ปานตะวัน และ ปานวาด ธิเย็นใจ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สถานีย่อย:ประเทศไทย
ครอบครัวของ ปานตะวัน และ ปานวาด ยินดีหลังการผ่าตัด ประสบความสำเร็จ
ครอบครัวของ ปานตะวัน และ ปานวาด ยินดีหลังการผ่าตัด ประสบความสำเร็จ

ด.ญ. ปานตะวัน ธิเย็นใจ และ ด.ญ. ปานวาด ธิเย็นใจ (17 มิถุนายน พ.ศ. 2549 - ) เป็น ฝาแฝดติดกันที่มีหัวใจและตับติดกัน รอดชีวิตทั้งคู่เป็นครั้งแรกของโลก เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 โดย ทีมคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ซึ่งแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2550

สารบัญ

[แก้] ประวัติ

ปานตะวัน และ ปานวาด ก่อนการผ่าตัด
ปานตะวัน และ ปานวาด ก่อนการผ่าตัด

ด.ญ. ปานตะวัน ธิเย็นใจ และ ด.ญ. ปานวาด ธิเย็นใจ เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2549 เวลา 18.37 น. เป็นบุตรสาวของ น.ส.อุษา ธิเย็นใจ และนายถาวร วิบุลกุล โดยการผ่าคลอดเมื่ออายุครรภ์ได้ 36 สัปดาห์ ทั้งคู่มีน้ำหนักแรกคลอดรวมกัน 3,570 กรัม มีลำตัวด้านหน้าติดกันตั้งแต่บริเวณทรวงอกลงมาถึงผนังหน้าท้อง จากการตรวจร่างกาย พบว่าเด็กมีบริเวณที่ติดกัน ขนาด 17 x 8 ซ.ม. เมื่อทำการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง และการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังสูง พบว่า ทารกมีอวัยวะภายในที่ติดกัน 2 ส่วน คือ มีตับติดกันเป็นบริเวณกว้าง รวมทั้งมีหัวใจเชื่อมต่อกันด้วย โดยหัวใจห้องบนขวาของปานตะวัน เชื่อมกับหัวใจห้องบนซ้ายของปานวาด และมีเลือดจากปานตะวันไหลผ่านมายังปานวาดตลอดเวลา[1]

[แก้] ความสำเร็จในการผ่าแยก

เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2550 เวลา 10.00 น. ศ.คลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้จัดงานแถลงข่าว “ศิริราชประสบความสำเร็จผ่าตัดแยกแฝดสยามที่มีหัวใจและตับติดกัน รอดชีวิตทั้งคู่เป็นครั้งแรกของโลก” โดยมี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร (คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล) เป็นประธาน, ศ.พญ.อังกาบ ปราการรัตน์ (หัวหน้าภาควิชาวิสัญญีวิทยา), รศ.นพ.สมชาย ศรียศชาติ (ศัลย แพทย์หัวใจ), ผศ.นพ.มนตรี กิจมณี (ศัลยแพทย์ตกแต่ง) และ ผศ.นพ.มงคล เลาหเพ็ญแสง (หัวหน้าสาขาวิชากุมารศัลยแพทย์) ร่วมกันแถลงข่าว

หลังจากผ่าแยกเด็กทั้งสอง 2 คนได้ร่างกายที่แยกจากกัน 7 สัปดาห์หลังผ่าตัด ทารกทั้งคู่แข็งแรงดี ปานตะวันมีน้ำหนักตัว 5,735 กรัม ส่วนปานวาดหนัก 4,900 กรัม[2]

[แก้] อ้างอิง

  1. ศิริราชเจ๋งผ่าแยกแฝดสยามหัวใจติดกันรอดรายแรกโลก - หน้าข่าวจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
  2. ศิริราชเจ๋งผ่าตัดแยกร่างแฝดสยามสำเร็จรายแรก - หน้าข่าวจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

[แก้] ดูเพิ่ม

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น