การบริจาคโลหิต
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การบริจาคโลหิต คือการเก็บโลหิตจากผู้มีความประสงค์จะบริจาค แล้วนำโลหิตดังกล่าว ผ่านขบวนการคัดกรอง หากมีคุณสมบัติที่ดีจะถูกนำไปเก็บใน ธนาคารโลหิต หรือส่งไปยังโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อนำออกมาใช้ในยามฉุกเฉิน
การบริจาคโลหิต สามารถทำได้ทุกๆ 3 - 4 เดือน ตามความเหมาะสมของสภาพร่างกายของบุคคลที่จะบริจาค ซึ่งผู้บริจาคจะต้องมีคุณสมบัติ ประกอบกับสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ซึ่งมีหน่วยเคลื่อนที่บริการในการรับบริจาคโลหิต หรือสามารถบริจาคได้ที่ศูนย์รับบริจาคประจำจังหวัด ของสภากาชาดไทย
สารบัญ |
[แก้] ขั้นตอนการบริจาคโลหิต
[แก้] เตรียมตัวก่อนบริจาคโลหิต
เพื่อที่ผู้บริจาค จะไม่ต้องเสียเวลาโดยไม่จำเป็น ในการรอบริจาค ผู้บริจาคควรสำรวจตนเองว่า มีคุณสมบัติเพรียบพร้อมสำหรับการบริจาคหรือไม่ ซึ่งผู้บริจาค ควรมีคุณสมบัติต่างๆ ดังนี้
- เป็นผู้มีอายุระหว่าง 17 - 60 ปี
- มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง น้ำหนักตั้งแต่ 45 กิโลกรัมขึ้นไป
- ไม่มีประวัติการเป็นโรคมาลาเรีย ในระยะ 3 ปี
- ไม่มีประวัติเป็นโรคตับอักเสบ หรือดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง
- ผู้หญิง ไม่อยู่ในระยะประจำเดือน หรือ มีครรถ์
- ไม่ควรบริจาคหลักทำการผ่าตัด ในระยะ 6 เดือน
- ผู้เคยรับโลหิตงดบริจาค 1 ปี
- งดสูบบุหรี่ก่อนบริจาค 12 ชั่วโมง
- ไม่ทานยาก่อนบริจาค 1 สัปดาห์
[แก้] การบริจาค
เมื่อถึงหน่วยบริจาครับบริจาคโลหิต จะมีผู้เชี่ยวชาญหรือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน นำใบกรอกเพื่อเขียนประวัติของผู้บริจาคและเซ็นชื่อยินยอม และยอมรับว่าข้อมูลทั้งหมดเป็นความจริง
เมื่อกรอกเรียบร้อยจะถึงขั้นตอนการวัดความดัน และตรวจโลหิตขั้นต้น เพื่อคัดกรองโลหิตในขั้นต้น และเพื่อความปลอดภัยของผู้บริจาคเอง
หลังจากนั้นผู้บริจาคจะถูกพามานอนบนเตียงบริจาคเพื่อเจาะเข็มเข้าเส้นเลือด เพื่อนำโลหิตใส่ยังถุงโลหิต เป็นจำนวน 350 - 450 มิลลิลิตร เจ้าหน้าที่นำเข็มเจาะออก ควรนอนพักเพื่อปรับสภาพสักครู่
เมื่อลุกออกจากเตียง ควรรับอาหารว่าง ที่ทางหน่วยบริการจัดเตรียมไว้ ซึ่งหลักๆ ได้แก่ น้ำหวาน (น้ำแดง) และ ขนมที่ทำมีธาตุเหล็ก พร้อมทั้งรับ ธาตุเหล็กกลับไปรับประทาน
[แก้] การปฏิบัติตัวหลังการบริจาค
หลังจากการบริจาคโลหิตแล้ว ผู้บริจาคควรปฏิบัติตนหลังการบริจากตามคำแนะนำ เพื่อประโยชน์ของผู้บริจาคเอง ดังนี้
- ดื่มน้ำมากกว่าปกติหลังบริจาคเป็นเวลา 2 วัน
- งดออกกำลังกายที่ต้องเสียเหงื่อหลังการบริจาค
- ผู้บริจาคโลหิตที่ทำงานใช้แรง หรือใช้กำลังมาก ควรหยุดพักหนึ่งวัน
- รับประทานยาธาตุเหล็กที่ได้รับวันละ 1 เม็ด เพื่อป้องกันการขาดธาตุเหล็ก
- หลีกเลี่ยงการใช้กำลังแขนข้างที่เจาะ เป็นเวลา 12 ชั่วโมง
[แก้] ประโยชน์ของการบริจาคโลหิต
- ได้รับความภาคภูมิใจ ในการบริจาค
- ได้รับทราบหมู่โลหิตของตนเองในระบบ ABO และ ระบบ RH
- เสมือนได้รับการตรวจสุขภาพร่างกาย เนื่องจาก โลหิตที่ได้รับบริจาค ต้องผ่านกระบวนการในห้องปฏิบัติการ หากเป็นโรคร้ายแรง ทางสภากาชาดจะส่งเอกสารข้อมูลไปยังที่อยู่ที่ลงทะเบียนไว้
[แก้] ดูเพิ่ม
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
หมวดหมู่: โลหิต | โลหิตวิทยา | ชีววิทยา