เนื้อเรื่อง ตำนานเกราะ คิโคเท
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อเรื่อง ตำนานเกราะ คิโคเท ตอนพิเศษของการ์ตูนซามูไรทรูปเปอร์
สารบัญ |
[แก้] เนื้อเรื่องตอนที่ 1 มุคาล่าเทพเจ้าแห่งดวงตะวัน
หลังจากเสร็จศึกในนคร นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กำจัดจอมขมังเวทย์แห่งโลกตะวันออก ชิไกเซ็น และสามารถช่วงชิงตัวเซจิ นักรบเกราะแห่งแสงสว่างกลับคืนมาสู่เหล่าซามูไรทรูปเปอร์ได้สำเร็จ ในฤดูร้อนของ ญี่ปุ่น ที่มีอากาศร้อนอบอ้าวผิดปกติ ดวงอาทิตย์ ส่องแสงแรงกล้าอย่างน่าพิศวง ยางิว นาสตี้ หลานสาวของ ศาสตราจารย์ยางิว ผู้ศึกษาและค้นคว้าเรื่อง ชุดเกราะ ของเหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ เดินทางมาพักผ่อนในช่วงฤดูร้อนที่บ้านพักตากอากาศของศาสตราจารย์ยางิว ยามาโนะ จุน เด็กชายตัวน้อยที่ร่วมต่อสู้และเป็นกำลังใจแก่เหล่าซามูไรทรูปเปอร์ ได้ส่งจดหมายถึงนาสตี้ เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงปิดเทอม ฤดูร้อน และการไปพักร้อนที่ ชายหาด คารุอิซาวะ รวมถึงการทำ การบ้าน ช่วงปิดเทอมด้วยการสังเกต ดวงดาว ต่าง ๆ โดยมี ฮาชิบะ โทมะ นักรบเกราะแห่งอากาศเป็นผู้ช่วยให้คำแนะนำต่าง ๆ เกี่ยวกับดวงดาว โมริ ชิน นักรบเกราะแห่งสายน้ำ และ ชู เร ฟาน นักรบเกราะแห่งปฐพี มาพักผ่อนในช่วง ฤดูร้อน ด้วยการเล่นกระดานโต้คลื่นในท้อง ทะเล ชูหัดเล่น กระดานโต้คลื่น ครั้งแรกในชีวิตโดยมีชินเป็นครูฝึกสอน ทั้งสองต่างสนุกสนานกับการพักผ่อนจากการต่อสู้กับเหล่าปีศาจ ชูเอ่ยเปรียบเทียบระหว่างการต่อสู้กับเหล่าปีศาจและการเล่นกระดานโต้คลื่น ทำให้ชินอดคิดถึงการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและโหดร้ายไม่ได้ นึกถึง เกราะเกียร์ ของเหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ ถึงความหมายที่แท้จริงของเกราะเกียร์นั้นคืออะไรกันแน่ ถ้าเกราะเกียร์ทั้งห้าถูกกำหนดให้มีชะตากรรมในการต่อสู้กับเหล่าปีศาจ ย่อมที่จะต้องมีจิตใจแห่งเกราะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการต่อสู้แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
การอยากรู้ความหมายที่แท้จริงของเกราะเกียร์แห่งคุณธรรม ถึงความจริงที่แอบแฝงซ่อนเร้นอยู่ของชิน สร้างความงุนงงให้แก่ชูซึ่งไม่เข้าใจในความหมายที่ชินเอ่ยออกมาว่าหมายความถึงอะไร ชูแย้งว่าการปราบเหล่า ปีศาจ ทำให้ โลก มนุษย์สงบสุขเป็นเรื่องที่ดี ชินไม่โต้แย้งใด ๆ ได้แต่ภาวนาในใจขอให้เหล่านักรบเกราะทั้งห้า อย่าได้หวนกลับไปสวมเกราะนักรบและจับ อาวุธ เข้าต่อสู้อีก ถ้าโลกมนุษย์ยังสงบสุขเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ทั้งหมดก็คงจะมีชีวิตที่เหมือนกับมนุษย์ธรรมดาที่สงบสุข ไม่ต้องสวมเกราะเข้าต่อสู้กับเหล่าปีศาจ ฤดูร้อน ของประเทศ ญี่ปุ่น ชินจุกุ กำลังเผชิญกับความร้อนอบอ้าวอันแปลกประหลาดของสภาพภูมิอากาศ ที่อุณหภูมิสูงถึง 36 องศาเซลเซียสและมีทีท่าว่าจะสูงขึ้นอีกเรื่อย ๆ ผู้คนในชินจุกุแทบจะทนกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวจาก ดวงอาทิตย์ ไม่ไหว จู่ ๆ ก็เกิดลมร้อนอันแปลกประหลาดพัดผ่านอย่างรุนแรงในเมืองพร้อมกับปรากฎการณ์ พระอาทิตย์ทรงกลด ภาพลวงตาของเหล่าสัตว์ต่าง ๆ ใน ทวีปแอฟริกา ปรากฎขึ้นอย่างไม่น่าเป็นไปได้ สัตว์แอฟริกาเช่น ช้างแอฟริกา ยีราฟ และสัตว์อื่น ๆ อีกมากมายเพ่นพ่านทั่วชินจุกุ
ภาพลวงตา ของเหล่าสัตว์ แอฟริกา ทำให้เกิด แผ่นดินไหว อย่างรุนแรง อาคารต่าง ๆ ถล่มพังทลาย ผู้คนในชินจุกุแตกตื่นพากันหลบหนีจากอาคารถล่มกันจ้าระหวั่น ซานาดะ เรียว นักรบเกราะแห่งเปลวเพลิง เป็นหนึ่งในบรรดาผู้คนที่หลบหนีจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและอาคารถล่มในชินจุกุ เรียวแปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและตระหนักดีว่าจะต้องเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นอีกแน่นอน โทมะและจุนเดินทางมายังบ้านพักตาก อากาศ ของนาสตี้ ระหว่างทางทั้งสองพบกับ เบียคุเอ็น พยัคฆ์ขาวเพื่อนคู่ใจของเรียว จุนดีใจที่ได้เจอเบียคุเอ็น แต่มันกลับไม่สนใจจุนและโทมะ นาสตี้ที่ขับรถตามเบียคุเอ็นมา จอดรถแวะรับทั้งสองคนร่วมเดินทางไปด้วย ระหว่างทางนาสตี้เล่าให้ทั้งคู่ฟังถึงสาเหตุที่ต้องติดตามเบียคุเอ็น เรียวมาพบนาสตี้ที่บ้านพักตากอากาศด้วยท่าทางที่รีบร้อน ไม่ทันที่นาสตี้จะสอบถามก็ผลุนผลันวิ่งออกไป นาสตี้จึงให้เบียคุเอ็นติดตามเรียวไปก่อนที่จะขับรถตามไปภายหลัง จุนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเรียวจึงเป็นเช่นนั้น และสงสัยว่าเหล่า ปีศาจ จะออกอาละวาดอีก ซึ่งนาสตี้ได้แต่ภาวนาอย่างให้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
เรียวถูก ลูกแก้วจิน ลูกแก้วแห่งคุณธรรมประจำ เกราะเกียร์เร็กกะ นำพามายังชินจูกุ ที่กลายเป็นเมืองร้างเพราะเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้น ภาพลวงตาแห่ง แอฟริกา ยังคงปรากฎให้เห็น มันเปลี่ยนเมืองทั้งเมืองให้มีสภาพเป็น ป่า ใน ทวีปแอฟริกา พร้อมกับการปรากฎกายของเด็กหนุ่มลึกลับ ผมสีขาวที่มีตราสัญลักษณ์รูป ดวงอาทิตย์ คาดบริเวณหน้าผากและมี บูมเมอแรง เป็น อาวุธ เข้าจู่โจมทำร้ายเรียว เด็กหนุ่มลึกลับมีพลังในการต่อสู้อย่างรุนแรง ทำให้เรียวไม่อาจต้านทานแรงปะทะจากเด็กหนุ่มลึกลับผู้นั้นได้ ทันใดนั้นเบียคุเอ็นก็ปรากฎกายขึ้นเข้าช่วยเหลือเรียว แต่เหตุการณ์กลับกลายเป็นว่าเด็กหนุ่มลึกลับสามารถสยบเบียคุเอ็นให้เชื่องได้อย่างง่ายดาย นาสตี้ จุนและโทมะ ติดตามเบียคุเอ็นที่นำทางมาหาเรียว แต่เกิดพลัดหลงกันระหว่างทางทำให้นาสตี้ไม่สามารถติดตามเบียคุเอ็นได้อีก เจ้าหน้าที่ ตำรวจ หลายนายได้กันไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนอกจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเข้าไปในเมืองชินจุกุที่กลายเป็นเมืองร้างที่มี พันธุ์ไม้เขตร้อน ขึ้นเต็มไปหมด นาสตี้พยายามอธิบายว่ามีคนรู้จักของเธอติดอยู่ภายในนั้น แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ยอมให้ทั้งหมดเข้าไป โทมะสังหรณ์ใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ค่อยจะสู้ดี จึงตัดสินใจเปิดประตูรถและวิ่งหายเข้าไปภายในเมืองชินจุกุแต่เพียงผู้เดียว
ชินและชูยังคงสนุกสนานกับการพักร้อนที่ชาย ทะเล โดยหารู้ไม่ว่าเพื่อน ๆ ของเขาต้องเจอกับเหตุการณ์ประหลาดในชินจุกุ ชินเปิด วิทยุ ฟังข่าวจึงได้รู้ว่าที่ชินจุกุเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น ในขณะที่เรียวและเด็กหนุ่มลึกลับยังคงต่อสู้กันอย่างต่อเนื่องและรุนแรง เรียวพลาดท่าเสียทีเด็กหนุ่มลึกลับแต่ได้โทมะเข้าช่วยเหลือและร่วมต่อสู้กับเรียว โทมะสอบถามถึงความเป็นมาของเด็กหนุ่มลึกลับ ซึ่งเรียวเองนั้นก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของและสาเหตุของการต่อสู้ของเด็กหนุ่มผิวดำจาก แอฟริกา เด็กหนุ่มลึกลับเข้าจู่โจมเรียวและโทมะอีกครั้ง แต่พลันก็มีพลังแสงสีเขียวพุ่งเข้าปะทะกับเด็กหนุ่มพร้อมกับการปรากฎกายของ ดาเตะ เซจิ นักรบเกราะแห่งแสงสว่าง ที่เข้ามาช่วยเหลือจากการเตือนของชุดเกราะโคริน เด็กหนุ่มลึกลับเข้าจู่โจมทั้งหมดอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับแสดงพลังในการต่อสู้ให้ทั้งหมดได้ประจักษ์ ทั้งสามนักรบเกราะแทบไม่เชื่อสายตาของตนเองในพลังของมนุษย์ตัวเปล่า ที่มีเพียง บูมเมอแรง เป็นอาวุธ เรียวนั้นไม่เข้าใจถึงสาเหตุของการปรากฎกายของเด็กหนุ่มลึกลับจาก แอฟริกา ที่ดูเหมือนจะมีจุดมุ่งหมายที่ตัวเขาและผองเพื่อนนักรบ ซามูไรทรูปเปอร์ เกราะเกียร์เร็กกะ เกราะเกียร์โคริน และ เกราะเกียร์เท็นคู จึงได้ออกมาแสดงพลังแห่งชุดเกราะตอบโต้เด็กหนุ่มลึกลับ
เรียวสวม เกราะเกียร์ เร็กกะเข้าต่อสู้พร้อมด้วย ดาบ คู่อาวุธคู่มือ แต่กลับถูกเด็กหนุ่มลึกลับตอบโต้กลับอย่างรุนแรง เซจิและโทมะเข้าช่วยเหลือเรียวจากเด็กหนุ่มลึกลับ การปะทะกันระหว่างนักรบเกราะและนักรบดำจาก แอฟริกา ส่งผลการต่อสู้ไปยังด้านนอกของเมือง ชินจุกุ นาสตี้และจุนที่ถูกเจ้าหน้าที่ ตำรวจ กันตัวอยู่ มองเห็นเบียคุเอ็นอยู่บนอาคารที่กำลังถล่มพร้อมกับเสียงคำรามอย่างสับสนภายในใจ ชูและชินตามมาสมทบกับพวกเรียวในภายหลัง ชินนั้นเกิดความสับสนในจิตใจของตนเองเกี่ยวกับการต่อสู้ทันทีที่เห็นเด็กหนุ่มลึกลับ เมื่อเห็นเพื่อนกำลังพลาดท่าจากการต่อสู้ ชูและชินจึงสวม เกราะเกียร์ เข้าช่วยเหลือ พลังจากนักรบเกราะทั้งห้าของเหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ แม้จะรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวก็ไม่สามารถเอาชนะเด็กหนุ่มลึกลับได้ ชูโดนทำร้ายจนบาดเจ็บทำให้โทมะโกรธแค้นมาก จึงใช้ศรเท็นคูยิงใส่เด็กหนุ่มลึกลับแต่กลับถูกชินห้ามปรามด้วยเหตุผลที่คู่ต่อสู้ไม่มีอาวุธ โทมะไม่สนใจคำห้ามปรามของชินอีกทั้งยังบอกว่าชินนั้นใจอ่อนเกินไปในการต่อสู้
ศรสายฟ้าเท็นคูถูกยิงใส่เด็กหนุ่มลึกลับ ซึ่งรับไว้ได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวก่อนจะเขวี้ยงศร สายฟ้า กลับคืนมายังเหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ เซจิและโทมะถึงกับตะลึงในพลังของเด็กหนุ่มลึกลับที่เหนือกว่า มนุษย์ และนักรบเกราะทั้งหมดต่างต้องตกตะลึงอีกครั้งที่เห็นเด็กหนุ่มลึกลับ ร่าย คาถา อันแปลกประหลาด บูชา ดวงอาทิตย์ ที่ส่องแสงอันแรงกล้า ก่อนที่เกราะคิโคเทสีดำจะถูกสวมอยู่บนร่างของนักรบดำจาก แอฟริกา ...เกราะคิโคเทสีดำที่ไม่แตกต่างไปจากเกราะคิโคเทสีขาวของเรียว ที่เกิดจากการรวมพลังจิตใจเป็นหนึ่งของเหล่าซามูไรทรูปเปอร์ทั้งสี่คนส่งไปให้แก่เรียว เกราะคิโคเทสีดำที่สวมอยู่บนร่างของเด็กหนุ่มลึกลับ มีปฏิกิริยาต่อเกราะเกียร์เร็กกะของเรียว เกราะเกียร์เร็กกะตอบสนองการเรียกจากเกราะสีดำของเด็กหนุ่มลึกลับ ก่อนที่เรียวจะถูกดึงไปหา เกราะคิโคเทสีดำ เมื่อเห็นเรียวกำลังตกอยู่ในอันตราย โทมะ เซจิ ชูและชินที่ตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้าต่างได้สติ เซจิ โทมะและชู รวมพลังแห่งชุดเกราะและจิตใจอันเป็นหนึ่งส่งไปให้เรียว ยกเว้นชินเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังเกิดการสับสนภายในจิตใจเกี่ยวกับการต่อสู้ และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่แปลกประหลาดต่างไปจากต่อสู้ทุกครั้ง ทำให้พลังแห่งเกราะเกียร์ไม่สามารถรวมจิตใจเป็นหนึ่งและส่งไปให้แก่เรียวเพื่อสวมเกราะคิโคเทสีขาวเข้าต่อสู้ได้ เมื่อพลังแห่งชุดเกราะจากนักรบทั้งสี่ไม่สามารถส่งไปถึงเรียว เพราะชินเกิดลังเลใจที่จะต่อสู้และส่งพลังแห่ง เกราะเกียร์ซุยโคะ ทำให้เรียวไม่สามารถสวมเกราะคิโคเทสีขาวได้ เซจิจึงตัดสินใจเสี่ยงชีวิตของตนเองเข้าช่วยเหลือเรียวแต่เพียงผู้เดียว ทำให้ เกราะเกียร์โคริน ถูกเกราะคิโคเทสีดำดึงเข้าหาเช่นเดียวกับเรียว ก่อนจะจางหายไปในมิติภาพลวงตาบนท้องฟ้าต่อหน้าต่อตาทุกคน
