โคลงโลกนิติ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ภาพ:Lineart roof.jpg
โคลงโลกนิติ
กวี : สมเด็จฯ กรมพระยาเดชาดิศร
ประเภท : โคลงสุภาษิต
คำประพันธ์ : โคลงสี่สุภาพ
ความยาว : ๔๐๘ บท
สมัย : รัตนโกสินทร์
ปีที่แต่ง : พ.ศ. ๒๓๗๔
ชื่ออื่น : ประชุมโคลงโลกนิติ
ลิขสิทธิ์ : -
ภาพ:Lineart threshold.jpg

โคลงโลกนิติ เป็นวรรณกรรมประเภทคำสอน ในลักษณะของโคลงสุภาษิต คำว่า โลกนิติ (อ่านว่า โลก-กะ-นิด) แปลว่า ระเบียบแบบแผนแห่งโลก เนื้อหาในโคลงโลกนิติจึงมุ่งแสดงความจริงของโลกและสัจธรรมของชีวิต เพื่อให้ผู้อ่านได้รู้เท่าทันต่อโลก และเข้าใจในความเป็นไปของชีวิต พร้อมเป็นแม่แบบเพื่อให้ผู้อ่านได้ดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้องดีงามสืบไป

โคลงโลกนิติมีความไพเราะเหมาะสมทั้งทางด้านรูปแบบและเนื้อหา ครบคุณค่าของวรรณกรรม ทำให้เป็นที่แพร่หลายในหมู่คนทั่วไป บางท่านกล่าวยกย่องโคลงโลกนิติว่าเป็น อมตะวรรณกรรมคำสอน หรือ ยอดสุภาษิตอมตะ[1] ซึ่งก็ไม่ใช่คำกล่าวที่เกินเลยความจริงแต่อย่างใด เมื่อเทียบกับปรัชญาสาระที่แฝงไว้อยู่ในโคลงแต่ละบท และด้วยความดีนี้เอง ที่ทำให้โคลงโลกนิติได้รับคัดเลือกจากกระทรวงศึกษาธิการให้เป็นบทอ่านในหนังสือแบบเรียนสำหรับนักเรียนนักศึกษาอยู่ทุกยุคทุกสมัย นอกจากนี้ โคลงโลกนิติยังได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งในหนังสือดี ๑๐๐ เล่มที่คนไทยควรอ่าน

สารบัญ

[แก้] ความเป็นมา

โคลงโลกนิติเชื่อกันว่ามีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา โดยนักปราชญ์ในสมัยนั้นได้คัดเลือกหาคาถาสุภาษิตภาษาบาลีและภาษาสันสกฤตที่ปรากฏในคัมภีร์ต่างๆ เช่น คัมภีร์โลกนิติ คัมภีร์ธรรมนีติ คัมภีร์ราชนีติ หิโตปเทศ ธรรมบท และ พระไตรปิฎก เป็นต้น มาถอดความแล้วเรียบเรียงแต่งเป็นโคลงโลกนิติ

ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ในปี พ.ศ. ๒๓๗๔ ก็มีดำริให้จารึกวิชาการสาขาต่างๆ ไว้บนแผ่นศิลาที่ประดับไว้ตามเสาหรือกำแพงพระวิหาร ในการนี้จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอกรมขุนเดชอดิศร (ต่อมาได้ดำรงพระยศเป็น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร) ทรงชำระโคลงโลกนิติของเก่าให้ประณีตไพเราะยิ่งขึ้น เพื่อจารึกไว้ในคราวเดียวกัน

จำนวนโคลงโลกนิติที่ปรากฏต้นฉบับในสมุดไทยมีทั้งสิ้น ๔๐๘ บท แต่ที่จารึกไว้ในวัดพระเชตุพนฯ มีจำนวนมากกว่านี้ คาดว่าเป็นเพราะมีโคลงที่ถูกแต่งขึ้นเพิ่มเติมเพื่อให้พอดีกับพื้นที่จารึก ภายหลังมีการรวบรวม สอบทาน และจัดพิมพ์เผยแพร่โคลงโลกนิติออกเป็นหลายฉบับ ดังนี้

