การออกเสียงภาษาอังกฤษสำหรับผู้ใช้ภาษาไทย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บทความนี้ได้รับแจ้งว่า การใช้ภาษา การแปลภาษา การทับศัพท์ หรือการสะกดคำ สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ ซึ่งอาจรวมถึงรูปแบบการเขียนที่อาจไม่ใช่สารานุกรม
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นแก้ไขภาษาให้สละสลวย และแก้ตัวสะกดให้ถูกต้อง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คู่มือ และ นโยบายวิกิพีเดีย
บทความนี้มีลิงก์แทรกในบทความที่ข้ามไปภาษาอื่นโดยเป็นลิงก์สีฟ้าอ่อน
โดยผู้เขียนใส่ไว้เพื่อสะดวกในการเขียน และควรแก้ลิงก์ภาษาอื่นเป็นข้อความธรรมดา เมื่อมีลิงก์ภาษาไทยที่ถูกต้อง หรือเห็นควร เพื่อไม่ให้ผู้อ่านสับสน

บทความ การออกเสียงภาษาอังกฤษสำหรับผู้ใช้ภาษาไทย เป็นบทความที่กล่าวถึง การออกเสียงตามหลักโดยอ้างอิงตามเสียง ภาษาอังกฤษอเมริกัน (American English) เป็นส่วนใหญ่ บทความนี้ไม่ได้ใช้หลักการเขียนอ้างอิงตาม ราชบัณฑิตยสถาน เนื่องจากต้องการเน้นถึงการออกเสียงมากกว่า การเขียนคำทับศัพท์ สำหรับการออกเสียงอย่างละเอียด และสมบูรณ์ให้ดูที่ สัทอักษรสากล (IPA)

บทความนี้เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งที่ช่วยแนะนำสำหรับการเริ่มต้นการออกเสียงภาษาอังกฤษอย่างง่าย เสียงคำศัพท์ต่างต่างสามารถฟังได้ที่เว็บไซต์พจนานุกรมทั่วไป เช่น พจนานุกรมภาษาอังกฤษของ ไมโครซอฟท์ หรือ พจนานุกรมภาษาอังกฤษของ Webster

สารบัญ

[แก้] เสียงตัวอักษร

[แก้] เสียงแทรก Y (Invisible Y)

เสียงแทรก Y เป็นเสียงหลักที่ ภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน แตกต่างจาก ภาษาอังกฤษสำเนียงอังกฤษ สำหรับตัวอักษร D, N, S, T, X

คำที่ออกเสียง อู หลายคำจะมีเสียง Y แทรกในขณะที่ออกเสียง เช่น

  • university -- อ่านว่า /ยูนิเวอร์ซิตี้/ ไม่อ่านว่า อูนิเวอร์ซิตี้
  • value -- อ่านว่า Valyue อ่านว่า /แวล ยู/ หรือควบเป็น /แวลิว/ ฟัง เสียงคำว่า Value
  • vacuum -- vacyuum /แวค คยูม/
  • hue -- hyue /ฮิว/
  • cute -- cyute /คิวท์/

แต่จะมีตัวยกเว้น ตัว J

  • jewelry -- จูว์ล์รี่
  • jew -- (คนชาวยิว) อ่านว่า ยู /joo/ ไม่ใช่ /jyoo/ ยิว

แล้วตัวยกเว้นอีก คือถ้าเป็นอังกฤษอังกฤษ จะมี เสียง Y แต่ถ้า อเมริกันอังกฤษ จะไม่แทรกเสียง D, N, S, T, X

[แก้] เสียงแทรก E (hidden E)

ในภาษาอังกฤษ คำที่ประกอบด้วยตัวอักษร 2 ตัวซึ่งตัวที่สองเป็นตัวอักษร E จะมีการแทรกตัวอักษร E เข้าไปข้างหลังอีก

  • be - อ่านว่า บี เหมือน /bee/
  • me - อ่านว่า มี เหมือน /mee/

คำที่มาจากภาษาญี่ปุ่น ที่ออกเสียง เอะ จะมีการอ่านออกเสียงผิด ในอเมริกา เช่นคำว่า

  • karaoke - คนอเมริกันจะอ่านเป็น คาราโอคี เหมือน karaokee ซึ่งต้องอ่านเป็น คาราโอเกะ
  • sake - คนอเมริกันจะอ่านเป็น ซาคี เหมือน sakee ซึ่งต้องอ่านเป็น สาเก
  • pokemon - คนอเมริกันจะอ่านเป็น โปกีมอน เหมือน pokeemon ซึ่งต้องอ่านเป็น โปเกมอน

[แก้] เสียงพยัญชนะในภาษาอังกฤษ

เสียงพยัญชนะที่ยากต่อการออกเสียงของคนไทยคือ CH, G, L, R, S, SH, TH, V, W, X, และ Z

เสียงพยัญชนะส่วนใหญ่จะเป็นไปตามที่มีการเรียนการสอน โดยเสียงบางคำจะมีการดัดแปลงให้ง่ายต่อการออกเสียง หรืออาจจะมีการอ่านตาม ภาษาอังกฤษสำเนียงอังกฤษ เสียงพยัญชนะทั้งหมดเรียงตามลำดับตัวอักษรภาษาอังกฤษดังนี้

  • B -- บ.ใบไม้ เช่น boy บอย
  • C -- เป็นได้ทั้ง ซ.โซ่ และ ค. ควาย โดยส่วนมากจะใช้
    • --CA, CO, CU -- ค.ควาย เช่น car คาร์, come คัม, cute คิ้วท์
    • --CE, CI, CY -- ซ.โซ่ เช่น cell เซลล์, city ซิตี้, cylinder ไซลินเดอร์
    • อย่างไรก็ตาม มีหลายคำที่ไม่ได้เป็นไปตามข้อกำหนด
  • D -- ด.เด็ก เช่น dog
  • F -- ฟ.ฟัน เช่น fun
  • G -- จะไม่มีเสียงในภาษาไทย แต่จะเป็นเสียงควบของ ก ไก่ กับ ง งู หรือ เสียงควบของ จ จาน กับ ย ยักษ์
    • -- GA, GE, GO, GU - ออกเสียง ก-ง เช่น gas แก๊ส, get เก็ท, golf กอล์ฟ, gun กัน
    • -- GI - ออกเสียง จ-ย เช่น gigabyte จิกะไบต์ กับ gigantic ไจแกนติค
  • H -- อ่านว่า เอช (ในอังกฤษอเมริกัน) ออกเสียง เหมือน ห หีบ และ ฮ นกฮูก เช่น hello เฮลโล
  • J -- จ.จาน เช่น jet เจ็ท
  • K - ค.ควาย เช่น kilogram คิโลแกรม
  • L - คล้ายกับ ล.ลิง สำหรับเสียงต้น และคล้ายกับเสียง ว แหวน สำหรับเสียงสะกด
    • เสียงต้น เช่น lance แลนซ์, look ลุก
    • เสียงสะกด เช่น mill มิว, oil โออิว
      • โดยเสียงของ ตัวอักษร L ออกเสียงโดยการ ลากลิ้นไปแตะ โคนฟัน เหมือนคำว่า mill อ่านว่า มิว แล้วลากลิ้นไปแตะที่โคนฟันซี่กลางด้านบน
  • M -- ม.ม้า เช่น money มั้นนี่
  • N -- น.หนู เช่น no โน
  • P -- พ.พาน เช่น pest เพสท์
  • Q -- ค.ควาย
    • QU -- ค.ควาย ควบ ว แหวน เช่น queen ควีน
  • R -- คล้ายกับ ร เรือ สำหรับเสียงต้น และคล้ายกับคำว่า เออร์ สำหรับเสียงท้าย
    • เสียงต้น เช่น row โรว์
    • เสียงกลางประโยค เช่น born บอร์น
    • เสียงท้าย เช่น fire ไฟเออร์ เสียง R
      • โดยเสียงของ ตัวอักษร R ออกเสียงโดยการ ลากลิ้นไปแตะที่เพดานปากด้านบนส่วนหลัง เหมือนคำว่า fire อ่านว่า ไฟ แล้วลากลิ้นไปแตะที่เพดานปาก เสียง เออร์ จะออกมาคล้ายกับเสียง ไฟเออร์
  • S -- เสียงต้น ออกเสียง ส.เสือ ถ้าเป็นเสียงลงท้าย ออกเหมือนเสียง ซือออออ ให้เสียงเหมือนลมผ่านช่องกระจก โดยพูดให้เพียงแค่ลมออกจากปาก และลำคอไม่สั่น เป็นเสียงแบบ voiceless)
    • เสียงต้น S -- sock ซ๊อกก์
    • เสียงท้าย S -- box บ็อกซือ
  • T -- ท.ทหาร เช่น tank แทงก์
  • V -- เสียงเหมือน ว แหวน โดยเป็นเสียงที่ใกล้เคียง กับ V F และ B พูดโดยการกัดริมฝีปาก ก่อนออกเสียง ว แหวน เช่น vail เวลล์
  • W (ดับเบิ้ล ยู แต่พูดเร็วเร็ว ก็กลายเป็น ดับ-บ-ลิว) -- เสียงเหมือน ว แหวน แต่มีเสียงก้องในปาก พูดโดยการ ทำปากจู๋ก่อนแล้วตามด้วยออกเสียง ว แหวน เช่น wow วาว
  • X -- เสียงต้น เป็นเสียง ส เสือ และ ซ โซ่ เสียงท้าย เหมือน ค ควาย รวมกับ เสียง เอส
    • เสียงต้น -- xylem ไซเร็ม
    • เสียงท้าย -- box บ็อกซือ
  • Y -- ย ยักษ์ เช่น young ยัง, you ยู
  • Z -- (อ่านว่า ซี ในอังกฤษอเมริกัน หรือที่อ่านกันว่า แซด ในอังกฤษสำเนียงอื่น) เสียงเหมือน ส เสือ และ ซ โซ่ เช่น zebra ซี-บร่า
    • เสียงอักษร Z ต่างกับ ตัวอักษร C โดยเวลาพูดจะมีการสั่นของเสียง (voice sound) โดยเมื่อเอามือจับที่ใต้ฟันล่าง แล้วพูดเสียงจะมีการสั่นของลำคอ เหมือนกับการออกเสียง บ ใบไม้ กับ พ พาน หรือ เสียง ด เด็ก กับ ท ทหาร (z, บ ใบไม้, พ พาน เป็น เสียงสั่น)
  • ตัวอักษรCH ออกเสียงได้ 3 แบบ ได้แก่ /CH/ /SH/ สำหรับคำที่มาจากภาษาฝรั่งเศส เช่น champaign, Chicago /K/ สำหรับคำที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ การศึกษา ดนตรี ประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นคำที่มาจากภาษากรีก เช่น chaos, stomach, architecture
  • CH -- เสียง ช ช้าง เหมือนเสียง ท ทหาร ตามด้วยเสียง ช ช้าง พูดโดยการ เอาลิ้นแตะโคนฟัน แล้วพูด เฉอะ
  • SH -- เสียง ช ช้างปกติ
    • คำที่เสียงแตกต่างกัน ในขณะที่เสียงไทยใกล้เคียงกัน เช่น ship chip, sheep cheap, shop chop ทดสอบที่โปรแกรมทดสอบ1
  • CH -- เสียง ค.ควาย ก็ได้ ถ้าคำที่ใช้ มาจาก กรีก เป็นในทางความหมาย ทาง ประวัติศาสตร์ ดนตรี การแพทย์ การศึกษา ประมาณนี้ เช่น
    • chaos เคออส ความวุ่นวาย stomachache สโตมัคเอค chorus คอรัส
  • TH -- เสียงนี้ ไม่มีของไทย แต่ใกล้เคียงกับ /ด/ /ต/ /ส/ (เชื่อมั้ยละ ว่ามันใกล้กับ ส) เวลาออกเสียง เริ่มแรก กัดลิ้นเบาเบา แล้วพูด เช่น * THAT หรือว่า BATH พูดแล้วตอนจบกัดลิ้น THANK YOU กัดลิ้นแล้วพูดดู ไม่ใช่ แต้งกิ้ว แต่มันจะเป็นเสียง ผสม /ต//ซ/

[แก้] เสียงสระในภาษาอังกฤษ

สระในภาษาอังกฤษ ประกอบไปด้วย ตัวอักษร A E I O U แต่ในการใช้สระ จะมีการใช้ผสมกันดังต่อไปนี้

  • ee -- เสียงอี เช่น ฟีด feed
  • i -- เสียงอิ เช่น ฟิน fin
  • i -- เสียงไอ เช่น ไบ bi (ถ้าไม่มีตัวอะไรต่อท้าย ส่วนมากจะเป็น) ไอ แต่บางทีก็ไม่ใช่
  • a_e -- เสียง เอ เช่น เฟด fade
  • e -- เสียง เอะ เช่น เฟ็ด fed
  • a -- เสียง a มันจะเป็นเสียงกึ่งระหว่าง แอะ กับ อะ วิธีออกเสียง ให้อ้าปากกว้างสุด แล้วพูด เป็นเสียงระหว่างเสียง แฟด กับ ฟัด fad
  • u -- เสียง เออะ เช่น เคอะ-พ cup
  • o -- คล้ายเสียง เออะ แต่อ้าปากกว้าง cop
  • oo -- boot เสียงสระอู
  • ull -- bull เสียงที่อยู่ระหว่าง สระ อุ กับสระอู
  • o_e -- bone เสียง โอ
  • i_e -- fine เสียง ไอ
  • oi -- coin เสียง ออย
  • ou -- round เสียง อาว

