วิวัฒนาการมนุษย์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บทความนี้เข้าข่ายว่าอาจละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเนื้อหาอาจคัดลอกมาจากแหล่งข้อมูลอื่น โปรดช่วยกันตรวจสอบลิขสิทธิ์
หากคุณเป็นผู้เขียน ให้ศึกษาวิธีเขียนอย่างไรไม่ให้ละเมิดลิขสิทธิ์ หากคุณรู้ว่าบทความนี้คัดลอกจากแหล่งใดแหล่งหนึ่ง ให้ใส่ป้ายละเมิดลิขสิทธิ์แทนที่
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายวิกิพีเดีย ลิขสิทธิ์ และปัญหาลิขสิทธิ์
บทความนี้ต้องการเก็บกวาด ตรวจสอบ ปรับปรุง แก้ไขรูปแบบ เพิ่มแหล่งอ้างอิง ใส่หมวดหมู่ หรือภาษาที่ใช้
ส่วนใดส่วนหนึ่งหรือในหลายส่วนด้วยกัน
คุณสามารถช่วยตรวจสอบ และแก้ไขบทความนี้ได้ด้วยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน
กรุณาเปลี่ยนไปใช้ป้ายข้อความอื่น เพื่อระบุสิ่งที่ต้องการตรวจสอบ หรือแก้ไข
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ วิธีแก้ไขหน้าพื้นฐาน คู่มือการเขียน และ นโยบายวิกิพีเดีย ซึ่งสามารถดูตัวอย่างบทความได้ที่ บทความคุณภาพ และเมื่อแก้ไขตามนโยบายแล้ว สามารถนำป้ายนี้ออกได้

นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นคว้าว่า คนกับวานรนั้นความจริงมีต้นตอเดียวกัน นั่นคือกำเนิดจากสัตว์เลี้ยงลุกด้วยนมดึกดำบรรพ์ชนิดหนึ่งอายุราว20 ล้านปีก่อนโน้น นามว่า ลิงดึกดำบรรพ์โปรคอนซัล(proconsul) รูปกายของลิงดึกดำบรรพ์โปรคอนซัลนี้ คล้ายกับลิงปัจจุบันพี่เดียวแต่ที่แปลกคือที่ดวงหน้าหรือกะโหลกกลีบไปเหมือน “สุนัข” ยามมันก้าวเท้าเดินหรือวิ่ง ก็จะก้มเดินสี่เท้า ศีรษะแทบจรดดินดุจเดรัจฉานทั่วไป มิใช่เดินเหยียดลำตัวตรงย่ำสองเท้าเหมือนคนเราแต่ประการใด และถ้าศึกษาพันธุกรรมหรือยีนของคนกับลิงในปัจจุบันแล้ว ยังเหมือนกันมากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย ยิ่งเป็นลิงชิมแพนซีแล้วละก้อ ยิ่งเหมือนคนเรามากกว่า 98 เปอร์เซ็นต์ ทว่าปัจจุบัน ปริศนาไม่ใช่อยู่ตรงที่สัตว์ดึกดำบรรพ์ประเภทไหนคือต้นต่อคนกับลิง เรากำลังพิศวงงงงวยกับข้อถกเถียงที่ว่า อะไรคือคุณลักษณะ “แรกสุด” ของมนุษย์ ซึ่งกระทำให้เราวิวัฒนาการหลุดพ้นจากสภาวะเดรัจฉานกล้ายไปเป็นสัตว์ประเสริฐสองเท้าได้ และอะไรกระทำให้คุณลักษณะ “แรกสุด”นั้นอุบัติขึ้นมา ปริศนาข้อนี้ไม่มีใครตอบได้ ทั้งไม่มีใครทราบด้วย อย่าไรก็ดีนักวิทยาศาสตร์มีทฤษฏีว่า มนุษย์มีลักษณะเด่นดันออกเป็นจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น 3 ข้อ 1. เรามีมันสมองที่ใหญ่โตและซับซ้อน 2. เราเป็นผู้ที่ลุกขึ้นยื่นเหยียดลำตัวตรง และก้าวเดินสองเท่าอย่างองอาจ 3.เราสามารถประดิษฐ์เครื่องไม้เครื่องมือได้สารพัด

ด้วยเหตุนี้ ลักษณะคิดพิเศษซึ่งอำนวยให้มนุษย์เป็นเจ้าโลก 3 ประการคือสมองใหญ่ เดินสองเท้าและประดิษฐ์เครื่องมือ จึงเป็นจุดให้ขบคิดถกเถียงกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ว่าอะไรคือลักษณะแรกที่สุดซึ่งเกิดก่อนเพื่อน

คำเฉลยมีอยู่ว่า จำเดิม นักวิทยาศาสตร์เข้าใจผิดไปถนัดว่า คุณลักษณะมหัศจรรย์แรกสุดน่าจะเป็นปริมาณมันสมองที่ใหญ่โตเพราะว่าเห๖ที่มีปริมาณเนื้อสมองใหญ่กว่าสัตว์อื่น ก็ยอมต้องมีความคิดอ่านเฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง อำนวยความนึกคิดให้ตัดสินใจลุกขึ้นยืนก้าวเดินสองเท้าต่อไป ด้วยการมีลำตัวตั้งตรงย่อมสามารถชะโงกหน้ามองเห็นศัตรูในระยะไหลได้ดี จำอำนวยความปลอดภัยมากกว่าการก้มตัวเดินสี่เท้าเสียต่ำเตี้ย ตอลดเวลาที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์คิดอย่างนั้น แต่จะกล่าวรับรองลงไปว่าเป็นอย่างนั้นแน่นก็ยังไม่ได้นัก ด้วยไม่มีสิ่งใดพิสูจน์ได้เลยว่า จริงหรือเท็จ หนังจากการค้นคว้าของนักวิทยาศาสตร์ พวกเค้าปักใจเชื่อว่า ความจริง การลุกยืนหยังเหยียดตรงตั้งฉากกับพื้นดินและย่ำเดินสองเท้าของคนเรานี้แหละเป็นลักษณะแรกสุดอันชักนำให้บรรพชนของเราวิวัฒนาการไปจนกระทั้งมีมันสมองที่ใหญ่ ข้อพิสูจน์ได้จากการขุดค้นพบซากฟอสซิล จำนวนมากที่บ่งชี้ว่าลักษณะโครงกระดูที่เหยียดหลังตรงอย่างบริบูรณ์ มีมาก่อนลักษณะขยายใหญ่โตของกะโหลกสมอง จึงสรุปออกมาอย่างรวดเร็วว่าคนเราลุกขึ้นยืนเดินสองเท้าก่อนมีขนาดสมองใหญ่โต ความสามารถคิดประดิษฐ์เครื่องไม้เครื่องมืออันเป็นพรวิเศษหรือบงการจากสมองที่ใหญ่โต จัดเป็นลักษณะของมนุษย์ลำดับสุดท้าย ต่อไปเราจะหาคำอธิบายอื่นๆอีกนิด ลองกำหนดใจดูซิว่า ปรากฏการณ์เดินสองเท้านั้น รูปกายอะไรบ้างที่คนเราต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิน หลังจากที่ย่ำเดินสี่ขามมานานหลายสิบล้านปี ขั้นต้น ด้วยน้ำหนักร่างกายในแต่ละระดับตั้งแต่หัวจดเท้าไม่เท่ากัน ดังที่เห็นกันอยู่เดี๋ยวนี้ กระดูสันหลังจำต้องมีความโค้งเว้าไม่เท่ากันในแต่ละระดับตั้งแต่ต้นคอ อก หลัง เอว และก้นกบ บางช่วงปั้นให้เว้า บางช่วงปั้นให้โค้ง สลับเป็นระลอกคลื่นลักลั่นกันไปเพื่อให้จุดศูนย์กลางใต้ลำตัว ถัดมา ร่างกายจะปรับปั้นกระดูกเชิงกรานให้เบ้าตะโพกกดกระดูต้นขาให้วางตัวเฉียงชี้เข้าแนวกลางร่วมกับท่อนกระดูกต้นขาเอง ซึ่งมิใช่เป็นท่อนๆตรงยาวทื่อๆ แต่กลับมีรูปทรงงอเว้าตรงกลางท่อน อันเป็นผลให้หัวเข่าทั้งซ้ายและขวากระหวัดแทบจะชิดกันได้เมื่อยามยืนตัวตรงชิดปลายเท้าซึ่งเท้า ทั้งสองจะวางทาบจุดศูนย์ถ่วงบนพื้นตรงแนวกลางลำตัวพอดี เมื่อเป็นดังนี้กะโหลกศีรษะจำต้องปรับตำแหน่ง “รูใหญ่ฐานกะโหลก ซึ่งเป็นช่องโหว่กลมใหญ่ติดต่อระหว่างสมองกับไขสันหลัง ให้อยู่กลางฐานกะโหลกเพื่อให้ศีรษะบังเกิดสมดุลไม่หงายขึ้นหรือก้มหน้าเมื่อลุกขึ้นยืนตัวตรง ในขณะที่สัตว์เดินสี่เท้ามีรูใหญ่ฐานกะโหลกค่อนไปด้านหลังหรือท้ายทอย จึงไม่มีทางสมดุลเมื่อยืนตัวตรง ต่างกับสัตว์เดินสี่เท้าแนวกระดูกสันหลังมิได้มีความโค้งเว้าอะไร กระดูกต้นขาก็มิได้กระหวัดเว้าชิดแนวกลางดังนั้น เมื่อเดินย่องสี่เท้า จุดศูนย์ถ่วงน้ำหนักจึงเฉลียงตกลง สี่เท้าทั้งสี่ของมันมิใช่แนวกลางใต้ลำตัวเหมือนกับคน