โยเซฟ เฮย์เด้น

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Haydn

ฟร้านซ์ โยเซฟ เฮย์เด้น เป็นคีตกวีชาวออสเตรีย เกิดเมื่อปีค.ศ. 1732 ที่เมืองโรห์โร ติดพรมแดนประเทศฮังการี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1809 เนื่องจากเป็นคีตกวีในความดูแลของราชสำนัก จึงได้ประพันธ์บทเพลงไว้เป็นจำนวนมาก ได้ชื่อว่าเป็น บิดาแห่งซิมโฟนี และ บิดาแห่งสตริงควอเต็ต

[แก้] ชีวประวัติ

โยเซฟ เฮย์เด้น เกิดในครอบครัวฐานะปานกลาง บิดาเป็นช่างทำรถเทียมม้าที่หลงใหลในดนตรี ส่วนมารดาเป็นแม่ครัวในบ้านของคหบดี เมื่อเฮย์เด้นมีอายุได้หกขวบ เขาก็ได้เรียนดนตรีกับโยฮันน์ มัธเธียส แฟร้งค์ ผู้ซึ่งถูกจ้างให้มาสอน

เมื่ออายุได้แปดปี เสียงอันไพเราะ (เสียงโซปราโนอันแหลมสูง) ของเฮย์เด้นเป็นที่สะดุดหู เขาเลยได้เข้าร่วมวงขับร้องประสานเสียง แห่งมหาวิหารซังต์เอเทียนแห่งกรุงเวียนนา ที่นั่น เขาหัดเล่นดนตรีด้วยตนเอง เขาต้องถูกขับออกจากวงเมื่ออายุได้ 17 เมื่อเสียงเริ่มแตกพาน

โยเซฟ เฮย์เด้นมีชีวิตที่ลำบากในช่วงปีต่อๆมาของชีวิต มีความเป็นอยู่แร้นแค้น หาเลี้ยงชีพด้วยการรับเล่นดนตรีในงานเต้นรำและงานพิธีฝังศพเป็นครั้งคราว เขาได้กลายเป็นครูด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนพ่อ ชื่อนายพอร์พอร่า ที่เขามีโอกาสได้ทำความรู้จักในปีค.ศ. 1753 ซึ่งต่อมาได้จ้างเขาเป็นเลขานุการส่วนตัว นิโคล่า พอร์พอร่า ครูสอนขับร้องและคีตกวีชื่อดังได้สอนให้เฮย์เด้นประพันธ์เพลง และแนะนำให้เขารู้จักกับแวดวงสังคมชั้นสูง

ในปีค.ศ. 1757 โยเซฟ เฮย์เด้นได้ประพันธ์บทเพลงควอเต็ตเครื่องสายบทแรกๆ ที่ทำให้เขาได้เป็นที่รู้จัก และในปีถัดมา เขาก็ได้กลายเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลวิหารส่วนตัวของท่านเค้านท์ ฟอน มอร์ซิน ในปีนี้เองที่เฮย์เด้นได้ประพันธ์ซิมโฟนีบทแรก ในสมัยนั้น เขาได้ตกหลุมรักลูกศิษย์คนหนึ่งและได้ขอหล่อนแต่งงาน แต่เนื่องจากหญิงผู้นี้จะต้องเข้าคอนแวนต์ เขาจึงยอมรับที่จะแต่งงานกับพี่สาวที่มีอายุแก่กว่าหล่อนสี่ปี มีชื่อว่ามาเรีย อานนา เคลเลอร์ ซึ่งทั้งคู่ต้องแยกทางกันในอีกไม่กี่ปีต่อมาโดยไม่มีบุตรด้วยกัน

ในปีค.ศ. 1761 โยเซฟ เฮย์เด้นได้ตำแหน่งงานในครอบครัวคหบดีที่ร่ำรวยที่สุดครอบครัวหนึ่งในยุโรป นั่นคือครอบครัวของเจ้าชายเอสเตอร์ฮาซี แห่งฮังการี เขาได้ทำงานอยู่ที่นั้นนานถึงสามสิบปี ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว เขาได้ประพันธ์บทเพลงไว้มากมาย ทั้งซิมโฟนี ควอร์เต็ตเครื่องสาย คอนแชร์โต้ โซนาต้าสำหรับเครื่องดีด บทเพลงสำหรับบาริโทน โอเปร่า บทเพลงเพื่องานรื่นเริง รวมถึงบทเพลงทางศาสนา ความโด่งดังของโยเซฟ เฮย์เด้นเป็นที่ขจรขจายไปทั่วทวีปยุโรป นักดนตรีในวงของเขาได้ตั้งฉายาให้เขาว่า คุณพ่อเฮย์เด้น เนื่องจากเฮย์เด้นได้ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี

แต่เฮย์เด้นก็อาจได้รับฉายาดังกล่าวในฐานะ บิดาแห่งซิมโฟนี (ซึ่งถ้าแม้เขาไม่ได้เป็นผู้แรกที่คิดค้นดนตรีประเภทนี้ขึ้นมาแล้ว เขาก็ได้ประพันธ์มันไว้กว่า 104 บท!) ในปีค.ศ. 1781 โยเซฟ เฮย์เด้น ได้ผูกมิตรกับโมซาร์ท แม้ว่าทั้งคู่จะมีอายุห่างกันกว่า 24 ปี ทั้งคู่มีอิทธิพลทางดนตรีซึ่งกันและกัน

ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายเอสเตอร์เฮซี ในปีค.ศ. 1791 โยเซฟ เฮย์เด้น ก็ได้หมดภารกิจและได้เดินทางไปพำนักที่กรุงลอนดอนถึงสองครั้ง ที่ซึ่งเขามีชื่อเสียงดังกว่าเดิมอีัก จากนั้นเขาจึงกลับมาตั้งรกรากที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เขามีลูกศิษย์ลูกหาอย่างเช่น ลุดวิก ฟาน เบโทเฟน ที่มาเรียนกับเขาตั้งแต่ปีค.ศ. 1792 แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเบโทเฟนไ่ม่เรียบลื่นเหมือนระหว่างเขากับโมซาร์ท จนอาจกล่าวได้ว่าไม่ลงรอยกัน

ด้วยความเหนื่อยล้าและป่วยหนัก โยเซฟ เฮย์เด้นไม่ค่อยได้ประพันธ์ในช่วงบั้นปลายของชีวิตเท่าไรนัก เขาเสียชีวิตในช่วงที่กองทัพของนโปเลียนเข้ายึดครองกรุงเวีัยนนา ศพของเขาไม่น่าดูชมเท่าไรนัก เป็นต้นว่าศีรษะหายไป...

[แก้] ผลงาน

  • โอตาริโอหลายบท เป็นต้นว่า พระเจ้าสร้างโลก (Hob. XXI:2) และฤดูกาล (Hob. XXI:3)
  • เพลงสวดมิสซา 14 บท รวมถึงมิสซา เนลสัน
  • ซิมโฟนี 104 บท รวมถึงซิมโฟนีหมายเลข 103 ที่โด่งดัง
  • บทเพลงสำหรับบรรเลงด้วยวงควอเต็ตเครื่องสายอีก 84 บท รวมถึง ควอเต็ต โอปุสที่ 76 หมายเลข 2 อันโด่งดัง
  • ทริโอ 31 บทสำหรับบรรเลงกับเปียโน
  • โซนาต้าสำหรับเปียโน 60 บท

[แก้] ลิ้งก์ภายนอก