นอกจากนี้ สระที่อ่านออกเสียงแปลกจากสระทั่วไป เนื่องจากมาจาก ภาษาอังกฤษเดิม หรือ ภาษาอื่น เช่นฝรั่งเศส หรือเยอรมัน เช่น

  • come -- อ่านเหมือน cum เป็นภาษาอังกฤษเดิม ที่ มาจากคำว่า cume
  • dove -- อ่านว่า /ดัฟ/ มาจาก duv สำหรับ คำที่เป็นอดีตของ dive (dove) อ่านว่า โดฟ
  • entree -- /อองเทร/ อาหารมื้อหลัก มาจากภาษาฝรั่งเศส
  • hors d'œuvre -- ออร์เดิร์ฟ

คำที่มาจากภาษาอื่น ในปัจจุบันคนอเมริกันทั่วไปยังมีการใช้ผิดกันเกิดขึ้น

[แก้] การเน้นเสียง (stressing)

การเน้นเสียงในภาษาอังกฤษทำได้โดยการทำให้เสียงดังขึ้น หรือทำให้เสียงสูงขึ้น

[แก้] การเน้นเสียงของคำ

คำศัพท์แต่ละคำ จะมีการเน้นเสียงในแต่ละที่ ขึ้นอยู่กับคำ สามารถตรวจสอบได้โดยการเปิดดิกชันนารี ตัวอย่างเช่น

(ตัวใหญ่คือเสียงที่เน้น)

  • Option --/OP-tion/ เสียงเหมือน อ้อป-ชัน
  • canal -- /ca-NAL/ เสียงเหมือน คะ-แนล (ลากเสียง แนล)
  • deposit -- /de-PO-sit/ เสียงเหมือน ดิ-พ้อ-สิท
  • spaghetti --/spa-GHET-ti/ สเปอะ-เก๊ต-ทิ อันนี้แปลกหน่อย เน้นตัวที่สาม

[แก้] การเน้นเสียงในประโยค

ในประโยคจะมีการเน้นเสียงหลายจุด ยกเว้นคำที่เป็น pronoun และ preposition และคำท้ายสุดของประโยคจะมีการเน้นเสียงหนักสุด ที่เรียกว่า เสียงเน้นหลัก(Primary Stress) เช่น

  • If you don't want to add a poll to your topic.
    • If you don't want to add a poll to your topic.
  • I don't think that control is in OPEC's hands.
    • อ่านเป็น I don't think that control is in OPEC's hands.

[แก้] เสียงเชื่อม (Linking)

เสียงเชื่อมเป็น เสียงต่อเนื่อง ระหว่างคำที่อ่านต่อเนื่องกัน โดยเสียงสะกดของคำแรก จะออกเสียงต่อเนื่องมาเป็นเสียงพยัญชนะต้นของคำที่สอง ตัวอย่างเช่น

  • It's a book - จะออกเสียงเหมือน /its-sa-book/ อ่าน อิทซ์-ซะ-บุ้ค ไม่ใช่ อิทซ์-อะ-บุค
  • Can you add a poll? - จะออกเสียงเหมือน /can-you-add-da-poll/ อ่าน แคน-ยู-แอด-ดะ-โพล โดยคำว่า อะ จะออกเสียงเป็น ดะ เนื่องจากเสื่องเชื่อมจากคำสะกดของคำหน้า
  • Weekend - จะออกเสียงเหมือน /week-kend /อ่าน วีคเค็นด์ โดยคำว่า เอ็นด์ จะออกเสียงเป็น เค็นด์ เนื่องจากเสื่องเชื่อมจากคำสะกดของคำหน้า
  • L.A. - จะออกเสียงเป็น /L-la /อ่าน แอว เล ไม่ใช่ แอว เอ
  • Vineyard (ไร่องุ่นทำไวน์) - จะออกเสียงเป็น /Vin-neard/อ่าน ฝวินเนียร์ด ไม่ใช่ วายยาด
  • bald eagle (นกอินทรีย์หัวขาว) - จะได้ยินเป็น /bal-dea-gle/ บอว์ ทีเกิ้ล หรือ บอว์ ดีเกิ้ล

[แก้] เสียงสูงต่ำ ท้ายประโยค

เสียงสูงต่ำท้ายประโยคขึ้นอยู่กับความหมายของประโยค โดย

  • ประโยคธรรมดา ลงเสียงต่ำ
    • I like coffee ลงเสียงต่ำที่คำว่า coffee อ่าน คอป-ฟี
  • ประโยคคำถาม ที่ถามว่า ใช่หรือไม่ ขึ้นเสียงสูง (รวมถึงประโยคที่เป็น tag question)
    • Do you like coffee? ขึ้นเสียงสูงตรงคำว่า cofee อ่าน คอป-ฟี้
  • ประโยคคำถาม ที่ถามหาคำตอบ ลงเสียงต่ำ
    • What do you like ? ลงเสียงต่ำตรงคำว่า like อ่าน ไหลค์

สำหรับประโยคเดียวกัน ที่ออกเสียงต่างกัน จะทำให้ความหมายต่างกัน เช่น

  • Do you like tea or coffee?
    • ถ้าพูด คำว่า coffee ลงเสียงต่ำ ประโยคนี้จะมีความหมายว่า "อยากได้ ชาหรือกาแฟ (โดยให้เลือกเอา)"
    • ถ้าพูด คำว่า coffee ขึ้นเสียงสูง ประโยคนี้จะมีความหมายว่า "อยากได้ ชาหรือกาแฟไหม (โดยถามว่า เอาหรือไม่เอา)"

[แก้] เสียงท้าย -s, -es, -ed

  • -s ก็ตามด้วย เสียง s ปกติ คือ ลากเสียง s ออกไปตอนจบประโยค
  • -es เจ้าของภาษาจะออกเสียง /อิส/ แต่ตามความคุ้นเคยของคนไทยมักออกเสียงชัดเจนว่า /เอส/ อย่างเช่น
    • boxes -- บ้อกซิส (เจ้าของภาษา) บ๊อกเซส (สำเนียงสะดวกลิ้นไทย)
    • glasses -- แกล็สซิส (เจ้าของภาษา) กลาสเสส (สำเนียงสะดวกลิ้นไทย)
  • -ed อันนี้มีสองแบบ ถ้าตามด้วย ตัว T หรือ D จะเสียง /เอ๊ด/ หรือ /อึ๊ด/ แต่ถ้าไม่ใช่ให้ ออกเสียง /เดอะ/
    • reloaded -- รีโหลดดิด (เจ้าของภาษา) ลีโล้ดเด๊ด (สำเนียงสะดวกลิ้นไทย)
    • wanted -- ว้อนถิด (เจ้าของภาษา) ว้อนเต๊ด (สำเนียงสะดวกลิ้นไทย)
    • notified -- ก็ไม่มีเสียง ed แต่จะมีเสียง d ในลำคอ

[แก้] เสียงพยัญชนะท้าย

  • หลายๆคำที่มีพยัญชนะท้ายจะมีเสียงเบาๆที่ไม่ควรละ
    • เสียง -nd เช่น finding ออกเสียง ฟาย(อืน)ดิ่ง หรือ บางครั้งอาจได้ยิน ฟายนิ่ง
    • เสียง -ne เช่น line ออกเสียง ละอิน (รวบเป็นหนึ่งพยางค์) ต่างจาก lie ออกเสียง ลาย
    • เสียง -le เช่น mobile ออกเสียง โม-บะอิล (สองพยางค์) หรือ บางครั้งอาจได้ยิน โม-บึล
    • เสียง -le เช่น file ออกเสียง ฟะอิล (รวบเป็นหนึ่งพยางค์) หรือ บางครั้งอาจได้ยิน ฟาว ต่างจาก fine ออกเสียง ฟาย(อืน) หรือ fire ออกเสียง ฟายเออ

[แก้] คำผสม (compound noun)

คำผสม จากคำนามสองคำ การออกเสียง ให้ขึ้นเสียงสูงตรงกลาง แล้วลงต่ำตอนท้าย. เช่น:

  • คำว่า greenhouse / green house
    • คำผสม greenhouse (บ้านที่เป็นเรือนกระจก) ขึ้นเสียงตรง green และลงต่ำตรง house เสียง
    • คำปกติเรียงกัน green house (บ้านสีเขียว) ออกเสียงตามปกติ. ไม่ต้องขึ้นลงเสียง.
  • คำว่า English teacher
    • คำผสม หมายถึง ครูสอนภาษาอังกฤษ ขึ้นเสียงตรง English ลงตรง teacher
    • คำปกติเรียงกัน หมายถึง ครูชาวอังกฤษ ออกเสียงตามปกติ

[แก้] อ้างอิง

  • Basic Pronunciation for beginners, Jill Knutson
  • Speech Craft, Workbook for academic discourse, Laura D. Hann, Wayne B. Dickerson

[แก้] ดูเพิ่ม

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้] เครื่องมือช่วยศึกษา