โอโซน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
-
บทความนี้เกี่ยวกับโอโซน (แก้ความกำกวม) สำหรับความหมายอื่น ดูที่ โอโซน (แก้ความกำกวม)
โอโซน | |
---|---|
![]() ![]() |
|
สมบัติทั่วไป | |
ชื่อตามระบบ | ไตรออกซิเจน |
สูตรโมเลกุล | O3 |
มวลโมเลกุล | 47.998 g/mol |
ลักษณะภายนอก | แก๊สสีน้ำเงิน |
เลขทะเบียน CAS | [10028-15-6] |
สมบัติทางเคมี | |
ความหนาแน่น และสถานะที่อุณหภูมิห้อง | 2.144 g/l (0 °C), แก๊ส |
ความสามารถในการละลายในน้ำ | 0.105 g/100 ml (0 °C) |
จุดหลอมเหลว | 80.7 K, −192.5 °C |
จุดเดือด | 161.3 K, −111.9 °C |
พิษภัย | |
EU classification | ไม่ได้ระบุ |
NFPA 704 | |
เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น ข้อมูลที่ให้ไว้นี้เป็น ข้อมูลของสาร ณ ภาวะมาตรฐาน ที่25 °C, 100 kPa |
โอโซน (Ozone หรือ O3) เป็นโมเลกุลที่ประกอบจากออกซิเจน 3 อะตอม ปรากฏอยู่ในชั้นบรรยากาศของโลก และมีการใช้งานในทางอุตสาหกรรมและเครื่องใช้ตามบ้านทั่วไป โอโซนถูกค้นพบครั้งแรกโดย คริสเตียน ฟรีดริช เชินไบน์ (Christian Friedrich Schönbein) นักเคมีชาวเยอรมัน ในปี ค.ศ. 1840 โดยตั้งชื่อตามภาษากรีกคำว่า ozein ซึ่งแปลว่ากลิ่น
โอโซนเข้มข้นมีสีฟ้าที่อุณหภูมิและความดันมาตรฐาน (Standard Temperature and Pressure; STP) เมื่ออุณหภูมิลดลงถึง -112 °C โอโซนจะเป็นเป็นของเหลวสีน้ำเงิน และเมื่ออุณหภูมิลดต่ำกว่า -193 °C ก็จะกลายเป็นของแข็งสีดำ
เรานำโอโซนไปใช้ประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน เช่น นำไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตเคมีภัณฑ์ นำไปใช้เป็นสารซักฟอก ใช้ฆ่าแบคทีเรีย ฯลฯ
[แก้] โอโซนในทางเคมี
แก๊สโอโซนเป็นตัวออกซิไดส์ที่ดีมาก และในขณะเดียวกันก็เป็นสารที่ไม่อยู่ตัว มักจะสลายเป็นแก๊สออกซิเจนได้ง่าย ดังสมการ
- 2 O3 → 3 O2
ถ้าเราเพิ่มอุณหภูมิและลดความดัน ปฏิกิริยาข้างต้นจะไปข้างหน้าได้เร็วมาก โดยปกติโอโซนมักออกซิไดส์โลหะ (ยกเว้นทองคำ แพลทินัม และแพลเลเดียม) ให้มีเลขออกซิเดชันสูงขึ้น
![]() |
โอโซน เป็นบทความเกี่ยวกับ เคมี ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับ โอโซน ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ |