พระธรรมปฐมกาล
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
![]() |
บทความนี้ต้องการตรวจสอบความถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ หากคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือมีความรู้เกี่ยวกับบทความนี้ สามารถช่วยปรับปรุงเนื้อหาได้โดยการกด แก้ไข ด้านบน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การจัดย่อหน้า คู่มือการเขียน การอ้างอิง และ นโยบายวิกิพีเดีย |
ส่วนหนึ่งของ ประวัติคริสต์ศาสนา |
|
ศาสดา | |
พระเยซู | |
ความเชื่อและการปฏิบัติ | |
เทวดาตามคติความเชื่อ | |
บุคคลสำคัญ | |
รอเพิ่มเติม | |
คัมภีร์และหนังสือ | |
ไบเบิล พันธสัญญาเดิม · พันธสัญญาใหม่ |
|
นิกาย | |
โรมันคาทอลิก · ออโธดอกซ์ โปรเตสแทนต์ |
|
สังคมคริสต์ศาสนา | |
เมือง · คริสตกาล · คริสต์ศักราช สถาปัตยกรรม · ศิลปะ · บุคคล |
|
ดูเพิ่มเติม | |
ศัพท์เกี่ยวกับคริสต์ศาสนา หมวดหมู่คริสต์ศาสนา |
พระธรรมปฐมกาล เป็น พระธรรมที่กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของโลก มนุษย์ และอิสราเอล ซึ่งเป็นตัวแทนของชนชาติที่พระเจ้าได้เลือกไว้ (ซึ่งมีความนัยทางศาสนศาสตร์) ชื่อพระธรรมปฐมกาล มาจากภาษาฮีบรู ซึ่งเป็นคำแรกที่ปรากฏในพระคัมภีร์ฉบับฮีบรูคำว่า בראשית (B'reshit or Bərêšîth) แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า in the beginnig [1] ซึ่งในภาษาไทย ผู้แปลได้ใช้คำว่า "ในปฐมกาล..."
สารบัญ |
[แก้] ผู้เขียน
พระธรรมปฐมกาล เป็นพระธรรมฉบับแรกของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม และเป็นพระธรรมเล่มแรกในหมวดพระธรรมเบญจบรรณ (กลุ่มพระคัมภีร์โตราห์) ซึ่งชาวยิวเชื่อว่า โมเสส เป็นผู้เขียนพระธรรมในชุดนี้ขึ้น[2]
[แก้] สรุป
[3]พระธรรมปฐมกาลเริ่มต้นด้วย การทรงสร้างของพระเจ้า ทั้งการสร้างจักรวาล โลก สิ่งมีชีวิตต่าง รวมถึงมนุษย์คู่แรก อาดัม และ เอวา รวมทั้งการกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของความบาปอันเป็นเหตุให้มนุษย์ถูกขับออกจากสวนเอเดน และพระธรรมปฐมกาลก็นำไปสู่เหตุการณ์ที่สำคัญของมนุษยชาติ 2 เหตุการณ์ ได้แก่ การสร้างหอบาเบล และปรากฏการณ์เรือโนอาห์ในเหตุการณ์น้ำท่วมโลก
ต่อมา พระธรรมปฐมกาลได้กล่าวถึง การทรงเรียกของอับราฮัม และพันธสัญญาที่ทรงกระทำต่อเขาและภรรยา [4] และยังกล่าวไปถึงร่นลูกของอับราฮัม ซึ่งได้แก่ อิสอัค และอิชมาเอล บรรพบุรุษของชนชาติอิสราเอล และปาเลสไตน์ รุ่นหลานของอัมราฮัมได้แก่ยาโคบ ซึ่งต่อมาได้ชื่อว่า อิสราเอล และรุ่นเหลน ได้แก่ โยเซฟ ผู้ซึ่งนำพาอิสราเอลเข้าไปพำนักอยู่ในแผ่นดินอียิปต์
พระธรรมปฐมกาลกล่าวถึงยุคก่อนหน้าที่ชนชาติอิสราเอลจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งอธิบายถึงพื้นฐานแนวความคิดทางด้านชาตินิยม ศาสนา รวมไปถึงประวัติศาสตร์ กฎหมาย และประเพณีต่าง ๆ ของชนชาติยิวอีกด้วย
[แก้] เนื้อหาโดยย่อ
[แก้] กำเนิดโลก
ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้าง...[5] ในพระธรรมปฐมกาล เริ่มต้นด้วยการสร้างโลกของพระเจ้า โดยพระเจ้าทรงใช้เวลาในการสร้างโลกทั้งสิ้น 6 วัน และทรงใช้เวลาอีก 1 วันเป็นเวลาพักผ่อน จึงเป็นที่มาของการกำหนดให้ 1 สัปดาห์ มี 7 วัน และกำหนดให้มี 1 วันเป็นวันพักผ่อน ที่มักจะพบในพระคัมภีร์ว่า "วันสะบาโต" ชาวยิวจะเคร่งครัดในวันสะบาโตมาก คือ จะไม่ทำอะไรในวันนั้น กิจกรรมที่อนุญาตให้ทำในวันนั้นมีจำนวนจำกัดมาก การไม่เคารพวันสะบาโต เสมือนการไม่ยำเกรงพระเจ้าเลยทีเดียว
ลำดับการทรงเนรมิตสร้างโลกของพระเจ้าเป็นดังนี้[6]
- วันที่ 1 ทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน แผ่นดินก็ว่างเปล่า[7] ทรงแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่าวัน และความมืดนั้นว่า คืน มีเวลาเย็นและเวลาเช้า[8]
- วันที่ 2 พระเจ้าทรงสร้างภาคพื้น แล้วทรงแยกน้ำที่อยู่ใต้ภาคพื้น ออกจากน้ำที่อยู่เหนือภาคพื้น พระเจ้าจึงทรงเรียกภาคพื้นนั้นว่า ฟ้า[9]
- วันที่ 3 พระเจ้าทรงแยกแผ่นดินออกจากแผ่นน้ำ และทรงเรียกแผ่นน้ำนั้นว่า ทะเล ทรงเนรมิตให้เกิดพืช ทั้งผัก หญ้า และต้นไม้นานาชนิด
- วันที่ 4 พระเจ้าทรงสร้างดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ให้เป็นหมายกำหนดฤดู วัน ปี[10] และทรงสร้างดวงดาวต่าง ๆ
- วันที่ 5 พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ทะเล และนกในอากาศ และทรงอวยพระพรแก่สัตว์เหล่านั้นว่า "...จงมีลูกดกทวีมากขึ้น จนเต็มน้ำในทะเล และให้นกทวีมากขึ้นบนแผ่นดิน..."[11]
- วันที่ 6 พระเจ้าทรงสร้างสัตว์บนแผ่นดิน ได้แก่ สัตว์ใช้งาน สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ป่า และทรงสร้างมนุษย์ โดยทรงตรัสว่า "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่าง ๆ ที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน"[12]
- วันที่เจ็ด พระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ที่ทรงกระทำมานั้น ในวันที่เจ็ดก็ทรงพักการงานทั้งสิ้นของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำ พระเจ้าจึงทรงอวยพระพรแก่วันที่เจ็ด ทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์[13]
[แก้] กำเนิดมนุษย์
ในพระธรรมปฐมกาลบทที่ 2[14] ได้กล่าวถึงไว้ว่า พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน แต่สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์อื่น ๆ บนโลกใบนี้ เนื่องจาก เพราะพระเจ้าทรงระบายลมปราณ ให้แก่มนุษย์ด้วย นั่นเอง เรามักจะรู้จักลมปราณที่ว่า ในนามของ วิญญาณ และนั่นจึงไม่แปลกเลย ที่เมื่อร่างกายของมนุษย์สูญสลาย ก็กลายกลับไปเป็นดินเช่นเดิมนั่นเอง
พระเจ้าทรงสร้างสวนแห่งหนึ่งไว้ที่เอเดน ซึ่งคาดว่าน่าจะตั้งอยู่ในพื้นที่ของประเทศอิรักในปัจจุบัน ทั้งนี้เนื่องจากพระธรรมปฐมกาลได้กล่าวถึงแม่น้ำไทกริส และยูเฟรติสไว้ ซึ่งในสวนแห่งเอเดนนี้พระเจ้าทรงบัญชาไว้แก่มนุษย์ว่า "บรรดาผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้ เจ้ากินได้ทั้งหมด เว้นแต่ต้นไม้แห่งความสำนึกในความดีและความชั่ว ผลของต้นไม้นั้นอย่ากิน เพราะในวันใดที่เจ้าขืนกิน เจ้าจะต้องตายแน่"[15]
ในครั้งแรก พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ผู้ชาย ชื่อ อาดัม ต่อมาทรงเห็นว่าไม่ควรให้มนุษย์อยู่คนเดียว จึงทรงสร้งคู่อุปถัมภ์ที่เหมาะสมให้ โดยทรงชักกระดูกซี่โครงอันหนึ่งออกมาขณะอาดัมกำลังหลับ และนำกระดูกซี่โครงนั้นมาสร้างเป็นมนุษย์ผู้หญิง ชื่อ เอวา
[แก้] ความบาป
ความบาป เข้ามาครั้งแรกในโลก จากการไม่เชื่อฟังพระเจ้า ของมนุษย์ เอวา หรือ อีฟ (มนุษย์ผู้หญิงคนแรก) ถูกล่อลวงโดยมาร ให้สงสัยในคำสั่งของพระเจ้า และไม่เชื่อฟังคำสั่งของพระองค์ พระเจ้าจึงมอบความทุกข์ที่ยิ่งใหญ่ให้ผู้หญิง นั่นคือการอุ้มท้อง และการคลอดลูก เพื่อเตือนให้มนุษย์ระลึกถึงความเจ็บปวดจากการมีบาป ดังพระดำรัสของพระเจ้าที่กล่าวไว้ในพระธรรมปฐมกาลบทที่ 3 ข้อที่ 16[16] ว่า "...เราจะเพิ่มความทุกข์ลำบากขึ้นมากมาย ในเมื่อเจ้ามีครรภ์และคลอดบุตร ถึงกระนั้นเจ้ายังปรารถนาสามี และเขาจะปกครองตัวเจ้า"
อาดัม (มนุษย์ผู้ชายคนแรก) ไม่เชื่อฟังพระเจ้า เพราะเชื่อเอวา เห็นได้ว่า ผู้ชายอยู่ในโอวาทของภรรยาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ดังนั้น ผู้ชาย จึงถูกลงโทษให้ต้องทำงานหนัก เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ดังที่พระเจ้าทรงตร้สไว้ว่า "...เจ้าจะต้องหากินด้วยเหงื่ออาบหน้า จนเจ้ากลับเป็นดินไป เพราะเราสร้างเจ้ามาจากดิน เจ้าจะเป็นผงคลีดิน..."[17]
การไม่เชื่อฟังพระเจ้าของอาดัม และเอวา ทำให้ทั้งสองคนถูกขับออกจากสวนเอเดน ต้องทำมาหาเลี้ยงตนเอง และสืบเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่อมาอีกมากมาย ในพระธรรมปฐมกาลช่วงถัดมานี้ จะลำดับถึงพงศ์พันธุ์ของอาดัม และเอวา ต่อ ๆ กันมา สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ยิ่งมนุษย์ห่างไกลพระเจ้ามากขึ้น อายุขัยของมนุษย์ก็ยิ่งสั้นลงไปด้วยเช่นกัน
ตามหลักพระคัมภีร์แล้ว มนุษย์ทุกคนบนโลก ล้วนแล้วแต่เป็นญาติพี่น้องกัน เพราะเราต่างสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษคนเดียวกันทั้งสิ้น
[แก้] เรือโนอาห์
เมื่อมนุษย์ห่างจากพระเจ้า ความบาปต่าง ๆ ก็ครอบงำมนุษย์มากขึ้น พระเจ้าทรงเห็นว่าความชั่วช้าของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน และทรงเห็นว่าเค้าความคิดในใจของเขาล้วนเป็นเรื่องร้ายเสมอไป จึงทรงดำริว่า จะกวาดล้างมนุษย์ไปเสียจากแผ่นดินโลก ทั้งมนุษย์ สัตว์เลื้อยคลาน และนกในอากาศด้วย[18]
แต่ด้วยทรงเห็นว่าโนอาห์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระเจ้า เป็นคนชอบธรรม ดีพร้อมในสมัยของเขา และดำเนินกับพระเจ้า พระองค์จึงทรงบอกเหตุการณ์น้ำท่วมโลกให้โนอาห์ทราบ พร้อมทั้งทรงมอบแผนผังรูปแบบเรือที่ใช้ในการช่วยชีวิตของโนอาห์ให้รอดพ้นจากการถูกล้างโลกในครั้งนั้น เป็นที่มาของ เรือโนอาห์ นั่นเอง เนื่องจากตามพระประสงค์ของพระเจ้า ต้องการให้โนอาห์นำสิ่งมีชีวิตบนโลกขึ้นไปบนเรือด้วยอย่างละคู่ พระเจ้าทรงบัญชาอย่างไร โนอาห์ก็ทำตามนั้นทุกประการ[19]
เมื่อถึงกำหนดของพระเจ้า พระองค์ทรงบอกให้โนอาห์ขึ้นไปอยู่บนเรือ และทรงบันดาลให้ฝนตก 40 วัน 40 คืนติดต่อกัน และทรงปิดตามน้ำทั้งหมด จนน้ำท่วมโลก ผู้คน สัตว์ และพืชทุกชนิดที่อาศัยบนโลกก็เสียชีวิตไปทั้งสิ้น และทรงให้น้ำท่วมโลกอยู่เป็นเวลาถึง 150 วัน[20]
ภายหลัง เมื่อพระเจ้าทรงระลึกถึงโนอาห์ จึงทรงทำให้น้ำลดลง โดยใช้เวลาประมาณ 150 ว้น เมื่อน้ำลดลงแล้วโนอาห์ และครอบครัวจึงกลับมาอาศัยอยู่บนแผ่นดินตามปกติ พระเจ้าทรงอวยพระพรให้แก่โนอาห์ และมอบบัญญัติบางประการ เช่น "อย่ากินเนื้อสัตว์พร้อมกับชีวิตของมัน คือเลือดของมัน"[21] ซึ่งเป็นเหตุผลที่ชาวยุโรปไม่รับประทานเลือด นอกจากนี้พระเจ้ายังทรงมีพันธสัญญาแก่โนอาห์ว่า "จะไม่ทำลายบรรดามนุษย์และสัตว์โดยให้น้ำท่วมอีก และจะไม่ให้มีน้ำมาท่วมทำลายโลกอีกต่อไป...เราตั้งรุ้งของเราไว้ที่เมฆ และรุ้งนั้นจะเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาของเรา..."[22] ฉะนั้นตราบใดที่ยังเห็นรุ้งกินน้ำ ก็เป็นเหมือนคำสัญญาของพระเจ้าว่า จะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมโลก(ทั้งใบ)อีก[23]
[แก้] หอบาเบล
หอบาเบล เกิดจากความสามัคคีของมนุษย์ ภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วมโลก จากลูกหลานของโนอาห์ ได้ขยายพงศ์พันธุ์แผ่ไพศาลออกไป แต่ทั่วทั้งโลกต่างพูดภาษาเดียวกัน และมีศัพท์สำเนียงเดียวกัน[24] ผู้คนในยุคนั้นจึงได้ร่วมกันสร้างหอบาเบล โดยมีความมุ่งหมายเพื่อที่จะสร้างเป็นหอเทียมฟ้า สร้างชื่อเสียงไว้ และเป็นแหล่งรวมอารยธรรมของมนุษย์ไว้ด้วยกัน[25]
การสร้างหอบาเบล เป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้กัยมนุษยชาติ ซึ่งความภาคภูมิใจนี้ ก็นำมาซึ่งความหยิ่งผยอง คิดท้าทายพระเจ้า ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงบันดาลให้เกิดภาษาที่แตกต่างกัน ทำให้มนุษย์สื่อสารกันไม่เข้าใจ การก่อสร้างหอบาเบลจึงหยุดชะงักลงเพียงนั้น[26]
คำว่า บาเบล ที่ใช้ตั้งชื่อหอคอยนี้ มาจากรากศัพท์ภาษาฮีบรู ที่แปลว่า วุ่นวาย นั่นเอง[27] และจากการสร้างหอบาเบล ทำให้มีพระธรรมข้อที่น่าประทับใจที่คริสตชนมักใช้ให้กำลังใจกัน นั่นคือพระธรรมปฐมกาลบทที่ 11 ข้อที่ 6[28]
[แก้] กำเนิดอิสราเอล
ภายหลังจากยุคของโนอาห์อีกหลายลำดับ ก็มีชายผู้หนึ่ง ซึ่งยำเกรงพระเจ้า และอธิษฐานต่อพระองค์เป็นประจำ บุคคลนั้นคือ อับราฮัม พระเจ้าทรงตรัสกับอับราฮัม ให้อพยพครอบครัวไปยังดินแดนที่พระเจ้าจะประทานให้ เป็นที่ซึ่งน้ำดินดี อุดมสมบูรณ์ พร้อมทั้งอวยพรให้พงษ์พันธุ์ของอับราฮัมจะเป็นพงษ์พันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งในขณะนั้นภรรยาของอับราฮัมเป็นหมัน
อับราฮัมได้ย้ายออกจากเมือง เดินทางไปตามที่พระเจ้าทรงนำ และผ่านไปยังเมืองโสโดม และเมืองโกมารา โดยโลทหลานชายของอับราฮัมที่เดินทางมาด้วย ได้ตั้งหลักแหล่งที่เมืองโสโดมนี้ แต่ต่อมาเมืองนั้นก็ถูกพระเจ้าลงโทษโดยให้กลายเป็นเกลือทั้งเมือง (รวมทั้งผู้คน สัตว์ สิ่งของ) ซึ่งนักประวัติศาสตร์บางส่วนเชื่อว่าปัจจุบันทะเลสาปเดดซี หรือ ทะเลตาย คือที่ตั้งของเมืองโสโดม และเมืองโกมารา ในอดีตนั่นเอง
อับราฮัมมีภรรยา ชื่อนางซาราห์ แต่นางเป็นหมัน เมื่ออับราฮัมอายุได้ 99 ปี พระเจ้าทรงมีพันธสัญญาว่า จะให้อับราฮัมเป็นบิดาของชนชาติใหญ่ นางซาราห์จึงยกนางฮาร์กา สาวใช้ ให้เป็นภรรยาของอับราฮัม นางฮาร์กาตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชาย ชื่ออิชมาเอล เมื่ออิชมาเอลอายุได้ 13 ปี นางซาราห์ก็ตั้งครรภ์ อับราฮัมตังชื่อบุตรชายคนนี้ว่า อิสอัค ในระหว่างนี้มีเหตุการณ์ที่ทำให้อับราฮัมต้องขับไล่นางฮาการ์ และอิชมาเอลออกจากครอบครัวไป[29] ส่วนอิสอัคได้รับการเลี้ยงดูจากบิดา จนเติบใหญ่และมีบุตรชาย ชื่อยาโคบ ซึ่งภายหลังได้รับการตั้งฉายาใหม่ว่า อิสราเอล และเป็นที่มาของชื่อประเทศอิสราเอลในทุกวันนี้
ยาโคบ หรือ อิสราเอล มีบุตรชายทั้งสิ้น 12 คน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการแบ่งเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลออกเป็น 12 เผ่า และ โยเซฟ บุตรชายคนสุดท้องของ ยาโคบ เป็นบุคคลที่ช่วยให้ชาวอิสราเอลสามารถหนีภัยแล้งไปพำนักอยู่ในประเทศอียิปต์ และก่อให้เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ในภายหลัง ซึ่งได้บันทึกไว้ในพระธรรมอพยพ
[แก้] มุมมองของศาสนาคริสต์ ต่อพระธรรมปฐมกาล
[30]ในคริสตจักรยุคแรก มุ่งเน้นการศึกษาพระธรรมปฐมกาลในเชิงทฤษฎีที่อ้างอิงอยู่บนพื้นฐานความเชื่อของชาวยิว ผู้เขียนพระวรสารยอห์น ได้ใช้รูปแบบเปรียบเทียบระหว่างพระธรรมปฐมกาลบทที่ 1 และพระวรสารยอห์นบทที่ 1 โดยเปรียบพระลักษณะพระเจ้า มุ่งถึงการนำเสนอความเป็นพระตรีเอกภาพของพระเจ้ามากขึ้น โดยใช้คำว่า "พระวาทะ" (Word) รวมเข้ากับคำว่า "พระเจ้า" ดังกล่าวไว้ว่า "ในปฐมกาลพระวาทะดำรงอยู่ และพระวาทะสถิตย์อยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า"[31]
ศาสนาคริสต์ ได้นำเสนอความแตกต่างจากศาสนายูดายมากขึ้น เมื่อมีการนำเสนอภาพของพระเยซู ที่ทรงเป็นเสมือน อาดัม ที่ถูกส่งลงมาบังเกิดใหม่ เพื่อไถ่ความบาปให้แก่มนุษยชาติ และคริสตจักรก็เปรียบเสมือนเรือโนอาห์ที่ช่วยให้มนุษย์ผู้ชอบธรรมได้รับความรอด จากการรับบัพติสมา และพันธสัญญาของพระเจ้าที่มีต่ออับราฮัม ที่จะทรงอวยพระพรแก่ลูกหลานที่สืบเชื้อสายของอับราฮัมโดยสายเลือด กลับกลายเป็นลูกหลานของอับราฮัมที่สืบเชื้อสายโดยความเชื่อที่มีต่อองค์พระเยซู
นอกจากนี้ ยังมีภาพเปรียบเทียบในพระธรรมปฐมกาล ที่ปรากฎชาย 3 คนเพื่อแจ้งข่าวการเกิดของอิสอัค แก่อับราฮัม[32] กับโหราจารย์ 3 คนที่แจ้งข่าวการประสูติของพระเยซู[33] อีกด้วย
![]() |
[แก้] มุมมองของศาสนาอิสลาม ต่อพระธรรมปฐมกาล
ในพระคัมภีร์อัลกุรอาน และพระคริสตธรรมคัมภีร์ มีทั้งส่วนที่เหมือน และส่วนที่แตกต่างกัน โดยพื้นฐานทั้งสองมีโครงเริ่มแรกเหมือนกัน โดยเนื้อหาในแง่ประวัติศาสตร์นั้น พระคัมภีร์ในทั้งสองศาสนามีความสอดคล้องกันตั้งแต่พระเจ้าทรงสร้างโลก การสร้างมนุษย์ ความบาป เรือโนอาห์ เหตุการณ์น้ำท่วมโลก เรื่องราวของอับราฮัม การทำนายฝันของโยเซฟ จนกระทั่งโมเสสเข้าเฝ้าพระเจ้า แต่ในมุมมองของพระคัมภีร์อัลกุรอานมองว่า พระธรรมปฐมกาลมีการบิดเบือนในบางประเด็น และพระคัมภีร์อัลกุรอานค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องของศีลธรรมสูงมาก
ตัวอย่างของเนื้อหาส่วนที่มีความแตกต่าง
- เรื่องเหตุการณ์น้ำท่วมโลก เนื้อหาพระคัมภีร์ทั้งสองศาสนากล่าวเหมือนกันว่าเหตุการณ์น้ำท่วมโลกนี้เกิดขึ้นทั่วทั้งโลก (แม้จะมีคริสตศาสนิกชนบางกลุ่มความเชื่อ ไม่เชื่อเช่นนั้นก็ตาม) แต่ในพระคัมภีร์อัลกุรอานกล่าวว่า มีบุตรชายของโนอาห์คนหนึ่งไม่เชื่อฟังพระเจ้า จึงไม่ได้ขึ้นเรือไปด้วยและตายในเหตุการณ์น้ำท่วมโลก แต่ในพระธรรมปฐมกาลนั้น นับบุตรชายทั้งสามคนของโนอาห์ขึ้นไปบนเรือทั้งสิ้น
- เรื่องราวของโลท ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ จะกล่าวถึงบทบาทของโลทน้อยมาก ในขณะที่ในพระคัมภีร์อัลกุรอาน ยกย่องโลท เป็นผู้พยากรณ์ ดังนั้นในพระคัมภีร์อัลกุรอาน จึงไม่มีเรื่องราวของโลทตอนเมาเหล้าองุ่น นอกจากนี้ในส่วนการทำลายเมืองโสโดม และเมืองโกมารา พระคริสตธรรมคัมภีร์กล่าวว่าภรรยาของโลทได้ติดตามโลทออกจากเมืองโสโดม และได้หันหลังกลับไปมองเมืองนั้นด้วยความคนึงหา จึงถูกสาปให้เป็นเสาเกลือ แต่ในพระคัมภีร์อัลกุรอานกล่าวว่า ภรรยาของโลทไม่ได้ออกมาจากเมืองโสโดมพร้อมกับโลท
- การถวายบุตรแด่พระเจ้า ของอับราฮัม ในพระคัมภีร์อัลกุรอาน เชื่อว่า บุตรที่ถูกถวายแต่พระเจ้า คือ อิชมาเอล ไม่ใช่ อิสอัค และเชื่อว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่ อิสอัค เกิด ดังนั้นจึงเชื่อว่า อิชมาเอล คือ บุตรหัวปี แต่บุตรทั้งสองคนเป็นผู้สืบเชื้อสายของอับราฮัมเหมือนกัน อิสฮัคและลูกหลานได้รับมรดก และรับพันธสัญญาของพระเจ้ามีบุตรหลานมากมายเป็นศาสดาพยากรณ์ เช่นเดียวกับที่ทางสายอิชมาแอลมีมุฮัมมัดเป็นศาสดาในยุคหลัง ในขณะที่พระคริสตธรรมคัมภีร์นั้นยกให้อิสฮัคเพียงผู้เดียว เป็นบุตรผู้ได้รับสืบเชื้อสาย[34]
![]() |
[แก้] การเปรียบเทียบกับช่วงเวลาในประวัติศาสตร์โลก
บนพื้นฐานของพระธรรมปฐมกาล ศาสนายูดาย และศาสนาคริสต์ ต่างยึดเอาพระธรรมปฐมกาล และพระธรรมเล่มต่อ ๆ มาเป็นเครื่องช่วยในการคำนวณอายุเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏตามหลักฐานของพระคัมภีร์ เชื่อว่าโลกนี้ถูกสร้างเมื่อ 4 พันปีก่อนคริสตกาล (the beginning of the 4th millennium BC.) โดยนับตั้งแต่วันเริ่มแรกสร้างโลกของพระเจ้า การกำเนิดอาดัม และอีฟ และเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์ และวันแรกของการสร้างโลกที่คำนวณด้วยวิธีการนี้ ที่เป็นที่ยอมรับและกล่าวอ้างถึงมากที่สุด คือเวลา 9 โมงเช้า ของวันที่ 23 เดือนตุลาคม เมื่อ 4004 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งบิช๊อป เจมส์ ยูเซอร์ (Anglican Bishop James Ussher) เป็นผู้คำนวณขึ้น
แต่การคำนวณอายุโลกด้วยวิธีการดังกล่าว ก่อให้เกิดข้อกังขาขึ้นอย่างมาก รวมทั้งนักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดีโดยส่วนใหญ่ต่างก็ไม่ยอมรับการคำนวณอายุโลกด้วยวิธีการดังกล่าว นอกจากนี้ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ทั้งด้านดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และชีววิทยา ล้วนแล้วแต่ไม่สอดคล้องกับผลการคำนวณดังกล่าว เนื่องจากหลักฐานบางอย่างระบุอายุของโลกไว้กว่า 4 พันล้านปีด้วยซ้ำไป ประเด็นอายุของโลกจึงยังคงเป็นที่ถกเถียงกันระหว่างศาสนศาตร์ และนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ในปัจจุบัน[35]
[แก้] ดูเพิ่มเติม
[แก้] อ้างอิง
- ↑ http://www.biblestudytools.net/Lexicons/Hebrew/heb.cgi?number=7225&version=kjv
- ↑ http://en.wikipedia.org/wiki/Genesis
- ↑ แปลจากบางส่วนของบทความใน http://en.wikipedia.org/wiki/Genesis
- ↑ พันธสัญญาของพระเจ้าต่ออับราฮัมมีกล่าวไว้ในพระธรรมปฐมกาลบทที่ 22 ข้อ 3
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 1 ข้อที่ 1
- ↑ http://webinspirer.com/godwithus/bible/bible_detail.php?no=000002a
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 1 ข้อ 1-2 [[1]]
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 1 ข้อที่ 4-5[[2]]
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 1 ข้อที่ 7-8[[3]]
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 1 ข้อที่ 14[[4]]
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 1 ข้อที่ 22[[5]]
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 1 ข้อที่ 26[[6]]
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 2 ข้อที่ 2-3[[7]]
- ↑ http://thaipope.org/webbible/01_002.htm
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 2 ข้อที่ 16-17#REDIRECT[[8]]
- ↑ http://thaipope.org/webbible/01_003.htm
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 3 ข้อที่ 19[[9]]
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 6 ข้อ 5-7[[10]]
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 6[[11]]
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 7[[12]]
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 9 ข้อที่ 4
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 9 ข้อที่ 11 และ ข้อที่ 13
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 8-9[[13]][[14]]
- ↑ พระธรรมปฐมกาล บทที่ 11 ข้อที่ 1
- ↑ พระธรรมปฐมกาล บทที่ 11 ข้อที่ 4
- ↑ พระธรรมปฐมกาล บทที่ 11 ข้อที่ 6-9
- ↑ พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับเรียงพิมพ์ใหม่ พ.ศ. 2541 (1998)
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 11 ข้อที่ 6 กล่าวไว้ว่า แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ดูเถิด คนเหล่านี้เป็นชนชาติเดียว มีภาษาเดียว นี่เป็นเพียงเบื้องต้นของสิ่งที่เขาจะทำ และเขาตั้งใจจะทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น..."
- ↑ เนื้อหาพระคัมภีร์ส่วนนี้ ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ จะมีเนื้อหาบางส่วนแตกต่างจากพระคัมภีร์อัลกุรอาน ในศาสนาอิสลาม
- ↑ เนื้อหาในส่วนนี้ แปลมาจากบทความใน http://en.wikipedia.org/wiki/Genesis
- ↑ พระวรสารยอห์น บทที่ 1 ข้อที่ 1
- ↑ พระธรรมปฐมกาล บทที่ 18
- ↑ พระวรสารมัทธิว บทที่ 2
- ↑ เนื้อหาในส่วนนี้ แปลมาจากส่วนหนึ่งของบทความใน http://en.wikipedia.org/wiki/Similarities_between_the_Bible_and_the_Qur%27an
- ↑ แปลจาก วิกิพีเดียภาษาอังกฤษ
เบญจบรรณ | ปฐมกาล · อพยพ · เลวีนิติ · กันดารวิถี · เฉลยพระธรรมบัญญัติ |
พงศาวดาร | โยชูวา · ผู้วินิจฉัย · นางรูธ · 1ซามูเอล · 2ซามูเอล · 1พงศ์กษัตริย์ · 2พงศ์กษัตริย์ · 1พงศาวดาร · 2พงศาวดาร · เอสรา · เนหะมีย์ · (สารบบที่2)โทบิต · (สารบบที่2)ยูดิธ · เอสเธอร์ · (สารบบที่2)1 มัคคาบี · (สารบบที่2)2 มัคคาบี |
เพลง | โยบ · เพลงสดุดี · สุภาษิต · ปัญญาจารย์ · เพลงซาโลมอน · (สารบบที่2)ปรีชาญาณ · (สารบบที่2)บุตรสิรา |
ประกาศกใหญ่ | อิสยาห์ · เยเรมีย์ · เพลงคร่ำครวญ · (สารบบที่2)บารุค · เอเสเคียล · ดาเนียล |
ประกาศกน้อย | โฮเชยา · โยเอล · อาโมส · โอบาดีย์ · โยนาห์ · มีคาห์ · นาฮูม · ฮาบากุก · เศฟันยาห์ · ฮักกัย(ฮักโก) · เศคาริยาห์ · มาลาคี |
พระวรสาร | มัทธิว · มาระโก · ลูกา · ยอห์น |
ประวัติศาสตร์ | กิจการ |
จดหมายฝาก อาจารย์เปาโล | โรม · 1 โครินทร์ · 2 โครินทร์ · กาลาเทีย · เอเฟซัส · ฟิลิปปี · โคโลสี · 1 เธสะโลนิกา · 2 เธสะโลนิกา · 1 ทิโมธี · 2 ทิโมธี · ทิตัส · ฟีเลโมน · ฮีบรู |
จดหมายฝากอื่น ๆ | ยากอบ · 1 เปโตร · 2 เปโตร · 1 ยอหน์ · 2 ยอหน์ · 3 ยอหน์ · ยูดา |
คำพยากรณ์ | วิวรณ์ |
![]() |
พระธรรมปฐมกาล เป็นบทความเกี่ยวกับ ศาสนา ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับ พระธรรมปฐมกาล ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ |