ประเทศรัสเซีย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Российская Федерация
Rossiyskaya Federatsiya
รอสซีสกายา เฟเดราซียา
สหพันธรัฐรัสเซีย
ธงชาติรัสเซีย ตราประจำชาติรัสเซีย
ธงชาติ ตราประจำชาติ
คำขวัญ: ไม่มี
เพลงชาติ: Hymn of the Russian Federation
แผนที่แสดงที่ตั้งของประเทศรัสเซีย
เมืองหลวง มอสโก
55°45′ N 37°37′ E
เมืองใหญ่สุด มอสโก
ภาษาราชการ ภาษารัสเซียและภาษาราชการอื่น ๆ ในแต่ละสาธารณรัฐ
รัฐบาล สหพันธรัฐระบบกึ่งประธานาธิบดี
ประธานาธิบดี
นายกรัฐมนตรี
วลาดีมีร์ ปูติน
มิคาอิล ฟรัดคอฟ
ได้รับเอกราช
 - ประกาศ
 - Finalized
 - อดีต
จาก สหภาพโซเวียต
12 มิถุนายน พ.ศ. 2533 (วันรัสเซีย)
26 ธันวาคม พ.ศ. 2534
สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซีย
เนื้อที่
 - ทั้งหมด
 
 - พื้นน้ำ (%)
 
17,075,200 กม.² (อันดับที่ 1)
6,592,745 ไมล์² 
0.5
ประชากร
 - 2549 ประมาณ
 - 2545

 - ความหนาแน่น
 
142,893,540 (อันดับที่ 8)
145,513,037

8.4/กม² (อันดับที่ 178)
21.7/ไมล์² 
GDP (PPP)
 - รวม
 - ต่อประชากร
2548 ค่าประมาณ
1.778 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 7-9)
12,254 ดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 54)
HDI (2546) 0.795 (อันดับที่ 62) – กลาง
สกุลเงิน รูเบิล (RUB)
เขตเวลา
 - ฤดูร้อน (DST)
(UTC+2 ถึง +12)
รหัสอินเทอร์เน็ต .ru, .su (จองไว้)
รหัสโทรศัพท์ +7

รัสเซีย (Russia) (ภาษารัสเซีย: Росси́я, Rossija ออกเสียง [rʌ'sʲi.jə]) หรือ สหพันธรัฐรัสเซีย (Russian Federation) (Росси́йская Федера́ция, Rossijskaja Federatsija ออกเสียง [rʌ'sʲi.skə.jə fʲɪ.dʲɪ'ra.ʦɪ.jə]) เป็นประเทศที่มีอาณาบริเวณตั้งแต่ทางตะวันออกของทวีปยุโรป และทางเหนือของทวีปเอเชีย เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก (เป็นสองเท่าของอันดับสอง คือ ประเทศแคนาดา) เดิมเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียต และเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุด มีอิทธิพลที่สุดของโซเวียต

สารบัญ

[แก้] ประวัติศาสตร์

[แก้] ยุคแห่งการตั้งอาณาจักร

ชาวสลาฟตะวันออกเป็นชนชาติแรกที่เข้ามาตั้งถื่นฐานในรัสเซีย บริเวณแม่น้ำดนีเปอร์ และแม่น้ำวอลกาทางตอนใต้ของประเทศ ส่วนทางตอนเหนือชนชาติสแกนดิเนเวียและไวกิ้งที่รู้จักในนามวาแรนเจียน ได้ตั้งถิ่นฐานบริเวณแม่น้ำเนวา และทะเลสาบลาโดกา ทำการติดต่อค้าขายกับชาวสลาฟ แต่แล้วในปีค.ศ.880 กษัตริย์แห่งวาแรนเจียน ก็เข้ามายึดเมืองเคียฟของชาวสลาฟ และได้ตั้งเคียฟเป็นเมืองหลวงโดยผนวกดินแดนเหนือและใต้เข้าด้วยกัน แล้วขนานนามว่า เคียฟรุส (Kievan Rus')

ในปี ค.ศ. 978 เจ้าชายวลาดีมีร์ โมโนมัค ขึ้นครองราชย์และทรงนำศาสนาคริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์แห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์เข้าสู่รัสเซีย ซึ่งต่อมามีบทบาทและอิทธิพลอย่างสูงต่อศิลปะสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของประเทศ ในช่วงศตวรรษที่ 11 เคียฟเป็นนครหลวง ศูนย์รวมของอำนาจกษัตริย์และเป็นศูนย์กลางของคริสต์จักรออร์ทอดอกซ์ ในขณะที่เมืองอื่น ๆ ก็มีประชากรก่อตั้งขึ้นมา จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้กล่าวอ้างถึงมอสโกครั้งแรกในปี ค.ศ. 1147 ว่ามกุฎราชกุมารแห่งนครเคียฟ เจ้าชายยูริ ดอลโกรูกี มีรับสั่งให้สร้างป้อมปราการไม้หรือเครมลินขึ้นที่เนินเขาโบโรวิตสกายา ริมแม่น้ำมอสควา และตั้งชื่อเมืองว่า มอสโก

[แก้] มัสโควี

ต่อมาในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 13 กองทัพมองโกล นำโดยบาตูข่าน เข้ารุกรานรัสเซีย และยึดเมืองเคียฟได้สำเร็จ หลังจากนั้นรัสเซียก็ถูกตัดจากโลกภายนอก ถูกควบคุมทางการเมือง การปกครอง และต้องจ่ายภาษีให้กับมองโกล กษัตริย์และพระราชาคณะจึงย้ายศูนย์กลางอำนาจมาทางตอนเหนือ

ในปี 1328 พระเจ้าอีวานที่ 1 ได้รับการสถาปนาเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีฉายาว่า lvan kalita หรืออีวานถุงเงิน เนื่องจากทรงเก็บส่วยและเครื่องบรรณาการให้มองโกล และในยุคนี้เองที่กษัตริย์ได้ย้ายที่ประทับมาที่มอสโก ต่อมาในยุคของพระเจ้าอีวานที่ 2 (ค.ศ. 1353-1359) มองโกลเริ่มเสื่อมอำนาจ เจ้าชายดมีตรี โอรสแห่งพระเจ้าอีวานที่ 2 ทรงขับไล่มองโกลได้สำเร็จในการรบที่คูลีโคโว บนฝั่งแม่น้าดอน ในปี 1380 พระองค์ทรงได้รับการสถาปนาเป็น ดมีตรี ดอนสกอย (ดมีตรีแห่งแม่น้ำดอน) ได้รวมเมืองวลาดีมีร์และซุลดัล อันเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักรมัสโควี และยังได้บูรณะเครมลินเป็นกำแพงหินขาวแทนไม้โอ๊ก มอสโกจึงมีอีกชื่อเรียกว่า เมืองกำแพงหินขาวในยุคนั้น แต่เพียงไม่นานพวกตาตาร์ก็กลับมาทำลายเครมลินจนพินาศ รัสเซียต้องเป็นเมืองขึ้นของตาตาร์อีกครั้งหนึ่งในปี 1382

จนเข้าสู่สมัยของพระเจ้าอีวานที่ 3 หรืออีวานมหาราช(ค.ศ. 1462-1505) พระองค์ทรงอภิเษกกับหลานสาวของจักรพรรดิองค์ก่อนแห่งไบแซนไทน์ในปี 1472 และรับอินทรีสองเศียรเป็นสัญลักษณ์ของรัสเซีย ในยุคของพระองค์ได้รงบรวมดินแดนให้กลับเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง ในปีค.ศ. 1480 ทรงขับไล่กองกำลังตาตาร์ออกจากรัสเซียจนหมดสิ้น ปิดฉากสองศตวรรษภายใต้การปกครองของมองโกล ทรงบูรณะเคนมลินให้เป็นหอคอยสูงและโบสถ์งดงามไว้ภายในเครมลิน นับเป็นยุคแห่งความรุ่งเรืองของรัสเซีย

ปี 1574 พระเจ้าอีวานที่ 4 (1533-1584) หลานของพระเจ้าอีวานมหาราช ได้รับสถาปนาเป็นซาร์พระองค์แรก (ซาร์มาจากคำว่า ซีซาร์ ผู้ครองอำนาจแห่งจักรวรรดิโรมันและไบแซนไทน์) พระองค์ทรงปกครองอาณาจักรด้วยความเหี้ยมโหด ปราศจากความเมตตา ว่ากันว่าทรงรับสั่งให้ควักลูกตาสถาปนิกผู้ออกแบบสร้างมหาวิหารเซนต์บาซิล เพื่อมิให้สร้างสิ่งก่อสร้างที่งดงามเช่นนี้ได้ที่ใดอีก เมื่อหมดยุคของพระเจ้าอีวานที่ 4 ในปี ค.ศ. 1584 มอสโกก็ประสบปัญหาทางการเมือง เศรษฐกิจอย่างรุนแรง มีการแย่งชิงราชบัลลังก์ระหว่างราชวงศ์รูริก และโรมานอฟ ในที่สุดสมัชชาแห่งชาติและพระราชาคณะแห่งคริสตจักร ออร์ทอดอกซ์ ก็มีมติเลือกมีฮาอิล โรมานอฟ ขึ้นเป็นซาร์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์โรมานอฟ

[แก้] จักรวรรดิรัสเซีย

ค.ศ. 1613-1917 พระเจ้าปีเตอร์ที่ 1 มหาราช(ค.ศ. 1682-1725) ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์รัสเซีย พระองค์ขึ้นครองราชย์แต่งแต่พระชนมายุ 10 ชันษาพร้อมกับพระเจ้าอิวานที่ 5 (เป็นกษัตริย์บัลลังก์คู่) จนในปี 1696 เมื่อพระเจ้าอิวานที่ 5 สิ้นพระชนม์ พระเจ้าปีเตอร์ที่ 1 มหาราช จึงมีพระราชอำนาจโดยแท้จริง ในยุคของพระองค์ทรงขยายอาณาเขตรัสเซียออกไปทางตะวันออกถึงวลาดิวอสต็อก และทรงใช้นโยบายสู้ตะวันตก ทรงนำรัสเซียเข้าสู่ยุคใหม่ โดยในปีค.ศ. 1712 ทรงย้ายเมืองหลวงจากมอสโกมาที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และเป็นครั้งแรกที่มีการจัดตั้งกองทหารราชนาวีขึ้นในรัสเซีย ทั้งยังทรงนำช่างฝีมอืจากฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ มาสร้างวิหารและพระราชวังที่งดงามอีกมากมาย และทรงนำพาจักรวรรดิรัสเซียให้เป็นที่รู้จักเกรียงไกรในสังคมโลก ถัดจากพระเจ้าปีเตอร์มหาราชยังมีซาร์และซารีนาอีกหลายพระองค์ที่สืบราชบัลลังก์ ทว่าผู้ที่สร้างความเจริญเฟื่องฟูให้กับรัสเซียสูงสุด ได้แก่ พระนางเจ้าแคทเทอรีนที่ 2 (ค.ศ. 1762-1796) พระนางได้รับการยกย่องให้เป็นราชินี ด้วยทรงเชี่ยวชาญด้านการปกครองอย่างมาก กระนั้นพระนางก็มีชื่อเสียงด้านลบด้วยพระนางมีคู่สเน่หามากมาย

ผู้สืบราชวงศ์องค์ต่อมาคือพระราชโอรสของพระนางเจ้าแคทเทอรีน พระเจ้าปอลที่ 1 (ค.ศ. 1796-1801)ทรงครองราชย์อยู่เพียงระยะสั้น จากนั้นพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 (1801- 1825) พระราชโอรสสืบพระราชบัลลังก์ต่อ ในปี 1812 ทรงทำศึกชนะจักรพรรดินะโปเลียนแห่งฝรั่งเศส แต่แล้วในช่วงปลายรัชกาล เกิดกระแสการเปลี่ยนแปลงการปดครองสู้ระบบรัฐสภา ปี 1825 เกิดกบฏ ต่อต้านราชวงศ์ขึ้น ในเดือนธันวาคม เรียกกบฏธันวาคม(Decembrist Movement) แต่พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 1 (ค.ศ. 1825-1855) ก็ทรงปราบกลุ่มผู้ต่อต้านไว้ได้ พอมาในสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 (ค.ศ. 1855-1881) พระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์ที่นครเซนปีเตอร์สเบิร์กในปี 1881 ทิ้งไว้เพียงอนุสรณ์สถานที่สร้างอุทิศแด่พระองค์ ณ จุดที่ถูกลอบปลงพระชนม์ ซาร์องค์ต่อมาคือ อเล็กซานเดอร์ที่ 3 (ค.ศ. 1881-1894) จนถึงซาร์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โรมานอฟ ซาร์นิโคลัสที่ 2 (1894-1917) ความเหลื่อมล้ำกันทางชนชั้น และความยากจน ก่อให้เกิดการปฏิวัติเป็นครั้งแรกโดนกรรมการชาวนาในปี 1905 ซึ่งมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เรียกเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า วันอาทิตย์เลือด Bloody Sunday กระนั้นชนวนที่ทำให้ราชวงศ์โรมานอฟและระบอบซาร์ถึงกาลอวสานก็มีปัจจัยอื่นเช่นกัน

[แก้] สมัยสหภาพโซเวียต

การตัดสินใจเขาร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ของซาร์นิโคลัสที่ 2 นั้นนำมาซึ่งความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ทั้งชีวิตของทหารและชาวรัสเซียนับล้านที่เมื่อรัสเซียเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ การจลาจนเกิดขึ้นทั่วเมืองในที่สุดปี 1917 จึงเกิดการปฏิวัติล้มล้างระบบซาร์ พระเจ้านิโคลัสที่ 2 สละราชสมบัติ มีการจัดตั้งคณะรัฐบาลเฉพาะกิจเคอเรนสกีขึ้นบริหารประเทศ แต่พรรคบอลเชวิค (Bolshevik) นำโดยวลาดีมีร์ เลนินก็ทำการปฏิวัติยึดอำนาจการบริหารประเทศไว้ได้ โดยการเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบคอมมิวนิสต์ พร้อมทั้งประกาศให้ประเทศเป็น สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต (Union of Soviet Socialist Repubilcs หรือ USSR)

ปี ค.ศ. 1918 ย้ายเมืองหลวงและฐานอำนาจกลับสู่มอสโก กระนั้นก็ยังมีผู้ไม่พอใจกับสภาพแร้นแค้น การขาดสิทธิเสรีภาพ จึงทำให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นหลายต่อหลายครั้ง เลนินถึงแก่อสัญกรรมในปี 1924 โจเซฟ สตาลิน (1924-1953) ขึ้นบริหารประเทศแทนด้วยความเผด็จการ และกวาดล้างทุกคนผู้ที่มีความคิดต่อต้าน เขาเปิดการพัฒนาประเทศสู่อุตสาหกรรมสมัยใหม่ จนเทียบเคียงสหรัฐอเมริกา แต่ปัญหาความอดอยาก ที่เรื้อรังมานานก็ยากเกินเยียวยา และยิ่งเลวร้ายเมื่อฮิตเลอร์สั่งล้อมมอสโกไว้ โดยเฉพาะที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กถูกปิดล้อมไว้นานถึง 900 วันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ชาวรัสเซียเรียกสงครามครั้งนั้นว่า The Great Patriotic War กระนั้นสตาลินก็มีบทบาทในการพิชิตนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ. 1941-1945) นี้ไว้ได้

ปี ค.ศ. 1955 นีคีตา ฮรุชชอฟ ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำโดยมีแนวคิดในการบริหารประเทศที่เน้นการอยู่ร่วมกัน มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของประชาชนผ่อนคลายความเข้มงวดให้น้อยกว่าสมัยสตาลิน รวมถึงเปิดเครมลินเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ประชาชนได้เข้าชมอีกด้วย ปี 1964 ฮรุชชอฟลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคแทน เบรจเนฟแผ่อิทธิพลไปถึงจีน คิวบา และอัฟกานิสถาน เพิ่มความเครียดไปทั่วโลก เขาจึงนำนโยบายต่างประเทศที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในชื่อ การผ่อนคลายความตึงเครียด มาใช้โดยปี1980 มอสโกได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 22

ปี 1985 มิฮาอิล กอร์บาชอฟขึ้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมิวนิสต์ และขึ้นเป็นประธานาธิบดีแทนนายอังเดร โกรมิโกรที่ลาออกในปี 1988 เขาเป็นผู้นำการปฏิรูปโครงสร้างการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมที่เรียกว่า [ปเรสตรอยกา (Perestroyka) โดยนำพาประเทศเข้าสู่ระบบทุนนิยม มีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และพัฒนาฝีมือแรงงานรวมถึงเสนอนโยบายเปิดกว้างกลาสนอสต์ (Glasnost) คือให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชน มีการติดต่อด้านการค้ากับตะวันตก รวมถึงถอนกำลังออกจากยุโรปตะวันออกและอัฟกานิสถานและยังได้เข้าร่วมกับองค์การนาโต้ หรือองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ในปี ค.ศ. 1990 กอร์บาชอฟได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ รวมถึงได้รับยกย่องจากนิตยสารไทม์เป็นบุรุษแห่งศตวรรษ (Man of the Decade) กระนั้นปัญหาขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภค และความล้าหลังทางการผลิตที่สั่งสมมานานก็ทำให้นโยบายเปเรสตรอยกาล้มเหลว ความนิยมในกอร์บาชอฟเริ่มตกลง ต่อมาเกิดรัฐประหารขึ้นในเดือนสิงหาคม 1991 โดยกลุ่มคอมมิวนิสต์หัวเก่าที่ไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงสู่ตลาดเสรี แต่บอริส เยลต์ซิน ก็สามารถกู้สถานการณ์เอาไว้ได้ กอร์บาชอฟจึงสิ้นคะแนนนิยมอย่างแท้จริง เขาประกาศลาออกจากตำแหน่ง รวมถึงประกาศยกเลิกพรรคคอมมิวนิสต์ต่อหน้ามหาชน พร้อมด้วยการก้าวขึ้นเป็นผู้นำของเยลต์ชิน สหภาพโซเวียตจึงล่มสลาย สาธารณรัฐต่าง ๆ ทั้ง 15 สาธารณรัฐแยกตัวเป็นอิสระ รวมทั้งสาธารณรัฐรัสเซีย (Russian SFSR) ภายใต้ชื่อใหม่ว่า สหพันธรัฐรัสเซีย (Russian Federation)

[แก้] หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต

[แก้] การเมืองการปกครอง

ในยุคที่คณะปฎิวัติหรือบอลเชวิกได้ปกครองอยู่ ผู้นำประเทศคือ นายวลาดีมีร์ อีลิช อูเลียนอฟ หรือ เลนิน

[แก้] รูปแบบการปกครอง

เป็นแบบสหพันธรัฐ โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขและหัวหน้ารัฐบาล และมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร

[แก้] ประมุข

ประธานาธิบดีมีอำนาจในการบริหารประเทศอย่างสมบูรณ์

  • ประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้ง อยู่ในตำแหน่งวาระละ 4 ปี และอยู่ตำแหน่งได้ 2 วาระ

[แก้] การแบ่งเขตการปกครอง

ดูบทความหลักที่ เขตการปกครองของสหพันธรัฐรัสเซีย

รัสเซียประกอบด้วย 89 เขตการปกครอง ซึ่งมีฐานะแตกต่างกันออกไป ได้แก่

  • 21 สาธารณรัฐ (republics)
  • 49 แคว้น (provinces หรือ oblasts)
  • 6 ดินแดน (territories หรือ krays)
  • 1 แคว้นปกครองตนเอง (autonomous oblast)
  • 10 เขตปกครองตนเอง (autonomous districts)
  • 2 นครสหพันธ์ (federal cities)

โดยเขตการปกครองทั้งหมดจะถูกจัดอยู่ใน 7 เขตสหพันธ์ (federal districts) แต่ละแห่งบริหารโดยผู้ว่าราชการเขต ซึ่งประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซียเป็นผู้แต่งตั้ง)

[แก้] ภูมิศาสตร์

เขตแดน เขตแดนและชายฝั่งของแผ่นดินหลักรัสเซีย (เริ่มต้นตั้งแต่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ หมุนไปตามทิศทวนเข็มนาฬิกา) ได้แก่

  • พรมแดนจรดกับประเทศนอร์เวย์และฟินแลนด์
  • ชายฝั่งสั้น ๆ บนทะเลบอลติกจากฟินแลนด์ถึงเอสโตเนีย
  • พรมแดนจรดประเทศเอสโตเนีย ลัตเวีย เบลารุส และยูเครน
  • ชายฝั่งทะเลดำ จากประเทศยูเครนถึงจอร์เจีย
  • พรมแดนจรดประเทศจอร์เจียและอาเซอร์ไบจาน
  • ชายฝั่งทะเลแคสเปียน จากประเทศอาเซอร์ไบจานถึงคาซัคสถาน
  • พรมแดนจรดประเทศคาซัคสถาน จีน มองโกเลีย จีน (อีกครั้งหนึ่ง) และเกาหลีเหนือ
  • ชายฝั่งทะเลที่มีความยาวมาก ซึ่งทำให้รัสเซียสามารถติดต่อกับชาติทีอยู๋ริมทะเลทั่วโลกได้ โดยชายฝั่งทะเลทางด้านนี้ ได้แก่
    • จากมหาสมุทรแปซิฟิกซีกเหนือ ประกอบด้วย
      • ทะเลญี่ปุ่น (ทางชายฝั่งตะวันตกของเกาะซาฮาลิน)
      • ทะเลอะโคต (ทางชายฝั่งตะวันออกของเกาะซาฮาลินและชายฝั่งของหมู่เกาะคูริล)
      • ทะเลแบริง
    • จรดช่องแคบแบริง ซึ่งแบ่งรัสเซียออกจากมลรัฐอะแลสกาของสหรัฐอเมริกาเพียงไม่กี่ไมล์
    • ทางชายฝั่งมหาสมุทรอาร์กติก ได้แก่
      • ทะเลชุคชี (ทางชายฝั่งใต้และตะวันออกของหมู่เกาะแรงเจล)
      • ทะเลไซบีเรียตะวันออก (ทางชายฝั่งของหมู่เกาะนิวไซบีเรียน)
      • ทะเลลัปเตฟ
      • ทะเลคารา (ทางชายฝั่งตะวันออกของหมู่เกาะโนวายาเซมเลีย)
      • ทะเลแบเร็นตส์ (ทางชายฝั่งใต้ของหมู่เกาะฟรันซ์-โจเซฟแลนด์ เมืองท่ามูร์มันสค์ และทะเลขาว
ดินแดนของรัสเซียที่ไม่ติดต่อกับแผ่นดินหลัก คือ แคว้นคาลินินกราด
  • มีพรมแดนร่วมกับ
  • และมีชายฝั่งจรดทะเลบอลติกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
  • พื้นที่ทั้งหมด 17,075,400 ตารางกิโลเมตร
    • ด้านตะวันออก-ตะวันตก 9,000 กิโลเมตร
    • จากด้านเหนือ-ใต้มีระยะทาง 4,000 กิโลเมตร
  • ชายแดนยาวรวมกัน 28,000 กิโลเมตร
  • ชายฝั่งทะเลยาวรวมกัน 38,807.5 กิโลเมตร

[แก้] ประชากร

ประเทศรัสเซียมีประชากร 145.3 ล้านคน เป็นชาวรัสเซีย ร้อยละ 81 ที่เหลือเป็นเชื้อชาติอื่น ๆ อาทิ ตาตาร์ ยูเครน เบลารุส เยอรมัน ยิว อาร์เมเนีย และคาซัค

ประชากรส่วนมากนับถือศาสนาคริสต์ นิกายรัสเซียนออร์โธดอกส์ รัสเซียมีพื้นที่มากที่สุดในโลก แต่เมื่อเทียบกับประชากรแล้ว ความหนาแน่นเพียงแค่ 40 เปอร์เซนต์เท่านั้น

[แก้] เศรษฐกิจ

ในปี พ.ศ. 2548 รัสเซีย เป็นตลาดที่อยู่ในความสนใจของนักธุรกิจและนักลงทุนต่างประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากความสำเร็จของการบริหารจัดการเศรษฐกิจ อีกส่วนหนึ่งมาจากทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า ได้แก่ น้ำมันและแก๊สธรรมชาติที่รัสเซียมีอยู่อย่างมหาศาล การที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียทำสถิติสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นมูลค่าถึง 118,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

[แก้] วัฒนธรรม

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น

ประเทศ ใน ทวีปยุโรป

กรีซ · โครเอเชีย · จอร์เจีย1 · สาธารณรัฐเช็ก · ซานมารีโน · เซอร์เบีย · ไซปรัส1 · เดนมาร์ก · ตุรกี2 · นอร์เวย์ · เนเธอร์แลนด์ ·
บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา · บัลแกเรีย · เบลเยียม · เบลารุส · โปรตุเกส · โปแลนด์ · ฝรั่งเศส · ฟินแลนด์ · มอนเตเนโกร ·
มอลโดวา · มอลตา · มาซิโดเนีย · โมนาโก · ยูเครน · เยอรมนี · รัสเซีย2 · โรมาเนีย · ลักเซมเบิร์ก · ลัตเวีย · ลิกเตนสไตน์ ·
ลิทัวเนีย · นครรัฐวาติกัน · สเปน · สโลวาเกีย · สโลวีเนีย · สวิตเซอร์แลนด์ · สวีเดน · สหราชอาณาจักร · ออสเตรีย ·
อันดอร์รา · อาเซอร์ไบจาน1 · อาร์เมเนีย1 · อิตาลี · เอสโตเนีย · แอลเบเนีย · ไอซ์แลนด์ · ไอร์แลนด์ · ฮังการี

1. ทางภูมิศาสตร์อยู่ในทวีปเอเชีย แต่มักถูกจัดอยู่ในทวีปยุโรป เนื่องจากมีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน; 2. มีพื้นที่ทั้งในทวีปยุโรปและในทวีปเอเชีย

ประเทศ และ ดินแดน ใน ทวีปเอเชีย

กัมพูชา · กาตาร์ · เกาหลีใต้ · เกาหลีเหนือ · คาซัคสถาน1 · คีร์กีซสถาน · คูเวต · จอร์เจีย1 · จอร์แดน · จีน · ญี่ปุ่น ·
ซาอุดีอาระเบีย · ซีเรีย · ไซปรัส2 · ติมอร์ตะวันออก3 · ตุรกี1 · เติร์กเมนิสถาน · ทาจิกิสถาน · ไทย · เนปาล · บรูไน ·
บังกลาเทศ · บาห์เรน · ปากีสถาน · พม่า · ฟิลิปปินส์ · ภูฏาน · มองโกเลีย · มัลดีฟส์ · มาเลเซีย · เยเมน · รัสเซีย1 ·
ลาว · เลบานอน · เวียดนาม · ศรีลังกา · สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ · สิงคโปร์ · อัฟกานิสถาน · อาเซอร์ไบจาน1 ·
อาร์เมเนีย2 · อินเดีย · อินโดนีเซีย3 · อิรัก · อิสราเอล · อิหร่าน · อียิปต์4 · อุซเบกิสถาน · โอมาน

ดินแดนพิเศษ: ฮ่องกง (จีน) · ชัมมูและแคชเมียร์ (อินเดีย/ปากีสถาน/จีน) · เคอร์ดิสถาน (อิรัก) · มาเก๊า (จีน) ·
นากอร์โน-คาราบัค1 (อาเซอร์ไบจาน) · ปาเลสไตน์: ฉนวนกาซา · เวสต์แบงก์ (อิสราเอล/รัฐบาลปาเลสไตน์) ·
ไต้หวัน (จีน/รัฐบาลไต้หวัน) · สาธารณรัฐตุรกีแห่งไซปรัสเหนือ1 (ไซปรัส)

(1) อาจจัดให้อยู่ในทวีปยุโรป; (2) อยู่ในทวีปเอเชีย แต่มีความสัมพันธ์ทางการเมืองสังคมกับทวีปยุโรป;
(3) อาจจัดพื้นที่บางส่วน/ทั้งหมดให้อยู่ในเขตโอเชียเนีย; (4) พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปแอฟริกา


ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) สัญลักษณ์เอเปก

เกาหลีใต้ · แคนาดา · จีน · ชิลี · ญี่ปุ่น · นิวซีแลนด์ · บรูไนดารุสซาลาม · ปาปัวนิวกินี · เปรู · ไทย · ฟิลิปปินส์ ·
มาเลเซีย · เม็กซิโก · รัสเซีย · เวียดนาม · สิงคโปร์ · ออสเตรเลีย · อินโดนีเซีย · สหรัฐอเมริกา · จีนไทเป · ฮ่องกง


  ประเทศรัสเซีย เป็นบทความเกี่ยวกับ ประเทศ เมือง หรือเขตการปกครองต่าง ๆ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับ ประเทศรัสเซีย ในภาษาอื่น สามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ๆ ด้านซ้ายมือ
ภาษาอื่น