[แก้] เนื้อเรื่องตอนที่ 2 เกราะสีดำแสงและเงาของคิโคเท
เรียวรู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมาในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่รู้จักมาก่อน พบเซจินอนหมดสติอยู่ใกล้ ๆ จึงเข้าช่วยเหลือจนเซจิฟื้นคืนสติขึ้นมา ทั้งสองต่างดีใจที่ไม่เป็นอะไรมากจากการถูกพาตัวมาอย่างลึกลับ เซจิสอบถามถึงนักรบดำซึ่งเรียวเองก็หาคำตอบให้แก่เซจิไม่ได้ ทันใดนั้นเรียวและเซจิต่างสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติรอบ ๆ ตัว ก่อนที่แสงสีแดงจ้าจากนัยน์ตา หมาป่า ที่รายล้อมอยู่รอบคนทั้งสองจะปรากฎขึ้น เรียวเตรียมพร้อมในการรับมือกับหมาป่าแต่เซจิเตือนเรียวไม่ให้ประมาท การต่อสู้ยามค่ำคืนที่มีเพียงแสงสว่างจาก ดวงจันทร์ นำทางเท่านั้นมีแต่เสียเปรียบ รอให้ ดวงอาทิตย์ สาดแสงสว่างเสียก่อนในวันรุ่งขึ้นแล้วค่อยคิดวางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไป ชิน ชู โทมะ จุนและนาสตี้ รวมทั้งเบียคุเอ็นต่างมารวมตัวกันที่บ้านพักตากอากาศของนาสตี้ ชินแยกตัวออกมาต่างหากจากทุกคน เขาเสียใจมากที่ไม่สามารถช่วยเหลือเรียวและเซจิจากนักรบดำได้ จุนเป็นห่วงเรียวและเซจิ นาสตี้ได้แต่ปลอมประโลมว่าทั้งคู่ต้องปลอดภัยจากอันตรายที่กำลังเผชิญอยู่ และให้เชื่อในความเข้มแข็งของคนทั้งสอง ชูโวยวายอย่างโกรธแค้น ไม่นึกมาก่อนว่าจะมี เกราะคิโคเทสีดำ อยู่ภายใน โลก นี้ โทมะใช้ความคิดอย่างหนักก่อนจะแนะว่าต้องพยายามหาที่อยู่ของนักรบดำให้ได้เพื่อที่จะเจอตัวเรียวและเซจิ ก่อนจะนำพาไปยังปริศนาของเกราะคิโคเทสีดำ ชูและนาสตี้เห็นด้วยกับความคิดของโทมะ จึงค่อย ๆ ศึกษาข้อมูลของนักรบดำเท่าที่มีอยู่
ชินแย้งความคิดของชูที่พยายามหาที่อยู่ของนักรบดำ เหล่านักรบเกราะตอนนี้เหลือเพียงแค่สามคน ถ้าต้องปะทะกับนักรบดำอาจจะทานกำลังในการต่อสู้ไม่ได้ การหาตัวนักรบดำเพื่อช่วยเหลือเรียวและเซจิเพื่อที่ต้องการให้เกราะคิโคเทสีดำปรากฎ และทำลายเกราะสีดำนั้นเป็นความคิดที่ชินไม่เห็นด้วย ทำให้ชูไม่พอใจและเข้าใจว่าชินไม่ต้องการช่วยเหลือเรียวและเซจิ ชินให้เหตุผลว่าต่อให้เรียวสวม เกราะคิโคเท สีขาวเข้าต่อสู้ ก็ไม่อาจจะรับมือกับเกราะคิโคเทสีดำได้ เพราะการเผชิญหน้ากับนักรบดำเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จากคำพูดของชินทำให้ชูทะเลาะกับชินอย่างรุนแรง ชูต่อว่าชินที่ปล่อยให้เรียวและเซจิต้องตกอยู่ในอันตรายที่ไม่อาจรู้ชะตากรรมได้ ว่าทั้งคู่หายไปพร้อมกับนักรบดำไปในที่แห่งใด โดยไม่ยอมช่วยเหลือเพราะเกิดความสับสนในจิตใจเกี่ยวกับการต่อสู้ ถ้าในตอนนั้นชินยอมส่งพลังแห่งชุดเกราะซุยโคะและสามารถรวมจิตใจเป็นหนึ่งส่งให้แก่เรียวเพื่อสวมเกราะคิโคเท ซามูไรทรูปเปอร์ ทั้งห้าก็คงจะไม่กระจัดกระจายเช่นนี้ ชินเองนั้นก็ไม่เข้าใจจิตใจของตนเองเช่นกันกันว่าทำไมถึงได้เกิดความสับสนในจิตใจจนไม่ยอมต่อสู้ ชูคาดคั้นถึงสาเหตุของการที่ชินไม่ยอมต่อสู้ ทำให้ชินตัดสินใจเด็ดขาดที่จะไม่ต่อสู้อีก การตัดสินใจของชินนั้นส่งผลร้ายแก่เหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ โทมะที่ฟังการสนทนาของทั้งสองอยู่นานเอ่ยถึงสาเหตุที่แท้จริงของเหล่าซามูไรทรูปเปอร์ที่รวมตัวกันเพื่อต่อสู้ ปกป้องพิทักษ์ โลก จากเหล่า ปีศาจ หลังจากได้พบกับนักบวชลึกลับ คาออส และเพื่อเป็นการสานต่อคำสอนของคาออสในการปกป้องสันติภาพของโลกตราบเท่าที่ เกราะเกียร์ แห่งคุณธรรมยังคงอยู่กับทุกคนตลอดไป ชินไม่ยอมรับคำพูดของโทมะ ไม่ยอมรับชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้ของแต่ละคน แม้โทมะจะเตือนให้ชินสงบจิตใจที่กำลังว้าวุ่นอยู่ในขณะนั้นก็ไม่เป็นผลกลับถูกชินชกจนล้มลง ทำให้ชูโกรธชินมากที่ตัดสินใจเช่นนั้นจึงเข้าทำร้ายชิน ทั้งสองคนทะเลาะกันถึงขั้นชกต่อยอย่างรุนแรง
จุนเข้าขวางชูที่ถูกชินต่อยจนล้มลงกับพื้นและขอร้องทั้ง น้ำตา ให้เลิกทะเลาะกัน คนเป็นเพื่อนกันจะมาทะเลาะกันเองไม่ได้ ทำให้ชินเกิดความสับสนในจิตใจอย่างรุนแรงจึงวิ่งหนีไป ไม่สนใจเสียงนาสตี้ที่ตะโกนร้องเรียกตามหลัง โทมะนั้นเข้าใจความรู้สึกของชินที่กำลังว้าวุ้นว่าเป็นเช่นไรจึงให้ปล่อยไปก่อน บางทีชินอยู่ลำพังเพียงคนเดียวอาจจะหาคำตอบให้แก่ตนเองได้ ชินร้องไห้ด้วยจิตใจที่กำลังสับสนมายังท่าเรือ เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเมื่อพบกับเด็กหนุ่มลึกลับที่สวม เกราะคิโคเท สีดำ ไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของ ชุดเกราะ ว่าต้องการอะไรกันแน่ในการต่อสู้ ทำให้เขาตัดสินใจที่จะหันหลังให้แก่เกราะเกียร์ซุยโคะอย่างถาวรด้วยการทิ้ง ลูกแก้วชิน ลูกแก้วแห่งความเชื่อมั่น ลง แม่น้ำ เรียวและเซจิที่ถูกนำพาตัวมายัง ทวีปแอฟริกา พักอาศัยในระหว่างยามค่ำคืนบน ต้นไม้ ใหญ่ รุ่งอรุณยามเช้าต้อนรับเขาทั้งสองด้วยแสงสว่างจาก ดวงอาทิตย์ เมื่อเห็นสภาพภูมิประเทศโดยรอบ เรียวและเซจิตระหนักได้ทันทีว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ ประเทศญี่ปุ่น มันคือดินแดนที่เกราะคิโคเทสีดำนำพาคนทั้งคู่มาด้วยพลังแห่งชุดเกราะ
เมื่อเซจิรู้จุดมุ่งหมายของ เกราะคิโคเทสีดำ จากเรียว ว่าความต้องการที่แท้จริงคือการเผชิญหน้ากับ เกราะคิโคเท สีขาว ทั้งสองคนจึงปักหลักอยู่บนต้นไม้ใหญ่เช่นเดิม เซจิเฝ้ามองรอบ ๆ ตัวด้วยความระมัดระวังและสายตาอันเฉียบคมของเขาก็มองเห็นร่างของนักรบดำพร้อมด้วยบูมเมอแรงอาวุธคู่มือ ปรากฎกายขึ้นพร้อมกับแสงสว่างของ ดวงอาทิตย์ บนก้อนหินใหญ่ นักรบดำแห่ง แอฟริกา จ้องมองคนทั้งสองด้วยสายตาราวกับพยัคฆ์เห็นเหยื่อตัวน้อย ที่ด้านหลังของนักรบดำนั้นปรากฎร่างของเด็กสาวผู้หนึ่ง ผมสีฟ้าและมีตราสัญลักษณ์ของ ดวงอาทิตย์ ประดับอยู่ที่บริเวณผมยืนอยู่ด้วย เด็กหนุ่มลึกลับเริ่มเข้าจู่โจมเรียวและเซจิ จากการออกตัวที่ช้าและเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นตามลำดับ เซจิเตือนเรียวให้เตรียมพร้อมในการรับมือ เด็กหนุ่มลึกลับเปิดฉากโจมตีก่อนด้วย บูมเมอแรง ที่มีความเร็วและแรงที่สามารถตัด ต้นไม้ ใหญ่ที่ทั้งสองคนอยู่ให้ขาดเป็นสองท่อนได้ในพริบตา เรียวและเซจิถูกความเร็วที่มองไม่เห็นตัวของนักรบดำทำร้าย ทั้งสองคนสัมผัสถึงความเร็วและแรงในการต่อสู้ด้วยตัวเปล่าของนักรบดำ และรู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่แอบแฝงอยู่ภายใน หลังเอาชนะเรียวและเซจิได้ เด็กหนุ่มลึกลับกลับทำมือเป็น สัญลักษณ์ ให้ทั้งคู่สวม เกราะเกียร์ เข้าต่อสู้กับเขาเหมือนเป็นการหยามฝืมือของเรียวและเซจิที่สวมเพียงเกราะอ่อน เรียวที่มีอารมณ์ร้อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วสวมเกราะเกียร์เร็กกะเข้าประจัญบานกับเด็กหนุ่มลึกลับทันที เมื่อเห็นเรียวสวมเกราะเกียร์เร็กกะเซจิจึงสวมเกราะเกียร์โครินเข้าต่อสู้เช่นกัน นักรบดำมองทั้งคู่ที่สวมเกราะเกียร์แล้วก็ส่ายศีรษะและทำมือเป็นสัญลักษณ์ให้ทั้งสองคนอีกครั้ง ทำนองว่าเขาไม่ได้ต้องการจะต่อสู้กับเกราะเกียร์เร็กกะและเกราะเกียร์โคริน สิ่งที่เขาต้องการคือเกราะคิโทเคสีขาว เรียวและเซจิไม่สนใจกับสัญลักษณ์มือที่เด็กหนุ่มลึกลับทำ ทั้งสองคนพร้อมด้วย อาวุธ คู่มือบุกตะลุยเข้าหาเด็กหนุ่มลึกลับอีกครั้ง แต่ผลการต่อสู้กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เรียวแห่งเร็กกะถูกบูมเมอแรงของนักรบดำเข้าอย่างจังถึงกับหมวกเหล็กที่สวมอยู่บนศีรษะแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและ ดาบ คู่หลุดจากมือทั้งสอง เซจิเห็นเรียวพ่ายแพ้ให้แก่เด็กหนุ่มลึกลับก็จะเข้าช่วยเหลือเพื่อนนักรบเกราะแห่งคุณธรรม แต่ไม่ทันที่จะขยับตัว เขาเองก็ถูก บูมเมอแรง จากนักรบดำเข้าอีกคนถึงกับล้มฟุบเช่นกัน
เด็กหนุ่มลึกลับมองเซจิที่หมดสติอยู่ตรงหน้าก่อนจะเข้าไปคว้าปลายเท้าของเซจิและลากไปตามทาง ตรงไปยังเรียวที่พยายามยันกายลุกขึ้นยืน เรียวพยายามฝืนกายจะต่อสู้กับเด็กหนุ่มอีกแต่กลับถูกทำร้ายจนหมดสติไปอีกคน ความยินดีจากการต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้เด็กหนุ่มลึกลับประกาศชัยชนะด้วยการโห่ร้องราวเสียงดังคำรามราวกับสัตว์ป่า...โทมะและชูต่างเก็บตัวเงียบอยู่ภายในห้องพักที่บ้านตากอากาศของนาสตี้ ชูเอ่ยขอโทษโทมะที่แสดงละครฝีมือไม่เอาไหนกับชินเมื่อสักครู่ ชินเป็นคนใจอ่อน การที่ชินชกโทมะและชูนั้นความจริงแล้วตัวเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยากจะชกใครกันแน่ ภายนอกห้องพักของชูและโทมะ นาสตี้พยายามค้นหาข้อมูลของเกราะคิโคเทสีดำที่พวกโทมะเห็น แต่ข้อมูลใน อินเทอร์เน็ต ไม่มีรายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับเกราะคิโคเทสีดำ ให้นาสตี้ได้ค้นคว้าเพื่อช่วยเหลือเรียวและเซจิ จุนเป็นห่วงพวกโทมะและชูที่ทะเลาะอย่างรุนแรงกับชิน นาสตี้มองดูภาพถ่ายทุกคนที่นคร นิวยอร์ก เมื่อคราวที่เซจิถูก ชิไกเซ็น จับตัวไป ความผูกพันระหว่างเพื่อนในการร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันตลอด คงจะไม่ทำให้มิตรภาพของคนทั้งห้าสูญหายไป ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์อะไร ก็คงจะฝ่าฝันไปได้เป็นแน่ ชินที่เกิดความสับสนในจิตใจเกี่ยวกับการต่อสู้จนถึงกับทำร้ายเพื่อน ยังคงเฝ้าค้นหาคำตอบให้แก่ตัวเองที่ท่าเรือ จุนมาหาโทมะและชูที่ห้อง ต่อว่าทั้งสองคนที่ไม่ยอมไปช่วยนาสตี้ค้นหาข้อมูลของนักรบดำ ตอนนี้นาสตี้กำลังพยายามอยู่เพียงลำพังในการค้นหาที่อยู่ของเรียวและเซจิที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ชินที่ออกจากบ้านไปและไม่ยอมหวนกลับคืนมา สร้างความไม่มั่นใจให้แก่จุน ถ้าทั้งหมดยังคงความเป็นเพื่อนกันอยู่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
