วัดราษฎร์บูรณะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บทความนี้ต้องการเก็บกวาด ตรวจสอบ ปรับปรุง แก้ไขรูปแบบ เพิ่มแหล่งอ้างอิง ใส่หมวดหมู่ หรือภาษาที่ใช้
ส่วนใดส่วนหนึ่งหรือในหลายส่วนด้วยกัน
คุณสามารถช่วยตรวจสอบ และแก้ไขบทความนี้ได้ด้วยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน
กรุณาเปลี่ยนไปใช้ป้ายข้อความอื่น เพื่อระบุสิ่งที่ต้องการตรวจสอบ หรือแก้ไข
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ วิธีแก้ไขหน้าพื้นฐาน คู่มือการเขียน และ นโยบายวิกิพีเดีย ซึ่งสามารถดูตัวอย่างบทความได้ที่ บทความคุณภาพ และเมื่อแก้ไขตามนโยบายแล้ว สามารถนำป้ายนี้ออกได้
วัดราษฎร์บูรณะ อำเภอโคกโพธิ์  จังหวัดปัตตานี
วัดราษฎร์บูรณะ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี

วัดราษฎร์บูรณะ เดิมชื่อ วัดช้างให้ ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๒ ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานีสังกัดคณะสงฆ์ มหานิกาย

วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๐ วัดราษฎร์บูรณะได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ตามพระราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๗๔ ตอน ๑๕ หน้า ๔๕๑ - ๒๕๒ เขตวิสุงคามสีมา ยาว ๘๐ เมตร กว้าง ๔๐ เมตร เนื้อที่จำนวน ๑๒ ไร่

วันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ ทำพิธีผูกพัทธสีมา ตรงกับวันขึ้น ๑๓ ค่ำ

สารบัญ

[แก้] ตำนาน

พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี สร้างเมืองใหม่ได้อธิฐานปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พลเดินติดตามไป เมื่อช้างหยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วร้องขึ้นสามครั้ง จึงสร้างเมืองใหม่ ณ ที่ตรงนั้น


สมัยโบราณกาล คนมลายู (มาเลเซีย)นับถือศาสนาพุทธ พระยาแก้มดำจึงได้สร้างวัดช้างให้

พ.ศ. ๑๓๐๐ กษัตริย์ครองกรุงศรีวิชัยแห่งปาเล็มบังมีอานุภาพแผ่อาณาเขตเข้ามาถึงแหลมมลายูและได้ก่อสรางปูชนีย์ทางพระพุทธศาสนาไว้หลายแห่ง ศิลาจารึกแผ่นหนึ่งที่นครศรีธรรมราชจารึกว่า


พ.ศ. ๑๓๑๘ เจ้าเมืองศรีวิชัยได้มาก่อพระเจดีย์องค์หนึ่งที่นครศรีธรรมราชและพระพุทธไสยาสน์ในถ้ำแห่งภูเขา (วัดหน้าถ้ำ)ปัจจุบันชื่อ วัดคูหาภิมุข ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา ได้สร้างในสมัยศรีวิชัย ระหว่าง พ.ศ. ๑๓๑๘ - ๑๔๐๐

ต่อมาได้ปฏิสังขรณ์เพิ่มเติม ซึ่งคงปรากฏอยู่กระทั่งบัดนี้ องค์พระยาวถึง ๘๑ ฟุต ๑ นิ้ว ขนาดใหญ่วัดโดยรอบองค์พระ ๓๕ ฟุต

ตำนานเมืองปัตตานี (หนังสือตำนานเมืองปัตตานีนั้น พระศรีบุรีรัฐพิพิธ (สิทธิ์ ณ สงขลา))

พ.ศ. ๑๓๐๐ กษัตริย์ครองกรุงศรีวิชัยแห่งปาเล็มบัง สร้างเมือง ณ วัดราษฎร์บูรณะ

วัดราษฎร์บูรณะได้เป็นวัดร้าง

พ.ศ. ๒๔๗๘ ขุนธำรงพันธุ์ภักดี ขุนพิทักษ์รายา ขายช้างเชื่อกหนึ่ง นำเงินไปบูรณะวัดช้างให้

วัดราษฎร์บูรณะได้เป็นวัดร้าง

พ.ศ. ๒๔๘๐ สถานที่แห่งนี้เป็นเพียงป่ารก มีต้นไม้ใหญ่ พระครูมนูญสมณการ วัดพลานุภาพ ได้ชักชวนชาวบ้านช้างให้และใกล้เคียงไปทำการแผ้วถางวัดร้างแห่งนี้ โดยจัดบูรณะให้เป็นวัดมีพระสงฆ์เข้าอยู่จำพรรษา

พ.ศ. ๒๔๘๔ เจ้าอาวาสได้ลาสิกขา วัดราษฎร์บูรณะไม่มีเจ้าอาวาส

วัดราษฎร์บูรณะได้เป็นวัดร้าง

พ.ศ. ๒๔๘๘ เกิดสงครามทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นเมืองไทยผ่านไปประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ รถไฟสายใต้วิ่งจากหาดใหญ่ไปสถานีสุไหงโก-ลก ชายแดน ขนทหารและสัมภาระผ่านหน้าวัดช้างให้ วัดช้างให้ก็อยู่ในสภาพเดิมยังมิได้บูรณะ วัดช้างให้ซึ่งตั้งติดอยู่กับทางรถไฟเป็นทางผ่านไปยังจังหวัดยะลา นราธิวาส และชายแดนมาเลเซีย เจ้าอาวาสวัดช้างให้ต้องรับภาระหนักต้องจัดหาที่พักหาอาหารมาเลี้ยงดูผู้คนที่มาขอพักอาศัยพักแรมในระหว่างเดินทาง วัดได้มีถาวรวัตถุ ดังนี้ ศาลาการเปรียญ อุโบสถ หอฉัน หอระฆัง กุฏิ สถูปบรรจุอัฐิหลวงพ่อทวด กำแพงวัด อาคารเรียน โรงเรียนสมเด็จหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

พ.ศ. 2497 สร้างกำแพงอุโบสถ แทนอุโบสถหลังเดิมที่ปรักหักพังจนเหลือแต่ฐานราก และได้ทำพิธีปลุกเสกพระเครื่องหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ ณ เนินดินบริเวณอุโบสถเก่า ได้ปัจจัยสมทบสร้างอุโบสถ

พ.ศ. 2499 พิธียกช่อฟ้าอุโบสถ

พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา

พ.ศ. ๒๕๐๑ ทำพิธีผูกพัทธสีมา


[แก้] สถานที่

พระธาตุเจดีย์วัดช้างให้ รูปแบบ เป็นเจดีย์ ๕ ยอด โดยมีองค์ใหญ่อยู่ตรงกลาง ด้านล่างเป็นห้องโถง มีระเบียงเป็นวิหารคตรอบองค์พระเจดีย์ ฉัตรทองคำหนัก ๑๐๐ บาท เป็นฉัตร ๗ ชั้น ประดับทับทิมประดิษฐานอยู่บนยอดเจดีย์

ภายในองค์พระธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ความสูง ๕๙.๐๙ เมตร

วางศิลาฤกษ์ วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๙

พิธียกฉัตรทองคำยอดเจดีย์ วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๒๐

วันจันทร์ที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุในองค์พระเจดีย์

วันพุธที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๑ พิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ทำพิธีวางศิลาฤกษ์อุโบสถวัดช้างให้

วันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ ทำพิธียกช่อฟ้า

วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา (ยาว ๘๐ เมตร กว้าง ๔๐ เมตร )

วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ ทำพิธีผูกพัทธสีมา

พ.ศ. ๒๕๐๗ สร้างศาลาการเปรียญ เสร็จ

พระประธาน ปางปฐมเทศนา

พระพุทธไสยาสน์ พวงชุมพู

วิหารสมเด็จหลวงพ่อทวด

สถูปหลวงพ่อทวด เดิมเป็นเสาแก่นไม้ปักหมายเอาไว้ เรียกกันในภาษาท้องถิ่นว่า เขื่อน

พ.ศ. ๒๔๘๔ พระครูวิสัยโสภณ ได้ทำการบูรณะด้วยการก่ออิฐถือปูนห่อหุ้มเสาไม้ไว้

พ.ศ. ๒๕๐๓ สร้างกุฏิอดีตเจ้าอาวาสพระอาจารย์ทิม(กุฏิสามัคคี) ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนหุ่นขึ้ผึ้ง พระครูวิสัยโสภณ(ทิม ธมฺมธโร)

[แก้] ความสำคัญ

มวลสารวัตถุจากโบราณสถาน และโบราณวัตถุในที่นี้ รัชกาลที่ ๙ ได้นำมาเป็นส่วนประกอบในการทำพระสมเด็จจิตรลดา

[แก้] อ้างอิง