จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สถานีย่อย:ประเทศไทย

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พระเกี้ยว

ชื่อ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (จุฬาฯ)
ชื่อ (อังกฤษ) Chulalongkorn University (CU)
ก่อตั้ง 26 มีนาคม พ.ศ. 2459
ประเภทสถาบัน รัฐ
อธิการบดี ศ. คุณหญิง สุชาดา กีระนันทน์
คำขวัญ ความรู้คู่คุณธรรม
เกียรติภูมิจุฬาฯ คือเกียรติแห่งการรับใช้ประชาชน
เพลงประจำสถาบัน เพลงพระราชนิพนธ์ มหาจุฬาลงกรณ์
ต้นไม้ประจำสถาบัน ต้นจามจุรี
สีประจำสถาบัน สีชมพู
ที่ตั้ง/วิทยาเขต ถนนพญาไท เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
เว็บไซต์ www.chula.ac.th

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย ได้รับการสถาปนาจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระราชทานนามมหาวิทยาลัยว่า "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" เพื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์เฉลิมพระเกียรติแห่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมชนกนาถของพระองค์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับยกย่องเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ทั้งในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์การแพทย์ สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ และตั้งอยู่บริเวณศูนย์กลางของกรุงเทพมหานคร

ในอดีต ผู้ที่จบการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ให้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช แต่ในปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ในการพระราชทานปริญญาบัตร แก่บัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิต แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นับเป็นเกียรติยศและความภูมิใจของชาวจุฬาฯ อย่างสูงสุด

สารบัญ

ประวัติ

ตราสัญลักษณ์โรงเรียนข้าราชการพลเรือน

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยถือกำเนิดจาก "โรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน" ที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2442 และได้รับพระบรมราชานุญาตให้เปลี่ยนชื่อเป็น "โรงเรียนมหาดเล็ก" [1] ต่อมาในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กขึ้นเป็น " โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" [2] และได้ประดิษฐานขึ้นเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2459 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงนับเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย[3]

ในช่วงเริ่มต้น คือ ระหว่าง พ.ศ. 2459 - 2465 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีการปรับปรุงมาตรฐานการศึกษาระดับประกาศนียบัตร พร้อมกับเริ่มเตรียมการเรียนการสอนระดับปริญญา โดยขณะนั้นจัดการศึกษาเป็น 4 คณะ ได้แก่ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ( คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในปัจจุบัน) คณะวิศวกรรมศาสตร์ และ คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และในระหว่างปี พ.ศ. 2481 - 2490 เริ่มเน้นการเรียนการสอนอันเป็นพื้นฐานของวิชาชีพในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยมีการจัดเตรียมมหาวิทยาลัย คือ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขึ้น

ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2491 - 2503 มหาวิทยาลัยก็ได้ขยายการศึกษาไปยังสาขาต่างๆ ให้กว้างขวางขึ้นโดยเน้นการศึกษาในระดับปริญญาตรี และตั้งแต่ พ.ศ. 2504 - ถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยได้ขยายการศึกษาระดับปริญญาตรีอย่างกว้างขว้าง จนเป็น 18 คณะ 1 สำนักวิชา 3 วิทยาลัย 12 สถาบัน และ 3 สถาบันสมทบ พร้อมกับพัฒนาการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา และหน่วยงานต่างๆ เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนและงานบริการทางวิชาการแก่สังคม

สัญลักษณ์ประจำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รายนามผู้บัญชาการและอธิการบดี

นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน (พ.ศ.2550) นับได้ 90 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมี ผู้บัญชาการและอธิการบดีมาแล้ว 15 คน ดังรายนามต่อไปนี้ [9]

ผู้บัญชาการ
รายนามผู้บัญชาการ วาระการดำรงตำแหน่ง
1. มหาอำมาตย์ตรี พระยาอนุกิจวิธูร (สันทัด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) 24 สิงหาคม พ.ศ. 2463 - 31 มีนาคม พ.ศ. 2468
2. มหาอำมาตย์ตรี พระยาภะรตราชา (ม.ล.ทศทิศ อิศรเสนา) 10 ธันวาคม พ.ศ. 2472 - 1 กันยายน พ.ศ. 2475
อธิการบดี
รายนามอธิการดี วาระการดำรงตำแหน่ง
3. ศาสตราจารย์ นายแพทย์ เอ. จี. เอลลิส(A.G. Ellis) 21 ตุลาคม พ.ศ. 2478 - 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2479
4. จอมพลแปลก พิบูลสงคราม 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2479 - 1 สิงหาคม พ.ศ. 2487 (วาระที่ 1)
21 ตุลาคม พ.ศ. 2492 - 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2493 (วาระที่ 2)
5. ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้ารัชฎาภิเศก โสณกุล 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 - 5 กันยายน พ.ศ. 2492
6. พลอากาศโท มุนี มหาสันทนะ เวชยันตรังสฤษฎ์ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2493 - 16 สิงหาคม พ.ศ. 2504 (วาระที่ 1)
7 กันยายน พ.ศ. 2504 - 6 กันยายน พ.ศ. 2506 (วาระที่ 2)
7. จอมพลประภาส จารุเสถียร 7 กันยายน พ.ศ. 2506 - 6 กันยายน พ.ศ. 2508 (วาระที่ 1)
7 กันยายน พ.ศ. 2508 - 6 กันยายน พ.ศ. 2510 (วาระที่ 2)
7 กันยายน พ.ศ. 2510 - 26 มีนาคม พ.ศ. 2512 (วาระที่ 3)
8. ศาสตราจารย์ ดร.แถบ นีละนิธิ 27 มีนาคม พ.ศ. 2512 - 3 มิถุนายน พ.ศ. 2512 (รักษาการ)
4 มิถุนายน พ.ศ. 2512 - 3 มิถุนายน พ.ศ. 2514
9. ศาสตราจารย์ อรุณ สรเทศน์ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2514 - 3 มิถุนายน พ.ศ. 2516 (วาระที่ 1)
4 มิถุนายน พ.ศ. 2516 - 3 มิถุนายน พ.ศ. 2518 (วาระที่2)
10. ศาสตราจารย์กิตติคุณ เติมศักดิ์ กฤษณามระ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2518 - 3 มิถุนายน พ.ศ. 2520
11. ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.เกษม สุวรรณกุล 4 มิถุนายน พ.ศ. 2520 - 3 มิถุนายน พ.ศ. 2522 (วาระที่ 1)
4 มิถุนายน พ.ศ. 2522 - 2 มกราคม พ.ศ. 2532 (วาระที่ 2)
12. ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา 2 มกราคม พ.ศ. 2532 - 2 มกราคม พ.ศ. 2536 (วาระที่ 1)
2 มกราคม พ.ศ. 2536 - 31 มีนาคม พ.ศ. 2539 (วาระที่ 2)
13. ศาสตราจารย์ ดร.เทียนฉาย กีระนันทน์ 1 เมษายน พ.ศ. 2539 - 31 มีนาคม พ.ศ. 2543
14. รองศาสตราจารย์ ดร.ธัชชัย สุมิตร 1 เมษายน พ.ศ. 2543 - 31 มีนาคม พ.ศ. 2547
15. ศาสตราจารย์ ดร. คุณหญิง สุชาดา กีระนันทน์ 1 เมษายน พ.ศ. 2547 - ปัจจุบัน

พื้นที่มหาวิทยาลัย

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แบ่งพื้นที่การศึกษาออกเป็น 5 ส่วน ซึ่งอยู่บริเวณ แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน ได้แก่

  • ส่วนที่ 1 ฝั่งตะวันออกของถนนพญาไทประกอบด้วย พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สนามรักบี้ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศาลาพระเกี้ยว ศูนย์หนังสือจุฬาฯ (สาขาศาลาพระเกี้ยว) หอประวัติ (ตึกจักรพงษ์) อาคารจุลจักรพงษ์ สระว่ายน้ำ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
  • ส่วนที่ 2 ฝั่งตะวันตกของถนนพญาไท ประกอบด้วย สำนักอธิการบดี (กลุ่มอาคารจามจุรี 1-5) บัณฑิตวิทยาลัย สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์กีฬาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฟิตเนสเซ็นเตอร์ คณะนิเทศศาสตร์ คณะครุศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ สถานเคมีปฏิบัติ อาคารแว่นแก้ว หอพักนิสิตแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาคารวิทยพัฒนา หอพักศศนิเวศ อาคารศศปาฐศาลา และสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์
  • ส่วนที่ 3 ทิศเหนือของถนนพญาไท ติดกับสยามสแควร์ ประกอบด้วย คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ โอสถศาลา และอาคารวิทยกิตติ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ศูนย์หนังสือจุฬาฯ (สาขาสยามสแควร์) คณะพยาบาลศาสตร์ (ชั้น 12) และคณะจิตวิทยา (ชั้น 16)
  • ส่วนที่ 4 ทิศตะวันออกของถนนอังรีดูนังต์ เป็นที่ตั้งของคณะแพทยศาสตร์และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในสังกัดสภากาชาดไทย
  • ส่วนที่ 5 เป็นพื้นที่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับคืนจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คือ พื้นที่บริเวณระหว่างห้างมาบุญครอง และสนามกีฬาแห่งชาติ ในส่วนนี้เป็นกลุ่มอาคารจุฬาพัฒน์ อันเป็นที่ตั้งของสำนักวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬาและคณะสหเวชศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งแห่งใหม่ของคณะพยาบาลศาสตร์และคณะจิตวิทยาอีกด้วย
  • ส่วนที่ 6 เป็นส่วนภูมิภาคซึ่งเป็นหน่วยจัดการเรียนการสอนและพื้นที่ในความดูแลของมหาวิทยาลัย อาทิเช่น พระตำหนักดาราภิรมย์ จังหวัดเชียงใหม่ ไร่ฝึกจารุเสถียร (ศูนย์ฝึกนิสิต คณะสัตวแพทยศาสตร์) จังหวัดนครปฐม เป็นต้น