เรียวและเซจิที่ถูกเด็กหนุ่มลึกลับทำร้ายจากการต่อสู้ ถูกลากขาไปตามทางด้วยสภาพที่หมดสติ เด็กสาวผมสีฟ้าที่ยืนมองดูการต่อสู้ระหว่างนักรบเกราะและเด็กหนุ่มลึกลับ เรียกเด็กหนุ่มลึกลับด้วยชื่อ "มุคาล่า" พร้อมกับต่อว่าที่ไปพาตัวเรียวและเซจิมาจากประเทศทาง ตะวันออก เธอถามถึงเหตุผลในการอยากต่อสู้ของมุคาล่า ชุดเกราะคิโคเทสีดำต้องการการต่อสู้จริงหรือ มุคาล่ายังคงลากเรียวและเซจิไปตามทางโดยไม่สนใจเด็กสาวผู้นั้นแม้แต่น้อย นาสตี้พยายามค้นหาเกราะคิโคเทสีดำจาก ฐานข้อมูล ที่มีอยู่แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เธอไม่มีแม้แต่เบาะแสเพียงเล็กน้อยในการเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ชูนึกถึงร่องรอยต่าง ๆ ของนักรบดำ จุนเอ่ยถึงคำพูดและ คาถา ที่แปลกประหลาดของเด็กหนุ่มลึกลับตามที่พวกโทมะได้ยิน ชูและจุนพยายามนึกถ้อยคำเหล่านั้นแต่ก็นึกไม่ออก โทมะทบทวนความทรงจำเกี่ยวกับคำพูดและคาถาก่อนจะท่องออกมาให้ทุกคนได้ฟัง ถึงแม้จะรู้ ภาษา ที่นักรบดำใช้ นาสตี้ก็ยังคงมืดแปดด้านเพราะไม่มีความรู้ในด้านนี้ โทมะแนะว่าไม่มีคนรู้จักที่มีความรู้ด้านภาษาที่พอจะให้ความช่วยเหลือได้หรือไม่ทำให้นาสตี้นึกถึงศาสตราจารย์ยามางามิในห้องวิจัย ภาษาศาสตร์ ซึ่งเป็นเพื่อนของศาสตราจารย์ยางิว
ยามค่ำคืนแห่ง แอฟริกา เหล่านักรบดำที่มี มุคาล่า เด็กหนุ่มลึกลับที่สวมเกราะคิโคเทสีดำเข้าต่อสู้กับเหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ และเป็นผู้นำพาตัวเรียวและเซจิมาจาก ญี่ปุ่น รวมทั้งเป็นผู้นำเผ่าในแอฟริกา ร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลองในชัยชนะของเด็กหนุ่ม เด็กสาวที่มีผมสีฟ้าที่เฝ้ามองการต่อสู้ระหว่างมุคาล่าและนักรบเกราะทั้งสองจนกระทั่งพ่ายแพ้ถูกนำตัวมาขังไว้ใน ถ้ำ เล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่มียามเฝ้าอย่างแน่นหนา เธออุ้ม คนโฑ เล็ก ๆ ไว้ในอ้อมแขนมองดูการเลี้ยงเฉลิมฉลองของผู้นำเผ่าก่อนจะตรงไปยัง ถ้ำ ที่ขังเรียวและเซจิ สั่งยามที่เฝ้าบริเวณหน้าถ้ำให้เปิดประตูก่อนจะเข้าไปยังภายในถ้ำและมาหยุดตรงหน้าเรียวและเซจิที่ถูกทำร้ายจนสลบไม่ได้สติ ศาสตราจารย์ยามางามิแจ้งผลการตรวจสอบด้านภาษาศาสตร์ที่นาสตี้ขอร้องให้ช่วยเหลือ พบว่าภาษาที่โทมะทวนให้ฟังนั้นเป็นภาษามายาที่สืบทอดกันมาในแทบ แทนซาเนีย จุนและชูต่างพากันงงว่าแทนซาเนียตั้งอยู่ที่ใด โทมะใช้ความคิดสักครู่ก็รู้ว่าอยู่บริเวณ เส้นศูนย์สูตร นาสตี้ดีใจมากที่ได้เบาะแสเกี่ยวกับเรียวและเซจิและอีกไม่นานข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับภาษามายาใน แทนซาเนีย ก็ถูกส่งมายังนาสตี้เพื่อใช้ในการค้นหาทั้งคู่ที่หายสาบสูญไป ซึ่งบุคคลทั้งสองที่ทุกคนต่างเป็นห่วงโดยไม่รู้ชะตากรรมว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ยังคงไม่ได้สติอยู่ภายในถ้ำที่ถูกขังอยู่ เด็กสาวผมสีฟ้าที่ประดับตราสัญลักษณ์ของ ดวงอาทิตย์ ที่บริเวณผมและเข้ามาหยุดยืนมองทั้งสองคนภายในถ้ำ ใช้ฝ่ามือทั้งสองรอง น้ำ ใสสะอาดจากคนโฑที่เธออุ้มมาด้วยแล้วค่อย ๆ หยดน้ำใส่ใบหน้าของเรียวเพื่อเป็นการเรียกสติให้กลับคืนมา
หยด น้ำ ใสสะอาดจากฝ่ามือของเด็กสาว ร่วงหล่นลงกระทบใบหน้าของเรียว เธอช้อนใบหน้าของเรียวขึ้นมาและใช้ฝ่ามือตบสองสามครั้ง เปลือกตาของเรียวที่ปิดอยู่จึงเริ่มขยับก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างยากเย็น ทันทีที่นัยน์ตามองเห็นเด็กสาวผมสีฟ้าอยู่ตรงหน้า เรียวถึงกับผงะเล็กน้อยและนึกถึงเซจิ เพื่อนผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกับเขาทันที เซจินอนไม่ได้สติอยู่ไม่ไกลนักและฟื้นคืนสติได้เองในไม่ช้า เซจิได้รับบาดเจ็บหนักกว่าเรียว ร่างกายของเขาผ่านการต่อสู้มาอย่างสาหัสจนแทบขยับไม่ได้ เด็กสาวแสดงตนเป็นมิตรแก่คนทั้งสองและแจ้งว่าต้องการมาช่วยเหลือทั้งสองคน ซึ่งสร้างความแปลกใจให้แก่เรียวและเซจิเป็นอย่างมาก เธอแนะนำตัวว่าชื่อ "นาเลีย" และขอร้องให้ทั้งสองคนรับฟังสิ่งที่เธออยากให้ช่วยเหลือ เซจิสอบถามนาเลียถึงสถานที่แห่งนี่ว่าคือที่ใดและตัวของนักรบดำที่จับเขาทั้งสองคนมาคุมขังไว้ คำตอบที่เซจิได้รับนั้นคือสถานที่แห่งนี้เป็นหุบเขาลึกและเป็นหมู่บ้านของเธอในแถบ แทนซาเนีย ทันทีที่รับรู้ว่าอยู่ในแทนซาเนีย ดินแดน แอฟริกากลาง เซจิและเรียวต่างตกใจที่ถูกนักรบดำลักพาตัวมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ เซจิถามถึงเด็กหนุ่มลึกลับที่มี บูมเมอแรง เป็นอาวุธ คำตอบที่ได้รับคือเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นคู่หมั้นของเธอชื่อ "มุคาล่า" เรียวที่นิ่งฟังการสนทนาระหว่างเซจิและนาเลียมานานโพล่งขึ้นมาด้วยอารมณ์ถึงสาเหตุที่จับตัวพวกเขามาจาก ญี่ปุ่น และความต้องการที่แท้จริงของนักรบดำ นาเลียหลับตาก่อนจะเอ่ยถึงความต้องการที่แท้จริงของมุคาล่าให้เซจิและเรียวรับรู้ เผ่าของเธอผู้ที่ถูกรับเลือกจากสมาชิกในเผ่าให้เป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุด จะได้สวมเกราะสีดำที่ทำมาจากผลึก นิล และได้รับการสืบทอดให้ปกป้องแผ่นดินอันเป็นบ้านเกิดของพวกเธอสืบต่อไป เซจิและเรียวรับรู้ถึงความเป็นมาของเกราะคิโคเทสีดำที่มีมุคาล่าเป็นผู้สวมใส่ เซจิสอบถามนาเลียถึงสาเหตุที่เกราะคิโคเทสีขาวกลายมาเป็นศัตรูที่ร้ายกาจของเกราะดำ
นาเลียไม่ตอบคำถามของเซจิแต่กลับย้อนว่าผู้ใดที่เป็นผู้สวมเกราะคิโคเทสีขาวที่ดุจดั่งคู่แฝดของเกราะสีดำ เปรียบเสมือน แสง และ เงา ในการต่อสู้ เซจิชี้ไปยังเรียวที่จ้องมองอยู่ นาเลียเอ่ยขอร้องให้เรียวช่วยหยุดการต่อสู้ของมุคาล่า เกราะสีขาวและเกราะสีดำ เกราะคิโคเททั้งสองที่มีลักษณะเหมือนกันทุกประการจะต่อสู้กันไม่ได้โดยเด็ดขาด เรียวเล่าว่าลำพังเพียงตัวเขาคนเดียวไม่สามารถที่จะเรียก เกราะคิโคเท สีขาวออกมาได้ เกราะคิโคเทสีขาวของเรียวนั้นจะปรากฎก็ต่อเมื่อได้รับพลังแห่งชุดเกราะจากเหล่านักรบ ซามูไรทรูปเปอร์ ทั้งสี่ ที่ประกอบไปด้วย เกราะโครินแห่งแสงสว่าง เกราะเท็นคูแห่งอากาศ เกราะคองโกแห่งปฐพี และ เกราะซุยโคะแห่งสายน้ำ การรวมจิตใจเป็นหนึ่งของทุกคนที่ส่งไปให้แก่เรียวเพื่อที่จะสามารถเรียกเกราะคิโคเทออกมาได้ นาเลียแย้งว่ามุคาล่านั้นสามารถที่จะเรียกเกราะคิโคเทสีดำออกมาได้ด้วยตนเองเพียงลำพัง ซึ่งแตกต่างจากการเรียกเกราะคิโคเทสีขาวของเหล่าซามูไรทรูปเปอร์ เรียวไม่ยอมรับคำพูดของนาเลียในการที่จะเรียกเกราะคิโคเทสีขาวออกมาได้เพียงลำพัง เกราะคิโคเทเกิดจากการรวมจิตใจเป็นหนึ่งของเหล่านักรบ ซามูไรทรูปเปอร์ และขอให้นาเลียอธิบายถึงเหตุผลของการที่เกราะสีขาวและเกราะสีดำจะต่อสู้กันไม่ได้ เธอตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่าในขณะนี้มุคาล่าเคลื่อนไหวตามเจตนารมณ์ของเกราะดำ ไม่ได้เกิดจากจิตใจของเขาเองแม้แต้น้อยและบางทีสิ่งที่เธอคิดไว้อาจจะเป็นจริง เกราะสีดำอาจจะต้องการทดสอบฝีมือและพละกำลังของเกราะสีขาว ตอนนี้มุคาล่าถูกควบคุมจิตใจไว้ทำให้ไม่สามารถขัดขืนต่ออำนาจของเกราะสีดำได้ เกราะสีดำคือ เทพเจ้า ของเผ่าทาอุรางิของพวกเธอ เซจิและเรียวถึงกับตะลึงในเหตุผลที่เกราะสีขาวและเกราะสีดำห้ามต่อสู้กันของนาเลีย
จากข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ ที่ ศาสตราจารย์ ยามางามิส่งมาให้นาสตี้ ทำให้ทั้งหมดสืบเสาะข้อมูลจนพบว่านักรบดำที่ปรากฎกายใน ชินจุกุ พร้อมด้วยเกราะคิโคเทสีดำ เป็นคนในเผ่าทาอุรางิในดินแดนแถบ แทนซาเนีย ซึ่งเป็นเผ่าโบราณที่สืบทอดเชื้อสายใน ทวีปแอฟริกา โทมะอธิบายถึงความเป็นมาของเผ่าทาอุรางิให้ชูและจุนฟัง ในทวีปแอฟริกาจะมีชนเผ่าจำนวนมากอาศัยกระจัดกระจายไปทั่ว เผ่าทาอุรางิเองก็เป็นเผ่าที่มี อาณาจักร เป็นของตัวเองมาแต่โบราณ นาสตี้เสริมว่าเผ่านี้ถูกทำลายในยุคสมัยอาณานิคม ผู้คนในเผ่าที่หนีรอดจากการถูกทำลายมาได้จะใช้ชีวิตหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ในที่แห่งใดแห่งหนึ่งใน ทวีปแอฟริกากลาง ชูอยากรู้ถึงสถานที่ที่นักรบดำลักพาตัวเรียวและเซจิไป นาสตี้ค้นหาข้อมูลใน อินเทอร์เน็ต เพียงครู่เดียวก็สามารถค้นหา แทนซาเนีย ใน ทวีปแอฟริกา ได้
งานเลี้ยงฉลองของเผ่าทาอุรางิยังคงดำเนินต่อไป นาเลียนั้นยังอยู่กับเรียวและเซจิภายในถ้ำที่ใช้เป็นสถานที่คุมขังคนทั้งสอง เธอเล่าให้ทั้งสองคนรับรู้ถึงความเป็นมาของเผ่าทาอุรางิที่สืบเชื้อสายมาจากอาณาจักรโบราณ และคำพูดที่เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับเกราะสีดำเองที่สืบทอดมาจากอาณาจักรโบราณเช่นกัน ทันใดนั้นนาเลียก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียง กลอง จากด้านนอก พิธีกรรมของเผ่าทาอุรางิกำลังจะเริ่มต้นขึ้น พิธีกรรม สุดท้ายที่อนุญาตให้นักรบผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจากสมาชิกภายในเผ่า ไปออกศึกเพื่อทำการปกป้องหมู่บ้านแห่งนี้ เธอไม่ต้องการให้คู่หมั้นของเธอและพวกเรียวต้องต่อสู้อีก ด้านนอกของถ้ำ มุคาล่าได้รับเสียงโห่ร้องกึกก้องจากคนในเผ่า นาเลียตัดสินใจช่วยเหลือเรียวและเซจิออกจากถ้ำที่คุมขังทั้งสองคนอยู่ เธอสั่งให้ยามที่เฝ้าปาก ถ้ำ เปิดประตู ทันทีที่ประตูเปิดออกนักรบเกราะทั้งสองก็ทะยานออกจากถ้ำตรงเข้าจัดการกับยามทันที นาเลียนำเรียวและเซจิหลบหนีไปตามเส้นทางต่าง ๆ ที่เธอคุ้นเคย ระหว่างทางเรียวถามถึงเกราะคิโคเทที่มีอยู่สองชุด คือเกราะคิโคเทสีขาวที่ ญี่ปุ่น และเกราะคิโคเทสีดำที่อยู่ใน แอฟริกา เซจิเองสงสัยว่าเกราะคิโคเทสีดำอาจจะอยู่ที่ แอฟริกา มาตั้งแต่ในอดีตกาล นาเลียวิ่งนำทั้งสองคนไปอย่างรวดเร็วแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักกระทันหันเมื่อสายตาของเธอเห็นผู้ที่ยืนตระหง่านอยู่บนหน้าผา...มุคาล่ารับรู้ถึงการที่นาเลียพาทั้งสองคนหลบหนีออกจากถ้ำจึงติดตามมาดักรออยู่ พลังอำนาจของมุคาล่าสามารถสะกดให้สรรพสิ่งที่ส่งเสียงอึกทึกในยามค่ำคืนแห่ง แอฟริกา ให้เงียบเสียงลงได้ในบัดดล นาเลียเองก็ตระหนักในพลังของมุคาล่าเช่นกัน เธอถอยหลังอย่างหวาดกลัวปล่อยให้เรียวและเซจิเผชิญหน้ากับมุคาล่าตามลำพัง
เรียวและเซจิสวม เกราะเกียร์ เตรียมพร้อมเข้าปะทะกับมุคาล่าทันที มุคาล่านั้นย่างก้าวเข้าหาคนทั้งสองอย่างมั่นใจในฝีมือของตนเอง พลังอำนาจที่แอบแฝงอยู่ภายในพร้อมจะ ระเบิด พลังออกมาในทุกขณะ เรียวชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นพละกำลังของมุคาล่า เซจิเตือนสติเรียวในการต่อสู้ระหว่างคนตัวเปล่ากับผู้ที่มี อาวุธ พร้อมมือ ถึงแม้จะไม่อยากใช้ท่าไม้ตายในการต่อสู้แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ทั้งคู่จำต้องใช้พลังท่าไม้ตายกับมุคาล่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดาบเพลิงพิฆาตและดาบอัสนีบาต สองไม้ตายจากเรียวและเซจิถาโถมเข้าใส่มุคาล่าที่ยืนนิ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน ด้วยพลังอำนาจแห่งการทำลายล้างที่รุนแรงเกินกว่ามนุษย์ตัวเปล่าอย่างมุคาล่าจะรับมือได้ นาเลียตกใจกับภาพตรงหน้าจนร้องไห้ออกมา แต่แล้วเหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่เรียวและเซจิคาดการณ์ไว้ มุคาล่าไม่ได้รับอันตรายการการโจมตีเมื่อครู่แม้แต่น้อย!!!
[แก้] เนื้อเรื่องตอนที่ 3 การต่อสู้ระหว่างชุดเกราะ
การช่วยเหลือเรียวและเซจิของนาเลียเป็นการปลุกเปลวเพลิงแห่งโทสะที่ครุกกรุ่นของมุคาล่า พลังที่แอบแฝงอยู่ภายในตัวเด็กหนุ่มลึกลับนักรบแห่งเผ่าทาอุรางิ ระเบิด ออกมาอย่างรุนแรง เรียวและเซจิถึงกับตะลึงเมื่อเห็นมุคาล่าไม่ได้รับอันตรายใด ๆ พลังท่าไม้ตายของทั้งคู่มีความรุนแรงอย่างมหาศาล ต่อให้มีความทรหดอดทนแค่ไหนก็ไม่น่าจะรอดจากการโจมตีได้ เด็กหนุ่มลึกลับพร้อมด้วย บูมเมอแรง เปิดฉากจู่โจมทั้งสองทันที เรียวและเซจิรับมือจากการต่อสู้กับมุคาล่าอย่างหนักหน่วง เซจิสัมผัสได้ถึงจิตใจที่มีแต่การต่อสู้ของเกราะสีดำที่คอยช่วยพยุงจิตใจของมุคาล่าไว้ ร่ายกายที่แข็งแกร่งประกอบกับจิตใจที่ตั้งมั่นกับการต่อสู้อย่างรุนแรงของมุคล่า ทำให้เขารู้ถึงความต้องการของเกราะคิโคเทดำ มุคาล่าฉวยจังหวะที่เซจิรับรู้ถึงความต้องการของเกราะสีดำเข้าประชิดตัวทันที เซจิถูกทำร้ายด้วยบูมเมอแรงจนล้ม นาเลียเข้าขวางการต่อสู้ของมุคาล่าและนักรบเกราะทั้งสอง เธอขอร้องให้ทั้งหมดหยุดการต่อสู้ที่มีแต่สร้างความบาดเจ็บให้แก่คู่ต่อสู้ มุคาล่าและเรียวต่างเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้ ทั้งสองคุมเชิงซึ่งกันและกัน เซจินึกถึงความต้องการของเกราะคิโคเทสีดำที่มีแต่การต่อสู้และการทำลายล้าง เรียวนั้นเมื่อรับรู้ถึงความต้องการของเกราะสีดำที่ชักนำหลอกลวงทั้งสองมาจาก ญี่ปุ่น เพียงเพื่อเป็นการทดสอบกำลังของ ชุดเกราะ ก็ไม่ยอมที่จะต่อสู้อีกกับมุคาล่าอีก เรียวนั้นสวมเกราะเข้าต่อสู้เพื่อพิทักษ์คุณธรรมไม่ได้กระหายในการต่อสู้จนถึงกับถูกชุดเกราะควบคุมจิตใจและหลอกใช้เป็นเครื่องมือ ถ้าหากต้องต่อสู้ด้วยพลังแห่ง ชุดเกราะ ที่ปราศจากจิตใจและความรู้สึก เขาก็จะไม่ต่อสู้อีกต่อไปและเมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น ดาบ คู่อาวุธประจำกายของเรียวก็ถูกทิ้งลงพื้นดินอย่างไม่ใยดีจากเจ้าของ
เบียคุเอ็นหลบหนีออกจาก บ้านพักตากอากาศ ของศาสตราจารย์ยางิวเพื่อติดตามชินที่ทะเลาะกับชูและโทมะและออกจากบ้านพักตากอากาศไป จุนออกตามหาเบียคุเอ็นทั่วบริเวณบ้านพักตากอากาศก็ไม่พบแม้แต่เงา นาสตี้และโทมะเตรียมตัวออกตามหาเซจิและเรียวใน แทนซาเนีย ทวีปแอฟริกา โทมะเปรยกับนาสตี้ที่ระยะหลังนี้เบียคุเอ็นดูแปลก ๆ ไป นาสตี้ได้แต่ภาวนาขอให้อย่าเกิดอะไรขึ้นกับเรียวและเซจิ จากการตัดสินใจของเรียวที่ไม่ยอมต่อสู้อีกสร้างความแปลกใจให้แก่มุคาล่าเป็นอย่างมาก เขาชะงักเล็กน้อยกับทีท่าของเรียวก่อนจะบุกเข้าใส่อีกครั้ง เรียวไม่ยอมแม้แต่จะหยิบดาบขึ้นต่อสู้ปล่อยให้มุคาล่าเป็นฝ่ายโจมตีฝ่ายเดียว เซจิและนาเลียตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า เรียวถูกโจมตีอย่างหนักจนถึงกับล้มลงไม่เป็นท่า ก่อนที่มุคาล่าจะทำร้ายเรียวอีกครั้ง เซจิเอาตัวเองเข้าขวางทำให้โดนมุคาล่าทำร้ายแทน เรียวเห็นเซจิโดนทำร้ายแทนตนเองก็เจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้ก่อนจะหมดสติไป เซจิโกรธแค้นมุคาล่าเป็นอย่างมาก เขาพยายามเข้าต่อสู้อีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ กลับถูกมุคาล่าทำร้ายและเกิดความรู้สึกที่ไม่สามารถหาคำตอบให้แก่ตนเองได้ เกราะโครินของเซจิเกิดความต้องการในการต่อสู้กับมุคาล่า เซจิเกือบถูก ชุดเกราะ ชักใยให้ทำตามความต้องการของเกราะเกียร์ เขาพยายามฝืนความต้องการของเกราะเกียร์โคริน ดาบยาวอาวุธคู่กายหลุดจากมือตกกระทบกับพื้นเสียงดังสนั่นพร้อมกับความแปลกใจของมุคาล่าที่เห็นเซจิไม่ยอมต่อสู้เช่นเดียวกับเรียว เซจิร้องท้ามุคาล่าให้ทำตามความต้องการของเกราะสีดำ แต่ตราบใดที่จิตใจของพวกเขายังคงมีอยู่ มุคาล่าและชุดเกราะสีดำจะไม่มีทางได้สิ่งที่ปรารถนา
เบียคุเอ็นที่หลบหนีออกจากบ้านตรงมาหาชินที่ยังคงเฝ้าค้นหาคำตอบให้แก่ตนเองที่ริม แม่น้ำ มิตรภาพแห่งเหล่านักรบเกราะเริ่มสั่นคลอนจากการที่เขาเกิดความลังเลในจิตใจ จนไม่อาจส่งพลังแห่งชุดเกราะเพื่อช่วยเหลือเรียวได้ ชินนึกถึง เกราะเกียร์โคริน เกราะเกียร์เท็นคู และ เกราะเกียร์คองโก ที่ร้องเรียก เกราะเกียร์ซุยโคะ ให้รวมพลังส่งแก่ เกราะเกียร์เร็กกะ เขาไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ตัวเขานั้นไม่ยอมรวมพลังเป็นหนึ่ง เบียคุเอ็นมาหยุดยืนมองดูชินด้วยสายตาที่ชินไม่เข้าใจความหมายก่อนจะเข้ามาคลอเคลียตัวเขา การกระทำของเบียคุเอ็นยิ่งส่งผลให้ความนึกคิดของชินกลับว้าวุ้นมากยิ่งกว่าเดิม พวกของนาสตี้ที่ประกอบไปด้วยโทมะ จุนและชู ออกเดินทางจาก ญี่ปุ่น มุ่งหน้าตรงไปยัง แทนซาเนีย ใน แอฟริกา ด้วยเงินรางวัลของชูที่ถูก ล็อตเตอรี่ ชุดใหญ่ร้อยล้านเยนเมื่อคราวที่นำเงินรางวัลมาเลี้ยงฉลองงานวันคล้ายวันเกิดให้แก่เรียว และเก็บไว้เป็นเงินทุนของทุกคน ระหว่างการเดินทางด้วย เครื่องบิน ชูบ่นเสียดายเงินรางวัลของเขาที่ถูกนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยัง แอฟริกา โทมะนึกถึงชินที่ไม่ได้ร่วมเดินทางมาด้วย ถ้าการต่อสู้ระหว่างเกราะคิโคเทสีดำและเหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ ขาดชินไปเสียคนหนึ่งการต่อสู้ก็คงจะลำบากมากยิ่งขึ้น แต่การที่หาตัวเรียวและเซจิไม่พบบางทีอาจจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวเกินความคาดหมายของทุกคน ทั้งหมดใช้ระยะเวลาเดินทางจาก ญี่ปุ่น มาจนถึงสถานีไนโรบีและจองตั๋วเที่ยว ซาฟารี แบบประหยัดในการออกตามหาเรียวและเซจิ นาสตี้ฝากความหวังในการเดินทางไว้กับโทมะ ทั้งหมดเดินทางไปยัง ทุ่งหญ้า เขียวขจีแห่ง แอฟริกา ผ่านบรรดา สัตว์ป่า น้อยใหญ่สองข้างทาง จุนมองดูสัตว์ป่าแห่งแอฟริกาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึง เบียคุเอ็น เด็กน้อยเกิดความรู้สึกน้อยใจเบียคุเอ็นที่จู่ ๆ ก็มีท่าทีแปลก ๆ ชูปลอบจุนว่าเบียคุเอ็นก็คงจะเกิดความสับสนเกี่ยวกับชุดเกราะสีดำพร้อมกับขอความเห็นจากโทมะ ซึ่งโทมะเองก็อดคิดไม่ได้ว่าเบียคุเอ็นเองก็แบกรับชะตากรรมในการต่อสู้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
นาสตี้รื้อฟื้นความทรงจำของจุนที่เบียคุเอ็นตายไปเมื่อตอนต่อสู้เพื่อแย่งชิง ดาบโกเร็ตซึ ให้แก่เรียว และได้พยัคฆ์ดำโคคุเอ็นโอมาช่วยเหลือ ทั้งสองอย่างนี้อาจจะมีความเกี่ยวข้องกันระหว่างเกราะสีดำของเด็กหนุ่มลึกลับ โทมะเอ่ยถึงการต่อสู้ที่ผ่านมาระหว่างเหล่าซามูไรทรูปเปอร์และเด็กหนุ่มลึกลับที่สวมเกราะสีดำที่ ชินจุกุ เขาไม่พบจิตใจที่เป็น ปีศาจ จากนักรบดำผู้นั้น การต่อสู้ระหว่างชุดเกราะไม่จำเป็นต้องใช้จิตใจในการต่อสู้ แต่จะใช้กำลังขยายวงกว้างออกไปในการต่อสู้ทั่วทุกแห่งใน โลก ชูโวยวายตามนิสัยที่ใจร้อนมุทะลุ นาสตี้ต้องคอยเตือนสติให้สงบใจไว้จนกว่าจะไขปริศนาของชุดเกราะคิโคเทสีขาวและชุดเกราะคิโคเทสีดำได้ ชูต่อว่าชินที่คิดจะแยกตัวไปจากเหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ ทำให้จุนท้วงติงถึงคำมั่นสัญญาที่ชูให้ไว้ ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเหล่านักรบเกราะทั้งห้าจะยังคงมีมิตรภาพเช่นเดิม ชินไม่มีวันแยกจากไปโดยเด็ดขาด ชูอึกอักในคำพูดของจุนและพยายามหาข้อแก้ตัว แต่พอเห็นสายตาของเด็กน้อยเขาก็ปฏิเสธคำพูดของตนเองไม่ได้ จึงให้สัญญาดั่งเดิมแก่จุนที่จะเชื่อใจชินต่อไป ความผูกพันระหว่างคนทั้งห้าจะไม่มีวันสูญสลายไปแน่นอนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม โทมะเข้าใจความรู้สึกของชู แต่การที่จะเรียกเกราะคิโคเทให้ปรากฎจะต้องใช้ จิน งิ เร ชิน และ ฉิ พลังแห่งจิตใจทั้งห้าจะต้องรวมเป็นหนึ่งเพื่อเป้าหมายเดียวกัน ลูกแก้ว แห่งจิตใจต้องผสานความเป็นหนึ่งเดียวกัน จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้ ความเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ของเหล่านักรบเกราะเอาไว้ ชูแย้งโทมะทันทีว่าทำไมตอนนั้นถึงไม่เอ่ยประโยคนี้แก่ชิน
นาสตี้ให้เหตุผลถึงสาเหตุการไม่ยอมต่อสู้ของชิน ชินเป็นคนใจอ่อนและเกลียดการต่อสู้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเกราะเกียร์ซุยโคะ ในขณะนี้ชินเองก็คงกำลังหาคำตอบที่เขาเฝ้าค้นหาให้แก่ตนเองด้วยความเยือกเย็นอันเป็นลักษณะนิสัยของเขา ชูหงุดหงิดที่ทุกคนเข้าข้างชิน แต่เขาก็ยังไม่ยอมยกโทษให้แก่ชินโดยเด็ดขาด...มุคาล่า เด็กหนุ่มผมขาวผู้สวมเกราะคิโคเทสีดำ อันเป็นเกราะปริศนาที่ทำจากผลึก นิล เพื่อปกป้องหมู่บ้านของเขา เฝ้ามองบรรยากาศรอบ ๆ ตัวบนต้นไม้ใหญ่พร้อมด้วย บูมเมอแรง ข้าง ๆ ตัวเขาเรียวและเซจิถูกมัดติดอยู่บนหลัง ช้าง เบียคุเอ็น ยังคงป้วนเปี้ยนคลอเคลียอยู่ไม่ไกลชินจน พระอาทิตย์ ใกล้ลับขอบฟ้า พยัคฆ์ขาวเพื่อนคู่ใจของเรียวรู้ถึงสาเหตุของการไม่ยอมต่อสู้ของชิน แต่ตัวของชินเองกลับไม่ยอมรับความรู้สึกของเบียคุเอ็น เขาเฝ้าโทษตัวเองที่ขาดคุณสมบัติในการเป็น นักรบ จิตใจที่อ่อนแอจนไม่อาจช่วยเหลือเพื่อนในยามที่ตกอยู่ในอันตรายได้ เบียคุเอ็นไม่ยอมขยับไปจากชิน ภาพเงาสะท้อนใน น้ำ สะท้อน เงา ของนักรบเกราะแห่งสายน้ำแต่ไม่สะท้อนเงาของพยัคฆ์ขาวเบียคุเอ็น กลับกลายเป็นเงาของพยัคฆ์ดำโคคุเอ็นโอแทน ชินเหลือบเห็นเงาสะท้อนในน้ำก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก เขาหันกลับมามองเบียคุเอ็นตรงหน้าที่กลายเป็นเสือดำโคคุเอ็นโอยืนอยู่แทน พยัคฆ์ดำส่งเสียงคำรามใส่เขาก่อนจะหายวับไปต่อหน้า
นาสตี้ โทมะ จุนและชู ติดตามแกะรอยเซจิและเรียวมาจนถึง สะพานเชือก ข้ามแม่น้ำใน แทนซาเนีย นาสตี้ถอดข้อความภาษามายาที่โทมะจำได้จากนักรบดำ เธอรู้ถึงความหมายของเกราะสีดำที่กล่าวถึงแสงอันชั่วร้าย เงามืดที่มีความงดงาม พระอาทิตย์ และ พระแม่ธรณี และพละกำลัง เป็นภาษาที่ถูกจารึกไว้ใน โบราณสถาน ในหุบเขา โทมะนำทุกคนข้ามสะพานเชือกที่เก่าแก่ก่อนที่ลมจะพัดแรงมาปะทะพวกเขา แต่ทั้งหมดก็ไปได้เพียงครึ่งทาง ลมแรงก็ปะทะกับสะพานเชือกทำให้แกว่งอย่างรุนแรง และในขณะที่ทุกคนกำลังสาละวนกันการประคองตัวเองไม่ให้ไหวไปกับแรงลม ลูกธนู จำนวนมากก็พุ่งเข้าใส่จากทั่วทุกสารทิศ และแล้วทั้งหมดก็ถูกล้อมโดยนักรบเผ่าทาอุรางิของมุคาล่า หนึ่งในนักรบที่รายล้อมอยู่ใช้ มีด ตัดสะพานเชือกจนขาดทำให้นาสตี้และจุนตกลงไปในแม่น้ำ โทมะและชูสวม เกราะเกียร์ เข้าช่วยเหลือทั้งสองทันที ชูช่วยจุนได้สำเร็จแต่โทมะและนาสตี้กลับตกลงไปใน แม่น้ำ ทั้งสองจึงแสร้งทำเป็นตกลงไปในแม่น้ำเช่นกันด้วยการทุ่ม ก้อนหิน ลงไปในแม่น้ำ เหล่านักรบดำเมื่อเห็นทั้งหมดตกลงไปจากสะพานเชือกแล้วก็ถอยกลับไป จุนให้ชูรีบช่วยโทมะและนาสตี้ที่ถูกกระแสน้ำพัดไป ชูพาจุนขี่คอบุกตะลุยไปข้างหน้าก่อนจะปลอบใจว่าโทมะจะต้องสามารถปกป้องนาสตี้ได้แน่นอน ในเวลาเช่นนี้ทำให้ชูนึกถึงชิน ถ้าชินมากับพวกเขาด้วยก็คงจะดีไม่น้อย ระหว่างทางจุนพบนาเลียที่โคน ต้นไม้ ใหญ่ เธอร้องไห้เสียใจกับการกระทำของมุคาล่า จุนจึงบอกให้ชูหยุดและแอบดูนาเลีย พวกเขาเห็นพืชที่สามารถสร้าง ภาพลวงตา ได้ใน ชินจุกุ ก่อนที่นาเลียจะหายไปในต้นไม้ใหญ่
