ประเทศเวียดนาม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Cộng Hòa Xã Hội Chủ Nghĩa Việt Nam
ก่ง หั่ว สา โห่ย ฉู่ เหงีย เหวียต นาม

สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ธงชาติเวียดนาม ตราประจำชาติเวียดนาม
ธงชาติ ตราประจำชาติ
คำขวัญ: Độc lập – Tự do – Hạnh phúc
("เอกราช อิสรภาพ ความสุข")
เพลงชาติ: Tiến Quân Ca
แผนที่แสดงที่ตั้งของประเทศเวียดนาม
เมืองหลวง ฮานอย
21°2′N 105°51′E
เมืองใหญ่สุด โฮจิมินห์ซิตี
ภาษาราชการ ภาษาเวียดนาม
รัฐบาล รัฐคอมมิวนิสต์
 - เลขาธิการพรรค นง ดึ๊ก หม่านห์
 - ประธานาธิบดี เหงียน มินห์ เตรียต
 - นายกรัฐมนตรี เหงียน ถัน ซุง
เอกราช
ประกาศ
เป็นที่ยอมรับ
จาก ฝรั่งเศส
2 กันยายน พ.ศ. 2488
พ.ศ. 2497
เนื้อที่
 - ทั้งหมด
 
 - พื้นน้ำ (%)
 
331,689 กม.² (อันดับที่ 65)
128,065 ไมล์² 
1.3
ประชากร
 - ก.ค. 2548 ประมาณ
 - 2542

 - ความหนาแน่น
 
84,238,000 (อันดับที่ 12)
76,323,173

253/กม² (อันดับที่ 46)
655/ไมล์² 
GDP (PPP)
 - รวม
 - ต่อประชากร
2548 ค่าประมาณ
251.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 36)
3,000 ดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 123)
HDI (2546) 0.704 (อันดับที่ 108) – กลาง
สกุลเงิน ด่อง (₫) (VND)
เขตเวลา
 - ฤดูร้อน (DST)
(UTC+7)
(UTC+7)
รหัสอินเทอร์เน็ต .vn
รหัสโทรศัพท์ +84

เวียดนาม (Vietnam) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (Socialist Republic of Vietnam) เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพรมแดนติดกับประเทศจีน ประเทศลาว ประเทศกัมพูชา และอ่าวตังเกี๋ย


สารบัญ

[แก้] ประวัติศาสตร์

[แก้] สมัยก่อนประวัติศาสตร์

เมื่อราว 4 พันปีมาเเล้ว ชาวเวียดนามตั้งถิ่นฐานทางตอนใต้ของจีน มีผู้ปกครองติดต่อกัน 3 คน คือ ตวายเยิน ฟุกฮี เชนนอง ทางเหนือของเผ่าเวียด มีเผ่าฮั่นขนาดใหญ่มีความสามัคคี เป็นหนึ่งเดียวกัน ตรงข้ามกับเผ่าเวียดที่เเตกเเยกออกเป็นร้อยๆ เผ่า เมื่อเผ่าฮั่นมีอำนาจที่เข้มเเข็ง ชาวฮั่น เข้ามารุกราน ทำให้ชาวเวียดหนีร่นมาทางใต้

หลังจากนายพลเจียวดา ได้ก่อตั้งอาณาจักรนามเวียด เมื่องราว2200ปีก่อนพุทธกาล บนดินเเดนราบลุ่มเเม่น้ำเเดง เเละสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ โดยมีเมืองหลวงใกล้กวางสูของจีน เจริญรุ่งเรีองมาถึงราวๆ พ.ศ. 430 เเละอีกไม่นาน จักรพรรดิ์จีน ฮั่นหวูฮี สั่งยกพลจำนวนมหาศาลเข้ายึดเวียดนาม

[แก้] สมัยประวัติศาสตร์

กองทัพฮั่นเข้ายึดอาณาจักรนามเวียด ได้ในปี พ.ศ. 585 เปลี่ยนชื่ออาณาจักรใหม่ว่า นามเหวียตก๊วก (หนานเยว่กว๋อ)เเต่งตั้งผู้ปกครองระดับสูงมาปกครอง ความพยายามที่ชาวจีนนำวัฒนธรรมจีนทางด้านต่างๆ ไปเผยเเพร่ที่ดินเเดนเเห่งนี้ กลับถูกชาวพื้นเมืองหรือชาวเวียดนามต่อต้านอย่างรุนเเรง:

--วีรสตรีในนาม ฮายบาจึง ได้นำกองกำลังการปฏิวัติปลดเเอกจากจีน เเต่อีก 3 ปีต่อมาก็ตกเป็นเมืองขึ้นของจีนอีก --นักโทษปัญญาชนชาวจีนนามว่า หลีโบน ร่วมมือกับปัญญาชนชาวเวียดนามร่วมทำการปฏิวัติ ก่อตั้งราชวงค์หลี ขนานนามเเคว้นว่า วันซวน เเต่ต้องตกเป็นเมืองจีนอีก

เกิดการต่อสู้กับจีนบ่อยที่สุด เมื่อราชวงศ์ของจีนขึ้นปกครอง ต้องถูกจีนยึดอีก กินเวลาจากพ.ศ. 1146-1498 เปลี่ยนชื่อเป็นอานนาม(อันหนาน)ในยุคนี้จีนถือว่า เเคว้นนี้เป็นมณทลหนึ่งของจีน จึงส่งชาวจีนเข้าไปอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเพื่อกลืนชาติชาวเวียดนาม ศิลปะของจีนทุกเเขนง ศาสนาพุทธ ลัทธิต่างๆ รวมทั้งอักษรจีน ได้เข้าสู่ดินเเดนเเห่งนี้ ภายใต้การบริหารอันเข้มเเข็งของรัฐบาลจีนภายใต้ราชวงศ์ถัง

  • พ.ศ. 1498-1510 ราชวงศ์โง--หลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ถังของจีน นายพลโงเกวี่ยนทำการปฏิวัติขับไล่ชาวจีนได้

เเล้วจึงก่อตั้งราชวงศ์โงเปลี่ยนชื่อประเทศว่า ไดเวียด หลังจากจักรพรรดิ์สวรรคต เวียดนามถูกเเบ่งแยกออกเป็น 12 เเคว้น โดยขุนนางในชาติ

  • พ.ศ. 1511-1523 ราชวงศ์ดิงห์--ชาวนา นามว่า ดินห์โบหลิง ทำการรวบรวมเเคว้นต่างๆเข้าด้วยกัน เปลียนชื่อประเทศเป็น

ไดโกเวียด ทรงจัดแบบเเผนราชสำนักเเละข้าราชการพลเรือน ทหาร ตามอย่างราชวงศ์ถังของจีน

  • พ.ศ. 1524-1552 ราชวงศ์เตี่ยนเล--ราชินีจักรพรรดิดินห์โบหลิง ขับไล่รัชทายาทราชวงศ์ดิงห์ สถาปนาตนเองเป็น จักรพรรดินี เล ได ฮัง ทรงป้องกันประเทศโดยถวายเครื่องบรรณาการเเก่ราชวงศ์ซ้องของจีน ในปี 1529 ส่งกองทัพรุกคืบไปทางใต้

ทำลายบางส่วนของอาณาจกรจามปา ในสมัยนี้ศาสนาพุทธได้วางรากฐานอย่างมั่งคงในอาณาจักรเเห่งนี้

  • พ.ศ. 1552-1768 ราชวงศ์หลี--หลี กง อ่วน ถูกช่วยเหลือโดยพระภิกษุรูปหนึ่ง ให้มีอำนาจในราชสำนักฮวาลือ เมื่อขึ้นครองราชย์

ในนาม หลี ไท โต ทรงย้ายเมืองหลวงไปที่ ทังลอง(ฮานอย)ทงรสร้างวัดขึ้น 150 เเห่ง ในปี 1070 นำระบบการสอบจอหงวนมาใช้ ก่อตั้งมหาวิทยาลัย วันเหมียว ให้ความรู้เกี่ยวกับวรรณคดีขงจื้อ เพื่อสอบเข้ารับราชการในระบบจอหงวน

  • พ.ศ. 1768-1943 ราชวงศ์เจิ่น--เจิ่ง เเก๋ง สามัญชนอภิเษกสมรสกับพระนางเจียว ฮว่าง ราชินีองศ์สุดท้ายของราชวงศ์หลี สถาปนาตนเองนามว่า เจิ่น ฮึง เดา พระองศ์ทรงนำกองทัพขับไล่กองมองโกของกุบไลข่านออกไปได้ ในระยะนี้ยังคงนำกองทัพรุบคืบไปทางใต้ต่อไป

พ.ศ. 1943-1971 ราชวงศ์โฮ--การอภิเษกสมรสระหว่างกษัตริย์กับญาติเสนาบดีผู้หนึ่งอันนำไปสู่จุดจบของราชวงศเจิ่น โฮ กุ๋ยหลี ก้าวสู่การครองราชย์ ตั้งราชวงศ์ตามตระกูลของตนเอง ระบบจอหงวน กองทัพ เศรษฐกิจ ได้รับการสังคายนาขนานใหญ่ เช่น การสอบเน้นวิชาคณิต วิถีชีวิตชาวนา เเละงานของขงขื้อ กฎหมายได้มีการปฏิรูป เปิดเมืองท่าสองเเห่ง ราชวงศ์หมิงของจีนกังวล หากปล่อยเอาไว้ อาจเป็นภัย จึงส่งกองทัพเข้ามายึดครองอีกครั้ง บังคับให้ชาวเวียดนามเเต่งกายตามเเบบชาวจีน ทำลายล้างความเป็นชาติเวียดนามดดยการเผาบันทึกทางประวัติของเวียดนาม

[แก้] การเมือง

  1. การเมืองของเวียดนามมีเสถียรภาพ เนื่องจากมีพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นองค์กรที่มีอำนาจ สูงสุดผูกขาดการชี้นำภายใต้ระบบผู้นำร่วม (collective leadership) ที่คานอำนาจระหว่างกลุ่มผู้นำ ได้แก่
    1. กลุ่มปฏิรูป ที่สนับสนุนการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรี ฟาน วัน ขาย
    2. กลุ่มอนุรักษ์นิยม ซึ่งต่อต้านหรือชะลอการเปิดประเทศ เพราะเกรงภัยของ “วิวัฒนาการที่สันติ” peaceful evolution) อันเนื่องมาจากการเปิดประเทศ และ
    3. กลุ่มที่เป็นกลาง ประนีประนอมระหว่างสองกลุ่มแรก นำโดยอดีตประธานาธิบดี เจิ่น ดึ๊ก เลือง ส่งผลให้รัฐบาลเวียดนามต้องปรับแนวทางการบริหารประเทศให้ยืดหยุ่นและเปิดกว้างมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถดำเนินไปได้ในย่างก้าวที่รวดเร็วนัก
  2. เวียดนามได้มีการเลือกตั้งสภาแห่งชาติ สมัยที่ 11 เมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 มีผู้ได้รับการเลือกตั้งทั้งสิ้น 498 คน เป็นผู้สมัครอิสระเพียง 2 คน ที่เหลือเป็นผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกจากพรรคคอมมิวนิสต์ สภาแห่งชาติมีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี มีหน้าที่ตรากฎหมาย แต่งตั้งหรือถอดถอนประธานาธิบดี ประธานรัฐสภา และ นายกรัฐมนตรี
  3. สภาแห่งชาติชุดใหม่ได้เปิดประชุมเมื่อ 19 กรกฎาคม 2545 โดยสภาได้มีมติสำคัญๆ คือ
    1. รับรองผลการเลือกตั้งเมื่อ 19 พฤษภาคม
    2. เลือกตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ประจำสภา
    3. การเลือกตั้งให้นายเหวียน วัน อาน ดำรงตำแหน่งประธานสภาต่อไป (เมื่อ 23 กรกฎาคม)
    4. การเลือกตั้งให้นายเจิ่น ดึ๊ก เลือง ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไป (เมื่อ 24 กรกฎาคม) และ
    5. เลือกตั้งให้นายฟาน วัน ขาย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป (เมื่อ 25 กรกฎาคม) และได้มีการปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อ 8 สิงหาคม 2545 โดยในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ 26 คน มีรัฐมนตรีที่ได้รับแต่งตั่งใหม่ 15 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ หลายคนเคยดำรงรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงนั้น ๆ มาแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการตั้งกระทรวงใหม่ 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคม และกระทรวงภายใน ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการปฏิรูปเศรษฐกิจและการบริหารประเทศมากขึ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาในประเด็นนี้ ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามที่ดำเนินไปด้วยดีในปัจจุบัน
  4. แผนงานการปฏิรูประบบราชการสำหรับปี ค.ศ. 2001-2010 เน้น 4 ประเด็น ได้แก่ การปฏิรูประบบกฎหมาย การปฏิรูปโครงสร้างองค์กร การยกระดับความสามารถของข้าราชการ และการปฏิรูปด้านการคลัง

[แก้] การแบ่งเขตการปกครอง

ประเทศเวียดนามแบ่งเป็น 59 จังหวัด (tỉnh: ติ้ญ) และ 5 เทศบาลนคร* (thủ đô: ทู่โด) ดังนี้

  • ก้วงไง / Quang Ngai (Quảng Ngãi)
  • ก้วงตริ / Quang Tri (Quảng Trị)
  • ก้วงนัญ / Quang Ninh (Quảng Ninh)
  • ก้วงนัม / Quang Nam (Quảng Nam)
  • ก้วงบิ้ญ / Quang Binh (Quảng Bình)
  • ขัญฮั่ว / Khanh Hoa (Khánh Hòa)
  • คนตุม / Kon Tum (Kon Tum)‎
  • คั้นทอ / Can Tho (Cần Thơ*)
  • ค่ามอ (ก่าโม๊ว) / Ca Mau (Cà Mau)
  • คาวบ้าง (เกาปั่ง)/ Cao Bang (Cao Bằng)
  • เคียนเกียง / Kien Giang (Kiên Giang)
  • ช็อกตราง / Soc Trang (Sóc Trăng)
  • ชอนลา / Son La (Sơn La)
  • ญาลาย / Gia Lai (Gia Lai)
  • ด๊งทัป / Dong Thap (‎Đồng Tháp)
  • ด๊งไน / Dong Nai (Đồng Nai)
  • ด๊ากโนง/ Dak Nong (Đăk Nông)
  • ด๊ากล้าก(ดาลัด) / Dak Lak (Đăk Lăk)
  • ดานัง / Da Nang (Đà Nẵng*)
  • เดี่ยนเบียน / Dien Bien (Điện Biên)
  • ตร้าวิญ / Tra Vinh (‎Trà Vinh)
  • ตายนิญ / Tay Ninh (Tây Ninh)
  • ไถเงียน / Thai Nguyen (Thái Nguyên)
  • ไถบิ้ญ / Thai Binh (Thái Bình)
  • ทัญฮั่ว / Thanh Hoa (Thanh Hóa)
  • ทั่วเทียน-เว้ / Thua Thien-Hue (Thừa Thiên-Huế)
  • เทียนกวง / Tuyen Quang (Tuyên Quang)
  • เทียนเกียง / Tien Giang (Tiền Giang)
  • นัมดิ่ญ / Nam Dinh (Nam Định)
  • นิญถ่วน / Ninh Thuan (Ninh Thuận)
  • นิญบิ้ญ / Ninh Binh (Ninh Bình)
  • บ้ะเหรี่ย-วุ้งต้อ / Ba Ria-Vung Tau (Bà Rịa-Vũng Tàu)
  • บักเลียว / Bạc Liêu (‎Bạc Liêu)
  • บ๊ากเกียง / Bắc Giang (Bắc Giang)
  • บ๊ากขั่น / Bắc Kạn (Bắc Kạn)
  • บ๊ากนิญ / Bắc Ninh (Bắc Ninh)
  • บิ้ญดวง / Binh Duong (Bình Dương)
  • บิ้ญดิ่ญ / Binh Dinh (‎Bình Định)
  • บิ้ญฟวก / Binh Phuoc (Bình Phước)
  • เบ๊นตร(เบ๋นแตร) / Ben Tre ( Bến Tre)
  • ฝูถ่อ / Phu Tho ( Phú Thọ)
  • ฝูเยน / Phu Yen (Phú Yên)
  • ยิ้ญถ่วน / Binh Thuan (Bình Thuận)
  • เยนไบ๋ / Yen Bai (Yên Bái)
  • ลงอัน / Long An (Long An)
  • ลามดอง / Lam Dong (Lâm Đồng)
  • เล่าไค / Lao Cai (Lào Cai)
  • ไลชาว / Lai Chau (Lai Châu)
  • วิ้ญฟุก / Vinh Phuc (Vĩnh Phúc)
  • วิ้ญลง / Vinh Long (‎Vĩnh Long)
  • หลั่งซอน / Lang Son (Lạng Sơn)
  • ห่าวเกียง / Hau Giang (Hậu Giang)
  • เหง่อัน / Nghe An (Nghệ An)
  • อันเกียง / An Giang (An Giang)
  • ฮั่วบิ้ญ / Hoa Binh (Hòa Bình)
  • ฮ่าเกียง / Ha Giang (Hà Giang)
  • ฮ่าตาย / Ha Tay (Hà Tây)
  • ฮ่าติญ / Ha Tinh (Hà Tĩnh)
  • ฮานอย / Ha Noi (Hà Nội*)
  • ฮ่านาม / Ha Nam (Hà Nam)
  • ฮูงเยน / Hung Yen (Hưng Yên)
  • โฮจิมินห์ / Ho Chi Minh (Thành phố Hồ Chí Minh*)*
  • ไฮ่ดวง / Hai Duong (Hải Dương)]
  • ไฮฟอง/ Hai Phong (Hải Phòng*)

[แก้] ภูมิศาสตร์

เวียดนามเป็นประเทศที่มีลักษณะเป็นแนวยาว และ มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงกั้นระหว่างที่ราบลุ่มแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ทางตอนเเหนือและใต้ แต่มีภูเขาที่มีป่าหนาทึบแค่ 20%

[แก้] ลักษณะภูมิประเทศ

  • มีที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ 2 ตอน คือ ตอนเหนือ เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำแดง และตอนใต้เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง
  • มีที่ราบสูงตอนเหนือของประเทศ และยังเป็นภูมิภาคที่มี เขาฟาน ซี ฟัน(Phan Xi Păng)ซึ่งเป็นภูเขาที่สูง 3,143 เมตร (10,312 ft) ตั้งอยู่ในจังหวัดเล่าไค เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอินโดจีน

[แก้] ลักษณะภูมิอากาศ

  • เป็นแบบมรสุมเขตร้อน ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกเปิดโล่งรับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านทะเลจีนใต้ ทำให้มีโอกาสรับลมมรสุมและพายุหมุนเขตร้อน จึงมีฝนตกชุกในฤดูหนาว สามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2 ครั้ง (ฝนตกตลอดปี ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ)
  • เป็นประเทศที่มีความชื้นประมาณ 84 % ตลอดปี มีปริมาณฝน จาก 120 ถึง 300 เซนติเมคร(47 ถึง 118 นิ้ว) และมีอุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่ 5°C (41°F) ถึง 37°C (99°F)

[แก้] ชายแดน

ทั้งหมด 4,638 km (2,883 mi) โดยติดกับประเทศกัมพูชา 1,228 km (763 mi) ประเทศจีน 1,281 km (796 mi) และ ประเทศลาว 2,130 km (1,324 mi)

[แก้] เศรษฐกิจ

  1. เกษตรกรรม ได้แก่ ข้าวเจ้า ยางพารา ชา กาแฟ ยาสูบ
  2. การทำเหมืองแร่ที่สำคัญ คือ ถ่านหิน น้ำมันปิโตรเลียม และก๊าซธรรมชาติ
  3. อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมทอผ้า ศูนย์กลางอยู่ที่โฮจิมิน
  4. การประมง เวียดนามจับปลาได้เป็นอันดับ 4 ของสินค้าส่งออก เช่น ปลาหมึก กุ้ง ตลาดที่สำคัญ คือ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และสิงคโปร์

แม้ว่าเหตุผลทางเศรษฐกิจจะเป็นเหตุผลที่มีความสำคัญรองจากเหตุผลทางการเมืองและยุทธศาสตร์ในการที่อาเซียนรับเวียดนามเข้าเป็นสมาชิก แต่ก็ยังคงความสำคัญในระดับหนึ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้ความสัมพันธ์ทวิภาคีทางเศรษฐกิจระหว่างเวียดนามและประกาศถอนทหารออกจากกัมพูชา และเมื่อเวียดนามได้ลงนามในข้อตกลงสันติภาพที่กรุงปารีสในปี 1991

[แก้] เหตุผลการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน

  1. การสนับสนุนและความช่วยเหลือในการพัฒนาทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมจากประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งเวียดนามมองว่าเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับการปรับสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์และการปรับนโยบายต่างประเทศ การเข้ารวมกลุ่มอาเซียนจะทำให้เวียดนามมีโอกาสได้เรียนรู้ประสบการณ์ในการพัฒนาประเทศจากสมาชิกต่างๆ อันจะมีส่วนเอื้ออำนวยและเร่งการพัฒนาของตนไปสู่ระบบเศรษฐกิจการตลาดซึ่งตั้งอยู่บนหลักการของการแข่งขันได้ในที่สุด
  2. เวียดนามให้ความสำคัญสูงสุดต่อการเข้าร่วมในระบบเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและระบบเศรษฐกิจของโลก การเป็นสมาชิกของอาเซียนจะนำไปสู่การมีส่วนร่วมในเขตการค้าเสรีอาเซียน และนำเวียดนามไปสู่ความคุ้นเคยกับแนวทางปฏิบัติในการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในระดับโลก อันจะมีผลดีและเป็นปัจจัยประการหนึ่งที่จะผลักดันเวียดนามให้ก้าวไปสู้การเป็นสมาชิกของ APEC และ WTO ได้ในที่สุด
  3. ในฐานะของสมาชิกอาเซียน เวียดนามหวังที่จะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของการค้าและการลงทุนกับประเทศอาเซียนทั้งหลาย ขณะเดียวกันในขณะที่การค้าภายในกลุ่มอาเซียนกำลังขยายตัว เวียดนามก็ได้ตระเตรียมและปรับทิศทางการส่งออกของตนที่จะไปสู่ตลาดอาเซียนนี้อย่างจริงจังมากขึ้น การนำเข้าของเวียดนามจากอาเซียนในขณะนี้เป็นครึ่งหนึ่งของการนำเข้าทั้งหมดของทั้งหมดของเวียดนาม และประมาณร้อยละ 30 ของการค้าทั้งหมดของเวียดนามที่มีกับอาเซียนนอกจากนี้ เวียดนามยังหวังว่าตนจะได้รับสิทธิพิเศษ GSP อย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป และเวียดนามยังจะเป็นจุดส่งออกที่สำคัญสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ

ในด้านการลงทุน ทั้งเวียดนามและประเทศในกลุ่มอาเซียนจะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันจากการที่ประเทศในกลุ่มอาเซียนเข้าไปลงทุนในเวียดนามโดยเวียดนามจะสามารถดูดซึมเทคนิค วิทยาการและเทคโนโลยีที่ผ่านมากับการลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบของการร่วมทุน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาการผลิตของเวียดนาม และขณะเดียวกัน นับตั้งแต่เวียดนามเปิดประเทศและประกาศกฎหมายว่าด้วยการลงทุนต่างชาติ ประเทศสมาชิกอาเซียนต่างก็ให้ความสนใจลพยายามแสวงหาโอกาสเข้าไปลงทุนในเวียดนาม ทั้งนี้เพราะอาเซียนก็สนใจในผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกันทั้งด้านการค้าและการลงทุน เนื่องจากเวียดนามเป็นตลาดใหญ่มีประชากรถึง 73 ล้านคน มีความสมบูรณ์ทางทรัพยาธรรมชาติ มีแรงงานที่มีศักยภาพและมีราคาถูก การมีเวียดนามเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นจะทำให้อาเซียนมีประชากรเพิ่มเป็น 420 ล้านคน และจะมีผลผลิตมวลรวมภายในถึง 500 พันล้าน เหรียญสหรัฐฯ อันจะทำให้อาเซียนมีศักยภาพในการขยายตัวกางเศรษฐกิจได้มากขึ้นไปอีก

ในปัจจุบัน ประเทศที่ได้รับการอนุมัติด้วยมูลค่าลงทุนมากที่สุดได้แก่สิงคโปร์ ซึ่งมีโครงการการลงทุนที่ได้รับการอนุมัติจำนวนโครงการ ด้วยมูลค่า 5.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มูลค่าการลงทุนของประเทศสมาชิกอาเซียนในเวียดนามคิดได้เป็นร้อยละ 27.69 ของมูลค่าของการลงทุนต่างชาติทั้งสิ้นในเวียดนาม กล่าวคือในมูลค่า 8.14 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จากมูลค่าของการลงทุนต่างชาติทั้งสิน 29.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีโครงการทั้งสิ้น 337 โครงการ โดยมาเลเซียลงทุนเป็นอันดับ 2 รองจากสิงคโปร์ ไทยลงทุนเป็นอันดับ 3 ประเภทของการลงทุนที่สมาชิกอาเซียนดำเนินการในเวียดนาม ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิต การก่อสร้างสำนักงาน ที่อยู่อาศัย การผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและการแปรรูปอาหาร เวียดนามหวังว่าการลงทุนจากประเทศสมาชิกอาเซียนนี้จะมีส่วนช่วยถ่วงดุลการลงทุนจากเกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง และญี่ปุ่น

ในขณะเดียวกันในส่วนของอาเซียน เหตุผลประการหนึ่งที่ทำให้อาเซียนยินดีรับเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกก็คือ การเข้ารวมกลุ่มอาเซียนของเวียดนามนั้นจะมีผลไปเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจอีกทั้งอำนาจในการต่อรองทางการเมืองทั้งหลายต่างก็มีผลประโยชน์ที่สอดคล้องกัน ทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจร่วมกันอันนำไปสู่การยอมรับกันในที่สุด

[แก้] แนวโน้มในอนาคต

สิ่งที่น่าจับตามองในอนาคตก็คือ บทบาทของเวียดนามทั้งทางเศรษฐกิจและความมั่นคงในอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีหลังนั้น เวียดนามจะมีศักยภาพหรือเพิ่มศักยภายในการถ่วงดุลให้กับอาเซียนในกรณีความขัดแย้งหมู่เกาะสแปรตลีย์ได้หรือไม่ และอีกทั้งความคาดหวังอาเซียนในผลประโยชน์ด้านต่างๆที่จะได้รับจากการรับเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มจะบรรลุหรือไม่เพียงใด เป็นประเด็นที่น่าติดตามและน่าจะได้มีการศึกษาต่อไป

[แก้] ประชากร

  • มีจำนวน 84.23 ล้านคน ความหนาแน่นโดยเฉลี่ย 253 คน : ตารางกิโลเมตร เวียด 86.21% ถาย 1.9% ไท 1.74% เหมื่อง 1.49% ฮั้ว(จีน) 1.13% นุง 1.12% ม้ง 1.03%

[แก้] วัฒนธรรม

จากการสำรวจในปี พ.ศ. 2542 ประเทศเวียดนามมีประชากรถึง 80% ที่ถือว่าตนเองไม่มีศาสนา ที่เหลือนั้นนับถือ ลัทธิเต๋า พุทธมหายาน โรมันคาตอลิก โปรแตสเตนท์ และ อื่นๆ แต่ก็มีชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นชาวจาม

[แก้] ดูเพิ่ม