  • หนังสือสอนอ่านฯ สุภาสิตโลกนิติ์คำโคลง

รวบรวม สอบทาน และจัดพิมพ์ โดยกรมศึกษาธิการ กระทรวงธรรมการ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๗ เพื่อใช้เป็นหนังสือแบบเรียนสำหรับนักเรียน โดยนำโคลงที่สมเด็จฯ กรมพระยาเดชาดิศร ทรงชำระไว้ ๔๐๘ บท ที่ปรากฎในต้นฉบับสมุดไทย (รวมโคลงนำ ๒ บท โคลงส่งท้าย ๒ บท และโคลงที่ซ้ำกันอยู่ ๕ บท) มาพิมพ์ร่วมกับโคลงอีก ๓๐ บท ที่พบในแผ่นศิลาวัดพระเชตุพนฯ

  • ประชุมโคลงโลกนิติ ฉบับหอสมุดแห่งชาติ

จัดพิมพ์โคลงโลกนิติที่เป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาเดชาดิศร ร่วมกับโคลงโลกนิติสำนวนเก่าที่มีการค้นพบเป็นจำนวนมากจากหอพระสมุดวชิรญาณ พร้อมระบุคาถาอันเป็นที่มาของโคลง และจัดรวบรวมกันเป็นชุดๆ ได้โคลงภาษิตรวม ๕๙๓ ชุด จำนวน ๙๑๑ บท (ไม่รวมโคลงนำ ๒ บท และโคลงส่งท้าย ๒ บท) พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๐

  • ประชุมโคลงโลกนิติ ฉบับกรมวิชาการ

เป็นฉบับที่คณะกรรมการคัดสรรและเผยแพร่วรรณกรรมของชาติ กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ นำต้นฉบับ หนังสือสอนอ่านฯ สุภาสิตโลกนิติ์คำโคลง และ ประชุมโคลงโลกนิติ ฉบับหอสมุดแห่งชาติ มาสอบทาน แก้ไขอักขระ ตัดโคลงที่ซ้ำซ้อน เพิ่มเติมคาถา จัดทำคำอธิบายศัพท์ และจัดหมวดหมู่ใหม่ในโคลงบางชุด ทำให้ได้โคลงภาษิตรวม ๕๙๔ ชุด จำนวน ๙๐๒ บท (รวมโคลงนำ ๒ บท และโคลงส่งท้าย ๔ บท) พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๓

[แก้] รูปแบบของหนังสือประชุมโคลงโลกนิติ

ประชุมโคลงโลกนิติ ฉบับกรมวิชาการ
ประชุมโคลงโลกนิติ ฉบับกรมวิชาการ

หนังสือประชุมโคลงโลกนิติ[2] ขึ้นต้นด้วยโคลงนำ ๒ บท คือ

 
อัญขยมบรมนเรศเรื้อง รามวงศ์
พระผ่านแผ่นไผททรง สืบไท้
แสวงยิ่งสิ่งสดับองค์ โอวาท
หวังประชาชนให้ อ่านแจ้งคำโคลง
ครรโลงโลกนิตินี้ นมนาน
มีแต่โบราณกาล เก่าพร้อง
เป็นสุภสิตสาร สอนจิต
กลดั่งสร้อยสอดคล้อง เวี่ยไว้ในกรรณ
 

จากนั้น จะแยกโคลงออกเป็นชุดๆ แต่ละชุดมีส่วนประกอบดังนี้

  • ตัวเลขลำดับกำกับชุด
  • คาถา โดยชุดที่มีคาถา จะเขียนคาถาไว้ที่ต้นบท พร้อมชื่อคัมภีร์อันเป็นที่มาของคาถานั้น ถ้าไม่พบที่มาของคัมภีร์ จะเขียนไว้ว่า ไม่ปรากฎที่มา และถ้าโคลงชุดนี้ไม่มีคาถา จะเขียนไว้ว่า ไม่พบคาถา
  • โคลงสำนวนเก่า จะเขียนท้ายโคลงว่า สำนวนเก่า
  • โคลงพระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาเดชาดิศร จะเขียนท้ายโคลงว่า สมเด็จฯ กรมพระยาเดชาดิศร

เช่น โคลงชุดที่ ๑๗๐

 
๑๗๐.
ปฐพฺยา มธุรา ติณี อุจฺฉุ นารี สุภาสิตํ
อุจฺฉุนารีสุ ตปฺปนฺติ น ตปปติ สุภาสิตํ
ไม่ปรากฎที่มา
รสหวานในโลกนี้ มีสาม
หญิงรูปบริสุทธิ์งาม อีกอ้อย
สมเสพรสกลกาม เยาวโยค
หวานไป่ปานรสถ้อย กล่าวเกลี้ยงไมตรี
สำนวนเก่า
หวานใดในโลกนี้ มีสาม สิ่งนา
หวานหนึ่งคือรสกาม อีกอ้อย
หวานอื่นหมื่นแสนทราม สารพัด หวานเอย
หวานไปปานรสถ้อย กล่าวเกลี้ยงคำหวาน
สมเด็จฯ กรมพระยาเดชาดิศร
 

[แก้] หนังสืออื่นที่มีที่มาจากคัมภีร์โลกนิติ

นอกจากโคลงโลกนิติสำนวนเก่า และโคลงโลกนิติในพระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาเดชาดิศรแล้ว ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่มีที่มาจากคัมภีร์โลกนิติ ได้แก่

  • โคลงโลกนิติ จากหนังสือวชิรญาณ เล่ม ๒ จ.ศ. ๑๒๔๗

เป็นการรวบรวมคัมภีร์โลกนิติ ฉบับภาษาบาลี ซึ่งมี ๗ กัณฑ์ โคลงโลกนิติ พระนิพนธ์ของสมเด็จฯ พระยาเดชาดิศร และโคลงโลกนิติ ที่เข้าใจว่าเป็นสำนวนของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เข้ามารวมพิมพ์ไว้ในเล่มเดียวกัน

  • โลกนิติ ไตรพากย์ หรือ โลกนิติ คารม

ประพันธ์และเรียบเรียงโดยพระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป) โดยจัดทำเป็น ๓ ภาษา คือ ภาษาบาลี ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ จำแนกเนื้อหาออกเป็น ๗ กัณฑ์ ตามคัมภีร์โลกนิติ รวมมีทั้งสิ้น ๑๖๗ คาถา พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๑

  • โลกนิติปกรณ์

ถอดคำประพันธ์ของคัมภีร์โลกนิติทั้ง ๗ กัณฑ์ ออกเป็นร้อยแก้วภาษาไทย โดย แสง มนวิทูร มีทั้งสิ้น ๑๕๘ คาถา

  • โลกนิติ - สุตวัฑฒนนีติ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน

ราชบัณฑิตยสถานได้ชำระและแปลคัมภีร์โลกนิติและคัมภีร์สุตวัฑฒนนีติ ออกเป็น ๔ ภาษา คือ ภาษาบาลี ภาษาบาลีเขียนเป็นอักษรโรมัน ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ รวมมีทั้งสิ้น ๑๖๗ คาถา พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๐

  • โลกนิติคำฉันท์

ประพันธ์โดยขุนสุวรรณสารวัด เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๘๕ เป็นคำฉันท์จำนวน ๒๖๕ บท ตามคาถาของคัมภีร์โลกนิติ

[แก้] เชิงอรรถ

^  จาก สุปาณี พัดทอง, "โคลงโลกนิติ" อมตะวรรณกรรมคำสอน
^  ในที่นี้เป็นรูปแบบตามหนังสือประชุมโคลงโลกนิติ ฉบับกรมวิชาการ

[แก้] ดูเพิ่ม

  • คัมภีร์โลกนิติ
  • ประชุมจารึก วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

[แก้] อ้างอิง

  • กรมวิชาการ, ประชุมโคลงโลกนิติ, กรมวิชาการ, 2543. ISBN 9742688192.
  • สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร, โคลงโลกนิติ, เรือนปัญญา, 2545. ISBN 9744194669.
  • นิยะดา เหล่าสุนทร, โคลงโลกนิติ : การศึกษาที่มา, แม่คำผาง, 2537. ISBN 9747036231.
  • สุปาณี พัดทอง, "โคลงโลกนิติ" อมตะวรรณกรรมคำสอน, วารสารวรรณวิทัศน์ ปีที่ 2 ฉ.2, ภาควิชาภาษาไทย คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, พ.ย. 2545.