สถาปัตยกรรมที่สำคัญในมหาวิทยาลัย

ตึกคณะอักษรศาสตร์
ตึกคณะอักษรศาสตร์
  • ตึกมหาจุฬาลงกรณ์ หรือ ตึกคณะอักษรศาสตร์ เป็นอาคารที่มีเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมไทย ก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2457 โดยเป็นตึกบัญชาการของโรงเรียนข้าราชการพลเรือน นอกจากนี้ ตึกคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อปี พ.ศ. 2530 [10]
  • เรือนภะรตราชา สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นที่พักของผู้บริหาร ได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อปี พ.ศ. 2540 [11]
  • หอประชุม จุฬาฯ สร้างขึ้นในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็น อธิการบดี โดยมีความมุ่งหวังให้เป็นที่รับรองพระบรมวงศานุวงศ์ที่เสด็จมาประกอบพระกรณียกิจที่มหาวิทยาลัย และใช้เป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย

พิพิธภัณฑ์ในมหาวิทยาลัย

ภายในพื้นที่ของจุฬาฯ นั้น นอกจากเป็นที่ตั้งของคณะต่าง ๆ แล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ตามคณะต่าง ๆ เพื่อเป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้ทั้งในเชิงวิชาการและการอนุรักษ์ โดยที่ "คณะวิทยาศาสตร์" นั้นเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยา พิพิธภัณฑสถานธรณีวิทยา พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีทางภาพ และพิพิธภัณฑสถานพืชศาสตราจารย์กสิน สุวะตะพันธุ์ ในขณะที่ "คณะแพทยศาสตร์" เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานกายวิภาคศาสตร์ พิพิธภัณฑสถานออร์โธปิดิกส์ และพิพิธภัณฑสถานกุมารศัลยศาสตร์ นอกจากนี้ คณะทันตแพทยศาสตร์เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานวาจวิทยาวัฑฒน์ "คณะเภสัชศาสตร์" เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานเครื่องยาไทยและประวัติเภสัชกรรมไทย และ " คณะสัตวแพทยศาสตร์ " เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานปรสิตวิทยาในสัตว์

นอกจากนี้ ทางมหาวิทยาลัยยังมีพิพิธภัณฑ์ซึ่งตั้งอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ อันได้แก่ พิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์ จังหวัดเชียงใหม่ และพิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุชราชฐาน ณ เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี

เบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับพื้นที่มหาวิทยาลัย

  • ต้นไม้สำคัญของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีอยู่ 6 ต้น คือ ต้นจามจุรีพระราชทาน 5 ต้น ที่สองข้างของบริเวณเสาธงหน้าหอประชุม และต้นพระศรีมหาโพธิ์ ตั้งอยู่บริเวณระหว่างอาคารมหาธีรราชานุสรณ์ และอาคารจามจุรี 5

การเดินทาง

นิสิตสามารถเดินทางมาจุฬาฯ ได้หลายเส้นทางทั้งทางรถยนต์ รถเมล์ รถไฟฟ้า (สถานีสยาม) และ รถไฟใต้ดิน (สถานีสามย่าน)

สำหรับการเดินทางในมหาวิทยาลัย มีรถโดยสารภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้บริการ 4 สาย ครอบคลุมส่วนต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยทั้งหมด ได้แก่

สายที่ 1 ศาลาพระเกี้ยว - สยามสแควร์
ศาลาพระเกี้ยว รัฐศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ สยามสแควร์ เภสัชศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ อักษรศาสตร์ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิศวกรรมศาสตร์
สายที่ 2 ศาลาพระเกี้ยว - ศศินทร
ศาลาพระเกี้ยว เศรษฐศาสตร์ อาคารจุลจักรพงษ์ คณะวิทยาศาสตร์ สำนักอธิการบดี ครุศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ (ฝ่ายประถม) สถาบันวิทยบริการ ศูนย์กีฬาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หอพักนิสิต หอพักศศนิเวศ อาคารวิทยาพัฒนา สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ วิทยาลัยปิโตรเลียมและเคมี สำนักวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา
สายที่ 3 พาณิชยศาสตร์และการบัญชี - แพทยศาสตร์ 
พาณิชยศาสตร์และการบัญชี อาคารจุลจักรพงษ์ วิทยาศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ อักษรศาสตร์ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิศวกรรมศาสตร์ ศาลาพระเกี้ยว รัฐศาสตร์ แพทยศาสตร์ เศรษฐศาสตร์
สายที่ 4 U-CENTER - ศาลาพระเกี้ยว 
ศาลาพระเกี้ยว รัฐศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ สยามสแควร์ เภสัชศาสตร์ สำนักอธิการบดี ครุศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย สถาบันวิทยบริการ สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ (ฝ่ายมัธยม) U-CENTER สามย่าน นิติศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ อักษรศาสตร์ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิศวกรรมศาสตร์

การศึกษา

หอประชุมจุฬาฯ
หอประชุมจุฬาฯ

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดทำการเรียนการสอนครอบคลุมทั้งสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์สุขภาพ สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ในปีการศึกษา 2548 นี้ ได้เปิดทำการเรียนการสอน ทั้งหมด 484 หลักสูตร โดยจำแนกเป็นระดับปริญญาตรี 115 สาขาวิชา, หลักสูตรระดับประกาศนียบัตรบัณฑิต 31 สาขาวิชา, หลักสูตรระดับปริญญาโท 215 สาขาวิชา, หลักสูตรระดับประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง 35 สาขาวิชา และหลักสูตรระดับปริญญาเอก 88 สาขาวิชา สำหรับหลักสูตรนานาชาติ/หลักสูตรภาษาอังกฤษ เปิดสอนรวมทั้งสิ้น 69 สาขาวิชา ปัจจุบันประกอบด้วย บัณฑิตวิทยาลัย สำนักวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา และ คณะต่าง ๆ รวม 18 คณะ ได้แก่

นอกจากนี้ ยังเปิดการเรียนการสอนในระดับบัณฑิตศึกษาใน วิทยาลัยการสาธารณสุข วิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี วิทยาลัยประชากรศาสตร์ และ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ รวมทั้ง มีสถาบันสมทบอีก 3 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ และสถานศึกษาเคมีปฏิบัติ

งานวิจัย

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีหน่วยงานที่มีวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งเพื่อเป็นสถาบันวิจัยในศาสตร์สาขาต่างๆ ดังต่อไปนี้

หน่วยงานที่สนับสนุนการทำวิจัยที่เกี่ยวข้องอื่นๆอีก ได้แก่ ศูนย์บริการวิชาการ (Unisearch) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้คณาจารย์และนักวิจัยของมหาวิทยาลัยนำผลการศึกษาวิจัยออกสู่สังคมและหน่วยงานนอกมหาวิทยาลัย ส่วนหน่วยงานสถาบันทรัพย์สินทางปัญญาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CUIPI) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผลงานศึกษาวิจัยได้พัฒนาและนำไปสู่การจดสิทธิบัตรประเภทต่าง ๆ

ในปี พ.ศ. 2548 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับทุนสนับสนุนโครงการวิจัย แบ่งตามสาขา 4 สาขา [12] ได้แก่

  • สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ 282 โครงการ
  • สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ 268 โครงการ
  • สาขาสังคมศาสตร์ 144 โครงการ
  • สาขามนุษยศาสตร์ 17 โครงการ

