ผู้ใช้:Fedexfc
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เหตุผล : ทำไมถึงชอบมิว
" ทำไมถึงชอบมิว" ตั้งแต่ดู AF2 มาผมเจอคำถามนี้มาหลายรอบแล้ว ทั้งจากคนในครอบครัว เพื่อน และอีกมากมาย
คนที่ถามอาจจะนึกว่า มิวนี่มันออกตั้งแต่ week2 ร้องเพลง ก็ไม่ได้เด่นมากไปกว่าเพื่อน AF คนอื่นนักหนา ชอบมันเข้าไปได้ไง
ถ้าอยากรู้ว่าทำไม ก็ลองอ่าน "เรื่องเล่าของมิว" และ "ประวัติของมิว" ดูนะครับ แล้วจะเข้าใจ อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ประวัติของมิว" มิว
ชื่อจริง : นวปฎล มิ่งทุม นวปฏล แปลว่า ฉัตร 9 ชั้น ส่วนชื่อเล่น มิว มาจากการ์ตูนเรื่องหนึ่ง
วันเกิด : วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2529 ปีขาล ตรงกับวันเข้าพรรษาพอดี ที่โรงพยาบาล จุฬา
โรคประจำตัวตอนเด็ก : เป็นโรคหอบหืด หนักมากขนาดต้องไปเรียนวันเว้นวัน
โรงเรียน : ตอนอนุบาล ถึง ป.1 มิวเปลี่ยนโรงเรียนถึง 6 ครั้งด้วยเหตุผลการทำงานของพ่อแม่
การศึกษา : เกรด 12 โรงเรียนนานาชาติ prem center เชียงใหม่
เหตุผลที่มิวมาเรียนโรงเรียนนานาชาติตอน ม.4 (เกรด 10 ) : ตอนนั้นมิวผ่าตัดไส้ติ่งพอดีทำให้ไปสมัครเรียนต่อ ม.4 ที่มงฟอร์ต โรงเรียนเก่าไม่ทัน มิว และคุณพ่อคุณแม่ เลยตัดสินใจที่ ยอมเสียเงินจำนวนมหาศาล (เมื่อเทียบกับฐานะที่บ้าน) ยอมส่งให้เรียนโรงเรียนนานาชาติ เพื่อแลกกับอนาคตที่ดีของมิว แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนคือ พอมิวจบเกรด 12 ต้องหาเงินเรียนต่อเอง
ความฝันสูงสุดของมิว : ตั้งแต่มิวจำความได้ความฝันสูงสุดของมิวคือ ทำงานโครงการหลวงตอบแทนประเทศชาติและในหลวง ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังฝันอยู่ และต้องทำสำเร็จให้ได้ซักวัน
งานอดิเรกของมิว : เป่าแซกโซโฟน แต่งเพลง ปลูกต้นไม้ นั่งดูปลาหางนกยูงหน้าบ้าน หรือแมลงตัวเล็กๆ และเล่นเกมส์ online
เวลาว่างของมิวตอนอยู่ที่เชียงใหม่ : ช่วยงานที่วัด
หญิงสาวในอุดมคติของมิว : ใจดีก็พอแล้ว
ความรักของมิว : ให้อิสระแก่กันและกันในทุกเรื่อง ไม่มีกรอบ ไม่มีกฏเกณฑ์ใดๆ เพราะมิวได้ความเป็นอิสระเยอะมากๆจากพ่อและแม่
สิ่งที่มิวเกลียดที่สุด : ความใจร้าย