โทมะช่วยเหลือนาสตี้ได้สำเร็จ ซึ่งเธอเองแทบไม่เชื่อว่าจะเอาชีวิตรอดมาได้จากการตกจากสะพานเชือกลงสู่แม่น้ำที่เชี่ยวกราก โทมะรู้สึกแปลกในการที่เหล่านักรบพวกนั้นไม่ติดตามมาฆ่าพวกเขา กลับกลายเป็นเหมือนกับสัญญาณเตือนไม่ให้เข้าใกล้มากไปกว่านี้ และอดเป็นห่วงชูและจุนที่ต้องพลัดแยกทางกัน ถ้าทั้งสองสามารถเดินทางมาถึง โบราณสถาน ที่นัดหมายกันไว้โดยปลอดภัยก็คงไม่น่าเป็นห่วงมากนัก แต่คนที่ถูกกล่าวถึงทั้งคู่พบทางเข้าปริศนาที่ต้นไม้ใหญ่ที่เห็นนาเลียหายเข้าไป ชูและจุนพยายามเล็ดลอดผ่านต้นไม้ใหญ่จนสามารถเข้าไปถึงหมู่บ้านของเผ่าทาอุรางิ ที่กำลังเต้นรำ บูชายัญ โดยมีเรียวและเซจิถูกมัดติดอยู่กับ ผลึกแก้ว นาเลียจำต้องยืนเคียงข้างมุคาล่า มองดูนักรบทั้งสองอย่างเจ็บปวดที่ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้ เกราะคิโคเทสีดำถูกนำออกมาโดยได้รับการต้อนรับจากคนในเผ่าราวกับ เทพเจ้า ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ เกราะสีดำถูกนักรบแห่งเผาทาอุรางิดึงขึ้นเหนือร่างของทั้งสองที่ถูกมัดอยู่กับ ผลึก แก้ว โทมะและนาสตี้ค้นพบถ้ำแห่งหนึ่งที่มี หินงอก หินย้อย อายุมากกว่าร้อยล้านปีขึ้นเต็มไปหมด นาสตี้มองเห็นแผ่นหินแกะสลักในบริเวณถ้ำที่เป็นของเผ่ามายา เธอรีบตรวจสอบข้อความในแผ่นหินถ่อนจะค่อย ๆ ถอดความให้โทมะฟัง "พระแม่ธรณี ที่งดงาม เทวาคุ้มครองมนุษย์ด้วยพฤกษาแห่งชีวิต แสงสีดำจะส่องไปทั่วปฐพี เทพเจ้าพิทักษณ์คุ้มครองฝูงชน" โทมะมองภาพแกะสลักตรงหน้าก็เข้าใจว่าต้นไม้ใหญ่ในภาพแกะสลักทำหน้าที่เปรียบเสมือน เทพผู้พิทักษ์ หมู่บ้าน นาสตี้เองเคยอ่านข้อความนี้มาก่อนพบว่ามนุษย์และพืชจะมี วิญญาณ อยู่รวมกันรวมทั้งชุดเกราะสีดำ
เกราะคิโคเทสีดำถูกดึงลงมากระแทกกับพื้นจนเกิด สายฟ้า ฟาดลงมายังชุดเกราะเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สร้างความหวาดกลัวแก่ผู้คนในเผ่าที่พากันหลบหนีกันอลหม่าน สายฟ้าจำนวนมากผ่าฟาดลงมายังเกราะสีดำและนักรบเกราะทั้งสองที่ถูกจับมัดไว้ เกิดอักษรแห่งจิตใจของ ลูกแก้ว ปรากฎที่หน้าผากของทั้งคู่ มุคาล่าและนาเลียถึงกับตะลึงในสิ่งที่เห็น ชูที่แอบซุ่มดูอยู่นานตัดสินใจสวม เกราะเกียร์คองโก เข้าช่วยเหลือเรียวและเซจิแต่กลับถูกมุคาล่าใช้ บูมเมอแรง ทำร้ายจนล้มลงกับพื้น ความโกรธและความต้องการแก้แค้นให้แก่เพื่อนทั้งสองเข้าครอบงำชู ทำให้จิตใจของเขาถูกเกราะเกียร์คองโกควบคุมในการต่อสู้ จุนที่แอบดูอยู่ถึงกลับหวาดกลัวเกราะเกียร์คองโกของชูที่เต็มไปด้วยโทสะอันแรงกล้า นาสตี้และโทมะยังคงถอดข้อความจากแผ่นหินแกะสลักต่อไปภายในถ้ำที่เต็มไปด้วยผลึกนิล นาสตี้ค้นพบแหล่งกำเนิดของเกราะคิโคเทสีขาวและเกราะคิโคเทสีดำที่ถือกำเนิดใน แทนซาเนีย แอฟริกา เกราะคิโคเททั้งสองเกราะมีพลังอำนาจในการทำลายล้างอย่างมหาศาล โทมะแทบไม่เชื่อสายตาของตนเองที่ผลึกนิลจำนวนมากภายในถ้ำไม่ใช่ของ โลก ปีศาจ นาสตี้หวังว่าเรียวและเซจิคงจะอยู่ไม่ไกลจากสถานที่แห่งนี้ ทันใดนั้นเกิด สายฟ้า ฟาดลงมายังผลึกนิลและตรึงโทมะไว้กับผนังถ้ำ ชุดเกราะมีปฏิกิริยากับผลึก แก้ว สีขาวที่แตกต่างจากผลึกนิลจำนวนมากที่อยู่กลางถ้ำ กลายเป็นสายฟ้าปรากฎขึ้นไปยังท้องฟ้า มุคาล่าที่ต่อสู้กับชูเริ่มร่ายคาถาประหลาด บูชา ดวงอาทิตย์ ก่อนจะสวมเกราะคิโคเทสีดำประจัญหน้ากับชู มุคาล่าซึ่งตอนนี้กลายเป็น เทพเจ้า ของเผ่าทาอุรางิ ย่างสามขุมเข้าหาชู แต่ถูกโทมะขัดขวางทั้งสองคนเอาไว้ นาเลียเองก็ขัดขวางไม่ให้เหล่านักรบดำเข้าช่วยเหลือมุคาล่า โทมะยอมรับกับชูในการต่อสู้ธรรมดาที่เกิดจากพวกเขาเอง แต่การต่อสู้ที่เกิดจากความต้องการของชุดเกราะนั้นเขาไม่ยอมรับโดยเด็ดขาด และเตือนสติถึงการต่อสู้ที่เกิดจากเจตนาอื่นซึ่งพวกเขาไม่ยอมรับในการต่อสู้นั้นแน่นอน
อักษรแห่งจิตปรากฎที่หน้าผากของชูและโทมะ นาเลียเข้าใจถึงจิตใจที่ไม่ถูกครอบงำจากชุดเกราะที่กระหายการต่อสู้ แต่มุคาล่ากลับไม่มีจิตใจเช่นนั้น เขาทำร้ายแม้แต่คนที่ไม่มีจิตใจจะต่อสู้เช่นเรียวและเซจิ ซึ่งทำให้ชูและโทมะเริ่มถูกโทสะจริตเข้าครอบงำ จุนทนไม่ได้ที่จะเห็นพี่ ๆ ของพวกเขาไม่เหมือนเดิม เกราะเกียร์ ที่จุนรู้จักเริ่มกลายเป็นเกราะเกียร์ที่มีแต่ความน่ากลัว เด็กน้อยวิ่งเข้าไปขวางทั้งหมดเอาไว้ทำให้โทมะและชูได้สติ แต่เกราะเกียร์กลับไม่ยอมทำตามจิตใจของทั้งคู่ เกราะเกียร์คองโก และ เกราะเกียร์เท็นคู ถูกเกราะคิโคเทสีดำควบคุมรวมทั้งจิตใจของผู้ที่สวมเกราะ ถ้าฝีนต่อสู้ต่อไปทั้งชูและโทมะจะถูกควบคุมทั้งกายและจิตใจ ทั้งสองจึงตัดสินใจถอด เกราะเกียร์ ออกก่อนจะหมดสติไป เกราะเกียร์เท็นคูและเกราะเกียร์คองโกถูกถอดออกมาปรากฎตรงหน้ามุคาล่า สาย ฝน เริ่มโปรยปรายลงมาก่อนจะตกลงมาอย่างหนัก นาสตี้ที่ติดตามโทมะมาด้วยวิ่งเข้าไปหาจุนที่อยู่ข้าง ๆ ชูและโทมะที่ไม่ได้สติ มุคาล่าหัวเราะอย่างบ้าคลั่งในชัยชนะที่สามารถจัดการกับชูและโทมะได้ นาสตี้กอดจุนไว้ในอ้อมกอด เธอเข้าใจถึงเกราะที่ใฝ่หาแต่การต่อสู้และจิตใจที่ต้องต่อสู้เพื่อพิทักษ์คุณธรรมต้องมาแยกจากกันเป็นครั้งแรก ชินที่ยังคงอยู่ที่ ท่าเรือ ในจุดที่ทิ้ง ลูกแก้วชิน ลูกแก้วแห่งความเชื่อมั่นลงใน แม่น้ำ หลังจากที่เขาพบกับเสือดำโคคุเอ็งในคราบของเบียคุเอ็น ชินก็ค้นหาคำตอบให้แก่ตัวเองได้สำเร็จว่าทำไมเขาถึงเกิดความลังเลใจในการต่อสู้เมื่อพบเห็นเกราะคิโคเทสีดำและเด็กหนุ่มมุคาล่า
แม่น้ำ เกิดการปั่นป่วนพร้อมกับเกิด คลื่น ลม แรง ชินยืนอยู่ที่ท่าเรือจ้อมมองยังผืนน้ำที่ทอแสงประกายสีฟ้าจากด้านล่าง เขาเข้าใจถึงเกราะที่ละทิ้งความเป็นจิตใจของมนุษย์และคิดที่จะใช้พลังแห่งการต่อสู้นั้นทำสิ่งที่เกราะต้องการ เกราะที่คิดใช้ชีวิตเพื่อนของเขาเป็นของเล่นในการต่อสู้ ชินตัดสินใจกระโดดลงไปใน แม่น้ำ เพื่อที่จะนำเอาลูกแก้วชิน ลูกแก้วแห่งความเชื่อมั่นกลับคืนมาก่อนพลังแห่งชุดเกราะจะมีพลังอำนาจมากกว่านี้ เขาตัดสินใจที่จะต่อสู้กับความตั้งใจของชุดเกราะที่มีแต่จิตใจแห่งการต่อสู้และช่วยเหลือเพื่อนของเขาที่ถูกพลังอำนาจของชุดเกราะเข้าครอบงำ
[แก้] เนื้อเรื่องตอนที่ 4 ปริศานาความจริงที่อยู่เหนือความโศกเศร้า
นาเลียพาจุนและนาสตี้มาเก็บ ดอกไม้ แดงเพื่อนำไปรักษาเหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ เธอนำดอกไม้แดงมาต้มเพื่อเป็นยารักษานักรบเกราะที่ถูกนำมาพักฟื้นที่ กระท่อม ของนาเลีย จุนนำ ยา ไปป้อนให้แก่เรียว แต่ด้วยสภาพร่างกายที่สะบักสะบอมจากการต่อสู้ทำให้เรียวไม่ยอมรับยาที่จุนป้อนให้ เด็กน้อยเสียใจมากที่เหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ ต้องมาเผชิญกับชะตากรรมแบบนี้ นาสตี้ได้แต่ปลอบใจจุนให้ป้อนยาแก่ทุกคนต่อไป ในอีกไม่ช้าทุกคนก็จะหายเป็นปกติ นาเลียถึงกับน้ำตาไหลที่เห็นความผูกพันธ์ของทุกคนที่มุคาล่าคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ชักนำเอาความเดือนร้อนจากพลังอำนาจของเกราะสีดำที่ไปนำพาตัวเรียวและเซจิมาจาก ญี่ปุ่น นกแร้ง จำนวนมากมาเกาะและส่งเสียงร้องบน ต้นไม้ ข้างกระท่อมของนาเลีย จุนที่อยู่กับนาสตี้และนาเลียในกระท่อมเกิดความโมโหจึงคว้าคบเพลิงออกไปขับไล่นกแร้งนอกกระท่อม เด็กน้อยส่งเสียงแข่งกับเสียงร้องของนกแร้ง แต่กลายเป็นว่าพวกมันกลับส่งเสียงร้องมากขึ้นไปอีก ด้วยความเป็นห่วงในตัวของนักรบเกราะทั้งสี่ที่ยังคงไม่ได้สติประกอบกับเสียงนกแร้งยังคงส่งเสียงอึกทึกครึกโครมแข่งกับเสียงของจุน ทำให้เด็กน้อยบันดาลโทสะเขวี้ยง คบเพลิง ในมือใส่นกแร้งที่เกาะบน ต้นไม้ ทำให้พวกมันตกใจบินหนีไป คบเพลิงกระแทกกับ ต้นไม้ ก่อนจะตกลงบนพื้นแล้วค่อย ๆ มอดลงจนกลายเป็นดับสนิทในความมืด
จุนมองเห็นแสงสว่างสุกใสราวกับ ลูกแก้ว ส่องประกายในความมืดจากทางที่ คบเพลิง ตกอยู่พร้อมด้วยเสียงฝีเท้า เด็กน้อยยืนนิ่งด้วยความหวาดกลัว หยาดน้ำตาไหลอาบสองแก้ม แสงจาง ๆ และเข้มขึ้นตามลำดับในความมืดปรากฎร่างของชินที่เปียกชุ่มไปด้วยหยด น้ำ เขาถือ ลูกแก้วชิน ลูกแก้วแห่งความเชื่อมั่นในมือมาด้วย จุนดีใจมากที่เห็นชินก่อนจะโผเข้าหาพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้น นาสตี้และนาเลียออกมาจากกระท่อมเพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของจุน เธอดีใจที่เห็นชินใน แทนซาเนีย ซึ่งชินไม่ได้ร่วมเดินทางมาด้วย จุนบอกแก่ชินถึงอันตรายที่พวกเรียวได้รับ ชินนั้นรับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากลูกแก้วที่ส่องประกายเจิดจ้าในมือของเขา แสงสว่างเรืองรองปรากฎขึ้นที่ ลูกแก้วชิน ลูกแก้วแห่งจิตใจในมือของชินและเกิดอักษรแห่งจิตที่หน้าผาก จุนถอยหลังโดยอัตโนมัติก่อนที่แสงสว่างจ้าจะสาดแสงไปทั่วบริเวณ เกิดแสงสีฟ้าระยิบระยับรอบตัวชินและลูกแก้วในมือ จุน นาสตี้และนาเลียตกตะลึงในสิ่งที่เห็นตรงหน้า นักรบเกราะแห่งสายน้ำหลับตาลงก่อนจะส่งจิตใจแห่ง ชุดเกราะ ซุยโคะของเขาไปยังเพื่อนนักรบที่ไม่ได้สติและต้องทนทุกข์ทรมานจากการต่อสู้ภายในกระท่อม จิตใจแห่งชุดเกราะซุยโคะของชินทำให้เกิดแสงสว่างไปทั่วกระท่อมของนาเลีย ผู้คนในเผ่าทาอุรางิต่างพากันออกมาดูแสงเจิดจ้าที่ทอประกายและแปลกใจในแสงสว่างนั้น เหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ ที่สูญสิ้นจิตใจแห่งชุดเกราะได้รับความอบอุ่น อ่อนโยนและความผูกพันธ์แห่งมิตรภาพจากจิตใจแห่งเกราะซุยโคะของชินทำให้เกิดเกิดอักษรแห่งจิตที่หน้าผากของเหล่านักรบเกราะ
ชินเข้ามาหาทุกคนภายในกระท่อมพร้อมด้วยนาเลีย นาสตี้และจุน เรียวนอนไม่ได้สติเคียงคู่กับเซจิบน เปล โทมะและชูนั่งพิงกันที่มุมหนึ่งของห้อง เขาเสียใจมากที่เห็นเพื่อน ๆ ในสภาพเช่นนี้ น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้มด้วยความเจ็บปวดที่ไม่สามารถช่วยเหลือเพื่อน ๆ ที่ตกอยู่ในอันตรายได้ เขาจะไม่ยอมให้ ชุดเกราะ มีอำนาจเหนือเขาอีกเด็ดขาด เกราะที่มองเห็นจิตใจของพวกเขาเป็นเพียงของเล่นชิ้นหนึ่ง ชินหลับตาลงก่อนจะส่งจิตใจแห่งความเชื่อมั่นไปยังเรียว เซจิ ชูและโทมะ นักรบเกราะทั้งสี่ตอบสนองจิตใจของชินด้วยลูกแก้วแห่งจิตใจของแต่ละบุคคล และปรากฎอักษรแห่งจิตที่หน้าผาก ความอ้างว้าง เดียวดายที่ต้องต่อสู้ตามลำพังโดยปราศจากจิตใจถูกเติมเต็มด้วยความผูกพันธ์ระหว่างผองเพื่อน มิตรภาพที่ไม่มีวันเสื่อมคลายช่วยเชื่อมโยงสายสัมพันธ์แห่งนักรบเกราะทั้งห้าให้คงเดิม ทั้งหมดพากันดีใจที่เห็นทุกคนที่สูญสิ้นจิตใจจากการต่อสู้ ได้รับความรู้สึกอบอุ่น ผูกพันธ์ดุจเกลียว เชือก จากเพื่อนรักนักรบด้วยกัน จุนดีใจมากที่ชินมาช่วยเหลือทุกคนและไม่ทิ้งไปตามที่ชูได้ให้คำมั่นสัญญาแก่เขาไว้ ลูกแก้วชิน ลูกแก้วในมือชินกลายสภาพเป็นลูกแก้วสีฟ้าธรรมดาที่มองไม่เห็นอักษรแห่งจิตใจ ชินรับรู้ได้ทันทีว่าชุดเกราะซุยโคะของเขาได้แยกออกจากจิตใจแห่ง ลูกแก้วชิน ชุดเกราะที่มีพลังอำนาจทำตามความต้องการของตนเองในการต่อสู้โดยปราศจากผู้สวมใส่ นาเลียเล่าถึงข้อมูลของเผ่าทาอุรางิที่ได้รับการยกย่องในฐานะที่เป็นผู้รับใช้ เทพเจ้า มาโดยตลอดให้ทุกคนฟัง ภายในหุบเขาลึกที่เต็มผลึกนิลได้สะท้อนเงาของชุดเกราะสีดำออกมา ผู้หญิงทุกคนในครอบครัวของเธอจะทำหน้าที่หญิงสาว พรหมจรรย์ ที่ต้องดูแลชุดเกราะคิโคเทสีดำมาโดยตลอด และผู้ที่รับหน้าที่นักรบจากชุดเกราะสีดำเพื่อปกป้องพิทักษ์เผ่าทาอุรางิก็คือตระกูลของมุคาล่า
ภายนอกอาจดูเหมือนกับว่าเกราะคิโคเทสีดำจะโอบกอดและปกป้องผู้คนในเผ่าทาอุรางิไว้ในอ้อมแขนอันแข็งแกร่ง แต่แล้ววันหนึ่งเกราะสีดำก็เปล่งพลังแสงแห่งความชั่วร้ายออกมา เผ่าทาอุรางินับถือเกราะสีดำเป็น เทพเจ้า ให้ความเคารพและบูชาเสมือนเทพเจ้าลงมาจุติเพื่อปกป้องพิทักษ์พวกเขาให้ปลอดภัย นาสตี้สงสัยว่าในช่วงเวลาที่เกราะสีดำปรากฎขึ้นที่ แอฟริกา เกราะสีขาวก็คงจะปรากฎขึ้นที่ ญี่ปุ่น เช่นกัน มุคาล่าเป็นนักรบที่ได้รับการคัดเลือกให้สวมเกราะคิโคเทสีดำ ซึ่งย่อมรู้ซึ้งถึงตัวตนของผู้ที่สวมเกราะคิโคเทสีขาวเป็นอย่างดี เกราะสีดำเรียกร้องความต้องการต่อสู้จากจิตใจของมุคาล่าที่มีสายเลือดของนักรบไหลเวียนอยู่ ซึ่งมุคาล่าก็ตอบรับในเสียงเรียกร้องนั้นของชุดเกราะโดยไม่ลังเล
นาสตี้รู้ถึงสาเหตุของความต้องการเผชิญหน้ากันของเกราะ คู่แฝด ประดุจแสงและเงา ที่จะมีผลกระทบบางอย่างต่อ โลก ใบนี้ ทั้งหมดต้องหาทางยับยั้งการอาละวาดด้วยพลังมหาศาลของชุดเกราะให้ได้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงต่าง ๆ ตามมาในอนาคต จุนต่อว่านาเลียที่เกราะสีดำเป็นผู้ชักนำการต่อสู้มาให้แก่ทุกคน เกราะเกียร์ ของเหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ เป็นเกราะแห่งคุณธรรมที่มีชะตากรรมในการปกป้องพิทักษ์ โลก ให้สงบสุขจากเหล่า ปีศาจ ไม่ได้มีแต่จิตใจที่คิดจะต่อสู้เพียงอย่างเดียวเหมือนกับเกราะคิโคเทสีดำ นาเลียเข้าใจที่จุนพูดทุกอย่างว่าเกราะเกียร์และเกราะคิโคเทสีขาวมีชะตากรรมเช่นไร มุคาล่ารู้แก่ใจว่าเกราะสีดำไม่ใช่ เทพเจ้า แต่กลายเป็น ปีศาจ แต่เขาก็เลือกที่จะยอมรับมันแต่โดยดี ความอัดอั้นตันใจได้ถูกระบายออกจากใจของเด็กสาว และด้วยความผูกพันธ์กับมุคาล่า ความเชื่อใจในตัวของคู่หมั้นที่ไม่มีวันถูก ชุดเกราะ ครอบงำให้ทำในสิ่งชั่วร้ายตามความต้องการ ทำให้นาเลียร้องไห้และวิ่งหนีออกจากกระท่อมไป นาสตี้มองตามเด็กสาวที่สับสนในจิตใจด้วยความรู้สึกสงสารเป็นอย่างมาก ชินมานั่งทบทวนถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ เพียงลำพังที่หน้าผา เขาทอดสายตามองบรรยากาศตรงหน้าด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย เสียงฝีเท้าหนัก ๆ หลายคู่ดังขึ้นเบื้องหลังทำให้เขาหันกลับไปมองด้วยความแปลกใจ และสิ่งที่ปรากฎตรงหน้าทำให้ หัวใจ ของชินพองโตด้วยความตื้นตันใจที่เห็นเหล่าผองเพื่อน นักรบ ของเขาที่ประกอบด้วยไป เรียว เซจิ ชูและโทมะ ฟื้นคืนสติจากพลังแห่งชุดเกราะซุยโคะ
ชินดีใจมากที่เห็นทุกคนกลับมาเป็นเหมือนเดิม ชูแหย่ชินถึงสาเหตุที่พวกเขาต้องฟื้นคืนสติกลับมาเพราะกลัวว่าชินจะเหงาที่ต้องอยู่คนเดียวตามลำพัง เรียวขอบใจชินที่ตามมาช่วยเหลือพวกเขาทุกคน เซจิรับรู้ถึงจิตใจอันอบอุ่นของชินที่ส่งมาให้แก่พวกเขา โทมะเองก็สัมผัสได้ถึงจิตใจที่อ่อนโยนของชินที่ทำให้พวกเขาหายเป็นปกติ เหมือนได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ชินยิ้มดีใจพร้อมกับแบมือที่ถือ ลูกแก้ว ออกไปตรงหน้า เขาสัมผัสได้ถึงพลังอื่นนอกเหนือจากการต่อสู้ของ ชุดเกราะ ที่ทำให้เขาได้กลับมาพบกับทุกคนอีกครั้ง ชินมองเห็นเงาราง ๆ พร้อมกับเสียงคำรามปรากฎขึ้นที่ด้านหลังของทุกคน เงานั้นค่อย ๆ ปรากฎชัดขึ้นเป็นรูปของสัตว์สีขาวขนาดใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยพละกำลังอันแข็งแกร่ง เบียคุเอ็น พยัคฆ์ขาวเพื่อนคู่ใจของเรียวปรากฎกายขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เรียวแปลกใจที่เห็นเบียคุเอ็นที่นี่ ชินก้าวไปหาเบียคุเอ็นที่อยู่ตรงหน้าพร้อมด้วยการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา ลูกแก้วแห่งความเชื่อมั่นที่ปราศจากอักษรแห่งจิตใจ ถูกเขวี้ยงขึ้นไปใน อากาศ พร้อมกับการสวมเกราะอ่อนของชุดเกราะซุยโคะ เบียคุเอ็นมองชินที่สวมเกราะอ่อนตรงหน้า ซึ่งชินเองก็จ้องมองตอบพยัคฆ์ขาวเช่นกัน ทันใดนั้นเกิดแสงสว่างเรืองรองปรากฎขึ้นรอบตัวเบียคุเอ็นก่อนจะส่งเสียงคำรามใส่ชิน ทุกคนในที่แห่งนี้แทบไม่เชื่อสายตาของตนเองเมื่อเกิดภาพของพยัคฆ์ดำโคคุเอ็นโอซ้อนกับพยัคฆ์ขาวเบียคุเอ็น ก่อนจะก้าวออกมาตรงหน้าชินพร้อมกับ ดาบโกเร็ตซึ นักรบเกราะต่างสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นที่จู่ ๆ โคคุเอ็นโอมาปรากฎตัวให้เห็นเช่นนี้ พยัคฆ์ดำส่งเสียงคำรามใส่ชินที่เกิดแสงสว่างรอบตัวเขา ภาพของเกราะเกียร์ซุยโคะเกิดซ้อนกับเกราะอ่อนก่อนจะปรากฏออกมาตรงหน้า เมื่อได้สิ่งที่ปรารถนาแล้ว โคคุเอ็นโอออกเดินนำชุดเกราะซุยโคะจากไปทันที เหล่าซามูไรทรูปเปอร์ทั้งห้าทำได้เพียงแค่มองตามชุดเกราะที่เคลื่อนไหวได้เองโดยปราศผู้สวมใส่ ตามหลังโคคุเอ็นโอไปโดยไม่สามารถทำอะไรได้
เบียคุเอ็นเข้ามาคลอเคลียชินที่ตัดสินใจทิ้งเกราะที่ไม่มีจิตใจ ชูไม่เข้าใจการตัดสินใจของชินที่ยอมให้เกราะซุยโคะไปกับโคคุเอ็งโอ ชินบอกถึงสาเหตุที่เขาตัดสินใจเช่นนั้นรวมทั้งเกราะคิโคเทขาวและดำที่จะต้องถูกทำลาย ทั้งหมดเห็นด้วยกับชิน เกราะที่ไร้ซึ่งจิตใจกำลังจะ ระเบิด จิตใจแห่งความเป็น ปีศาจ ออกมา ในฐานะ นักรบ เกราะแห่งคุณธรรม ซามูไรทรูปเปอร์ ที่มีหน้าที่พิทักษ์ โลก นี่คือชะตากรรมที่ทั้งหมดจะต้องเผชิญหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การต่อสู้ที่ให้กำเนิดแต่ความโศกเศร้าและความสูญเสีย ทั้งหมดต้องแสวงหาสิ่งที่อยู่เหนือความโศกเศร้าให้พบ นาเลียมาพยายามโน้มน้าวจิตใจของมุคาล่าในฐานะนักรบที่ต้องต่อสู้เพื่อปกป้องหมู่บ้าน การต่อสู้ในฐานะ นักรบ ของเขานั้นจบไปตั้งแต่เหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ ทั้งห้าตัดสินใจไม่ยอมต่อสู้อีก มุคาล่าไม่สนใจแม้นาเลียจะอ้อนวอนเพียงใด เขาสั่งให้เหล่านักรบนำตัวเธอออกไป เด็กสาวดิ้นรนจากการควบคุมของเหล่านักรบ เธอพยายามอธิบายให้มุคาล่าเข้าใจว่าเกราะคิโคเทสีดำไม่ใช่ เทพเจ้า ที่ทุกคนเข้าใจ แต่เป็น ชุดเกราะ ที่เต็มไปด้วยพลังชั่วร้ายแอบแฝงอยู่ การต่อสู้ในครั้งนี้เกิดจากความปราถนาที่จะก่อ สงคราม อันชั่วร้ายและต่อสู้ระหว่างเกราะคิโคเทดำและเกราะคิโคเทขาว เกราะคิโคเทสีดำย่อมเพิกเฉยไม่สนใจใยดีมุคาล่าแม้จะมีจิตใจที่เต็มไปด้วยความต้องการต่อสู้สมความปรารถนาของเกราะสีดำ ถูกอำนาจแห่งเกราะบังตาจนแยกแยะไม่ออกว่าสิ่งใดถูกหรือผิด มุคาล่ายืนฟังนาเลียนิ่งเฉยโดยไม่ปริปากโต้ตอบแม้แต่คำเดียว เขาหันหลังให้เธอและจากไปไม่สนใจแม้แต่จะหันกลับมามอง นั่นทำให้เธอตัดสินใจไม่เชื่อถือเขาในฐานะ นักรบ แห่งเผ่าทาอุรางิ ผู้มีหน้าที่ปกป้องหมู่บ้านของเธออีกต่อไป
จุนและนาสตี้พร้อมด้วยเบียคุเอ็น ช่วยกันขน คนโฑ ใส่ น้ำ กลับมายังกระท่อมที่พักของนาเลีย จุนถามถึงทุกคนที่ยังไม่กลับมา นาสตี้ก็สงสัยที่นาเลียหายตัวไปด้วย ในขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยในการหายตัวไปของทุกคน เสียงหวีดวิวแหวกอากาศของลูก ธนู จำนวนมากดังขึ้นทันที ก่อนที่ลูกธนูจากเหล่านักรบแห่งเผ่าทาอุรางิจะแหวกอากาศพุ่งเข้าใส่ทุกคน เบียคุเอ็นเอาตัวเองเข้ารับลูกธนูแทนทั้งสอง จุนผวาเข้าหาพยัคฆ์ขาวทันทีด้วยความเป็นห่วง ลูกธนูจำนวนมากยังคงถูกยิงเข้าใส่เบียคุเอ็นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งมันล้มลง พยัคฆ์ขาวส่งเสียงคำรามดังกังวานไปทั่วบริเวณ สัญชาติญาณแห่งการปกป้องของเบียคุเอ็นที่ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายจุนและนาสตี้โดยเด็ดขาด พยัคฆ์ดำโคคุเอ็นโอนำลูกแก้วชิน ลูกแก้วแห่งความเชื่อมั่นของชุดเกราะซุยโคะมายังถ้ำที่ปรากฎแผ่น หิน แกะสลักเรื่องราวและ เทพเจ้า ของเผ่าทาอุรางิ ตรงกลาง ถ้ำ แห่งหุบเขาลึกที่รายล้อมไปด้วยผลึกนิล เงาของโคคุเอ็นโอสะท้อนภาพของเสือดำที่สวมเกราะสีขาวพร้อมด้วยดาบโกเร็ตซึตามผลึกนิล มุคาล่าก้าวเข้ามาภายในถ้ำพร้อมด้วย บูมเมอแรง ก่อนจะหยุดมองโคคุเอ็นโอที่คาบลูกแก้วชินที่ปราศจากอักษรแห่งจิตใจไว้ภายในปาก มุคาล่าจ้องมองพยัคฆ์ดำที่คายลูกแก้วลงตรงหน้าและหายวับไป ก่อนจะก้มลงหยิบลูกแก้วสีฟ้าที่ทอแสงประกายขึ้นมาถือไว้และเดินตรงไปยังผลึกนิลที่ล้อมรอบผลึกแก้วสีขาวที่อยู่ตรงกลาง ลูกแก้วในมือของผู้สวมเกราะสีดำส่องประกายเจิดจ้าก่อนจะเกิดลำแสงพุ่งไปยังผลึกนิลและปรากฎร่างของ เกราะเกียร์เร็กกะ เกราะเกียร์คองโก เกราะเกียร์เท็นคู เกราะเกียร์โคริน และ เกราะเกียร์ซุยโคะ
พลังแห่ง ลูกแก้วจิน ลูกแก้วเร ลูกแก้วชิน ลูกแก้วฉิ และ ลูกแก้วงิ บวกกับการรวมพลังและจิตใจให้เป็นหนึ่งของเหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ ก่อกำเนิดเกราะคิโคเทสีขาวที่ทรงพลัง แต่สำหรับเกราะเกียร์ทั้งห้าที่ถูกครอบงำโดยเกราะคิโคเทสีดำ ชุดเกราะที่ไร้ซึ่งจิตใจแห่งคุณธรรมมีความปรารถนาเพียงการต่อสู้และทำลายล้าง เกราะที่มีพลังอำนาจเหนือการควบคุมของเจ้าของ สามารถเรียกเกราะคิโคเทสีขาวที่ปราศจากจิตใจให้ปรากฎได้ด้วยตนเอง เมื่อมุคาลาปลุกชีพของเกราะสีขาวเพื่อผสานพลังแห่งความชั่วร้ายของเกราะดำเป็นผลสำเร็จ เด็กหนุ่มผู้อยู่ในฐานะ นักรบ แห่งเผ่าทาอุรางิที่มีเกราะคิโคเทสีดำเป็น เทพเจ้า ร่ายคาถาประหลาด บูชาดวงอาทิตย์เพื่อปลุกชีพของเกราะสีดำให้ฟื้นขึ้นมาเช่นเดียวกับเกราะสีขาว เกิดแสงสว่างเรืองรองในตัว เกราะเกียร์ ทั้งห้าที่รายล้อม ผลึกแก้ว ก่อนจะจางหายไปเกราะคิโคเทสีขาว พร้อมกับกลุ่มควันจำนวนมากที่ยังคงพวยพุ่งไม่หยุดจากเกราะสีดำ พลังแห่งความชั่วร้ายเข้าครอบงำเกราะคิโคเทสีขาว ชุดเกราะที่ปราศจากจิตใจเริ่มเคลื่อนไหวตามอำนาจของเกราะสีดำ มุคาล่าตกตะลึงในพลังที่เหนือความคาดหมายของเกราะคิโคเทสีดำ เขาถอยหลังด้วยความหวาดกลัวในพลังของ ชุดเกราะ ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน พลังที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและกระหายในการต่อสู้ที่รุนแรง แต่ไม่ทันที่เขาจะขยับตัวจากจุดที่ยืนอยู่ นักรบเกราะทั้งห้าก็ปรากฎกายขึ้นภายในถ้ำที่เต็มไปด้วยผลึกนิล เรียวพยามยามปลุกจิตใต้สำนึกของมุคาล่าแต่ก็ไม่เป็นผล เด็กหนุ่มยังคงเข้าต่อสู้กับเหล่าซามูไรทรูปเปอร์เช่นเดิม
ทั้งหมดพยายามอธิบายให้มุคาล่าเข้าใจถึงสาเหตุการมาของพวกเขา ซึ่งไม่ได้ต้องการต่อสู้กับมุคาล่าเพียงแค่มีธุระสำคัญกับเกราะคิโคเทสีขาวที่เริ่มส่งจิตสังหารรุนแรงออกจาก ชุดเกราะ พร้อมกับปรากฎ ดาบโกเร็ตซึ ในมือ เกราะที่คิดจะปล่อยพลังความชั่วร้ายที่ไหลเวียนอยู่ภายในให้กระจายไปทั่วโลก เกราะสีดำยังคงมีอำนาจเหนือเกราะสีขาวที่สามารถควบคุมให้ทำในสิ่งที่ต้องการ เรียวต่อว่ามุคาล่าในสิ่งที่เขาทำ การฝากชีวิตของทุกคนในเผ่าทาอุรางิไว้กับเกราะคิโคเทสีดำเป็นเรื่องของคนในหมู่บ้านที่มุคาล่าเป็นผู้ตัดสิน แต่การที่จะปล่อยให้ชุดเกราะทั้งสองออกอาละวาดโดยปราศจากจิตใจเป็นสิ่งที่พวกเขายอมไม่ได้โดยเด็ดขาด เกราะคิโคเทสีขาวแสดงพลังแห่งชุดเกราะในการทำลายล้างหมู่บ้านของคนในเผ่าทาอุรางิ ผลึกนิลจำนวนมากล้มระเกะระกะพร้อมด้วยเปลวเพลิงโหมกระหน่ำลุกไหม้ลามไปทั่วบริเวณ เกิดปรากฎการณ์ พระอาทิตย์ทรงกลด เหนือน่านฟ้าสีแดงอมส้ม เหล่านักรบเกราะได้แต่ตะลึงมองดู โลก และ ดวงอาทิตย์ เคลื่อนที่ราวกับถูก แม่เหล็ก ขนาดยักษ์ดึงดูดเข้าหากัน เกราะคิโคเทสีขาวที่ปราศจากจิตใจแผ่จิตสังหารที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง เรียวไม่เชื่อในสิ่งที่ได้เห็น มันเป็นเพียงแค่ ความฝัน ที่ไม่มีทางเป็นความจริงในความรู้สึกของเขา โลกเข้าบดบังดวงอาทิตย์จนมิดแสง ความมืดเข้าปกคลุมทั่วบริเวณทันที รัศมีแห่งดวงอาทิตย์มีพลังทำลายล้างอย่างมหาศาล ทะเล เพลิงก่อกำเนิดไปทั่วเผาไหม้ทุกสิ่งให้ราบเป็นหน้ากลอง ชุดเกราะที่คิดแต่สร้างการต่อสู้โดยไม่คิดถึงสิ่งอื่นใด ทำให้พวกเขาต้องถูกแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากจิตใจเพียงเพราะเข้าไปเกี่ยวข้องกับชุดเกราะด้วยชะตากรรมที่ถูกกำหนด
เหล่าซามูไรทรูปเปอร์ไม่ยอมให้เกราะสีขาวแย่งชิงจิตใจมนุษย์ไปจากพวกเขา แม้ว่าเกราะคิโคเทสีขาวจะได้เกราะเกียร์ทั้งห้าเป็นพลังในการปรากฎกายแต่ก็ไม่มีพลังแห่งจิตใจไหลเวียนอยู่ภายใน พลังแห่งจิตใจที่ทั้งหมดสูญสิ้นไปจากการต่อสู้กับเกราะสีดำและได้ชินช่วยเติมเต็มยังคงอยู่ในจิตใจของแต่ละคน พลังแห่งลูกแก้วจิน เร ชิน งิและชิ ประสานเป็นหนึ่งกับจิตใจของนักรบเกราะ เกราะเกียร์เร็กกะ เกราะเกียร์เท็นคู เกราะเกียร์โคริน เกราะเกียร์คองโกและเกราะเกียร์ซุยโคะหลุดจากอำนาจการควบคุมของของเกราะคิโคเทสีขาว ทั้งหมดสวมเกราะเกียร์เข้าเผชิญหน้ากับเกราะสีขาวที่แปดเปื้อนไปด้วยความชั่วร้าย โทมะใช้ศร สายฟ้า ยิงสกัดใส่เกราะสีขาวที่บุกจู่โจมเข้าใส่ทุกคน เกราะที่ถูกครอบงำด้วยความชั่วร้ายมีพลังเกินกว่าที่ทั้งหมดจะรับมือได้ ชินใช้ท่าไม้ตายพลัง คลื่น มหาสมุทร แต่ถูกชุดเกราะคิโคเทสีดำสะท้อนพลังท่าไม้ตายของเขากลับคืนมา พลังคลื่นมหาสมุทรที่ทรงอานุภาพรุนแรงพุ่งเข้าสู่ชินท่ามกลางความตกใจของเพื่อน ๆ นักรบทั้งสี่
นาสตี้ จุน นาเลียและเบียคุเอ็นถูกนำตัวมาขังไว้ใน ถ้ำ เบียคุเอ็นพยายามใช้ลำตัวกระแทกกับบานประตูที่ทำจากไม้อย่างแรงเพื่อให้เป็นอิสรภาพจากการถูกควบคุม จุนพยายามเข้าห้ามปรามไม่ให้เบียคุเอ็นทำเช่นนั้นเนื่องจากกลัวบาดแผลที่ได้รับจากลูก ธนู จะเปิด นาสตี้เกิดสังหรณ์ใจที่เบียคุเอ็นเป็นเช่นนี้เพราะอาจจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นกับพวกเรียว นาเลียรู้สึกถึงพลังแสงสว่างที่ปรากฎขึ้นภายนอก แสงสว่างที่แฝงไว้ด้วยความโศกเศร้าราวกับจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างให้หมดสิ้นไป จุนพยายามร้องตะโกนให้ปล่อยพวกเขาแต่ก็ไร้ซึ่งประโยชน์ ะชาวเผ่าทาอุรางิต่างหวาดกลัวกับปรากฎการณ์ พระอาทิตย์ ทรงกลดที่แผ่รัศมีความมืดปลกคลุมไปทั่วบริเวณ ชูโกรธแค้นเป็นอย่างมากที่เห็นชินได้รับอันตรายจากพลัง คลื่น มหาสมุทร ซึ่งเป็นท่าไม้ตายของตนเอง จึงใช้พลังท่าไม้ตายพลองถล่มพสุธาเข้าจู่โจมเกราะคิโคเท แต่เกราะเกียร์คองโกไม่สามารถรับมือกับพลังแห่งเกราะคิโคเทสีขาว ที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังมหาศาลได้ พลอง สามท่อนในมือของชูแตกกระจายทันทีที่ปะทะกับเกราะสีขาวพร้อมกับร่างของนักรบเกราะแห่งปฐพีที่ถูกเหวี่ยงลงพื้นอย่างแรง โทมะ เซจิและเรียว ต่างพยายามบุกเข้าโจมตีเกราะสีขาวด้วยพลังแห่งชุดเกราะที่มีอยู่ แต่ก็ไม่อาจต้านทานพลังโต้ตอบจากเกราะคิโคเทได้ พลังของเกราะสีขาวมีมหาศาลเกินกว่าที่เหล่านักรบเกราะจะเป็นคู่ต่อสู้ด้วย สิ่งที่เหล่าซามูไรทรูปเปอร์ต่อสู้ด้วยในขณะนี้คือ โลก แห่ง ชุดเกราะ ซึ่งไม่สามารถใช้พลังแห่งชุดเกราะเข้าต่อสู้ได้เพียงอย่างเดียว เรียวสัมผัสได้ถึงการเอาชนะเกราะคิโคเท คู่แฝด ที่ปราศจากจิตใจ จิตใจของคนทั้งห้าต้องรวมเป็นหนึ่ง มิตรภาพและคุณธรรมประจำชุดเกราะพร้อมด้วยจิตใจอันเข้มแข็ง ที่ชุดเกราะคิโคเทสีดำไม่อาจเข้าครอบงำแย่งชิงจิตใจไปได้ พลังแห่งจิตใจจะเป็นสิ่งที่เข้าปะทะกับเกราะคิโคเทสีขาว ซึ่งอาจสามารถเอาชนะเกราะคิโคเททั้งสองได้ การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่การต่อสู้ของเหล่านักรบเกราะเพียงลำพังแต่เป็นการต่อสู้เพื่อยืนหยัดในความเป็น มนุษย์ เพื่อปกป้อง โลก จากพลังอันชั่วร้ายจากเกราะคิโคเทสีดำ จิตใจที่สื่อถึงกันทำให้เกิดอักษรแห่งจิตปรากฎยังหน้าผากของเหล่านักรบเกราะ พร้อมกับจิตใจแห่งคุณธรรมทั้งห้าที่หล่อหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ซามูไรทรูปเปอร์พร้อมรับการจู่โจมจากเกราะคิโคเทสีขาวด้วยจิตใจอันแน่วแน่และเข้มแข็ง พลังแห่งจิตใจเป็นเกราะป้องกันอย่างดีจากพลังแสงของเกราะคิโคเทที่ไม่สามารถทำร้ายเหล่าซามูไรทรูปเปอร์ได้
จิตใจแห่งคุณธรรมประจำชุดเกราะที่ถูกผนึกไว้ภายในเกราะเกียร์ เกิดเป็น ลูกแก้ว แห่งจิตหลากสีคือ ลูกแก้วจิน แสงสีแดงแห่งคุณธรรม ลูกแก้วงิ แสงสีส้มแห่งความเที่ยงธรรม ลูกแก้วเร แสงสีเขียวแห่งความน้อบนอม ลูกแก้วชิน แสงสีฟ้าแห่งความเชื่อมั่น และ ลูกแก้วฉิ แสงสีน้ำเงินแห่งปัญญา จากเกราะเกียร์ทั้งห้าพุ่งเข้าใส่เกราะสีขาวที่ปราศจากจิตใจ ชุดเกราะที่สามารถเคลื่อนไหวได้เองราวกับถูกชักใยจากสิ่งที่มองไม่เห็น เมื่อคุณธรรมประจำจิตใจทั้งห้าสัมผัสกับเกราะคิโคเทสีขาวที่ถูกครอบงำด้วยอำนาจความชั่วร้ายจากเกราะคิโคเทสีดำ กลืนหายเข้าไปภายในเกราะคิโคเทสีขาว เสียงร้องโหยหวนจากเกราะสีขาวที่พยายามเข้าต่อสู้กับ จิตวิญญาณ แห่งชุดเกราะแต่ก็ไม่เป็นผล ดาบโกเร็ตซึร่วงหล่นจากมือก่อนจะจางหายไป ชุดเกราะที่ปราศจากจิตใจ ต้องการเพียงแค่การต่อสู้เหนือสิ่งอื่นใด ต้องพ่ายแพ้ให้แก่จิตใจแห่งคุณธรรมที่รวมเป็นหนึ่งของเหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ เกราะคิโคเทสีขาวที่ถือกำเนิดจากเกราะเกียร์ทั้งห้าได้รับจิตใจแห่งชุดเกราะจากเหล่าซามูไรทรูปเปอร์ ทำให้จิตใจของคิโคเทหวนกลับคืนมาอีกครั้ง มุคาล่าจ้องมองการต่อสู้ระหว่างเด็กหนุ่มทั้งห้าที่ต่างละทิ้ง เกราะเกียร์ ของตนเองซึ่งไร้จิตใจ และเกราะคิโคเทสีขาวที่คุกเข่าสงบนิ่งอยู่ตรงหน้า ตอนนี้เกราะสีขาวได้รับจิตใจแห่งคุณธรรมประจำชุดเกราะทั้งห้ากลับคืนมา เกราะสีดำไม่อาจบงการให้เกราะสีขาวเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป มุคาล่าคงจ้องมองเกราะสีขาวและเหล่าซามูไรทรูปเปอร์ด้วยจิตใจที่สับสน "การต่อสู้ในฐานะนักรบจบลงแล้ว ตั้งแต่ห้าคนนั้นตัดสินใจแล้ว...การต่อสู้จบลงแล้ว" คำพูดของนาเลียที่ยังคงก้องกังวานในโสตประสาท เกราะคิโคเทสีขาวพ่ายแพ้แก่คุณธรรมประจำเกราะเกียร์ที่รวมเป็นหนึ่งของเด็กหนุ่มทั้งห้า จิตใจแห่งชุดเกราะที่คนทั้งห้ามีอยู่เต็มหัวใจแต่เขากลับไม่มีเลยแม้แต่น้อย ชัยชนะครั้งนี้ที่ทั้งหมดได้เกราะคิโคเทสีขาวกลับคืนไปเกิดจากจิตใจที่รวมเป็นหนึ่ง ในขณะที่จิตใจของมุคาล่ากำลังสับสนและต่อสู้ขัดแย้งกันเองนั้น เกราะคิโคเทสีดำที่ปลดปล่อยพลังอันชั่วร้ายไปทั่วบริเวณ และบังคับเกราะคิโคเทสีขาวให้เคลื่อนไหวตามแรงปราถนา เปลี่ยนสิ่งที่ต้องการจากเกราะสีขาวที่หลุดลอยจากอำนาจการควบคุมเป็นจิตใจที่สับสนว้าวุ่นของมุคาล่าแทน
เรียว ชิน ชู โทมะและเซจิ ต่างจ้องมองเกราะคิโคเทที่คงสงบนิ่งไม่ไหวติงหลังจากได้รับพลังแห่งจิตใจ ควัน จำนวนมากพวยพุ่งจากเกราะสีขาวราวกับ วิญญาณ ชั่วร้ายที่อยู่ภายในได้รับการปลดปล่อยด้วยพลังแห่งคุณธรรม เรียวขยับตัวหมายจะไปยังเกราะสีขาว แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่ง สายตาของเขาปะทะกับร่างหนึ่งในเกราะสีดำที่ยืนตระหง่านอยู่บนหน้าผาด้านบน มุคาล่าถูกอำนาจแห่งเกราะคิโคเทสีดำเข้าครอบงำทั้งร่างกายและจิตใจที่สับสน อำนาจแห่งความชั่วร้ายของชุดเกราะแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ เหล่าซามูไรทรูปเปอร์ไม่ยอมให้เกราะสีดำที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายเข้าครอบงำจิตใจของพวกเขาและเกราะคิโคเทสีขาวอีก ชัยชนะในครั้งนี้ของทุกคนคือประจักษ์พยานในจิตใจของมนุษย์ที่เกราะสีดำไม่สามารถแย่งชิงไปได้ จิตใจแห่งชุดเกราะทั้งห้ารวมเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้งเพื่อส่งผ่านพลังไปยังเกราะคิโคเทสีขาว จิน งิ เร ชิน ฉิ ลูกแก้วแห่งจิตใจเปล่งประกายแสงแห่งคุณธรรมทั้งห้า เกิดเป็นเกราะคิโคเทในตำนานบนร่างของเรียว นักรบเกราะแห่งเพลิงอีกครั้ง เรียวสวมเกราะคิโคเทสีขาวเข้าเผชิญหน้ากับมุคาล่าที่สวมเกราะคิโคเทสีดำ พลังแห่งชุดเกราะทั้งสองแผ่กระจายไปทั่วพร้อมกับ สายฟ้า ที่ปรากฎอย่างต่อเนื่อง เบียคุเอ็นพยายามใช้ลำตัวกระแทกบาน ประตู ไม้จนสำเร็จก่อนจะวิ่งกระโจนออกมาโดยมีนาเลียเกาะอยู่บนแผ่นหลัง จุนและนาสตี้ร้องตะโกนเรียกเบียคุเอ็นและนาเลียที่วิ่งนำหน้ามายังวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่มุคาล่าใช้บูชาเกราะสีดำ เธอพยายามอธิบายให้ทุกคนในเผ่าทาอุรางิเข้าใจถึงความชั่วร้ายของเกราะคิโคเทสีดำ พระอาทิตย์ทรงกลดที่เปล่งรัศมีแห่งเปลวเพลิงคือลางร้ายของหมู่บ้านถ้าหากทุกคนยังคงทำพิธีบูชาเกราะสีดำอีกต่อไป
เกราะคิโคเทสีขาวและเกราะคิโคเทสีดำต่อสู้กันอย่างดุเดือดภายใต้ พระอาทิตย์ ทรงกลดที่มืดมิด ดินแดนมายาแห่งเผ่าทาอุรางิสั่นสะเทือนด้วยพลังแห่งชุดเกราะอันทรงอนุภาพทั้งสองที่เข้าปะทะกันอย่างรุนแรง เรียวและนักรบเกราะทั้งสี่ที่รวมจิตใจเป็นหนึ่งภายในเกราะคิโคเทสีขาว พยามยามปลุกจิตใจของมุคาล่าภายใต้การควบคุมของเกราะคิโคเทสีดำให้ตื่นขึ้นมาดั่งเดิม เกราะที่ปราศจากจิตใจนำมาแต่ความหายนะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นักรบเกราะทั้งห้าพยายามโน้มน้าวจิตใจของมุคาล่ากลับคืนมาแต่ก็ไม่เป็นผล จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความต่อสู้เป็นพลังผลักดันชั้นเลิศของเกราะสีดำที่ครอบงำมุคาล่า บูมเมอแรงในมือเด็กหนุ่มง้างขึ้นอย่างแรงและเร็วก่อนจะฟาดเข้าใส่เกราะสีขาว ทำให้ ดาบ โกเร็ตซึทั้งสองในมือเรียวหักสะบั้นลงทันที เมื่อ อาวุธ ประจำกายถูกทำลายลงอย่างไม่เป็นชิ้นดี เรียวไม่ยอมปล่อยให้มุคาล่าบุกเข้าโจมตีฝ่ายเดียวอีกต่อไป หมัดขวาของเกราะสีขาวเหวี่ยงเข้าใส่ใบหน้าของมุคาล่าภายใต้เกราะสีดำเสียงดังสนั่น แรงปะทะจากเกราะคิโคเทสีขาวทำให้หมวกเหล็กของเกราะคิโคเทสีดำแตกกระจาย มุคาล่าสวนหมัดโต้ตอบกลับมายังใบหน้าของเรียวภายใต้หมวกเหล็กของเกราะคิโคเทสีขาวทันทีเช่นกัน เกราะสีดำและสีขาวต่างติดตามเข้าจู่โจมซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่อง นาเลียอยู่บนหลังของเบียคุเอ็นที่วิ่งเข้าไปขัดขวางการต่อสู้ของชุดเกราะทั้งสอง เธอพยายามร้องเรียกจิตใจอันอบอุ่นของมุคาล่ากลับคืนมาจากเกราะคิโคเทสีดำ พลังแห่งเกราะสีขาวและดำเปล่งประกายเจิดจ้าทาทาบท้องฟ้าอันมีดมิดก่อนจะพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง นาเลียและเบียคุเอ็นเข้าไปใกล้การต่อสู้ของชุดเกราะทั้งสองโดยไม่ทันระวังตัว พลังมหาศาลจากแรงปะทะของชุดเกราะทั้งสองเกิด ระเบิด พุ่งเข้าใส่เด็กสาวและพยัคฆ์ขาวเพื่อนคู่ใจของเรียวที่อยู่ในรัศมีของการต่อสู้ นาเลียและเบียคุเอ็นถูกแรงระเบิดเหวี่ยงขึ้นไปภายในท้องฟ้าก่อนจะหายไปต่อหน้าจุนและนาสตี้ที่ตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้าโดยไม่สามารถช่วยเหลือได้แม้แต่น้อย
เกราะคิโคเทสีขาวและสีดำต่างเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ผลลัพธ์จากการห้ำหั่นของเกราะคิโคเททั้งสองทำให้ชีวิตบริสุทธิ์ของนาเลียและเบียคุเอ็นต้องมาสังเวยในครั้งนี้ มุคาล่าในชุดเกราะสีดำยืนนิ่งไม่ไหวติง เด็กหนุ่มจ้องมองเศษผ้า สีเหลือง ในมือซึ่งครั้งหนึ่งเคยอยู่บนเรือนร่างของนาเลียด้วยจิตใจที่สับสน จิตใจของเขาเริ่มต่อสู้กันอย่างรุนแรงอีกครั้ง การครอบงำของเกราะคิโคเทสีดำเริ่มถูกผู้เป็นเจ้าของแย่งชิงกลับคืนมา เด็กหนุ่มร้องตะโกนอย่างเสียใจเมื่อจิตใต้สำนึกของตนเองกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ เรียวมองมุคาล่าที่ร้องโหยหวนถึงการจากไปของนาเลีย คู่หมั้น สาวอย่างสงสาร เกราะสีดำเริ่มเปล่งประกายอีกครั้งเพื่อหวังที่จะมีอำนาจเหนือมุคาล่า เรียวและเหล่าซามูไรทรูปเปอร์ทั้งสี่ที่รวมพลังแห่งคุณธรรมประจำจิตใจเป็นหนึ่งภายในเกราะคิโคเทสีขาว ใช้โอกาสที่มุคาล่าได้รับจิตใจของตนเองกลับคืนมา ส่งพลังแห่งจิตใจทั้งห้าไปยังเกราะสีดำ แสงสีแดงแห่งคุณธรรม แสงสีเขียวแห่งความนอบน้อม แสงสีส้มแห่งความเที่ยงธรรม แสงสีฟ้าแห่งความเชื่อมั่นและแสงสีน้ำเงินแห่งปัญญา พุ่งทะยานจากเกราะคิโคเทสีขาวไปยังเกราะคิโคเทสีดำที่พยายามฟื้นคืนชีพอีกครั้ง จิตใจของนักรบเกราะและมุคาล่ารวมกันเป็นหนึ่ง จิน งิ เร ชิน ฉิ รวมเข้ากับจิตใจอันอบอุ่นของนักรบเผ่าทาอุรางิ เกราะคิโคเทสีขาวและสีดำผสานจิตใจเข้าด้วยกันส่งผลให้พระอาทิตย์ทรงกลดที่แผ่รัศมีปกคลุมไปทั่วบริเวณจางหายไป โลก เริ่มเคลื่อนตัวจากการบดบัง ดวงอาทิตย์ แสงสว่างหวนกลับคืนมายังเผ่าทาอุรางิอีกครั้ง เกราะสีขาวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตใจแห่งชุดเกราะและเกราะสีดำที่ปราศจากจิตใจซ้อนจิตวิญญาณเข้าด้วยกันก่อนจะระเบิดด้วยพลังมหาศาลแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทั่วบริเวณ แสงสว่างเจิดจ้าจากแรงระเบิดพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เกิดเป็นกลีบดอก ซากุระ สีแดงจำนวนมากร่วงหล่นไปทั่วบริเวณพร้อมกับปรากฎภาพของพยัคฆ์ดำโคคุเอ็นโอ พยัคฆ์ดำผู้ทำหน้าที่พิทักษ์ปกป้องดาบโกเร็ตซึและเกราะคิโคเทสีขาว หลังจากชุดเกราะถูกทำลายหน้าที่ของโคคุเอ็นโอก็จบลง พยัคฆ์ดำหันหลังจากไปพร้อมกับการสูญสลายของเกราะคิโคเทฝาแฝด
หลังจากได้รับชัยชนะในการต่อสู้ เรียว โทมะ ชู ชินและเซจิ ต่างยืนห้อมล้อมมุคาล่าที่คุกเข่ากับพื้นด้วยความเสียใจ การจากไปของนาเลียเกิดจากฝีมือของเขาเพียงคนเดียว แม้เธอจะเฝ้าอ้อนวอนให้เขาหวนระลึกถึงจิตใจของตนเองจากการครอบงำของเกราะคิโคเทสีดำ ชุดเกราะที่เขาเฝ้าบูชาเพราะนึกว่าคือ เทพเจ้า ประจำหมู่บ้าน เกราะที่เขาคิดจะฝากชีวิตของทุกคนไว้ภายในเงื้อมมือของความชั่วร้าย นาเลียเป็นเพียงคนเดียวที่เข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงของเกราะสีดำ แต่เขาไม่สนใจคำเตือนของเธอเลยแม้แต่น้อย เกราะสีดำมีอำนาจเหนือเขาเป็นอย่างมาก สุดท้ายสิ่งที่เขารักและหวงแหนที่สุดก็ต้องถูกทำลาย เกราะสีดำและนาเลีย ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือไว้ให้แก่เขาอีกเลย จุนและนาสตี้ตามมาสมบทกับทุกคนที่ยืนมองมุคาล่าอย่างสงสารในชะตากรรมที่เขาต้องเผชิญ แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ท้องฟ้าอันมืดมิดเริ่มปรากฎลำแสงสว่างจำนวนมากส่องผ่านลงมายังพื้นดินตรงหน้ามุคาล่า นักรบเกราะทั้งห้ารวมทั้งนาสตี้และจุนยืนมองดูลำแสงประหลาดด้วยความสงสัย ภายในลำแสงจากฟากฟ้าเกิดแสงระยิบระยับไปทั่วบริเวณ มุคาล่าเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ ภาพที่ปรากฎตรงหน้าสร้างความตกตะลึงให้แก่ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ ลำแสงจากฟากฟ้าแปรเปลี่ยนสภาพเป็นชุดเกราะที่พวกเขาต่างคุ้นตาและรู้จักเป็นอย่างดีจำนวนห้าชุด เกราะเกียร์เร็กกะ เกราะแห่งเพลิง เกราะเกียร์เท็นคู เกราะแห่งอากาศ เกราะเกียร์โคริน เกราะแห่งแสงสว่าง เกราะเกียร์คองโก เกราะแห่งปฐพีและเกราะเกียร์ซุยโคะ เกราะแห่งสายน้ำ ซึ่งถูกทำลายไปพร้อมกับเกราะคิโคทสีขาวปรากฎกายขึ้นอย่างไม่คาดฝัน พลังแห่งจิตใจประจำชุดเกราะทั้งห้าได้แก่ คุณธรรม ความเที่ยงธรรม ความนอบน้อม ความเชื่อมั่น และสติปัญญา เข้าโอบอุ้มคุ้มครองสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้ภายใต้ชุดเกราะ เกิดแสงสว่างจากชุดเกราะไปทั่วบริเวณก่อนจะกลายเป็นกลีบดอก ซากุระ ร่วงหล่นลงมาพร้อมกับร่างของพยัคฆ์ขาวเบียคุเอ็น
ลูกแก้วแห่งจิตใจ จิน งิ เร ชิน ฉิ ผสานพลังแห่งชุดเกราะที่แฝงพลังแห่ง ธรรมชาติ ทั้งห้า เข้าปกป้องคุ้มครองนาเลียและเบียคุเอ็น จากอันตรายของแรง ระเบิด ที่ได้รับจากการต่อสู้ของเกราะคิโคเทสีขาวและสีดำ จุนและนาสตี้ดีใจมากที่เห็นเบียคุเอ็นปลอดภัย และยิ่งดีใจมากไปกว่าเดิมเมื่อพยัคฆ์ขาวเพื่อนคู่ใจของเรียว ที่ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเขามาโดยตลอดขยับตัวลุกจากสิ่งที่มันพยายามปกป้อง ร่างของนาเลียปรากฎแก่สายตาของทุกคนท่ามกลางกลีบดอก ซากุระ ที่ร่วงโรย เธอขยับตัวฟื้นคืนสติอย่างยากลำบากโดยมีเบียคุเอ็นเฝ้ามองดูอยู่ใกล้ ๆ มุคาล่าตกตะลึงในสิ่งที่เห็น เขาขยับตัวเข้าไปหานาเลียที่อยู่ตรงหน้า เรียว ชิน โทมะ เซจิและชู รวมทั้งจุนและนาสตี้เฝ้ามองดูความผูกพันธ์ของคนทั้งสองที่กลับคืนมาอีกครั้ง นาเลียดีใจมากที่เห็นมุคาล่ากลับมาเป็นคนเดิม ดวงตากลมโตมี น้ำตา คลออยู่เต็มด้วยความดีใจ ที่มุคาล่ากลับมาเป็นคู่หมั้นคนเดิมของเธอที่มีจิตใจที่เมตตา อบอุ่น ไม่ถูกชักนำด้วยพลังอันชั่วร้ายของเกราะคิโคเทสีดำอีกต่อไป เกราะใน ตำนาน ทั้งสองที่มีถิ่นกำเนิดไกลถึง แทนซาเนีย ทวีปแอฟริกา ชุดเกราะที่ทรงพลังมหาศาลต้องถูกทำลายด้วยพลังของชุดเกราะด้วยกันเอง เกราะที่ปราศจากจิตใจของผู้เป็นเจ้าของไม่อาจครอบครอง โลก แห่งชุดเกราะได้ดั่งใจหวัง นักบวชลึกลับ คาออส ผนึกพลังแห่งจิตใจของ มนุษย์ สู่ชุดเกราะทั้งห้าเพื่อหวังถึงพลังอำนาจของเกราะคิโคเทสีขาวในอนาคต จิตวิญญาณแห่งชุดเกราะรวมทั้งจิตใจของผู้เป็นเจ้าของ ย่อมที่จะสร้างพลังที่แข็งแกร่งในการต่อสู้ เมื่อเกราะคิโคเทสีขาวถูกทำลาย ชุดเกราะที่เกิดจากพลังแห่ง เกราะเกียร์ ทั้งห้ารวมเป็นหนึ่งนั้น ก็ย่อมที่จะทำลายเกราะเกียร์ทั้งห้าให้สูญสิ้นตามไปด้วย ปิดฉากชีวิตการต่อสู้ที่โหดร้ายของเหล่าซามูไรทรูปเปอร์ตั้งแต่ที่ได้พบกับคาออส ชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้เป็นอันสิ้นสุดลง ภาระหน้าที่ที่หนักหนาได้ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากชีวิตของเหล่าเด็กหนุ่มทั้งห้า ชีวตที่ถูกกำหนดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ถึงคราวอวสาน...เป็นการจบชีวิตนักรบเกราะแห่งการต่อสู้ที่แสนยาวนาน