เทคนิคการถ่ายภาพสัตว์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ภาพ:Splitsection.gif มีการแนะนำว่า ส่วนด้านล่างนี้ของบทความควรย้ายไปที่โครงการ วิกิตำรา (พูดคุย)
บทความนี้ได้รับแจ้งว่ามีลักษณะไม่เป็นสารานุกรม
เนื่องด้วยการใช้ถ้อยคำ รูปแบบการเขียน เนื้อหา หรือมีลักษณะคล้ายคู่มือ หรือเอกสารต้นฉบับ ซึ่งไม่ตรงตามนโยบายของวิกิพีเดีย
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยการกดที่ปุ่ม แก้ไข หรือย้ายบทความนี้ไปยังโครงการพี่น้องที่เหมาะสม
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เงื่อนไขในการนับว่าเป็นสารานุกรม อะไรที่ไม่ใช่วิกิพีเดีย โครงการพี่น้อง บทความคัดสรร และ นโยบายวิกิพีเดีย

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

วางแผนการถ่ายภาพสัตว์เลี้ยงก่อน เพื่อจะได้เตรียมพร้อมกับการเลือกสภาพแสงและมุมมองที่ดีที่สุด เพื่อที่จะได้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพ พยายามหาวิธีดึงความสนใจของสัตว์เลี้ยงก่อนที่จะกดชัตเตอร์ ตัวอย่างเช่น การถ่ายในขณะที่มันกำลังกิน หรือเล่นอยู่ ใช้ให้คนอื่นดึงความสนใจของสัตว์ในขณะที่กำลังจะกดชัตเตอร์ จะทำให้สัตว์มีการจ้องมองและสนใจบางอย่างอยู่เลือกมุมมองระดับเหนือกว่าตัวของสัตว์ซึ่งจะทำให้หัวแมวหรือหัวสุนัขดูผิดสัดส่วนในขณะที่ขาและลำตัวของมันดูเล็กๆ เหมือนย่อส่วน คุกเข่าลงหรือนั่งลงไปบนพื้น โฟกัสที่ตาสัตว์ และเลือกมุมมองภาพ(จัดองค์ประกอบภาพ)ที่เป็นจุดเด่น(ไฮไล้) เช่น โฟกัสไปที่ตาแมวหรือสุนัขแล้วจัดองค์ประกอบภาพว่าจะให้สุนัขหรือแมวอยู่จุดไหนของภาพ ตรงกลางภาพ มุมซ้ายหรือขวาของภาพ

การถ่ายภาพแบบ Close-up (ใกล้ชิด) ควรใช้เลนส์ tele ระดับ 135 mm จะดีที่สุด เพราะจะช่วยให้เราบันทึกภาพที่ดูเป็นธรรมชาติ และทำให้เราใช้กล้องถ่ายภาพโดยไม่ต้องรบกวนสัตว์ (ถ้าเอากล้องไปจ่อใกล้ๆ สัตว์อาจเกิดอาการตกใจและทำให้ไม่ได้ภาพที่ต้องการ) และเลนส์ tele นี้ช่วยทำให้พื้นหลังตื้นขึ้น เป็นประโยชน์ในการไม่ให้ฉากหลังมาแย่งความสนใจไปจากตัวสัตว์ หลีกเลี่ยงการใช้การใช้มุมใกล้กับเลนส์กว้างสำหรับการถ่ายสัตว์เลี้ยง เพราะจะทำให้หัวของสัตว์อาจบิดเบือนไปได้

ควรหาฉากหลังที่เป็นพื้นที่กว้างๆ ( เช่น ทุ่งหญ้า Plain) ที่มันสร้างสีจัดๆ ได้เพื่อที่จะดึงความสนใจและเน้นตัว subject (แบบของเราหรือเป้าหมายที่จะถ่าย เช่น ตัวสัตว์) ซึ่งอาจเป็นเส้นนำเข้าไปสู่ subject นั้น (การถ่ายภาพเราต้องให้คนดูภาพรู้ให้ได้ว่าเราถ่าย subject อะไรและสิ่งต่างๆรอบๆสิ่งที่เราเน้น subject จะต้องทำให้ subject เราเด่น หรือเรียกว่า นำสายตาเราไปมองที่ subject นั้น การนำสายตา lead-in line ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเส้นอาจจะเป็นมิติ หรือเป็นสิ่งที่ด้อยกว่าไม่มาแย่งความสนใจไปจากจุดเด่น)

การถ่ายภาพนอกสถานที่ นอกตึก หรือกลางแจ้ง (Outdoors) ไม่ว่าจะเป็นพื้นหญ้าหรือท้องฟ้าก็เหมาะสมดี แต่ควรหลีกเลี่ยงแสงที่สว่างมากจนเกินไปและสีที่สดมากเกินไปของดอกไม้

การถ่ายภาพในที่ร่ม (Indoors) ให้ใช้ที่ร่มแดด (อาจจะหมายถึงในที่ๆ ไม่มีแดงแรงหรือมีที่คลุมไม่ให้แดดส่อง) ถ้าเป็นพวกสัตว์ตัวเล็กๆ อย่างเช่น hamster หรือหนูตัวเล็กๆ เราอาจจะต้องจับมันไว้ดีๆ

การถ่ายภาพลูกของสัตว์เลี้ยง เช่น ลูกสุนัขหรือลูกแมว มันอาจจะดูไม่ดีถ้าเราไปถ่ายให้ลูกสุนัขหรือลูกแมวตัวใหญ่ๆเต็มๆภาพ เวลาถ่ายพยายามให้มันยังดูตัวเล็กอยู่ในกรอบภาพและลองหาของบางอย่างมาประกอบการถ่ายเพื่อให้เกิดการเปรียบเทียบขนาดว่ามันตัวเล็กขนาดไหน

เมื่อมีโอกาสให้ใช้แสงธรรมชาติ หรือแฟลชเสริม (แฟลชเสริมคือแฟลชที่ไม่ใช่แฟลชติดตัวกล้อง เห็นได้ตามการถ่ายภาพที่สตูทีมีไฟอยู่ในร่มหลายๆอัน นั่นคือ Off-camera flash) แสงที่มาจากด้านข้างทำให้เน้นสัดส่วนของตัวสัตว์ได้ และสามารถเห็นรายละเอียดของขนสัตว์ได้เป็นอย่างดี ขณะที่แสงจากด้านหลังจะทำให้เหมือนรอบๆขนของมันมีแสงรัศมีบางทีอาจจะต้องใช้แผ่นรีเฟล๊ก (แผ่นสะท้อนแสง) ช่วยทำให้เปิดรายละเอียดจากเงาด้วย ( ถ้าเราส่องแสงด้านเดียวอาจทำให้เกิดเงาได้ จึงต้องหาแสงมาสะท้องเพื่อนให้ไม่เกิดเป็นเงาที่ดูแข็งกระด้าง พื้นผิวของสิ่งรอบๆข้างอาจเป็น reflector ให้ด้วยในตัว เช่น ตึกสีขาว คนใส่เสื้อสีอ่อนๆ ตัวถังรถยนต์ อ่างน้ำ สระน้ำ กระจกตึก พื้นปูสีอ่อนๆ เพราะสีอ่อนจะสะท้องแสงได้ดี ส่วนสีเข้มจะซับหรือดูดแสง )

เมื่อเราถ่ายภาพ action (กริยา ท่าทางต่าง) ของสัตว์ สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของภาพได้ด้วยแฟลช หรือการใช้ความเร็วชัตเตอร์ 1/500 วินาที ถ้าสภาพแสงอำนวย เราอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากโดยการถ่ายภาพความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/30 หรือ 1/60 วินาที แล้วแพนกล้องตามสัตว์ขณะที่วิ่งผ่านไป โดยปกติมักจะให้ผลที่ความเร็ว 1/125 วินาที โดยการใช้ฟิล์ม ASA 200 หรือเร็วกว่านั้น

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในน้ำ เช่น ปลา เต่า ตะพาบ ฯ จะแตกต่างกับการถ่ายสัตว์เลี้ยงบนบก เช่น ปลาทองที่เลี้ยงอยู่ในตู้กระจก เราไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของภาพด้วยการใช้แฟลชเพราะจะทำให้แสงจากแฟลชสะท้องกับกระจกตู้ปลา และถ้าไม่ใช้แฟลชก็จะมีภาพที่สะท้อนไปยังกระจกตู้ปลา เช่น ภาพที่ถ่ายมาเห็นเป็นตัวเราเป็นเงาจางๆสะท้องไปที่กระจกตู้ปลา จึงต้องใช้ Filter polarize เข้ามาช่วย เวลาถ่ายควรใช้ความไวชัตเตอร์สูงๆ เปิดรูรับแสงให้กว้างๆ แล้วรอคอยจังหวะที่เหมาะเจาะจึงถ่าย ควรใช้ฟิล์มที่มีความไวแสงสูง Iso 400 ขึ้นไป

ในกรณีที่จะต้องถ่ายภาพผ่านลูกกรงเหล็กหรือรั้วกั้น ควรเปิดช่องรับแสงของเลนส์ให้กว้างห่างจากลูกกรงประมาณครึ่งเมตร ลูกกรงหรือรั้วกั้นจะพ้นระยะชัดเกิดความพร่ามัว ทำให้มองเห็นเฉพาะภาพสัตว์และยังช่วยลบฉากหลังที่รกรุงรังให้หายไปได้อีกด้วย

เทคนิคการถ่ายภาพสัตว์ ยังไม่ได้รับการจัดหมวดหมู่
คุณช่วยเราได้ด้วยการใส่หมวดหมู่ที่เหมาะสมสำหรับบทความนี้ ดูเพิ่มที่ การจัดหมวดหมู่ โครงการจัดหมวดหมู่