คติพจน์ในชีวิตของมิว : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด และคนดีคือคนที่เคารพผู้อื่น จะยังเป็นแนวทางที่มิวยึดถือตลอดไป
การทำงานของมิว : เป่าแซ็คตามร้านอาหารหาเงินช่วยครอบครัวตั้งแต่ ม.2
เหตุผลที่มิวมาสมัคร AF : มิวมาสมัครเข้าแข่งขัน AF ก็เพราะสัญญากับแม่ไว้ว่าจบมัธยมปลายแล้วจะหาเงินเรียนเอง
สิ่งที่มิวอยากบอกกับแม่ : มิว ว่าแม่เหนื่อยมานานแล้ว ตั้งแต่มิวเกิดจนถึงวันนี้ก็ 18 ปีแล้ว แม่ได้เที่ยวแค่ 3 ครั้งอยากให้แม่ได้พักบ้าง
ครั้งหนึ่ง : มิวเคยขอเงินค่าขนมแม่แล้วไม่ได้ เพราะเงินที่บ้านหมดเกลี้ยง
ตอนที่มิวตกรอบAFเขาได้บอกแก่แฟนคลับว่า : "อย่าเสียใจนะครับ มันเป็นแค่เกมส์ ดีแล้วที่พี่ๆจะได้ไม่ต้องเปลืองเงินโหวตให้ผมอีก"
รู้หรือไม่ : -น้องผักบุ้ง เด็กนักเรียนโรงเรียนเซนต์โยเซฟ คอนแวนต์ เหยื่อคดี น.ส. จิตรลดา เป็นหนึ่งในแฟนคลับของมิว และมิวได้เอาตุ๊กตาไปเยี่ยมน้องระหว่างพักที่โรงพยาบาลด้วย -มิวไม่ชอบใช้น้ำหอมทุกชนิด แต่ชอบกลิ่นธูป กลิ่นเทียนมาก -มิวเป็นคนมือเย็นปลูกต้นไม้อะไรก็ขึ้นหมด ส่วนมากจะไม่ชอบซื้อต้นไม้เองแต่ใช้วิธีไปขุดจากที่สาธารณะแทน -ต้นไม้ที่มิวชอบที่สุดคือ ลีลาวดีสีขาว เนื่องจากดูแล้วให้ความรู้สึกอ่อนโยน -เวลาที่ฝนตกหนักๆหรือมีพายุเข้ามิวจะขออนุญาตแม่ออกไปเล่นน้ำฝนทุกครั้ง แถมแม่ยังอนุญาติทุกครั้งอีกด้วย -มิวชอบตอบ sms ให้แฟนคลับมากๆ ส่งไปทีไรได้กลับมาทุกที (แต่คุณมิวไม่ค่อยเข้าบอร์ดเลยนะ อิๆๆ) -มิวเป็นเด็กเงียบมาก เพิ่งจะมายอมหัดพูดตอนอายุ 2 ขวบไปแล้ว -มิวเกือบเผาโรงเรียนมาแล้ว เพราะเอาแว่นขยายไปลองรวมแสงอาทิตย์จุดเผาใบไม้เล่น โชคดีที่แม่มาเจอเลยดับไฟได้ทัน -แซกโซโฟนตัวที่ใช้อยู่ตอนนี้ราคา 55,000 บาท ได้มาจากเงินเก็บตั้งแต่สมัยอนุบาลเรื่อยมาจนโตบวกกับเงินสนับสนุนของครอบครัว -จากบ้านซึ่งใกล้สถานนี้รถไฟเชียงใหม่ถึงแม่โจ้ ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร คือเส้นทางที่มิวปั่นจักรยานทางไกลเป็นครั้งแรก เนื่องจากเกิดอาการคลั่งจักรยานคันใหม่ที่แม่ซื้อให้
หนังสือเล่มโปรดของมิว : บทเรียนชีวิตของ นายตำรา ณ เมืองใต้, โอวาทสี่ของท่านเหลียวฝาน และมหาบุรุษของหลวงวิจิตรวาทการ
อาหารที่ชอบ : ข้าวเหนียวหมูปิ้ง - บลูเบอรี่ พายด์ชีส -อาหารคนแก่ อย่าง มะระ ยอดกระถิน ยอดมะม่วง - ฝรั่ง (ฝานกินแต่เปลือก)
