ซิลมาริล
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ในตำนานที่เขียนโดย เจ.อาร์.อาร์. โทลคีน คำว่า ซิลมาริล (Silmaril) (เควนยา อ่านว่า ซิลมาริลลิ) เป็นวัตถุบวงสรวงพระเจ้าสามชิ้้นในนิยายอันเป็นอัญมณีที่สุกสว่างดังดวงดาวซึ่งบรรจุแสงอันเป็นนิรันดร์ของ ทวิพฤกษา ซิลมาริลนั้นทำมาจากวัสดุรูปผลึกที่เรียกว่า ซิลิมา โดย เฟอานอร์ พราย ชาว โนลดอร์ ใน วาลินอร์ ในช่วง ยุคแห่งพฤกษา
[แก้] ภาพลักษณ์
ซิลมาริลมิใช่เพียงอัญมณีที่ส่องแสงที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น ซิลมาริลทั้งสามมีสัมผัสทั้ง ชีวิต และ สิ่งหวงห้าม วิธีที่ เฟอานอร์ ผู้เป็นใหญ่ที่สุดในกลุ่ม เอลดาร์ ดังที่ยอมรับกันนั้น สามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อธิบายไว้ทั้งหมด แม้กระทั่งวาลาร์รวมทั้ง เอาเล ยังไม่สามารถเลียนแบบได้ อันที่จริงแล้ว เฟอานอร์ยังไม่สามารถเลียนแบบพวกมันได้เนื่องจากแก่นส่วนหนึ่งของมันเข้าไปในการสร้างซิลมาริล ในเอกภพของโทลคีนนั้น ค่าของพวกมันเข้าใกล้อนันต์แม้กระทั่งสำหรับวาลาร์ พวกมันจึงเป็นหนึ่งและไม่สามารถแทนที่ได้
หลังจากเฟอานอร์ถูกเนรเทศไปยัง Formenos ซิลมาริลได้ถูกเก็บไว้ในห้องเหล็กห้องหนึ่ง
วาลา เมลคอร์ ได้ทำลายทวิพฤกษาโดยร่วมกับ อุงโกเลียนท์ ตอนนั้นซิลมาริลจึงบรรจุแสงอันบริสุทธิ์ที่เหลืออยู่ของทวิพฤกษาทั้งหมด ดังนั้น วาลาร์ จึงอ้อนวอนให้เฟอานอร์มอบซิลมาริลให้เพื่อที่พวกเขาจะได้สร้างพฤกษาขึ้นใหม๋แต่เฟอานอร์ปฏิเสธ จากนั้นข่าวจึงมาถึงว่า เมลคอร์ได้ฆ่าพ่อของเฟอานอร์ คือ ฟินเว ไฮคิงแห่ง โนลดอร์ และขโมยซิลมาริลไป หลังจากนั้นเมลคอร์จึงหนีไปจากวาลินอร์ไปยังที่มั่นของเขา คือ Angband ทางตอนเหนือของมิดเดิลเอิร์ธ ตั้งแต่นั้นมา เขาจึงสวมซิลมาริลไว้กับ มงกุฏ ของเขา
เฟอานอร์โกรธแค้นเมลคอร์ ผู้ที่เขาขนานนามว่า มอร์กอธ แปลว่า "ศัตรูมืดของโลก" รวมทั้งโกรธแค้นความปรารถนาที่รับรู้ได้ของวาลาร์ที่จะพยายามเอาอัญมณีไป เฟอานอร์และ บุตร ของเขาได้สาบาน Oath of Fëanor ซึ่งผูกมัดให้พวกเขาต้องต่อสู้กับใครก็ตามที่แย่งซิลมาริลไป คำสาบานสยองขวัญนั้นนำมาสู่ปัญหาในเวลาต่อมา ทั้งการสังหารหมู่และสงครามระหว่างพรายกับพราย
เฟอานอร์ได้นำชาวโนลดอร์จำนวนมากไปยังมิดเดิลเอิร์ธ การเดินทางของเขาซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ยุคแรก ของมิดเดิลเอิร์ธ ได้นำมาซึ่งความเศร้า โศกไม่สิ้นสุดของพรายและ มนุษย์ แห่งมิดเดิลเอิร์ธในที่สุด ยุทธภูมิ หลักทั้งห้าเกิดขึ้นใน Beleriand แต่ท้ายที่สุดชาวโนลดอร์และทุกคนที่กล่าวคำสาบานนั้นล้วนไม่ประสบผลสำเร็จในการนำซิลมาริลกลับมาจากมอร์กอธ
หนึ่งในซิลมาริลถูกนำกลับมาโดย เบเรน และ ลูธิเอน ผ่านการเสี่ยงภัยและความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ ซิลมาริลดวงนั้นถูกนำมาไว้ที่ เออาเรนดิล ได้นำซิลมาริลดวงนั้นให้แก่วาลาร์ในเวลาต่อมา ณ ดินแดนตะวันตกเป็นของแสดงการขอขมา วาลาร์จึงได้นำซิลมาริลไปตั้งเป็นดวงดาวดวงหนึ่งบนท้องฟ้า อัญมณีอีกสองดวงยังคงอยู่ในมือของมอร์กอธ จนมันถูกเอาไปจากเขาเมื่อสิ้นสุด War of Wrath อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน ซิลมาริลสองดวงก็ถูกขโมยไปโดยบุตรชายสองคนของเฟอานอร์คือ Maedhros และ Maglor เมื่อเขาพยายามที่จะทำตามคำสาบานที่ได้ให้ไว้เมื่อหลายปีก่อน แต่อัญมณีได้แผดเผามือของทั้งสองเป็นการปฏิเสธสิทธิ์ในการถือครองเช่นเดียวกับที่อัญมณีได้แผดเผามือของมอร์กอธมาก่อน ด้วยความทรมาน, Maedhros จึงได้กระโดดลงไปพร้อมกับซิลมาริลลงในหลุมไฟ ส่วน Maglor นำซิลมาริลกระโดดลงในทะเล ดังนั้นซิลมาริลจึงคงอยู่ในสภาวะทั้งสาม คือ บนท้องฟ้า ในพิภพ และในน้ำ
ตามคำพยากรณ์ของ Mandos ที่พูดถึงการกลับมาครั้งสุดท้ายและความพ่ายแพ้ของเมลคอร์ใน Dagor Dagorath (ยุทธภูมิแห่งยุทธภูมิ) นั้นโลกจะเปลี่ยนไปและซิลมาริลจะถูกนำกลับขึ้นมาโดย วาลาร์ จากนั้นเฟอานอร์จะถูกปล่อยตัวจาก the Halls of Mandos และมอบซิลมาริลแก่ ยาวานนา ยาวานนาจะทำลายมันและชุบชีวิตทวิพฤกษาขึ้นมาด้วยแสงของมัน เทือกเขา Pelóri จะราบลงและแสงแห่งทวิพฤกษาจะทำให้โลกเต็มไปด้วยความสุขชั่วนิรันดร์
[แก้] แนวคิดและการสร้างสรรค์
งานประพันธ์ที่คล้ายคลึงกับซิลมาริลสามารถพบได้ในเทววิทยาซึ่งเกี่ยวข้องกับ The Ring of the Nibelung ของ ริชาร์ด วากเนอร์ ในเทววิทยาของวากเนอร์ Rhinemaidens ได้รักษา Rheingold ไว้โดยมันมิใช่เพียงทองเท่านั้นแต่เป็นทองวิเศษที่สามารถนำไปสร้างเป็นแหวนที่ผู้ถือจะสามารถเป็นเจ้าโลกได้ การค้นหา Rheingold ขับเคลื่อนทั้งพระเจ้าและมนุษย์สู่การกระทำทั้งน่าสยดสยองและกล้าหาญ ท้ายที่สุด Rheingold ได้กลับไปสู่ Rhinemaidens ชั่วนิรันดร์เหนืออำนาจของพระเจ้าหรือมนุษย์
อีกงานประพันธ์ซึ่งมีมาก่อนถ้าแม่นยำน้อยกว่านี้ ที่มีความคล้ายคลึงกับซิลมาริลคือเรื่องเกี่ยวกับ จอกศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นวัตถุที่เป็นหนึ่งสำหรับบูชาพระเจ้า และมีค่าเกือบอนันต์ การหาจอกศักดิ์สิทธิ์นี้คือการหาสถานะของ Divine grace นั่นเอง Quest for the Saint Graal ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญใน Arthurian Legends.
งานเปรียบเทียบหนึ่งที่ถูกค้นพบในบทกวีของตำนานฟินน์คือ คาเลวาลา ซามโพ เป็นวัตถุแห่งอำนาจซึ่งหลอมโดยช่าง Ilmarinen ด้วยการกระตุ้นของพ่อมด Väinämöinen ผู้ต้องการมันเพื่อเอาชนะ the hand of the daughter of Louhi, แม่มดแห่ง Pohjola ถึงแม้ว่าธรรมชาติแท้ ๆ ของมันยังไม่มีใครรู้ แต่วัตถุนี้มีความสามารถอย่างเห็นได้ชัดในการสร้างทั้งสิ่งที่จำเป็นและความหรูหราด้วยเวทมนตร์แก่ผู้ที่เป็นเจ้าของมัน การไล่ล่า การขโมย และการชิงซามโพคืนโดยตัวละครต่าง ๆ ได้ขับเคลื่อนเรื่องราวส่วนใหญ่ใน คาเลวาลา