พอร์โค รอสโซ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Porco Rosso 紅の豚 |
|
---|---|
กำกับ โดย | ฮายาโอะ มิยาซากิ |
อำนวยการสร้าง โดย | ริค เดมพ์ซี |
บทภาพยนตร์ โดย | Cindy Davis Hewitt Donald H. Hewitt |
เข้าฉาย เมื่อ | 18 กรกฎาคม 1992 (ญี่ปุ่น) |
ความยาว | 94 นาที |
ภาษา | ญี่ปุ่น |
พอร์โค รอสโซ (Porco Rosso) เป็นภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่น เขียนบทและกำกับโดยฮายาโอะ มิยาซากิแห่งสตูดิโอจิบลิ ออกฉาย ค.ศ. 1992 ในบรรดาภาพยนตร์อนิเมชั่นของ มิยาซากิ ฮายาโอะ ทั้งหมด พอร์โค รอสโซ ถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่เป็น "ส่วนตัว" ที่สุด หากจะนิยามหนังเรื่องนี้อย่างสั้นที่สุดเราอาจจะนิยามได้ว่า "เด็กผู้หญิง หมู และ เครื่องบินประหลาด" ซึ่งทั้งหมดคือสิ่งที่ตัวผู้กำกับชื่นชอบอยู่เป็นการส่วนตัว แต่นั่นไม่ได้ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้แตกต่างไปจากหนังเรื่องอื่นๆ ของมิยาซากิเท่ากับอารมณ์ของภาพยนตร์ที่ค่อนข้าง "เป็นผู้ใหญ่" และสะท้อนถึงสายตาที่มองโลกในแง่ร้ายอยู่ในที ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักปรากฏอยู่อย่างซ่อนเร้นในหนังเรื่องอื่นของมิยาซากิ
สารบัญ |
[แก้] เรื่องย่อ
พอร์โค รอสโซ เป็นเรื่องราวของ มาร์โค พาก็อต นักบินที่สาปตัวเองให้มีหน้าตาเป็นหมูอันเนื่องมาจากการสูญเสียศรัทธาในความเป็นมนุษย์ไป มาร์โคหันหลังให้กับการเป็นวีรบุรุษสงครามมาเป็นนักล่าเงินรางวัลที่ขี่เครื่องบิน Savoia S.21 สีแดงซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม พอร์โค รอสโซ หรือ "ไอ้หมูสีแดง" เรื่องราวดำเนินไปในช่วงเวลาที่สงครามครั้งใหม่กำลังคืบคลานเข้ามา ท่ามกลางการประลองกันเพื่อเป็นที่หนึ่งในบรรดาสลัดเครื่องบินน้ำกับนักล่าเงินรางวัล พอร์โค ได้พบกับเด็กสาวผู้หญิงผู้ที่จะทำให้เขาฟื้นศรัทธาของตนต่อมนุษย์และกลับเป็น มาร์โค อีกครั้ง?
[แก้] ที่มา
เรื่องราวของ พอร์โค รอสโซ ปรากฏเป็นครั้งแรกในมังกะความยาวประมาณ 16 หน้า เรื่อง "The Age of Seaplanes" ซึ่งอยู่ในชุด Miyazaki's Daydream Data Note ที่มิยาซากิเขียนลงตีพิมพ์เป็นตอนๆในนิตยสาร Model Graphix อย่างไรก็ตามเราจะพบความแตกต่างระหว่างตัวมังกะต้นฉบับ กับ ภาพยนตร์อนิเมชั่นอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ของเรื่อง ความซับซ้อนในตัวละคร และ ข้อสรุปของเรื่องราว
ในมังกะจะแบ่งเรื่องราวเป็น 3 ตอน ตอนแรก กล่าวถึงตอนที่ พอร์โค นักบินล่าเงินรางวัลได้ไปช่วยเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไว้จากการถูกโจรสลัดเครื่องบินน้ำจับไปเป็นตัวประกัน ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาช่วงแรกของหนังเอาไว้ ตอนที่สอง เป็นเรื่องราวของการดวลกันระหว่างพอร์โคกับคู่ปรับเก่าซึ่ง พอร์โคเป็นฝ่ายแพ้และต้องหลบนำเรือบินของตนไปซ่อม เนื้อหาส่วนนี้ครอบคลุมช่วงกลางของหนังเอาไว้ ขณะที่ตอนสุดท้าย เป็นการดวลกันอีกครั้งที่ พอร์โคสามารถเอาชนะคู่ปรับได้ด้วยการลงมาชกหมัดต่อหมัดกันในน้ำและชนะใจเด็กผู้หญิงคนนั้นไปในที่สุด เนื้อหาของมังกะส่วนสุดท้ายจะครอบคลุมช่วงสุดท้ายของหนัง
[แก้] คำนิยม
อย่างไรก็ตามแม้ตัวเรื่องของ พอร์โค รอสโซ ทั้ง 2 แบบจะไม่ต่างกันมาก สิ่งที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงคือ ในฉบับอนิเมชั่นไม่ได้ปรากฏความแบบสนุกสนานแบบการ์ตูนล้อเลียนอย่างในฉบับมังกะ พอร์โค ในฉบับมังกะเป็นตัวละครที่แกร่งและกร่างแต่ไม่มีที่ทีว่าจะเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ขณะที่ พอร์โค ในฉบับอนิเมชั่นมีบุคลิคที่เคร่งขรึมกว่าและจริงจังกับโลกมากกว่า
ในที่นี้อาจมองได้ว่าความต่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตัวมิยาซากิเองได้เพิ่มเติมในส่วนที่เป็นอดีตของตัวละครขึ้นในฉบับภาพยนตร์ รวมถึงเพิ่มตัวละครหลักที่ไม่มีในฉบับมังกะขึ้นมาด้วยอีก 1 คนคือ จีน่า อดีตคนรักของพอร์โคที่ยังคงรักและเป็นห่วงเขาอยู่ จีน่าจะเป็นเพียงไม่ก็คนที่รู้จักพอร์โคตอนที่เขายังมีใบหน้าเป็นคนอยู่ สิ่งที่แสดงถึงความแตกต่างทั้งหมดที่กล่าวมานี้มิยาซากิอธิบายมันด้วยภาพของรูปถ่ายใบเดียวที่ติดอยู่ที่ร้านเหล้าของจีน่า ภาพดังกล่าวคือภาพของมาร์โค เพื่อนของเขาและจีน่าที่ถ่ายด้วยกันกับเครื่องบินของพวกเขาในวัยรุ่น การหันหลังให้กับอดีตหรือการเป็นมนุษย์ของมาร์โคเห็นได้จากรอยขีดสีดำที่ใบหน้าของเขาบนภาพใบนั้นซึ่งมาร์โค (หรือ พอร์โค?)เป็นคนขีดมันด้วยตนเอง
ส่วนที่แตกต่างอีกประการหนึ่งก็คือบทบาทของ ฟีโอ ซึ่งในฉบับมังกะเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่พอร์โคต้องไปช่วยจากการตกเป็นตัวประกัน ในฉบับอนิเมชั่นบทตัวประกันถูกเปลี่ยนเป็นเด็กหญิงวัยอนุบาล 12 คน และ ฟีโอเองก็มามีบทบาทในฐานะผู้ออกแบบเครื่องบินลำใหม่ของพอร์โคแทน การเปลี่ยนแปลงบทบาทของฟีโอทำให้เกิดความซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างความสัมพันธ์ของ พอร์โค จีน่า และ ฟีโอ
ความสัมพันธ์ที่ว่านี้ไม่ใช่รักสามเส้าหากแต่เป็นความรักแบบเสียสละเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จีน่ารักพอร์โคแต่ด้วยชะตากรรมดุจคำสาปที่เธอแต่งงานกับเพื่อนทั้ง 2 ของมาร์โคแล้วทั้งคู่ก็ต้องมีอันเป็นไปก่อนวัยอันควรทำให้จีน่าไม่อาจรักพอร์โคได้แต่เป็นผู้ซึ่งกลับมากระตุ้นเตือนพอร์โคมิให้ทิ้งเด็กผู้หญิงอีกคนที่หลงรักเขาให้ต้องเป็นแบบตน ฟีโอรักและนับถือพอร์โคแต่อย่างไรก็ตามแม้เธอจะทำให้เขากลับมารักมนุษย์ด้วยกันได้อีกครั้งแต่เธอก็ไม่สามารถก้าวเข้าไปสู่ชีวิตทั้งหมดของพอร์โคที่เต็มไปด้วยความรันทดแห่งอดีตไม่ ในตอนจบของฉบับอนิเมชั่น ฟีโอโตขึ้นเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและเธอก็ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับจีน่า แต่เป็นพอร์โคที่หายไปซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่ง "ความคลุมเครือ" ที่มิยาซากิทิ้งไว้ให้กับคนดูไปคิดกันเองว่าบทสรุปของความรักพอร์โคจะเป็นเช่นไร และเขาได้กลับมามีใบหน้าเป็นคนอีกครั้งหรือไม่?