อาหารที่ไม่ชอบ : และไม่ชอบกินของแฉะๆเลย
แผนในอนาคตของมิว : วางแผนว่าจะทำงานในวงการบันเทิงประมาณ 2 ปี จากนั้นจะไปเรียนต่อเสียที และเพื่อเป็นการเตรียมตัวล่วงหน้า มิววางแผนจะเรียนภาษาเยอรมันทันทีที่มีเวลามากพอ เสร็จแล้วไปเรียนต่อด้านวิศวกรรมเหมืองแร่ ที่ Leoben University of Mining and Metallurgy ประเทศออสเตรีย กลับมาทำงานโครงการหลวงตามความฝัน
ความฝันเมื่อยามแก่ของมิว : การสร้างวัดให้ได้ซักแห่งนึงก็ยังดี
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "เรื่องเล่าของมิว" ตอนที่ 1
วันนี้เริ่มต้นด้วยเนื้อหาที่แท้จริงครับ มิวจะเล่าให้ฟังนี่ไม่ใช่ข้อแก้ตัวนะครับฉายามิวคือ มิว 501 ไม่ได้ภูมิใจแต่นี่เป็นข้อเท็จจริงครับยังไงก็ต้องยอมรับกันไป
มิวบอกตัวเองนะครับ ไม่ได้บอก MEW SO
MEW SO ใจเย็นครับ ถ้าเห็นว่าฉายา 501 ทำให้เสียภาพพจน์ MEW จืด หน่อยก็ได้ คือ.......ให้มันตรงข้ามกับกับฉายาเดิมน่ะครับ อะไรก็ได้ ไม่ค่อยชอบเล้ย 501 เนี่ย...ด้วยความไร้เดียงสา ความบริสุทธิ์ผุดผ่องแท้ๆเชียว ตอนนั้นมิวยังเล็กอยู่ ตอนนี้มิวโตแล้ว... เปลี่ยนไปแล้ว...เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นนะครับ ลองพิสูจน์ดูได้ ฟังกันเงียบเลย ได้โปรดอย่าใช้ความเงียบฆ่าผมซิครับ.........
ต่อครับ.........ฉายามิวคือ 501 ไม่ได้ภูมิใจแต่นี่เป็นข้อเท็จจริงครับ ยังไงก็ต้องยอมรับกันไป ต่อ
MEW SO จะตั้งฉายาให้มิวใหม่ก็ได้นะครับ ขอที่ Man Man หน่อยหรือฟังดูแล้ว จืดมิวเก็บเงินมาตั้งแต่อนุบาลแล้ว ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร แม่บอกว่ายังไม่ทันลวงปู่ก็บอกว่าดี แม่ไปถามหลวงปู่ว่า
“ลูกมิวเก็บเงินตั้งแต่เล็กเลย เป็นนิสัยที่ดีรึเปล่า “ ( เก็บอย่างจริงจังเกินเด็ก ) หลวงปู่บอกแม่ว่า
“ของๆเขา เขาจะเก็บก็ถูกแล้ว โตขึ้นจะได้เอาตัวรอด ไม่ต้องพึ่งใครเป็นสิ่งที่ดี “ แม่ฟังแล้วก็สบายใจ ภูมิใจด้วย แม่บอกมิวๆก็ภูมิใจที่เก็บเงินได้เยอะ และ ดีใจที่หลวงปู่ชม ( มารู้ตอนโตครับ )
ตอนที่ 2