นอกจากนี้ ยังมีโครงการวิจัยสหสาขาวิชา 24 โครงการ และโครงการอื่น ๆ ในบัณฑิตวิทยาลัย และศูนย์บริการวิชาการ (Unisearch) อีก 300 โครงการ โดยในปี พ.ศ. 2548 มีผลงานตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติในฐานข้อมูล ISI จำนวน 545 เรื่อง และฐานข้อมูล Pubmed จำนวน 222 เรื่อง รวม 767 เรื่อง โดยมีงานวิจัยที่น่าสนใจ เช่น

  • แผนงานวิจัยเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ประสบวิบัติภัย "สึนามิ"
  • ผลงานวิจัยเรื่อง “ระบาดวิทยาระดับโมเลกุลของเชื้อไข้หวัดนกในประเทศไทย” (รางวัลผลงานวิจัยดีเด่น (จุฬาฯ))
  • ผลงานวิจัยเรื่อง อณูพันธุศาสตร์ของมะเร็งโพรงหลังจมูก (รางวัลผลงานวิจัย (วช.))

อันดับมหาวิทยาลัย

นอกจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดยหน่วยงานในประเทศไทยแล้ว จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก 200 อันดับแรกประจำปี 2549 (ค.ศ. 2006) โดยวารสาร ไทมส์ไฮเออร์เอดูเคชันซัปพลีเมนต์ ซึ่งจัดอันดับโดยวิธีออกแบบสำรวจถามความเห็นจากอาจารย์มหาวิทยาลัยและนายจ้าง โดยมีการจัดอันดับ 200 อันดับแรก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอยู่อันดับที่ 161 ของโลก และ 41 ของทวีปเอเชียและโอเชียเนีย โดยนับว่าอยู่อันดับ 3 ของภูมิภาคอาเซียน รองจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์และมหาลัยเทคโนโลยีนานยางของสิงคโปร์ ตามลำดับ โดยอันดับ 4 และ 5 คือ มหาวิทยาลัยเคบังซานและมหาวิทยาลัยมลายาของประเทศมาเลเซีย[13]

ดูบทความหลักที่ อันดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย

บุคคลสำคัญจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

บุคคลที่เกี่ยวข้องกับจุฬาลงกรณ์รวมถึงอาจารย์และศิษย์เก่า มีหลากหลายซึ่งรวมถึงบุคคลสำคัญในด้านการเมืองการปกครอง เช่น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ นอกจากนี้ยังมี ผู้ได้รับรางวัลแมกไซไซ 3 คน นักเขียนผู้ได้รับรางวัลซีไรต์ 3 คน นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ (2528-2548) อีก 48 คน นักวิทยาศาสตร์ดีเด่น 11 คน (2525-2549) ศิลปินแห่งชาติ 13 คน (2528-2549) รวมถึงเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ นักแสดง นักดนตรีของประเทศไทยอีกหลายคน โดยดูรายชื่อบุคคลสำคัญได้ที่

ดูบทความหลักที่ รายชื่อบุคคลจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย

หอนาฬิกาบริเวณหน้าอาคารจักรพงษ์(หอประวัติ)
หอนาฬิกาบริเวณหน้าอาคารจักรพงษ์(หอประวัติ)

การเรียนในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะใช้เวลาใกล้เคียงกับการเรียนในมหาวิทยาลัยอื่น โดยทั่วไปจะใช้เวลา 4 ปีในการเรียน แต่สำหรับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และคณะเภสัชศาสตร์ใช้เวลา 5 ปี ในขณะที่ คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ และคณะสัตวแพทยศาสตร์จะใช้เวลา 6 ปี ตลอดระยะเวลาการเรียน มีทั้งการเรียนในคณะของตนเอง และการเรียนวิชานอกคณะได้ พบปะกับบุคคลในคณะอื่น นอกจากนี้ ยังมีการร่วมกิจกรรมในมหาวิทยาลัยหลายอย่าง ไม่ว่าการเข้าชมรมของมหาวิทยาลัย การเข้าชมรมของคณะ การเล่นกีฬา หรือการพบปะกับเพื่อนหรือรุ่นพี่ที่มาจากโรงเรียนเดียวกันที่โต๊ะโรงเรียน

การเข้าร่วมกิจกรรมชมรมในจุฬาลงกรณ์ไม่มีการจำกัดชั้นปี โดยชมรมของมหาวิทยาลัยนั้นเปิดให้นิสิตในแต่ละคณะรวมกัน และเจอกับนิสิตคณะอื่นพบปะสังสรรค์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และมีชมรมที่จัดขึ้นเฉพาะคณะต่าง ๆ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ตึกจุลจักรพงษ์ โดยชมรมต่าง ๆ ได้แก่ ชมรมพุทธศาสนา ชมรมสลัม ชมรมวาทะศิลป์และมนุษยสัมพันธ์ ชมรมบริดจ์ ชมรมเชียร์ ชมรมประดิษฐ์และออกแบบ และชมรมกีฬาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชมรมยิงปืน ชมรมฟันดาบ และชมรมอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่จัดขึ้นเฉพาะช่วงเวลาดังนี้

ประเพณีมหาวิทยาลัย

  • งานลอยกระทง - งานลอยกระทงจัดขึ้นทุกทุกปีในวันลอยกระทง จัดขึ้นโดยในงานมีจัดทำกระทงของแต่ละคณะ ขบวนพาเหรด และนางนพมาศจากแต่ละคณะมาประชันกัน และในตัวงานได้มีการจัดงานรื่นเริง พร้อมเกมการละเล่นโดยรอบบริเวณสระน้ำหน้าลานพระบรมรูปสองรัชกาล
  • การประชุมเชียร์ - คือ กิจกรรมที่จัดขึ้นในระยะเวลา 3 สัปดาห์แรกของภาคการศึกษาที่ 1 เพื่อประสานความสัมพันธ์ของนิสิตปี 1 จุดประสงค์ของงานเพื่อให้นิสิตเรียนรู้เพลง ประเพณี และธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบต่อกันมายาวนานของมหาวิทยาลัย โดยมักจัดขึ้นในห้องเชียร์ เพื่อให้นิสิตได้รู้จักเพื่อน งานรับน้องจัดโดยนิสิตรุ่นพี่ในคณะ รวมถึงมีการสอนเกี่ยวกับคำขวัญทั้งห้าของจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต่อเนื่องกันมาทุกรุ่น เป็นระยะเวลานานในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

งานกิจกรรมในมหาวิทยาลัย

  • จุฬาฯ วิชาการ - งานวิชาการที่จัดขึ้นทุก ๆ 3 ปี จัดขึ้นในตัวมหาวิทยาลัยโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้บุคคลภายนอก รวมทั้งนักเรียนจากระดับประถมถึงมัธยม ได้เรียนรู้ รวมทั้งเปิดให้นักศึกษาจากต่างมหาวิทยาลัย และบุคคลอื่นอื่นได้มาเรียนรู้เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นและพัฒนาในมหาวิทยาลัย
  • รับน้องก้าวใหม่ - งานก้าวใหม่จัดขึ้นทุกปี ช่วงก่อนเปิดการศึกษาภาคเรียนที่ 1 จัดขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อแนะนำนิสิตให้รู้จักมหาวิทยาลัย รวมทั้งฝึกให้นิสิตเข้าใหม่ได้มีการปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย กิจกรรมส่วนใหญ่เน้นการละลายพฤติกรรมเข้าหากันระหว่างเพื่อน พี่ น้อง
  • กีฬาเฟรชชี่ - งานกีฬาระหว่างคณะจัดขึ้นช่วงสองเดือนแรกของการเปิดเทอม 1 ระหว่างนิสิตชั้นปี 1 ของแต่ละคณะ กีฬาแต่ละชนิดถูกจัดขึ้นกระจายไปตามแต่ละที่ในมหาวิทยาลัย รวมทั้ง สนามกีฬาในร่ม และสนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือที่เรียกกันติดปากในหมู่นิสิตว่า "สนามจุ๊บ"
  • กีฬา 6 หมอ - งานกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคณะทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะสหเวชศาสตร์ และคณะจิตวิทยา
  • ซียู อินเตอร์ เกม - งานกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ของนิสิตหลักสูตรนานาชาติของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แก่ นิสิตคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี (BBA) นิสิตคณะเศรษฐศาสตร์ (EBA) นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ (COMM'ARTS) นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ (ISE) นิสิตคณะวิทยาศาสตร์ (BSAC) และ นิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ (INDA)

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมระหว่างมหาวิทยาลัยที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ร่วม ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการแข่งขันกีฬาระหว่างมหาวิทยาลัย ได้แก่ งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ รักบี้ประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ที่จัดขึ้นทุกปีในช่วงเดือนมกราคม รวมถึงกิจกรรมที่แต่ละคณะได้จัดการแข่งขันกับคณะเดียวกันมหาวิทยาลัยอื่น เช่น อะตอมเกมส์, กีฬา 13 เข็ม, กีฬา 12 เม็ดยา (เภสัชสัมพันธ์), กีฬาสิงห์สัมพันธ์, กีฬา 9 กล้อง, กีฬาเศรษฐสัมพันธ์, ไม้เรียวเกมส์ เป็นต้น

ดูเพิ่ม กิจกรรมระหว่างมหาวิทยาลัยในประเทศไทย

การพักอาศัยของนิสิตจุฬาฯ

การพักอาศัยของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพัก มีลักษณะคล้ายกับนิสิตนักศึกษาอื่นในกรุงเทพฯ โดยคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพหรือเขตปริมณฑล หรือมีญาติพี่น้องอยู่แถบนั้น ก็จะพักอาศัยตามบ้านหรือบ้านคนรู้จัก สำหรับนิสิตที่มาจากต่างจังหวัดจะพักอาศัยในหอพักมหาวิทยาลัย ไม่ก็เช่าหอพักเอกชนร่วมกับเพื่อนนอกมหาวิทยาลัย

การพักอาศัยในหอพักมหาวิทยาลัยนั้น จำเป็นต้องมีการสมัครล่วงหน้าและมีการตรวจสอบประวัติ เนื่องจากหอพักมีจำนวนจำกัดและราคาที่ถูกกว่าหอพักภายนอก ซึ่งหอพักมหาวิทยาลัยนี้เรียกกันว่า "ซีมะโด่ง" โดยหอจะแบ่งออกเป็น หอพักหญิง 3 หอ ได้แก่ หอพุดตาน (หอสูงสีน้ำตาล 14 ชั้น) หอพุดซ้อน (หอสูงสีขาวที่สร้างเสร็จล่าสุด) หอชวนชม (อาคาร 3 ชั้นสีเขียว อยู่ใกล้ประตูทางเข้าหอพักที่สุด) และ หอพักชาย 2 หอ ได้แก่ หอจำปี (อาคารสูงสีขาว 14 ชั้น) และหอพักจำปา (อยู่ถัดจากหอจำปี สูง 5 ชั้น เดิมชื่อ หอเฟื่องฟา เป็นหอพักหญิง) นอกจากนี้ ยังมีหอพักพวงชมพูที่ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่ง คือ หอ U-center ตั้งอยู่บริเวณหลังสามย่าน สร้างเสร็จในปี 2546

วันสำคัญที่เกี่ยวกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พิธีถวายบังคมของนิสิตเนื่องในวันปิยมหาราช
พิธีถวายบังคมของนิสิตเนื่องในวันปิยมหาราช
  • วันปิยมหาราช ตรงกับวันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว "พระผู้ก่อตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ซึ่งคณะผู้บริหารและนิสิต จุฬาฯ จะเข้าร่วมถวายบังคมที่พระบรมรูปทรงม้า รวมทั้งจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณต่อพระองค์ เป็นประจำทุกปี
  • วันมหาธีรราชเจ้า ตรงกับวันที่ 26 พฤศจิกายน โดยเป็นวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว "พระผู้สถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" โดยในวันนี้ คณะผู้บริหารและนิสิตจุฬาฯ จะเข้าร่วมถวายบังคม ณ ลานหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 บริเวณสวนลุมพินี เป็นประจำทุกปี
  • วันอานันทมหิดล วันคล้ายวันเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร "พระผู้พระราชทานกำเนิดคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ซึ่งตรงกับวันที่ 9 มิถุนายน ของทุกปี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ จึงจัดงานขึ้นด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
  • วันคล้ายวันสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรงกับวันที่ 26 มีนาคม ของทุกปี ในวันนี้จะมีกิจกรรมคืนสู่เหย้าของนิสิตเก่าจุฬาฯ ณ ลานหน้าพระบรม ราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราชและสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า
  • วันทรงดนตรี เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาทรงดนตรี และทรงสังสรรค์ร่วมกับนิสิตเป็นการส่วนพระองค์ในระหว่างปี 2500-2516 โดยจุฬาฯ จัดงานวันที่ระลึกวันทรงดนตรีขึ้น ในวันที่ 20 กันยายน เป็นประจำทุกปี
  • วันภาษาไทยแห่งชาติ ถือกำเนิดจากคณะกรรมการรณรงค์เพื่อภาษาไทยแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เสนอต่อรัฐบาลให้กำหนดวันที่ 29 กรกฎาคม ของทุกปี เป็น "วันภาษาไทยแห่งชาติ" [14]

เกร็ดเกี่ยวกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

การเขียน "จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย" แบบไม่มีทัณฑฆาต
การเขียน "จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย" แบบไม่มีทัณฑฆาต
  • จีฉ่อย ชื่อร้านขายของชำที่อยู่ในเขตตลาดสามย่าน ตรงข้ามคณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี ที่ขึ้นชื่อว่ามีของขายทุกประเภท ตั้งแต่ กระดาษสี จนถึง ใบลงทะเบียนของมหาวิทยาลัย
  • ลุงฟรุตตี้ หรือ ลุงป๊ง ลุงขี่เวสป้าขายผลไม้ในจุฬาฯ
  • พิธีพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกแห่งกรุงสยาม เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2473 ณ ตึกบัญชาการ (ตึกมหาจุฬาลงกรณ์ ในปัจจุบัน)จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานปริญญาบัตรแก่เวชชบัณฑิต หรือแพทยศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[15]
  • เครื่องหมายทัณฑฆาตบทชื่อมหาวิทยาลัย ชื่อ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นั้น ปรากฏการเขียนใน 2 รูปแบบ คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ จุฬาลงกรมหาวิทยาลัย (ไม่มีทัณฑฆาต) โดยการเขียนแบบ "ไม่มีทัณฑฆาต" นั้น สามารถพบได้ในระหว่างปี พ.ศ. 2497 - พ.ศ. 2514 เช่น ในพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ฉบับที่ 4, 5 และ 6 [16]
  • พื้นที่ลานจอดรถหน้าศาลาพระเกี้ยว ทุก ๆ วันศุกร์ (หรือตามแต่กรรมการสโมสรอาจารย์เป็นผู้กำหนด) จะจัดเป็นตลาดนัดตั้งแต่เช้าจรดเย็น เรียกกันว่า ตลาดพิกุล เนื่องจากพื้นที่นั้นมีต้นพิกุล กิจกรรมดังกล่าวดำเนินการโดยสโมสรอาจารย์

อ้างอิง

  1. พระบรมราชโองการประกาศตั้งโรงเรียนมหาดเล็ก
  2. พระบรมราชโองการประกาศตั้งโรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
  3. พระบรมราชโองการประดิษฐานโรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  4. ประวัติพระเกี้ยว
  5. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : เพลงมหาจุฬาลงกรณ์
  6. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : เสื้อครุยพระราชทาน
  7. รายละเอียดต้นจามจุรี
  8. รายละเอียดสีชมพูจุฬา
  9. รายนามผู้บัญชาการ และอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  10. รางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น : ตึกอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  11. รางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น : เรือนภะรตราชา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  12. งานวิจัยของปีงบประมาณปี 2548
  13. THES - QS World University Rankings 2006 - Top 200 Universities
  14. การจัดตั้งวันภาษาไทยแห่งชาติิ
  15. พิธีพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกแห่งกรุงสยาม
  16. พระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๒๒

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

วิกิคำคม มีคำคมที่กล่าวโดยหรือเกี่ยวกับ
Commons
คอมมอนส์ มีรูปภาพและสื่อในรูปแบบอื่นๆ เกี่ยวกับ:
วิกิแมเปีย
กูเกิล
วิกิแมเปีย มีภาพถ่ายทางอากาศของ:


หน่วยงานในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  หน่วยงาน
คณะ

ครุศาสตร์ · จิตวิทยา · ทันตแพทยศาสตร์ · นิติศาสตร์ · นิเทศศาสตร์ · พยาบาลศาสตร์ · พาณิชยศาสตร์และการบัญชี · แพทยศาสตร์ · เภสัชศาสตร์ · รัฐศาสตร์ · วิทยาศาสตร์ · วิศวกรรมศาสตร์ · สถาปัตยกรรมศาสตร์ · สหเวชศาสตร์ · สัตวแพทยศาสตร์ · ศิลปกรรมศาสตร์ · เศรษฐศาสตร์ · อักษรศาสตร์ · วิทยาศาสตร์การกีฬา · บัณฑิตวิทยาลัย

วิทยาลัย

วิทยาลัยการสาธารณสุข · วิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี · วิทยาลัยประชากรศาสตร์ · สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์

สถาบันสมทบ

วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย · วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ · สถานศึกษาเคมีปฏิบัติ

ดูเพิ่ม

โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย