั้งขึ้นโดยยกฐานะจากสุขาภิบาลเมืองชลบุรี เป็นเทศบาลเมืองชลบุรี เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2478 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 หน้าที่ 1651 มีพื้นที่ 0.56 ตารางกิโลเมตร ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงขยายเขตเทศบาลครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2480 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 45 หน้า 1760 มีพื้นที่เพิ่มจากเดิมอีก 4.01 ตารางกิโลเมตร ปัจจุบันมีพื้นที่รวม 4.57 ตารางกิโลเมตร โดยในจำนวนนี้เป็นพื้นที่บนบกประมาณ 3.5 ตารางกิโลเมตร ที่เหลืออีกประมาณ 1.07 ตารางกิโลเมตรเป็นพื้นที่น้ำ
สารบัญ |
[แก้] ประวัติ
[แก้] สมัยกรุงศรีอยุธยา
เมืองชลบุรีปรากฎเป็นหลักฐานในทำเนียบศักดินา หัวเมือง ตราเมื่อมหาศักราช 1298 ตรงกับ พ.ศ.1919 ชลบุรีมีฐานะเป็นเมืองจัตวา ผู้รักษาเมืองเป็นที่ "ออกเมืองชลบุรีศรีมหาสมุทร" ศักดินา 2,400 ไร่ ส่งส่วยไม้แดง ในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราช (ขุนหลวงพะงั่ว) ในปี พ.ศ. 2309 ขณะที่กรุงศรีอยุธยาถูกกองทัพพมาล้อมอยู่นั้น กรมหมื่นพิพิธซึ่งเป็นพระเจ้าลูกยาเธอองค์หนึ่งในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แต่ถูกเนรเทศไปลังกา ได้กลับมาเกลี้ยกล่อมรวบรวมชายฉกรรจ์ทางหัวเมืองภาคตะวันออก ได้แก่ เมืองจันทบูร เมืองระยอง เมืองบางละมุง เมืองชลบุรี และเมืองปราจีนบุรี เข้าร่วมกองทัพอ้างว่าจะยกไปช่วยกรุงศรีอยุธยารบพม่า ในครั้งนั้นชาวชลบุรีได้ให้การสนับสนุนเข้าร่วมในกองทัพเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งเมืองชลบุรีแทบจะกลายเป็นเมืองร้าง เมื่อกรมหมื่นเทพพิพิธยกไพร่พลไปตั้งมั่นที่ปราจีนบุรีแล้วจึงมีหนังสือกราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัวเอกทัศน์ ณ กรุงศรีอยุธยา ขออาสาช่วยป้องกันพระนคร แต่พระเจ้าอยู่หัวเอกทัศน์ทรงพระราชดำริว่า กรมหมื่นเทพพิพิธเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงจนถูกเนรเทศมาแล้วครั้งหนึ่ง การที่มาเรียกระดมผู้คนเข้าเป็นกองทัพโดยพลการครั้งนี้ก็เป็นการทำผิดกฎมณเทียรบาล จึงโปรดเกล้าฯ ให้ยกกองทัพจากกรุงศรีอยุธยาไปปราบกรมหมื่นเทพพิพิธจนบอบช้ำ จากนั้นพม่ายังได้ส่งกองทัพออกไปโจมตีกองทัพกรมหมื่นเทพพิพิธจนแตกกระจายไป จนกระทั่งกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าข้าศึก เมื่อ พ.ศ. 2310 ชาวชลบุรี ได้ให้ความร่วมมือกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในการกอบกู้อิสรภาพอย่างใกล้ชิด จนสามารถกอบกู้เอกราชกลับคืนมา
[แก้] สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ได้เสด็จประพาสเมืองชลบุรี หลายครั้งหลายหน เพราะเมืองชลบุรีเป็นเมืองชายทะเล เหมาะแก่การพักผ่อน มีทัศนียภาพงดงามและไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครมากนัก ในจดหมายเหตุพระราชกิจประจำวัน มีหลักฐานปรากฎชัดว่า รัชกาลที่ 4-5-6 ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ได้เสด็จประพาสชลบุรีเมื่อไร ทรงมีพระราชกรณียกิจใด ๆ บ้าง ล้วนแต่เป็นพระราชกรณียกิจพื้นฐานสร้างชลบุรีให้เจริญรุ่งเรืองมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ ในยุคกรุงรัตโกสินทร์ เมื่อปี พ.ศ.2350 พระสุนทรโวหาร หรือสุนทรภู่ รัตนกวีของไทย ได้เดินทางจากกรุงเทพมหานคร เพื่อไปเยี่ยมบิดาที่เมืองแกลง จังหวัดระยอง ได้เขียนไว้ในนิราศเมืองแกลง กล่าวถึงเมืองต่างๆ เมื่อเข้าถึงเขตชลบุรีแล้วไปตามลำดับจากเหนือไปใต้ คือ บางปลาสร้อย หนองมน บ้านไร่ บางพระ บางละมุง นาเกลือ พัทยา นาจอมเทียน ห้วยขวาง หนองชะแง้ว (ปัจจุบันเรียกบ้านชากแง้ว อยู่ในเขตอำเภอบางละมุง ซึ่งเป็นทางที่จะไปอำเภอแกลง จังหวัดระยองได้ ) ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2437 ได้ทรงเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองราชอาณาจักรที่เป็นหัวเมืองต่างๆ แบบโบราณที่แยกกันอยู่ในบังคับบัญชาของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกรมท่า ดูไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ยากแก่การปกครองดูแลให้ทั่งถึงและเสมอเหมือนกันได้ โดยให้หัวเมืองต่างๆ ทั่วราชอาณาจักรขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทยเพียงกระทรวงเดียวหรือหน่วยงานเดียว คือ การรวบรวมหัวเมืองทั้งหลายขึ้นเป็นมณฑลนั้น สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2435 - 2458) ได้ทรงนิพนธ์ไว้ใน "พำระบันทึกความทรงจำ" ซึ่งมีตอนที่กล่าวถึงเมืองชลบุรีไว้ว่า "รวมหัวเมืองทางลำน้ำบางปะกง คือ เมืองปราจีนบุรี 1 เมืองนครนายก 1 เมืองพนมสารคาม 1 เมืองฉะเชิงเทรา 1 รวม 4 หัวเมือง เป็นเมืองมณฑล 1 เรียกว่า "มณฑลปราจีน" ตั้งที่ว่าการมณฑล ณ เมืองปราจีน (ต่อเมื่อโอนหัวเมืองในกรมท่ามาขึ้นกระทรวงมหาดไทย จึงย้ายที่ทำการมณฑลลงมาตั้งที่เมืองฉะเชิงเทรา เพราะขยายอาณาเขตมณฑลต่อลงไปทางชายทะเล รวมเมืองพนัสนิคม เมืองชลบุรี และเมืองบางละมุง เพิ่มให้อีก 3 รวมเป็น 7 เมืองด้วยกัน) แต่คงเรียกชื่อว่ามณฑลปราจีนอยู่ตามเดิม" ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 - ปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงในรูปการปกครองประเทศครั้งใหญ่ โดยพระราชบัญญัติ ระเบียบราชการบริหารแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2476 ได้ยกเลิกเขตการปกครองแบบเมือง ทั่วราชอาณาจักรแล้วตั้งขึ้นเป็นจังหวัดแทน มีข้าหลวงประจำจังหวัดเป็นผู้ปกครองบังคับบัญชา เมืองชลบุรีจึงเป็นจังหวัดชลบุรี (แต่เปลี่ยนข้าหลวงประจำจังหวัดเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด) และต่อมาเทศบาลเมืองชลบุรีจึงได้ถูกจัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2478 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 หน้าที่ 1651
[แก้] ภูมิอากาศและภูมิประเทศ
เทศบาลเมืองชลบุรีมีสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบชายฝั่งทะเล ชายหาดมีลักษณะเว้าแหว่งและลุ่มต่ำ น้ำทะเลท่วมถึง มีป่าชายเลนบ้างเล็กน้อย ลักษณะอากาศโดยทั่วไป โดยภาพรวมของจังหวัดมีลักษณะอากาศแบบมรสุมเขตร้อน โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 28.82 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดในช่วง 29.57 องศาเซลเซียส ถึง 36.90 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยประมาณ ร้อยละ 34.50 ลักษณะฝนเป็นแบบมรสุมเขตร้อน คือ ฝนจะตกในระหว่างมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ปริมาณเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนตุลาคม โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,495.50 มิลลิเมตร ต่อปี
[แก้] สัญลักษณ์ประจำเมืองชลบุรี
[แก้] ตราเทศบาลเมืองชลบรี
เทศบาลเมืองชลบุรีมีตราประจำเทศบาลเป็นรูปเรือสำเภาสมัยโบราณ ใบแข็ง สามเสา แล่นฝ่าคลื่นในทะเลอยู่ในวงกลมสองชั้น วงกลมรอบนอก มีตัวอักษรคำว่า "เทศบาลเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรีี" ซึ่งเป็นการสื่อสารความ หมายว่า จังหวัดชลบุรีีเป็นจังหวัดที่อยู่ชายทะเลแต่เดิมมักมีการคมนาคม ติดต่อกับจังหวัดอื่น ๆ โดยทางเรือที่สำคัญของจังหวัดชลบุรี ใน สมัยนั้น การติดต่อค้าขายกับภาคอื่น ๆ ของประเทศต้องใช้เรือสำเภาใบแข็ง ซึ่งเป็นเรือที่สามารถฝ่าคลื่นลมทางทะเลได้เป็นอย่างดี จึงได้นำเรือสำเภา แล่นฝ่าคลื่นมาเป็นดวงตราประจำเทศบาลเมืองชลบุรี
[แก้] คำขวัญเมืองชลบุรี
"ทะเลงาน ข้าวหลามอร่อย อ้อยหวาน จักสานดี ประเพณีวิ่งควาย"
[แก้] ที่ตั้งและอาณาเขต
ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอำเภอบริเวณริมฝั่งทะเลตะวันออกของอ่าวไทย มีเนื้อที่ประมาณ 4.567 ตร.กม. หรือ 2854.4 ไร่ ครอบคลุมพื้นท ี่ตำบลบ้านโขด ตำบลบางปลาสร้อยและตำบลมะขามหย่ง โดยมีอาณาเขตติดต่อดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ เขตเทศบาลตำบลบางทราย
- ทิศใต้ ติดต่อกับ เขตเทศบาลตำบลบ้านสวน
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ เขตเทศบาลตำบลบ้านสวน
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ อ่าวไทย
[แก้] ประชากร
จำนวนประชากรในเขตเทศบาลเมืองชลบุรี มีทั้งสิ้น 34,744 คน แยกเป็น ชาย 16,304 คน หญิง 18,440 คน โดยมีทั้งหมดจำนวนครัวเรือน 7,425 ครัวเรือน ความหนาแน่นของประชากรเฉลี่ยต่อพื้นที่ทั้งหมด 7,608 คน ต่อตารางกิโลเมตร หากเฉลี่ยตามพื้นที่บนบกที่อาศัยได้จริง เฉลี่ย 9,927 คน ต่อตารางกิโลเมตร ซึ่งนับว่ามีความหนาแน่นมาก
[แก้] ลักษณะโดยทั่วไปของประชากร
การตั้งถิ่นฐานของประชาชนในเขตเทศบาลเมืองชลบุรี โดยทั่วไปมักจะหนาแน่นมาก บริเวณชุมชนชายทะเลด้านทิศตะวันตกของเมืองและชุมชนในเมือง อาชีพสำคัญของประชากรคือ พาณิชยกรรมโดยเฉพาะในย่านชุมชนจะมีร้านค้าติดต่อกันเป็นแถว ตลอดแนวถนนสายสำคัญได้แก่ ถนนวชิรปราการ ถนนเจตน์จำนงค์ ถนนโพธิ์ทอง ถนนราษฎร์ประสงค์และถนนสุขุมวิทเป็นต้น
[แก้] การศึกษา
ในเขตเทศบาลเมืองชลบุรี มีโรงเรียนสังกัดสำนักงานการประถมศึกษา 2 แห่ง สังกัดกรมสามัญศึกษา 1 แห่ง สังกัดกรมอาชีวศึกษา 1 แห่ง สังกัดการศึกษาเอกชน 8 แห่ง สำหรับเทศบาลเมืองชลบุรี มีโรงเรียนในสังกัด 5 แห่ง เปิดสอนตั้งแต่ระดับเด็กก่อนวัยเรียนถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนในสังกัดทั้ง 5 แห่ง ได้แก่
- โรงเรียนเทศบาลอินทปัญญา วัดใหญ่อินทาราม
- โรงเรียนเทศบาลวัดกำแพง(อุดมพิทยากร)
- โรงเรียนเทศบาลชลราษฎร์นุเคราะห์ (วัดต้นสน)
- โรงเรียนเทศบาลวัดโพธิ์
- โรงเรียนเทศบาลวัดเนินสุทธาวาส
[แก้] การสาธารณสุข
ในเขตเทศบาลเมืองชลบุรี มีโรงพยาบาล 1 แห่ง คลีนิก 92 แห่ง ในส่วนของเทศบาลมีศูนย์บริการสาธารณสุข 2 แห่ง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองการแพทย์ บริการรักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ประชาชนในเขตเทศบาล โดยศูนย์บริการฯ 1 ตั้งอยู่ที่บริเวณตลาดวัดกลาง และแห่งที่ 2 ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกถนนพระยาสัจจา
[แก้] ชุมชนในเขตเมืองชลบุรี
ลักษณะชุมชนในเขตเทศบาลเมืองชลบุรี ประชาชนส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในบริเวณย่านการค้าในถนนสายหลัก และอีกส่วนหนึ่งจะอาศัยอยู่บริเวณแนวชายฝั่งทะเลซึ่งมักเรียกว่าชุมชน ชายทะเล โดยในเขตเทศบาลเมืองชลบุรีแบ่งชุมชนออกเป็น 12 ชุมชน ได้แก่
- ชุมชนท่าเรือพลี-ศรีนิคม
- ชุมชนโพธิ์พิพิธ
- ชุมชนเสริมสันติ
- ชุมชนหลังวัดน้อย
- ชุมชนไกรเกรียงยุค
- ชุมชนบ่อหลังบ้าน
- ชุมชนราษฎร์ประสิทธิ์
- ชุมชนท้ายบ้าน 1
- ชุมชนท้ายบ้าน 2
- ชุมชนจิตต์ประสาน
- ชุมชนหลังวัดต้นสน-วัดเนินฯ
- ชุมชนหลังวัดป่า
[แก้] การคมนาคม
ชลบุรีเป็นเมืองศูนย์กลางความเจริญของภาคตะวันออก ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ 80 กิโลเมตร และมีระบบคมนาคมขนส่งที่สะดวก ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ส่วนในเขตเทศบาล มีถนนสายหลักที่สำคัญ คือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) โดยเริ่มจากกรุงเทพ ฯ ผ่านจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี และสิ้นสุดที่[จังหวัดตราด]]