มิวไป รร.แม่ให้ 3 บาท อนุบาล 1 4 บาท อนุบาล 2 อนุบาล 3 ไม่ได้เรียน มิวเข้า ป. 1 เลย ( อยากใส่ชุด ป.1 อย่างปัจจุบันทันด่วน และ อยากตัดผมอเมริกันรองทรง เลิกผมทรงหัวเห็ด เบื่อและเซ็งความเป็นเด็กแบบสุดๆ ) เงินค่าขนมไป รร. อนุบาล 1 และ 2 ไม่เคยใช้แม้แต่บาทเดียว ..... เก็บหมด เช้ารับเงินจากแม่มือซ้าย แต่ติดว่ามือซ้ายต้องใช้ทำงานอีกหลายอย่าง อาจพลาดท่า หลงลืมผลั้งเผลอ เงินหล่น ไม่ได้การ ย้ายมามือขวาจะปลอดภัยกว่า กำให้แน่นที่สุดเหมือนเตรียมตัวจะไปชกใคร แต่ ..เปล่า ใบหน้ายิ้มแย้ม ไม่โหด ไม่กัดฟัน ยิงฟันโชว์รอยยิ้ม ด้วยคิดถึงเงินออมที่เพิ่มขึ้นทุกวัน....ทุกวันเครียดจุดเดียวคือ มือขวา แม่เคยถามมิวว่า
“ ทำไมไม่เอาเงินใส่กระเป๋ากางเกง “ มิวบอกแม่ไปว่า “ มันไม่มีฝาปิดครับ “ “ อ๋อ ใช่ใช่ ครับลูก ลูกนี่รอบคอบดีนะ “ “ รอบคอบแปลว่าไรครับแม่ “ “ ลูกดุแลของๆลูกได้เป็นอย่างดีลูกคิดถูกแล้วถือไว้ในมือดีกว่า หายจะได้รู้ทันทีใช่มั้ย “ ครับแม่ “ มิวตอบดีใจที่แม่เข้าใจแต่โดยดี และง่ายดาย มิวไม่อยากอธิบายเยอะ มีเรื่องที่จะต้องคิด จะต้องทำเต็มไปหมด ดีนะที่แม่ไม่ค่อยถามว่า ทำไมอย่างโน้น ทำไมอย่างนี้ อยู่ตลอดเวลาเหมือนแม่คนอื่น ... ดีใจและชอบแบบนี้ครับ กลับมาจากโรงเรียนเงินอยู่มือขวาที่เดิม และ เท่าเดิมเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แม่ขอดูทุกวันเห็นเท่าเดิม ตอนแรกๆถามเยอะเช่น ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ทำไม เมื่อไหร่ จนครบทุกคำถามแล้ว ไม่ได้คำตอบที่พอใจ พักหลังๆก็เลยเลิกถามพอมาถึงบ้านก็แค่ยื่นมือขวาให้แม่ดูเงินที่เหลือ เอ้ย !! ไม่ใช่เงินทั้งหมด แล้วแม่ก็ยิ้มเล็กน้อย แต่หอมลูดฟอดใหญ่ ใหญ่มากๆ แล้วทำหน้าแบบปลงตก รีบไปหาของกินที่มิวชอบที่สุดมาให้ทันที
ตอนที่ 3
แม่บอกเสมอว่า มิวต้องกินอร่อยทุกมื้อ เหมือนลูกหมากำลังโต ( ทำไมแม่อยากให้มิวโตเหมือนลูกหมา....รึว่ามิวเหมือนหมาตรงไหน ? ) มิวต้องกินเฉพาะตอนที่หิว ไม่หิวอย่ากิน ( ของแน่อยู่แล้วครับแม่ ไม่หิวก็ต้องไปเล่นซิครับ จะมานั่งให้เสียเวลาเล่นทำไม .. สบายใจได้ ) เห็นจะจริงอย่างแม่ว่า ไม่หิวมันก็ไม่อร่อยซิ มิน่าล่ะมิวถึงกินอร่อยทุกมื้อไปโดยอัตโนมัติ เพราะมิวหิวมากนี่เอง นี่คือทฤษฎีที่ใช้มาจนทุกวันนี้แม่อ่านมาจากในหนังสือเล่มหนึ่ง
“ ไม่ถามอย่าพูด ไม่เชิญอย่าเข้าไป “ ( ใช้ตอนมิวโต )
ดูมันไม่นาเกี่ยวกัน แต่มันเกี่ยวมากๆเลย กับ ...
“ ไม่หิวอย่ากิน ไม่ง่วงอย่านอน “ ( ใช้ตอนมิวเล็ก )
ทฤษฎีนี้ช่วยลดปัญหาในชีวิตประจำวันลงได้เยอะเลยครับมิวว่า สิ่งที่บันเทิงในบ้านไม่มีอะไรจะดีไปยิ่งกว่า
-
- กินอิ่ม นอนหลับ
-
- ไม่มีคำถาม
-
- มีแต่คำปลอบประโลม
-
- มีแต่เรื่องสร้างสรรค์
-
- ไม่มีเรื่องทำลายล้าง ซ้ำเติม
-
- มีแต่คำปลอบประโลม
ตอนที่ 4
บ้าน คือ วิมานของมิวครับ เหนื่อยใจเหนื่อยกายต้องกลับบ้าน มาชาร์ตแบต ครับ ไม่ต้องไปไกล มิวมีบ้านเป็นยารักษาใจ มิวใช้ความเงียบเยียวยาปัญหาชีวิตครับมันได้ผลกับมิวทุกที คิดว่าพ่อแม่ก็ด้วยครับ พวกเราพูดกันน้อย ยิ้มกันมากครับ
พ่อบอกว่าชอบบ้าน เพราะบ้านเงียบไร้คำถามกวนใจทุกชนิด ไม่มีพิษไม่มีภัยต่อพ่อแต่อย่างใด หลับสบายกว่าทุกที่ในโลก ยิ่งกว่าโรงแรม 5 ดาวอีก แม่บอกว่าชอบบ้านเพราะมันเล็ก ได้ทำงานบ้านน้อย เหลือเวลาไว้อ่านหนังสือ ฟังเพลงอีกเพียบ สำหรับมิว รักทุกอย่างในบ้านครับ ของทุกชิ้น ต้นไม้ทุกต้น กลับบ้านทุกครั้งเหมือนยกภูเขาออกจากอก หมดทุกข์ หมดโศก ความรักและความเข้าใจมีอยู่ในทุกอณูของบ้าน ซึ่งสัมผัสได้ด้วยใจเท่านั้นครับ
มาต่อกันดีกว่าครับ มิวกลับจากโรงเรียนยังไม่ต้องอาบน้ำ ไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ต้องถอดถุงเท้า แค่ล้างมือมิวก็จะได้กินอาหารโปรดแสนอร่อยทุกวัน มิวไม่กินอะไรที่ รร.เลย ตั้งแต่อนุบาลทั้ง 1 และ 2 ไม่นอนกลางวัน ไม่กินกลางวัน อาหารไม่ถูกปาก ( ดูก็รู้ ) นม ( ไม่เหมือนของแม่ ... กล่องบรรจุนะ ) ฝรั่ง ( นิ่มไป )
“ สรุปว่าที่มิวบอกแม่ มิวแค่มองดูเฉยๆใช่มั้ย “ แม่ถาม “ ใช่ครับแม่ “ “ แล้วลูกกินอะไรล่ะ “ “ น้ำเปล่าครับ “ “ จริงรึเปล่าลูก “ “ จริงครับ “ “ แล้วทำไมไม่นอนกลางวัน ล่ะลูก“ “ มิวไม่ว่างครับ “ “ จริงเหรอลูก “ “มิวหิวนมครับ “
ตอนที่ 5
อ้าว ! เมื่อกี้ยังบอกไม่หิวอยู่เลย........จับได้แล้ว ) “ นมที่ รร.ให้ก็มีนี่ลูก “ “ มิวอยากดูดจากขวดครับแม่ “ “ งั้นก็เอามาพรุ่งนี้ “ “ ไม่ได้ครับ มิวโตแล้ว “ “ อ๋อ .. โตแล้วเหรอลูก “ “ ครับแม่ .. โตแล้ว “ << จบการสนทนา >>
กลับมากินต่อนะ อาหารโปรดแสนอร่อย นมยี่ห้อโปรด ขนม ผลไม้ ไอศครีม ครบสูตร แต่ไม่ว่าจะหิวโซขนาดไหน มิวก็ต้องใช้เวลาในการกิน นานและช้า.....มากๆ แม่นั่งมองมิวกินข้าวมื้อเย็นอย่างชื่นชมในผลงานของตัวเอง บางวันต้องป้อนมิว เพราะมิวอยากเล่นเลโก้ไปด้วย กินไปด้วย มือไม่ว่างบอกแม่ ขอแม่ป้อน แม่ตอบตกลงทันที แม่มาบอกทีหลังว่าเวลามิวเล่นอะไรเพลินๆจะกินข้าวได้เยอะกว่าปกติ ดีต่อสุขภาพมิว และสุขภาพสำคัญกว่าการฝึกมิวกินข้าวเองแน่ๆ ตอนนี้มิวยังไม่หายหอบหืด สุขภาพต้องดีเยี่ยมถึงจะหายหอบภายใน 10 ปีนี้ หมอบอก เพราะฉะนั้นเรื่องอื่นสำคัญน้อยกว่าทุกเรื่อง ค่อยๆฝึก ค่อยๆสอนกันไป สุขภาพกายและสุขภาพใจต้องดีเยี่ยม มิวต้องมีความสุข และ มีสุขภาพดี มิวต้องหัวเราะต้องยิ้มแย้ม พ่อแม่ไม่อยากเห็นมิวไม่สบายก็เลยทำทุกอย่าง ทุกวินาทีให้มิวหมด สังเกตุและดูแลอย่างใกล้ชิดที่สุด ให้มิวได้รับความสุขมากที่สุด ในที่สุดมิวก็หายจริงๆ...หายสนิทเลย... ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณครับแม่
ตอนมิวกินข้าวต้องเปิดทีวี เปิดเพลงไปด้วยพร้อมๆกัน มิวชอบ และ ทำทุกวันแม่ก็ไม่ว่า ไม่พูดถึงเรื่องประหยัด อาจจจะรู้ว่าพูดไปก็ไม่รู้เรื่องมั้ง
ตอนที่ 6
มิวชอบแม่ ตอนที่แม่ป้อนข้าวมิว ทุกครั้งที่มิวขอ ทั้งๆที่โตแล้ว ( ตั้งแต่อนุบาล ถึง ม. 6 ) โดยไม่เคยอิดออดเลยแม้แต่วินาทีเดียว ( ช่างเป็นสตรีที่ไม่มีฟอร์มเอาเสียเลย ) มิวชอบตรงนี่ที่สุด ไม่ใช่ที่แม่ตามใจมิวนะ บางอย่างไม่ได้ ก็คือไม่ได้ แต่อะไรที่ได้ก็คือ ได้ทันที ได้ทุกที ได้ทันใจ ไวกว่าแสง
แม่ป้อนข้าวลูกอย่างมีความสุข ป้อนไปหอมลูกไปหอมมากและบ่อย แม่ชอบดูการ์ตูนกับมิว โดยเฉพาะเรื่องป็อปอาย แม่ชอบที่สุดเลยมิวก็ชอบครับ แม่ว่าเรื่องป็อปอายสมบูรณ์ทั้งเนื้อเรื่องและการให้สี ถูกใจแม่ที่สุด แม่ชมทุกทีที่ดูเลย ตัวละครแต่ละตัวมีความแตกต่างที่ลงตัว สรุปว่าดีไปหมด ดูแล้วสนุก สบายใจ ตลก ดูแล้วคุ้มค่ากับเวลาที่เสีย รู้เลยว่าคนทำเก่ง เรียกได้ว่าอัจฉริยะจริงๆ ทุกอย่างไม่มีที่ติเลย คนเก่งอย่างนี้ก็มีในโลก แม่ทึ่งมาก แม่บอกว่าดูจบแล้วมีกำลังต่อสู้ชีวิต เหมือนได้ล้างเอาขยะออกไปจากหัว ใครไม่เชื่อแม่ท้าให้ลองดูสักครั้ง แม่กับมิวดูทุกครั้งที่มีเวลา มิวเป็นเจ้าพ่อการ์ตูนอยู่แล้ว ป็อปอายมาต้องเรียกแม่มาดูด้วย ดุแล้วได้คุยกันแม่ลูกวิพากษ์ วิจารณ์ ตัวละครในเรื่อง ขำ และ ชื่นชมในเนื้อเรื่อง แม่ชื่นชมในไอเดีย การทำ Actoin ของตัวละคร มัน Perfect และมีศิลปะชั้นสูงจริงๆ เรียกว่าการทำการ์ตูนอย่างเหนือชั้นก็ว่าได้ แม่นั่งชม นอนชมทุกครั้ง เรื่องป็อปอายทำให้แม่ได้รับแต่ความสุขและได้แรงบันดาลใจ ชื่นชมคนทำทุกคน อยากเจอทีมงานทุกคน อยากรู้จักคนเขียนเรื่องป็อปอาย แม่บอกว่าถ้ามีเงินเหลือจะบินไปขอคุยด้วยให้ได้ ขอให้เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต อยากไปคารวะ และชื่นชมความเหนือชั้นของความคิดเค้า จะเอาพวงมาลัยไปด้วย จะฝึกพูดภาษาอังกฤษ แม่จะไปให้ได้เลย.... แม่อินมากอีกแล้วครับ พอนะ........ แม่บอกไม่ได้อิน จะไปจริงๆตอนนี้เริ่มเก็บเงินแล้ว ต่อไปก็จะเริ่มฝึกพูด Eng ด้วยตัวเอง ไปแน่.......แม่บอก
มิวเอาใจช่วยให้แม่เดินตามฝันครับ ( น่าจะไปสมัคร AF 3 นะครับแม่ )
ตอนที่ 7
ทุกครั้งที่ใกล้สอบ ( อนุบาล ถึง ม.หก )แม่จะต้องอ่านหนังสือเรียนให้มิวฟัง มิวดูการ์ตูน ( ปิดเสียง)เพราะจำได้หมด ตอนอนุบาลแม่อ่านหนังสือให้มิวฟัง มิวเล่นเกมส์ ( ปิดเสียง ) ป. 1 ถึง ม. 6 แม่อ่านหนังสือให้ฟัง ใกล้สอบอ่านหนังสือเรียน ไกลสอบอ่านหนังสือทุกประเภทที่แม่คัดสรรแล้ว มาอ่านให้ฟัง ตอนมิวเล่นเกมส์ ตอนมิวกินข้าว ก่อนนอน อ่านตอนนั่งรถไปไหนๆด้วยกันแม่ใช้เวลาทุกๆนาทีที่มี อบรมลูกแบบล้างสมอง ด้วยการศึกษาค้นคว้าจากหนังสือชั้นดี แล้วเอามาอ่านให้ลูกฟังเสมอ มิวชอบฟัง แต่ไม่ใช่ไม่ชอบอ่านนะครับ ชอบ........แต่มิวไม่ค่อยมีเวลาน่ะครับ ใครๆก็รู้ ( Mew So ก็รู้ )
ช่วงไหนที่ไม่มีเวลาอ่าน อาจจะเป็นด้วยมิวไม่ว่างฟัง หรือ แม่ไม่ว่างอ่าน แม่ก็ไม่ลดละ จะเขียนติดไว้ในห้องน้ำ ที่ผนังตรงข้ามชักโครก พอลงนั่งก็ต้องอ่านเลย ** มันเป็นท่าบังคับให้อ่าน ที่เลือกสรร มาอย่างดีแล้วจริงๆ ** แล้วก็ติดไว้ตรงกระจกเวลาแปรงฟันก็เลยจำเป็นต้องอ่าน อ่านแล้วอ่านอีก เป็นการตอกย้ำ ซ้ำซากที่ดีจริงๆ ( หนีไม่พ้น ) ข้อความเหล่านี้เปลี่ยนไปเรื่อยๆ พอเริ่มอ่านก็เริ่มติด...ที่จริงก็น่าติดตามนะ มีแต่เรื่องใหม่ๆน่าสนใจ ยังไม่พอใจแม่เค้า แม่เค้ารู้จัก 501 ดี มีการจ้างด้วยเงินสด ว้าว !! คัดข้อความดีๆที่แม่เลือกสรรแล้ว จากหนังสือของ พระเจ้าอยู่หัว ของหลวงวิจิตรวาทการ ของนายตำรา ณ เมืองใต้ ของท่านเหลียวฝาน ของคุณวิลาศ มณีวัตเป็นต้น
แม่จ่ายค่าจ้างบทล่ะ 50 บาท ถ้ายาวบทล่ะ 100 แล้วแต่ความขยัน แม่จ่ายไม่อั้น “ มิวก็คัดไม่อั้นเหมือนกัน “ ตอนนี้ทุกข้อควมอยู่ในหัวของมิวหมดแล้ว จะทำอะไรสักอย่าง ขยับตัวสักนิด เหมือนมีเสียงของคุณลุงตำรา ณ เมืองใต้ เสียงของหลวงวิจิตร ฯ เสียงของท่านเหลียวฝาน เสียงของคุณวิลาศ มากระซิบอยู่ข้างหูตลอดเวลา คอยเตือนสติ คอยชี้ทางที่ถูกให้มิว คอยปลอบประโลมมิว มิวมีที่ปรึกษาอยู่ในหัวตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น บางทีมิวมีปัญหาก่อนนอนมิวคิดไม่ออก พอตื่นขึ้นมาคิดออกเลย ขอบคุณที่ปรึกษาอาวุโสทุกท่านครับ
ตอนที่ 8
มิวรู้สึกเหมือนมีคนคอยจุดไฟ คอยส่องทางให้มิวในความมืดมิดทุกครั้ง ทำให้มิวเดินถูกทาง เดินตรงทาง บางครั้งก็มีทางลัดทำให้ไปเร็วกว่าคนอื่น ซึ่งมิวถือว่าเป็นชัยชนะ อันเยี่ยมยอดครับและคำถามทุกคำถาม มีคำตอบเสมอ มิวขอบคุณทุกข้อความดีๆ ที่แม่เลือกมาป้อนให้มิว ฝังในหัวมิวตั้งแต่เล็ก ข้อมูลทุกอย่างอยู่ครบถ้วนและมิวกำลังเอาออกมาใช้ อย่างระมัดระวัง ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด เพราะข้อความบางข้อความ เป็นพระราชดำรัสของ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมิวถือว่าเป็น “ คำสั่ง ไม่ใช่ คำสอน “ ต้องปฎิบติอย่างเคร่งครัด ด้วยความภาคภูมิใจ และ สุขใจเป็นที่สุดครับ
มิวถูกหล่อหลอมมาด้วยข้อความเหล่านั้น ด้วยความเป็นผู้หญิงธรรมดาๆของแม่ ความเป็นสุภาพบุรุษสุดเนี้ยบของพ่อ ความเป็นบุรุษสุดเฉยแต่ไม่เชย ของน้าต้อม ความสดชื่นมีชีวิตชีวา เหมือนนกหงษ์หยก ผู้ไม่รู้จักความเศร้าของน้าโม และ ... ความใจดีอันไม่มีลิมิต ของยาย
และความรักที่มีแต่การให้ และให้ และให้ ของบรรดา พี่ ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย ทั้งหมด มิวโตมาท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เงียบสงบ ( ที่บ้านนะครับ ไม่ใช่ที่ร้านบาทเดียวที่ตลาด ) แต่ทุกคนก็ต้องทำงานกันอย่างจริงจัง เรียกว่าบริหารเวลากัน วินาที ต่อ วินาที กันเลยทีเดียว มิวโตมาท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ครับ
จะพูดคำว่าขอบคุณสักหมื่นครั้ง ก็คงยังไม่สมกับความทรงคุณค่าของข้อความเหล่านั้น มิวขอแสดงความขอบคุณด้วยการ น้อมนำมาปฏิบัติ และ จะถือเป็นภาระกิจหลักในการถ่ายทอดข้อความ และ หนังสือดีๆ เหล่านี้ไปสู่ผู้อื่น ตราบชั่วชีวิตของมิว