สมเด็จพระราชชายานารี เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมเด็จพระราชชายานารี เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี ทรงเป็นพระมเหสี (บางคราวเรียกว่าสมเด็จพระอัครมเหสีฝ่ายซ้าย) ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระองค์ทรงเป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเจ้าทองสุก ซึ่งเป็นพระธิดาในพระเจ้าอินทวงศ์แห่งนครเวียงจันทน์) พระนามเดิมว่า พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงจันทบุรี
เมื่อพระชนมายุได้ ๙ พรรษา มีอุปัทวเหตุเกิดขึ้น แต่ทรงรอดพระชนม์มาได้ราวปาฏิหาริย์ คือเรือพระพี่นั่งแตก แต่พระองค์กลับทรงลอยทุ่นเกาะไว้ไม่ทรงจม พระราชบิดาทรงสงสารและทรงพระกรุณามากขึ้น อีกทั้งประการหนึ่งก็คือเจ้าจอมมารดาเจ้าทองสุกนั้นก็ได้ถึงแก่พิราลัยไปเมื่อเจ้าฟ้าหญิงฯ ทรงมีพระชนม์ได้เพียง ๖ พรรษาเท่านั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นให้เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้า และได้มีพระราชพิธีโสกันต์เต็มตามอย่างสมเด็จพระเจ้าฟ้าพระราชกุมารีเป็นครั้งแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ในครั้งนั้น
ในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชโองการเรื่อง ประกาศพระราชพิธีโสกันต์ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ณ วันพฤหัสบดี เดือนยี่ ขึ้น ๑๑ ค่ำ ปีฉลูสัปตศก ความตอนหนึ่งเกี่ยวกับสมเด็จพระราชชายานารีฯ ความว่า
ก็พระบาทสมใดจพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้มีพระราชธิดาพระองค์หนึ่ง มารดาเป็นบุตรีเจ้าเมืองเวียงจันทน์โปรดให้เป็นแต่เพียงพระองค์เจ้า เหมือนกันกับพระราชบุตรแลพระราชบุตรพระองค์อื่นที่ประสูติแต่พระสนม เจ้าจอมมารดาของพระองค์เจ้านั้นสิ้นชีพในปีกุนเบญจศก เมื่อกรมพระราชวังบวรสวรรคตแล้วนั้น พระองค์เจ้านั้นมีพระชนมายุได้ ๕ ขวบ เป็นกำพร้าไม่มีเจ้าจอมมารดา ทรงพระกรุณามาก ภายหลังล่วงมาปีหนึ่งพระองค์เจ้านั้นตามเสด็จลงไปลอยกระทง วิ่งเล่นตกน้ำหายไป คนทั้งปวงตกใจเที่ยวหาอยู่ครู่หนึ่ง จึงพบพระองค์เจ้าไปเกาะทุ่นหยวกอยู่หาจมน้ำไม่ ผู้พบเชิญเสด็จกลับมาได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดมากขึ้น มีพระบรมราชโองการดำรัสว่า พระองค์เจ้านี้เจ้าจอมมารดาก็เป็นฝ่ายลาว อัยยิกาธิบดีคือท้าวเจ้าเวียงจันทน์ก็ยังอยู่ ควรจะให้เลื่อนที่เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้า การพิธีโสกันต์ในพระบรมมหาราชวังแต่ตั้งแผ่นดินมาก็ยังหาได้ทำไม่ ถ้าถึงคราวโสกันต์จะได้ทำให้เป็นแบบอย่างในแผ่นดิน จึงโปรดพระราชทานพระสุพรรณบัฏให้เป็น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี เจ้าฟ้านั้นเมื่อถึงปีมะโรงสัมฤทธิศก ศักราช ๑๑๗๐ ตรงกับปีมีคริสตศักราช ๑๘๐๘ พระชนมายุครบ ๑๑ ปีถึงกำหนดโสกันต์ เมื่อนั้นเจ้าฟ้าพินทวดีที่เป็นผู้ชี้การมาก็สิ้นพระชนม์ไปแล้วถึง ๗ ปี
ต่อมาในรัชกาลที่ ๒ ได้ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระราชชายานารี เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี[1] มีพระราชโอรสพระราชธิดาทั้งสิ้น ๔ พระองค์ คือ
- สมเด็จเจ้าฟ้าชายอาภรณ์ ต้นราชสกุลอาภรณ์กุล
- สมเด็จเจ้าฟ้าชายมหามาลา (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์) ต้นราชสกุลมาลากุล
- สมเด็จเจ้าฟ้าหญิง (ไม่ปรากฏพระนาม)
- สมเด็จเจ้าฟ้าชายปิ๋ว
สมเด็จพระราชชายานารี เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓
[แก้] อ้างอิง
- ↑ ยังเป็นที่ถกเถียง เพราะนักประวัติศาสตร์กล่าวกันว่า[ต้องการแหล่งอ้างอิง]แม้แต่สมเด็จพระอัครมเหสีคือสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีนั้น ในรัชกาลที่ ๒ ก็มิได้สถาปนาพระอิสรยยศประการใด คงทรงเป็นแต่สมเด็จพระเจ้าสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบุญรอด พระอัครมเหสี เท่านั้น การที่ทรงสถาปนาพระชายาพระองค์อื่นให้มีอิสริยยศยิ่งกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้
- กิตติพงษ์ วิโรจน์ธรรมากูร, ย้อนรอยราชสกุลวงศ์ วังหลวง, ดอกหญ้า, 2549, ISBN 974-941-205-2
![]() |
พระมเหสี เจ้าจอมมารดา เจ้าจอม ใน รัชกาลที่ ๒ แก้ | ||||
---|---|---|---|---|---|
|
![]() |
สมเด็จพระราชชายานารี เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี เป็นบทความที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับ สมเด็จพระราชชายานารี เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ |