ภาษาญี่ปุ่น
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ภาษาญี่ปุ่น (日本語 นิฮงโงะ) | ||
---|---|---|
พูดใน: | ญี่ปุ่น เกาะฮาวาย บราซิล กวม เกาะมาร์แชลล์ ปาเลา ไต้หวัน | |
จำนวนคนพูดทั้งหมด: | 127 ล้าน | |
อันดับ: | 9 | |
ตระกูลของภาษา: | Japonic ภาษาญี่ปุ่น |
|
ระบบการเขียน: | ฮิระงะนะ คะตะคะนะ คันจิ โรมะจิ | |
สถานะทางการ | ||
ภาษาราชการของ: | ประเทศญี่ปุ่น (ในทางปฏิบัติ) และ อังกาอูร์ (ปาเลา) | |
องค์กรควบคุม: | รัฐบาลญี่ปุ่น | |
รหัสภาษา | ||
ISO 639-1: | ja | |
ISO 639-2: | jpn | |
ISO/DIS 639-3: | jpn | |
หมายเหตุ: หน้านี้อาจจะมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ IPA ในลักษณะยูนิโคด |
ภาษาญี่ปุ่น (日本語, นิฮงโงะ ฟังเสียง ) เป็นภาษาราชการ ในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันมีผู้ใช้ภาษาญี่ปุ่นทั่วโลกราว 130 ล้านคน นอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว รัฐอังกาอูร์ สาธารณรัฐปาเลา ได้กำหนดให้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาราชการภาษาหนึ่ง นอกจากนี้ภาษาญี่ปุ่นยังถูกใช้ในหมู่ชาวญี่ปุ่นที่ย้ายไปอยู่นอกประเทศ นักวิจัยญี่ปุ่น และนักธุรกิจต่าง ๆ
คำภาษาญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลมาจากภาษาต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาษาจีน ที่ได้ถูกเผยแพร่มาในประเทศญี่ปุ่เมื่อกว่า 1,500 ปีที่แล้ว และตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ก็ได้มีการยืมคำจากภาษาต่างประเทศที่ไม่ใช่ภาษาจีนมาใช้อีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะภาษากลุ่มอินโด-ยูโรเปียน เช่นคำที่มาจากภาษาดัตช์ ビール (bier แปลว่า เบียร์) และ コーヒー (koffie แปลว่า กาแฟ)
สารบัญ |
[แก้] สถานะทางภูมิศาสตร์
ในปัจจุบัน นอกจากจะมีการพูดภาษาญี่ปุ่นกันในประเทศญี่ปุ่นแล้ว ในต่างประเทศ เช่นจีนแผ่นดินใหญ่ คาบสมุทรเกาหลี และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกก็มีการใช้ภาษาญี่ปุ่นด้วย ซึ่งเป็นผลที่ทางรัฐบาลญี่ปุ่น บังคับสอนภาษาญี่ปุ่นให้แก่พวกเขาในช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากนี้แล้ว ยังมีผู้อพยพและลูกหลานของชาวญี่ปุ่น ซึ่งได้อพยพไปสู่ทวีปอเมริกา เช่นประเทศสหรัฐอเมริกา ฮาวาย เปรู อาร์เจนตินา บราซิล ชิลี หลังสงครามอีกจำนวนหนึ่งที่ยังคงสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้อยู่ ถึงแม้ว่าลูกหลานของพวกเขาจะไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ก็ตาม
[แก้] สถานะทางราชการ
ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาราชการของประเทศด้วยความนิยม ซึ่งเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาราชการเต็มตัว(ไม่มีการใช้ภาษาต่างประเทศในวงราชการ) ภาษาญี่ปุ่นมีแบบภาษาที่เรียกกันว่ามาตรฐาน 2 แบบ คือ เฮียวจุงโงะ(標準語, hyōjungo?, ภาษามาตรฐาน) ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้กันโทรทัศน์ และ เคียวซือโงะ(共通語, kyōtsūgo? ภาษาร่วม) ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้กันอย่างไม่เป็นทางการ
[แก้] สำเนียงท้องถิ่น
ภาษาญี่ปุ่นมีสำเนียงท้องถิ่นมากมายดั่งเช่นประเทศอื่นๆในโลก โดยสามารถแบ่งออกเป็นใหญ่ๆได้ 3 ประเภท คือ
- แบบโตเกียว หรือ โตเกียวชิกิ(東京式) สำเนียงทางการ ซึ่งพูดกันในฝั่งตะวันออก หรือ ฮิงาชินิฮ่ง(東日本)ของญี่ปุ่น
- แบบเคฮัง หรือ เคฮังชิกิ(京阪式) ซึ่งพูดกันในฝั่งตะวันตก หรือ นิชินิฮ่ง(西日本) และ
- แบบคิวชู ซึ่งบางครั้งจะยุบรวมกับแบบเคฮัง เนื่องจากเป็นเป็นส่วนหนึ่งของนิชินิฮ่ง
ในปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นมิได้แบ่งว่าสำเนียงแบบโตเกียวเป็นสำเนียงกลางอย่างเป็นทางการ เนื่องจากนโยบายของประเทศที่ว่าต้องการอนุรักษ์สำเนียงต่างๆไว้ เช่น การผสมผสานสำเนียงภาษาของแต่ละท้องถิ่นเข้าไปในสื่อและรายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่น ดังนี้ จึงทำให้คนญี่ปุ่น เมื่อเดินทางไปยังถิ่นภูมิภาคอื่น ก็ยังคงพูดภาษาของถิ่นตนเองดังเดิม โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นพูดภาษากลาง
เหล่านี้สามารถเห็นได้ชัดในนักแสดงชาวภูมิภาคคันไซญี่ปุ่น ซึ่งส่วนมากเป็นนักแสดงตลก เมื่อเดินทางไปทำงานที่โตเกียว พวกเขาก็ยังคงพูดภาษาถิ่นคันไซของพวกเขาอยู่ดั่งเดิม โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง จึงให้เกิดรสนิยมที่ว่าดาราตลกญี่ปุ่นต้องพูดภาษาคันไซ สาเหตุที่ทำให้เกิดสิ่งเช่นนี้ก็น่าจะมาจากการออกเสียงของสำเนียงคันไซ ซึ่งฟังดูไม่ลื่นไม่ไพเราะเหมือนถิ่นอื่น กลับกันถ้า นักแสดงละคร หรือดารานักร้อง พวกเขาจะไม่นิยมคนที่พูดสำเนียงคันไซเลย
สำเนียงญี่ปุ่นสามารถแบ่งออกได้เป็นดังนี้
[แก้] ญี่ปุ่นตะวันออก
- สำเนียงฮอกไกโด
- สำเนียงโทโฮะกุ หรือ สำเนียงภาคอีสานของญี่ปุน (ได้รับอิทธิพลทั้งแบบตะวันตกและแบบตะวันออก)
- สำเนียงคันโต
- สำเนียงโทไกโทซัง หรือ สำเนียงนิชิคันโต(คันโตตะวันตก)
- สำเนียงฮัจจิโจว
[แก้] ญี่ปุ่นตะวันตก
- สำเนียงโฮะกุริกุ
- สำเนียงโทไกโทซัง
- สำเนียงคิงกิ หรือ สำเนียงคันไซ (สำเนียงที่นิยมกันในหมู่ดาราตลกญี่ปุ่น)
- สำเนียงจูโงะกุ
- สำเนียงอุงบะกุ
- สำเนียงชิโกะกุ
- สำเนียงคิวชู หรือ สำเนียงแบบคิวชู
[แก้] ตัวอักษร
ตัวอักษรในภาษาญี่ปุ่นสามารถจำแนกออกเป็นสองกลุ่ม คือ ตัวอักษรที่ใช้แทนเสียง ซี่งได้แก่ ฮิระงะนะ และ คะตะคะนะกับ ตัวอักษรที่แสดงความหมาย ที่เรียกว่า คันจิ โดยใช้ร่วมกับตัวเลขอารบิก และตัวอักษรโรมัน ซึ่งจะมีความหลากหลายมากกว่าภาษาที่ใช้ในประเทศใกล้เคียง เช่น ภาษาจีนซึ่งใช้ตัวอักษรจีน เป็นหลัก ส่วนภาษาเกาหลีก็จะใช้อักษรฮันกุลเป็นหลัก
อย่างไรก็ดี เนื่องจากตัวคันจิซึ่งญี่ปุ่นรับมาจากภาษาจีนนั้นมีจำนวนมาก และบางครั้งมีการใช้ตัวอักษรที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก รัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาธิการจึงได้กำหนดมาตรฐานของตัวคันจิ ซึ่งเรียกว่า โจโยคันจิ ประกอบด้วยตัวอักษร 1,945 ตัว เป็นตัวคันจิที่คนญี่ปุ่นทั่วไปรู้จัก โดยไม่จำเป็นต้องเขียนคำอ่านกำกับ
[แก้] ไวยากรณ์
โครงสร้างประโยคในภาษาญี่ปุ่นพื้นฐานประกอบด้วย ประธาน + กรรม + กริยา โดยแต่ละส่วนจะมีคำช่วยที่ใช้เชื่อมแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน ดังจะได้เห็นจากไวยากรณ์พื้นฐานดังต่อไปนี้
[แก้] รูปประโยคบอกเล่าพื้นฐาน
คำนาม 1 + は + คำนาม 2 + です。 |
มีความหมายว่าคำนาม 1 นั้นคือ คำนาม 2 ตัวอย่างเช่น
わたしは ソムチャイです。 | ฉันชื่อสมชาย |
わたしは タイ人(じん)です。 | ฉันเป็นคนไทย |
ในโครงสร้างประโยคนี้ใช้ は (อ่านว่า วะ ไม่ใช่ ฮะ) เป็นคำช่วยใช้ชี้หัวข้อเรื่องที่กำลังจะพูด ในที่นี้คือ "ฉัน" ประโยคบอกเล่าสามารถเปลี่ยนให้เป็นประโยคคำถามเพื่อถามว่าใช่หรือไม่ โดยการเติม か ลงท้ายประโยค เวลาพูดให้ออกเสียงสูงท้ายประโยค ตัวอย่างเช่น
あなたは 日本人(にほんじん)ですか? | คุณเป็นคนญี่ปุ่นใช่หรือไม่ |
- いいえ、中国人(ちゅうごくじん)です。 | ไม่ใช่, เป็นคนจีน |
คำศัพท์
わたし | ฉัน |
あなた | คุณ |
タイ人 | คนไทย |
日本人 | คนญี่ปุ่น |
アメリカ人 | คนอเมริกัน |
中国人 | คนจีน |
はい | ใช่ |
いいえ | ไม่ใช่ |
ประธาน + は + กรรม + を+ กริยา |
มีความหมายว่า ประธานกระทำกริยากับกรรม ตัวอย่างเช่น
わたしは ごはんを 食(た)べます。 | ฉันกินข้าว |
かれは 本(ほん)を 読(よ)みます。 | เขาอ่านหนังสือ |
ในโครงสร้างประโยคนี้ จะเห็นว่าเราใช้คำช่วย を ต่อท้ายคำที่ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค
คำศัพท์
ごはん | ข้าว |
本 | หนังสือ |
食べます | กิน |
読みます | อ่าน |
かれ | เขา(ผู้ชาย) |
かのじょ | เขา(ผู้หญิง) |
[แก้] กริยารูปอดีต และปฏิเสธ
ในภาษาญี่ปุ่นนั้นจะมีการผันรูปของกริยา ไปตามเวลาเช่นเดียวกับภาษาอังกฤษ นอกจากนั้นในประโยคปฏิเสธจะมีการผันกริยาเพื่อแสดงความหมายว่า "ไม่" อีกด้วย หลักการผันกริยามีดังนี้
รูปปัจจุบัน บอกเล่า | รูปอดีต บอกเล่า | รูปปัจจุบัน ปฏิเสธ | รูปอดีต ปฏิเสธ |
ーます | ーました | ーません | ーませんでした |
食(た)べます | 食べました | 食べません | 食べませんでした |
飲(の)みます | 飲みました | 飲みません | 飲みませんでした |
見(み)ます | 見ました | 見ません | 見ませんでした |
きょう テレビを 見ます。 | วันนี้จะดูโทรทัศน์ |
きのう テレビを 見ました。 | เมื่อวานดูโทรทัศน์ |
きょう テレビを 見ません。 | วันนี้จะไม่ดูโทรทัศน์ |
きのう テレビを 見ませんでした。 | เมื่อวานไม่ได้ดูโทรทัศน์ |
คำศัพท์
見ます | ดู |
テレビ | โทรทัศน์ |
きょう | วันนี้ |
きのう | เมื่อวาน |
あさって | วันมะรืน |
[แก้] ความสุภาพ
ภาษาญี่ปุ่นมีการใช้ไวยากรณ์พิเศษเพื่อแสดงถึงความสุภาพและความเป็นทางการ ซึ่งแตกต่างจากภาษาตะวันตก
สังคมญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียมกัน บางคนมีสถานะสูงกว่าบางคน สถานะถูกกำหนดโดยหลายปัจจัย เช่น หน้าที่การงาน อายุ ประสบการณ์ และสถานะทางจิตใจ (ผู้คนจะเรียกร้องให้สุภาพต่อกัน) ผู้ที่อยู่ในสถานะต่ำกว่าจะใช้ภาษาที่สุภาพ ขณะที่ผู้ที่อยู่สูงกว่าอาจใช้ภาษาที่เรียบง่าย ผู้ที่ไม่รู้จักกันมาก่อนจะใช้ภาษาสุภาพต่อกัน เด็กๆมักไม่ใช้ภาษาสุภาพจนกว่าจะเป็นวัยรุ่น เมื่อโตขึ้น พวกเขาจะพูดภาษาที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
เทเนโงะ (丁寧語) (ภาษาสุภาพ) มักจะเป็นการผันคำเป็นส่วนใหญ่ ส่วนซงเคโงะ (尊敬語) (ภาษาให้เกียรติ) และ เค็นโจโงะ (謙譲語) (ภาษาถ่อมตัว) จะใช้รูปคำกริยาพิเศษที่แสดงถึงการให้เกียรติและการถ่อมตัว เช่น อิคุ ที่แปลว่า "ไป" จะเปลี่ยนเป็น อิคิมะซุ เมื่ออยู่ในรูปสุภาพ เปลี่ยนเป็น อิรัสชะรุ เมื่ออยู่ในรูปให้เกียรติ และเปลี่ยนเป็น มะอิรุ เมื่ออยู่ในรูปถ่อมตัว
ภาษาถ่อมตัวจะใช้ในการพูดเกี่ยวกับตัวเอง หรือกลุ่มของตัวเอง (บริษัท, ครอบครัว) ขณะที่ภาษาให้เกียรติจะใช้เมื่อกล่าวถึงผู้สนทนาหรือกลุ่มอื่น เช่น คำว่า -ซัง ที่ใช้ต่อท้ายชื่อ (แปลว่า คุณ-) ถือเป็นภาษาให้เกียรติอย่างหนึ่ง จะไม่ใช้เรียกตนเองหรือเรียกคนที่อยู่ในกลุ่มของตนให้ผู้อื่นฟังเพราะบริษัทถือเป็นกลุ่มของผู้พูด เมื่อพูดกับผู้ที่อยู่สูงกว่าในบริษัทของตน หรือพูดกับพนักงานในบริษัทของตนเกี่ยวกับผู้ที่อยู่สูงกว่า ชาวญี่ปุ่นจะใช้ภาษาที่ให้เกียรติผู้ที่อยู่สูงกว่าในกลุ่มของตน แต่เมื่อพูดกับพนักงานบริษัทอื่น (คนที่อยู่นอกกลุ่ม) ชาวญี่ปุ่นจะใช้รูปแบบถ่อมตนเมื่ออ้างถึงคนที่สูงกว่าในบริษัทของตน
คำที่ใช้ในภาษาญี่ปุ่นจะเกี่ยวข้องกับบุคคล ภาษาและการกระทำซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละคนขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ (ทั้งในกลุ่มและนอกกลุ่ม) ระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง ด้วยเหตุนี้ ญี่ปุ่นจึงมีการกำหนด register ทางสังคมที่ชัดเจนที่เรียกว่า"การให้เกียรติแบบสัมพัทธ์" ซึ่งแตกต่างจากระบบของเกาหลีซึ่งเป็น"การให้เกียรติแบบสัมบูรณ์" กล่าวคือ ภาษาเกาหลีจะกำหนดคำที่ใช้คุยกับแต่ละคนๆไป (เช่น พ่อของตน, แม่ของตน, หัวหน้าของตน) โดยไม่ขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง ดังนั้น ภาษาสุภาพของเกาหลีจึงฟังดูบุ่มบ่ามเมื่อแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นตัวต่อตัว เช่นในภาษาเกาหลี เราพูดว่า "ท่านประธานบริษัทของพวกเรา... " กับคนที่อยู่นอกกลุ่มได้ตามปกติ แต่ชาวญี่ปุ่นถือว่าการพูดเช่นนี้ไม่สุภาพ
คำนามหลายคำในภาษาญี่ปุ่นอาจทำให้อยู่ในรูปสุภาพได้ ด้วยการเติม โอะ- หรือ โกะ- นำหน้า คำว่า โอะ- มักใช้กับคำที่มาจากภาษาญี่ปุ่น ขณะที่คำว่า โกะ- ใช้กับคำที่รับมาจากภาษาจีน บางครั้ง คำที่เติมนำหน้าก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของคำนั้นอย่างถาวร และกลายเป็นคำศัพท์ที่อยู่ในรูปปกติ เช่นคำว่า โกะฮัง ที่แปลว่าอาหาร การใช้คำเหล่านี้แสดงถึงความเคารพต่อเจ้าของสิ่งของและเคารพต่อสิ่งของ เช่น คำว่า โทะโมะดะชิ ที่แปลว่าเพื่อน จะกลายเป็นคำว่า โอะ-โทะโมะดะชิ เมื่อกล่าวถึงเพื่อนของบุคคลที่สถานะสูงกว่า (แม้แต่แม่ก็มักจะใช้คำนี้เมื่อกล่าวถึงเพื่อนของลูก) ผู้พูดอาจใช้คำว่า โอะ-มิซุ ที่แปลว่าน้ำ แทนคำว่ามิซุเพื่อแสดงความสุภาพก็ได้
ชาวญี่ปุ่นจะใช้ภาษาสุภาพกับผู้ที่ยังไม่สนิทสนมกัน นั่นคือ พวกเขาจะใช้ภาษาสุภาพกับผู้ที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ๆ แต่หลังจากสนิทสนมกันมากขึ้นแล้ว พวกเขาจะไม่ใช้ภาษาสุภาพอีกต่อไป ทั้งนี้ไม่ขึ้นกับอายุ สถานะทางสังคม หรือเพศ
[แก้] ดูเพิ่ม
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
- j-doramanga.com รวบรวมเกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่นและประเทศญี่ปุ่น
- "รู้จักญี่ปุ่น" เว็บไซต์แนะนำการเรียนภาษาญี่ปุ่นจาก บางกอกออนไลน์
- เว็บไซต์ค้นหาคำศัพท์ญี่ปุ่น-ไทย
- ภาษาญี่ปุ่น คะนะ บริหารกาย (PDF)