การกล่าวถึงภาพยนตร์เรื่องนี้โดยไม่พิจารณาให้ครอบคลุมไปถึงที่มาของเรื่องจะทำให้เข้าใจหนังของมิยาซากิเรื่องนี้เพียงเสี้ยวเดียว และไม่เห็นว่าหนังเรื่องนี้สะท้อนถึงตัวตนของมิยาซากิได้อย่างไรบ้าง การพิจารณาโดยดูเฉพาะหนังเพียงอย่างเดียวจะชวนให้เห็นว่าหนังเรื่องนี้ไม่โดดเด่นเท่าหนังเรื่องอื่นๆของมิยาซากิแต่เมื่อได้พิจารณาไปถึงตัวมังกะที่เป็นที่มาด้วย ผลที่ได้จะกลับกันคือ ภาพยนตร์เรื่องนี้คือภาพยนตร์ที่โดดเด่นมากที่สุด (มุมมองแบบเดียวกันนี้จะใช้กับเนาซิกะแห่งหุบผาสายลมซึ่งถือเป็น "ผลงานแห่งชีวิต" ของมิยาซากิด้วย)
ความโดดเด่นของ พอร์โค รอสโซ ไม่ได้อยู่ที่องค์ประกอบเชิงแฟนตาซี หรือ ลักษณะแบบเหนือจริงของความเป็นอนิเมชั่น จะว่าไปแล้วหนังเรื่องนี้แทบจะมีองค์ประกอบเหนือจริงเหล่านั้นน้อยมากเมื่อเทียบกับหนังเรื่องอื่นๆ สิ่งเดียวที่เหนือจริงใน พอร์โค รอสโซ ก็คือ หน้าของตัวเอก นอกจากนี้แล้วหนังเรื่องนี้แทบจะมีความเหมือนจริงที่สุด (ยกเว้นเครื่องบินในเรื่องที่เป็นการออกแบบโดยมิยาซากิเองทั้งหมด) แต่ในความโน้มเอียงที่ค่อนข้างมาทางเหมือนจริงมากกว่าเหนือจริงนี้กลับสะท้อนถึง ๒ ด้านของมิยาซากิเอง ซึ่งด้านหนึ่งนั้นอุปมาเหมือน พอร์โค รอสโซ ในฉบับมังกะ กล่าวคือเป็นตัวตนด้านที่เปิดเผย สนุกสนาน มองโลกอย่างมีความหวัง และยังมีเยื่อใยที่ดีต่อมนุษย์หรือธรรมชาติ ซึ่งเป็นด้านซึ่งเป็นที่รู้จักและคุ้นเคยกันดีอยู่ ขณะที่ในอีกด้านหนึ่งอาจอุปมาได้กับ พอร์โค รอสโซ ในฉบับอนิเมชั่น กล่าวคือ เป็นตัวตนด้านที่ซ่อนเร้น หม่นเศร้า มองโลกในแง่ร้าย และ เย็นชา เป็นด้านหนึ่งของมิยาซากิที่ไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก
เราจะพบว่าในภาพยนตร์เรื่องอื่นๆของมิยาซากิมักจะแสดงตัวตนด้านเปิดเผยของเขาออกมามากกว่าด้านที่ซ่อนเร้น นั่นทำให้หลายคนเข้าใจหนังของเขาว่าเป็นหนังแฟนตาซี ซึ่งแม้ไม่ผิดแต่ก็ไม่ใช่ความเข้าใจที่จะกล่าวได้ว่าสมบูรณ์ มิยาซากิเองเลือกที่จะไม่แสดงด้านที่ซ่อนเร้นออกมาในงานกำกับภาพยนตร์แต่สำหรับงานมังกะหากใครได้อ่าน เนาซิกะแห่งหุบผาสายลม ทั้ง ๗ เล่ม หรือ การเดินทางของจุนนะ อาจต้องประหลาดใจเมื่อพบกับมิยาซากิในด้านที่ซ่อนเร้น เนาซิกะฯ หรือ จุนนะฯ เต็มไปด้วยบริบทของเรื่องที่รุนแรง หดหู่ ในรูปแบบเดียวกับที่เราจะเห็นได้จากผลงานของ โอซามุ เท็ตซึกะ (วิหคเพลิง,แบล็ค แจ็ค,บุดดา หรือ อดอลฟ์)ซึ่งยากที่จะทำออกมาเป็นอนิเมชั่นในแบบมิยาซากิที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่ พอร์โค รอสโซ ก็คือมุมกลับของการแสดงความเป็นมิยาซากิ กล่าวคือ เขาเลือกที่จะให้ด้านเปิดเผยปรากฏอยู่ในมังกะ ขณะที่แสดงด้านที่ปกปิดออกมาในอนิเมชั่นซึ่งเขาก็ทำได้อย่างที่ไม่ทำร้ายความรู้สึกของคนดูที่นิยมชมชอบภาพยนตร์ของเขาอยู่แล้ว ดังที่ปรากฏใน ฉาก "สุสานเครื่องบิน" ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าแทบจะเป็นฉากเดียวในหนังทั้งหมดของมิยาซากิที่เขาแสดงมุมมองด้านจิตวิญญาณของเขาออกมาตรงๆนั้นกลับเป็นฉากเดียวกับที่จะอภิบายว่าทำไมตัวเองของเรื่องถึงสูญเสียศรัทธาในความเป็นมนุษย์
ถ้าจะสรุปให้สั้นที่สุด พอร์โค รอสโซ ก็คือ "ด้านมืดของพระจันทร์" ในอนิเมชั่นของมิยาซากิ ซึ่งน่าเสียดายที่แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะได้รับการตอบรับในเรื่องรายได้ที่ดีขณะที่ออกฉายครั้งแรกในญี่ปุ่น แต่ผู้ชมอีกไม่น้อยไม่ว่าจะในหรือนอกญี่ปุ่นที่ได้ดูแต่มองข้าม "ความมืดมิด" ที่สว่างไสวอยู่ในภาพยนตร์ที่โดดเด่นที่สุดของมิยาซากิเรื่องนี้ ซึ่งหากมองไม่เห็นความมืดมิดดังกล่าวแล้วเราจะเข้าใจไม่ได้เลยว่าทำไมคนที่บอกว่า "ผมเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย" คนหนึ่งจึงกำกับหนังที่นำความน่ารัก สดใส และความหวังไปสู่หัวใจของคนทั้งโลกได้
[แก้] ข้อมูลน่าสนใจ
ครั้งแรกนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกวางให้เป็นภาพยนตร์สั้นบนเครื่องบินสำหรับ เจแปนแอร์ไลน์ โดยใช้บทจากมังกะของฮายาโอะ มิยาซากิ เรื่อง The Age of the Flying Boat แต่กลับกลายมาเป็นภาพยนตร์ขนาดยาว การระเบิดขึ้นของสงครามยูโกสลาเวียทอดเงาเหนือโปรดักชั่นและกระตุ้นให้โทนของหนังดูซีเรียสขึ้น ซึ่งแต่เดิมนั้นวางไว้ให้เป็นเหตุการณ์ในโครเอเชีย เจแปนแอร์ไลน์ยังคงเป็นหาจัดหาทุนรายใหญ่ให้กับภาพยนตร์
ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึง ความสนใจอย่างเกือบบ้าคลั่งของสตูดิโอจิบลิเป็นพิเศษ เมื่อพิจารณาถึงอนิเมชั่นและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของอิตาลี (แม้ว่าจะสะกดคำอิตาเลียนบางคำผิดในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเมืองมิลานก็ตาม)
เราคงสามารถคาดเดากันได้ว่า ชื่อบริษัทการบิน "Piccolo" ที่อยู่ในเรื่องนั้น มีที่มาจาก "Caproni" ชื่อบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินของอิตาลี เครื่องบินเจ็ตที่นักบิน ฟิโอ ขับให้ฉากสุดท้ายมีความคล้ายคลึงกันมากับ Caproni C22-J รุ่นล่าสุด ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ออกแบบโดย Carlo Ferrarin (นักออกแบบของ Caproni ชื่อของเขาเคยถูกใช้ในภาพยนตร์ เป็นเพื่อนนักบินของมาร์โค) นอกจากนี้ เครื่องลินลาดตระเวนชนิดเบา Caproni Ca309 ยังเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ "จิบลิ" ชื่อเดียวกับชื่อสตูดิโอของมิยาซากิและทาคาฮาตะ
[แก้] เครดิต
- กำกับ, บทดั้งเดิมและดัดแปลง: ฮายาโอะ มิยาซากิ
- เพลงประกอบ: โจ ฮิไซชิ
- โปรดักชั่น: สตูดิโอจิบลิ
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
- Porco Rosso page at Nausicaa.net
- Porco Rosso in Anime News Network
- Kurenai no buta
- The Age of the Flying Boat มังกะของมิยาซากิ
- Review at THEM Anime
![]() |
พอร์โค รอสโซ เป็นบทความเกี่ยวกับ การ์ตูน ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับ พอร์โค รอสโซ ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ |