รากนครา
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
รากนครา เป็นนวนิยายที่แต่งโดย ปิยะพร ศักดิ์เกษม เริ่มลงพิมพ์เป็นตอนๆ ในนิตยสารสกุลไทย พิมพ์รวมเล่มครั้งแรก พ.ศ.2540 เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ดินแดนล้านนา หัวเมืองเหนือของสยามในสมัยรัชกาลที่ 5
"ขอฟ้าพร่างดาวเป็นพยาน ข้าเจ้าจะทำทุกสิ่งเพื่อแผ่นดิน"
เธอดุจดั่งรากไม้
ที่กลบฝังสิ่งที่ใจเพรียกหาไว้
ภายใต้ภาระหน้าที่แห่งนครา
แต่ด้วยกลิ่นหอมกำจายอบอวลของความรัก
บางครั้งเธอจึงปล่อยใจให้เลื่อนไหล
หลุดลอยไปตามกระแสรัก
บางคราเธอจึงหลอมรวมกับความสุข
ที่ไม่เคยสัมผัส
เมื่อภาระหน้าที่ถูกทวงถาม
ระหว่างจะหวนกลับไปเป็นรากค้ำจุนนครา
หรือจะก้าวผ่าน
ประตูบานใหม่นี้
ไปสู่อ้อมกอดของคนรัก
เป็นความเจ็บช้ำร้าวรานใหญ่หลวง
แต่เธอก็ยินดีเสียสละ
เพื่อความสุขใจชั่วนิจนิรันดร์
สารบัญ |
[แก้] เนื้อเรื่องย่อ
พ.ศ. 2427 ณ ดินแดนหัวเมืองเหนือของประเทศสยาม เจ้าศุขวงศ์ เจ้านายหัวเมืองประเทศราชเล็กๆ ได้เดินทางกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดหลังจากที่ไปเติบโตและรับราชการที่กรุงเทพฯ เพื่อมารับหน้าที่ช่วยในการปฏิรูปการปกครองหัวเมืองเหนือ ศุขวงศ์ต้องเดินทางไปเชียงเงิน เพื่อร่วมงานศพของเจ้าอุปราชสิงห์คำ ในฐานะที่เป็นเครือญาติกัน ที่นั้น ศุขวงศ์ได้พบปะพูดคุยและเกิดความพอใจเจ้าแม้นเมือง ธิดาของเจ้าหลวงแสนอินทะ หญิงสาวผู้ยึดมั่นรักแผ่นดินและมีอุดมการณ์ตามความใฝ่ฝันของบรรพบุรุษที่ต้องการให้เชียงเงินได้เป็นเอกราชจากสยาม แม้นเมืองมีพี่ชายร่วมอุทรที่เติบโตมาด้วยกันและรักใคร่กันยิ่งนักชื่อ เจ้าหน่อเมือง และมีน้องสาวต่างแม่ชื่อ เจ้ามิ่งหล้า ซึ่งถึงแม้จะมีศักดิ์เป็นน้องแต่ได้รับการเลี้ยงดูในฐานะราชธิดาที่สูงกว่าเนื่องจากมารดาของมิ่งหล้า เจ้านางข่ายคำเป็นเจ้านางหลวงคนปัจจุบัน มิ่งหล้าเกิดความรู้สึกอิจฉาริษยาเมื่อเห็นว่าศุขวงศ์สนใจแม้นเมือง จึงวางอุบายดึงศุขวงศ์มาใกล้ชิดตนพร้อมใส่ไฟให้แม้นเมืองเข้าใจผิด ทำให้แม้นเมืองแม้จะหวั่นไหวมีใจกับศุขวงศ์แต่ก็ต้องเก็บงำความรู้สึกไว้ในใจ
เจ้าหลวงแสนอินทะวางแผนการเพื่อถ่วงดุลอำนาจสยามและเมืองมัณฑ์ด้วยการส่งตัวมิ่งหล้าไปเป็นบรรณาการถวายกษัตริย์เมืองมัณฑ์ มิ่งหล้าจึงขอร้องให้ศุขวงศ์ช่วยพาหนีออกจากขบวน ซึ่งศุขวงศ์ก็รับปากช่วยส่วนหนึ่งด้วยความรู้สึกน้อยใจแม้นเมือง ที่เห็นหน้าที่สำคัญกว่าหัวใจ มิ่งหล้าบังคับให้แม้นเมืองสาบานด้วยถ้อยคำสาหัสว่าจะไม่แพร่งพรายแผนการ แต่แม้นเมืองก็จำต้องผิดคำสาบานเพื่อเชียงเงิน เจ้าหลวงแสนอินทะและหน่อเมืองวางแผนซ้อนกลศุขวงศ์ด้วยการสลับตัวให้หลงไปรับแม้นเมืองออกจากขบวน ศุขวงศ์จึงต้องตกกระไดพลอยโจนแต่งงานกับแม้นเมือง ตามแผนการผูกพันกับญาติให้ตายใจ และมิ่งหล้าถูกส่งไปเมืองมัณฑ์ตามแผนเดิม
แม้นเมืองมาอาศัยอยู่กับศุขวงศ์และเจ้าย่าเรือนคำ แม้จะมีความทุกข์ในใจที่ผิดคำสาบาน ทั้งยังเข้าใจผิดว่าศุขวงศ์รักมิ่งหล้า แต่ทั้งสองก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขฉันสามีภรรยา จนแม้นเมืองตั้งครรภ์ ในขณะที่มิ่งหล้าที่ไปอยู่เมืองมัณฑ์กลับมีแผนทะเยอทะยานที่จะมีพระหน่อกับกษัตริย์ จนถูกเจ้านางหลวงปัทมสุดาผู้โหดเหี้ยมลงโทษและทรมานปางตาย ฟองจันทร์บริวารของแม้นเมืองซึ่งติดตามไปอยู่กับมิ่งหล้าหนีกลับมาขอความช่วยเหลือ เป็นเหตุให้ศุขวงศ์กับแม้นเมืองต้องหมางเมินใจกันด้วยความเข้าใจผิดว่าต่างฝ่ายต่างไม่รักกัน จนกระทั่งแม้นเมืองคลอดลูกเป็นชายชื่อไศลรัตน์หรือภูแก้ว
ศุขวงศ์ไปช่วยพามิ่งหล้าหนีกลับมา เพื่อไม่ให้เชียงเงินมีข้ออ้างในการประกาศเอกราชจากสยาม และอนาคตต้องตกไปเป็นเมืองขึ้นอังกฤษเหมือนเมืองมัณฑ์ และยังขโมยอาวุธทำลายแผนการประกาศอิสรภาพของเชียงเงิน ทำให้หน่อเมืองโกรธแค้นมาก หน่อเมืองวางแผนล้างแค้นศุขวงศ์ด้วยการขอร้องให้แม้นเมืองช่วยล่อลวงศุขวงศ์มาให้ฆ่า แม้นเมืองจึงยอมเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องชายที่รักและชดใช้ให้แก่แผ่นดิน
[แก้] เกียรติคุณ
รางวัลชมเชย จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ พ.ศ. 2541
เข้ารอบ 6 เล่มสุดท้าย รางวัลซีไรต์ พ.ศ. 2543
[แก้] นวนิยายเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้อง
สะพานแสงคำ ตัวละครเอกคือไศลรัตน์ บุตรชายของศุขวงศ์และแม้นเมือง
ใต้ร่มไม้เลื้อย ศิขริน ตัวละครในเรื่องเป็นลูกหลานในตระกูลศุษิระ ผู้สืบสายเลือดจากไศลรัตน์
เรือนศิรา ตัวละครเอก พิมลพัทธ์ เป็นบุตรสาวของศิขริน
ในบ่วงมนตรา ตัวละครเอก จารวีร์ เป็นบุตรสาวของศิขริน รวมทั้งมีการกล่าวถึงดวงวิญญาณของเจ้าหน่อเมือง
[แก้] ดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์
รากนครา (ละครโทรทัศน์) ได้รับการดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์ สร้างโดยดาราวิดีโอ ออกอากาศทางช่อง 7 สี เมื่อปี พ.ศ. 2543 เป็นละครภาคค่ำหลังข่าว วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.20 น. นำแสดงโดย ดนุพร ปุณณกันต์ (บรู๊ค) และ พัชราภา ไชยเชื้อ (อั้ม)