สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
![]() |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
ชื่อเต็ม | Manchester United Football Club | ||||||||||||||||||||||||||||||||
ฉายา | ปีศาจแดง | ||||||||||||||||||||||||||||||||
ก่อตั้ง | ค.ศ. 1878 | ||||||||||||||||||||||||||||||||
สนาม | โอลด์แทรฟฟอร์ด แมนเชสเตอร์ |
||||||||||||||||||||||||||||||||
ความจุ | 76,212 คน | ||||||||||||||||||||||||||||||||
ประธาน | ![]() ![]() |
||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้จัดการ | ![]() |
||||||||||||||||||||||||||||||||
ลีก | เอฟเอ พรีเมียร์ลีก | ||||||||||||||||||||||||||||||||
2005-06 | พรีเมียร์ลีก อันดับที่ 2 | ||||||||||||||||||||||||||||||||
|
สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นสโมสรหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอังกฤษ และเป็นสโมสรหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในโลก เป็นทีมจากโอลด์แทรฟฟอร์ดในเมืองแมนเชสเตอร์ โดยชนะเลิศแชมป์ลีก 15 ครั้ง (เอฟเอ พรีเมียร์ลีก และ ดิวิชัน 1) ชนะเอฟเอคัพ 11 ครั้ง ลีกคัพ 2 ครั้ง ยูโรเปียนคัพ 2 ครั้ง และชนะ ยูฟ่าคัพวินเนอร์คัพ อินเตอร์เนชันแนลคัพ และ ยูโรเปียนซูเปอร์คัพ อย่างละ 1 ครั้ง โดยแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมีสถิติผู้เข้าชมมากที่สุดในฟุตบอลอังกฤษตลอด 34 ฤดูกาล ยกเว้นในฤดูกาล 1987-89 ที่ปรับปรุงสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นสโมสรหนึ่งในกลุ่มจี-14
กัปตันคนปัจจุบันของสโมสรคือ แกรี เนวิลล์ ที่รับช่วงต่อมาจาก รอย คีน เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005
สารบัญ |
[แก้] ประวัติศาสตร์สโมสร
อ้างอิงตามชื่อฤดูกาล ซึ่งเป็นปี ค.ศ.
[แก้] สโมสรในช่วงแรก (1878-1945)
สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก่อตั้งโดยกลุ่มพนักงานของสถานีรถไฟเมืองแมนเชสเตอร์ เมื่อปี 1878 ในชื่อ นิวตันฮีท (แลนแคเชียร์ แอนด์ ยอร์ดเชียร์เรลเวย์) ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเหลือเพียง นิวตันฮีท ได้เป็นสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมฟุตบอลในตอนนั้น ในปี 1889 และยังได้เข้าเล่นในฟุตบอลลีก 1892
ในปี 1902 สโมสรได้ประสบปัญหาทางด้านการเงิน เจ.เอช.เดวีส์ ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาการเงินให้แล้วเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และยังเปลี่ยนสีประจำสโมสร จากสีเขียว-ทอง มาเป็นแดง-ขาว ซึ่งสีแดง-ขาวนี้ได้ใช้มาจนถึงปัจจุบัน ภายใต้ความช่วยเหลือของเดวีส์นี้ สโมสรได้แชมป์ฟุตบอลลีกสมัยแรกในปี 1908 และได้ย้ายสนามจาก แบงก์ โร้ด ไปยังโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในปี 1910 จนถึงปัจจุบัน
ทีมได้มีปัญหาอีกครั้งระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งถึงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดถูกทิ้งระเบิดจนใช้การไม่ได้ จึงต้องมีการไปขอเช่าสนาม เมนโรดของคู่ปรับร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ซิตี้ โดยในช่วงนั้นทีมมีหนี้อยู่ 70000 ปอนด์
[แก้] ยุคของเซอร์ แมตต์ บัสบี้ (1945-1969)
แมตต์ บัสบี้ได้เข้ามาคุมทีมในปี 1945 เขาได้นำความสำเร็จมาสู่สโมสรได้อย่างรวดเร็ว โดยได้อันดับสองของฟุตบอลลีกในปี 1947 และเป็นชนะเลิศเอฟเอ คัพในปีต่อมา
บัสบี้เป็นคนที่ดึงนักเตะจากทีมเยาวชนขึ้นมาหลายคน จนได้แชมป์ลีกในปี 1956 ด้วยอายุเฉลี่ยของนักเตะเพียง 22 ปีเท่านั้น ในปีต่อมา เขาก็ได้พาทีมเป็นแชมป์ลีกอีกครั้ง และยังเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ แต่ไปไม่ถึงดวงดาวโดยการแพ้ต่อแอสตัน วิลลา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นทีมแรกของอังกฤษที่ได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลยูโรเปียนคัพ และยังได้เข้าถึงรอบรองชนะเลิศอีกด้วย
ในปี 1958 ได้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของสโมสร เมื่อเครื่องบินที่บรรทุกนักเตะและทีมงานของสโมสร ที่กลับจากการไปแข่งขันยูโรเปียนคัพรอบก่อนรองชนะเลิศกับทีมเรดสตาร์ เบลเกรด ซึ่งแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดสามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศแล้วได้ประสบอุบัติเหตุที่สนามบินในเมืองมิวนิค หลังจากแวะพักเครื่องบินที่เมืองมิวนิค ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณบ่าย 3 โมง เหตุการณ์ครั้งนั้นได้คร่าชีวิตนักเตะของทีมไปถึง 8 คน รวมถึงทีมงานสต๊าฟโค้ชและผู้โดยสารคนอื่นอีก 15 คน รวมเป็น 23 คน จากเหตุการณ์นั้น มีผู้คาดว่าจะเป็นจุดตกต่ำของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่จิมมี เมอร์ฟี ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมในช่วงที่บัสบี้กำลังรักษาอาการบาดเจ็บ และใช้ตัวผู้เล่นแก้ขัดไปหลายตำแหน่ง แต่ทีมก็ยังสามารถเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพได้อีกครั้ง โดยครั้งนี้พ่ายต่อโบลตันทำให้ได้เพียงรองแชมป์เท่านั้น
หลังจากรักษาตัวเองแล้ว บัสบี้ได้ปรับปรุงทีมในช่วงต้นของทศวรรษ 60 โดยการเซ็นสัญญาคว้านักเตะอย่าง เดนิส ลอว์ กับ แพท ครีแลนด์มาเสริมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ได้ชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพในปี 1963 และได้แชมป์ฟุตบอลลีกในปี 1965 และ 1967 นอกจากนี้ ยังได้แชมป์ฟุตบอลยูโรเปียน คัพเป็นสโมสรแรกของอังกฤษในปี 1968 นักเตะในทีมชุดนี้ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรปถึง 3 คน ได้แก่ บอบบี ชาร์ลตัน เดนิส ลอว์ และ จอร์จ เบสต์
บัสบีได้ลาออกจากการเป็นผู้จัดการทีมในปี 1969 โดยมีวิฟ แมคกินเนสโค้ชทีมสำรองทำหน้าที่แทน
[แก้] 1969-1986
สโมสรได้พยายามหาตัวแทนที่เหมาะสมของบัสบี โดยใช้ผู้จัดการทีมไปหลายคน ได้แก่ วิฟ แมคกิวเนส แฟรงค์ โอนีล ก่อนที่ ทอมมี โดเคอร์ตี้เข้ามาคุมทีมในปี 1972 เขาได้ช่วยทีมให้รอดจากการตกชั้น แต่อย่างไรก็ดี ทีมก็ได้ตกชั้นลงไปในปี 1974 แต่สโมสรก็ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาทันทีในปีถัดไป และยังได้เข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพในปีต่อมาอีกด้วย จากนั้นก็ได้เข้าชิงชนะเลิศอีกครั้งในปี 1977 โดยครั้งนี้สามารถคว้าแชมป์ได้โดยการเอาชนะทีมลิเวอร์พูล เป็นดับความหวังการคว้าสามแชมป์ในปีเดียวกันของหงส์แดงลงไป ถึงเขาจะทำหน้าที่ได้ดี แต่ก็ถูกไล่ออกหลังจากรอบชิงชนะเลิศปีนั้นเนื่องจากมีข่าวพัวพันกับภรรยาของนักกายภาพบำบัด
เดฟ เซกซ์ตันได้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมต่อในฤดูกาล 1977-1978 และเปลี่ยนระบบการเล่นของทีมให้เน้นเกมรับมากขึ้น ระบบนี้ทำให้แฟนบอลไม่ค่อยพอใจมากนัก หลังจากทำทีมไม่ประสบความสำเร็จ เขาถูกไล่ออกในปี 1981
รอน แอคคินสันได้เข้ามาทำหนาที่นี้แทน เมื่อเขาเข้ามาก็ได้ทำลายสถิติซื้อขายสูงสุดของอังกฤษโดยการคว้าตัวไบรอัน รอบสัน มาจากเวสต์บรอมวิช รวมถึง การคว้าตัว เจสเปอร์ โอลเซน และกอร์ดอน สตรัคคัน ในขณะที่มีนักเตะอย่างมาร์ค ฮิวจ์ และ นอร์แมน ไวท์ไซด์ ที่ขึ้นมาจากทีมเยาวชนของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้แชมป์เอฟเอ คัพในปี 1983
ปี 1985 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำผลงานได้ดีในช่วงเปิดฤดูกาลโดยการชนะ 10 นัดรวด ทำให้มีคะแนนนำทีมอื่นถึง 10 คะแนนตั้งแต่ต้นฤดูกาล แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นทีมทำผลงานได้ไม่ดีและจบฤดูกาลด้วยอันดับ 4 ของลีก ผลงานในปีต่อมาก็ไม่ได้ดีขึ้น ทีมต้องหนีการตกชั้น ทำให้รอน แอคคินสันถูกไล่ออกไป
[แก้] ยุคของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก่อนคว้าสามแชมป์ (1986-1999)
อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้เข้ามาคุมทีมต่อ โดยในฤดูกาลแรกสโมสรจบฤดูกาลด้วยอันดับ 11 แต่ในปีต่อมาก็ได้อันดับสองโดยไบรอัน แมคแคลร์ทำประตูได้ถึง 21 ประตู เป็นคนแรกของทีมหลังจากที่จอร์จ เบสต์เคยทำได้มาก่อนหน้านี้
ในปี 1989 เฟอร์กูสันเกิดความยากลำบากในการคุมทีมขึ้น เนื่องจากตัวผู้เล่นหลายตัวที่เขานำเข้ามาในทีมไม่เป็นที่พอใจของแฟนบอล มีข่าวออกมาว่าสโสรจะปลดเฟอร์กี้ออกจากการเป็นผู้จัดการทีมในช่วงต้นปี 1990 แต่การชนะนอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ในรอบสาม ของเอฟเอ คัพก็ทำให้เขาสามารถคุมทีมต่อไปได้ จนคว้าแชมป์เอฟเอ คัพได้ในปีนั้น เป็นแชมป์แรกให้กับเขาในการคุมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ฤดูกาล 1990-91 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ โดยการเอาชนะบาร์เซโลนา จากสเปน ในนัดชิงชนะเลิศ แต่ปีต่อมาทีมทำผลงานไม่ดีนักในพรีเมียร์ลีก
สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในลอนดอนเมื่อปี 1991 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 18 ล้านปอนด์ จากนั้น สโมสรต้องเปิดเผยข้อมูลการเงินทั้งหมดสู่สาธารณะ
เอริค คันโตนาย้ายจากลีดส์ ยูไนเต็ดมาร่วมทีมเมื่อปี 1992 ส่งผลต่อผลงานของทีมเป็นอย่างมาก ทำให้ทีมได้แชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้นทันที ซึ่งนับเป็นแชมป์ลีกหนแรกหลังจากที่ได้มาในปี 1967 ปีต่อมา ทีมได้ดับเบิลแชมป์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร แต่ในปี 1994 นั้นเอง แมตต์ บัสบี ตำนานกุนซือของได้เสียชีวิตลงในวันที่ 20 มกราคม
ฤดูกาล 1994-95 คันโตนาถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษลงโทษห้ามแข่งถึง 8 เดือน หลังจากที่ไปกระโดดถีบใส่แฟนบอลคริสตัล พาเลซ ปีนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้รองแชมป์ทั้งพรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพ เฟอร์กูสันได้กระทำสิ่งที่ขัดใจแฟนบอลของทีมอีกครั้งโดยการขายนักเตะสำคัญของทีมและดันนักเตะจากทีมเยาวชนขึ้นมาเล่นแทน แต่ปีนั้น ทีมก็สามารถคว้าดับเบิลแชมป์ได้อย่างน่ายกย่อง โดยเป็นทีมแรกของเกาะอังกฤษที่สามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 2 ซึ่งเว้นจากครั้งแรกที่ได้ดับเบิ้ลแชม์ในปี 1994 เพียงปีเดียว และสามารถที่จะลบคำสบประมาทถูกปรามาสเอาไว้ว่าไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จใดๆได้ จากการผลักดันเด็กเยาวชนของทีมให้ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ได้
สโมสรคว้าแชมป์ลีกอีกครั้งในปี 1997 จากนั้น เอริค คันโตนาได้ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลด้วยวัยเพียง 30 ปีซึ่งเร็วกว่านักเตะคนอื่นๆ มาก ฤดูกาลทีมยังเริ่มต้นการแข่งขันได้ดี แต่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนมามากจนทำให้จบฤดูกาลได้เพียงอันดับสองเท่านั้น
ปี 1998-99 ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จมาที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรด้วยการเป็นทีมแรกของอังกฤษที่คว้าทริปเปิลแชมป์ ซึ่งประกอบด้วยพรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และยูฟา แชมเปียนส์ลีกได้ในฤดูกาลเดียวกันอย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟา แชมเปียนส์ลีก โดยในนาทีสุดท้ายของเกมนั้น ทีมยังตามหลังบาเยิร์น มิวนิกอยู่ 1-0 แต่แล้วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาทีนั้น ทีมสามารถทำได้ถึงสองประตูพลิกกลับมาชนะ 2-1 ได้อย่างเหลือเชื่อ จาก เท็ดดี้ เชอริงแฮม และ "เพชรฆาตหน้าทารก" โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
จากการคว้าสามแชมป์ ทำให้อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้รับการพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จากสมเด็จพระบรมราชินีนาถเอลิซาเบถที่ 2 เป็นท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพื่อตอบแทนผลงานที่สามารถสร้างชื่อเสียงและเกียรติประวัติให้แก่ประเทศ ซึ่งถือเป็นบุคคลที่ได้รับตำแหน่งท่านเซอร์คนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร โดยผู้ที่ได้รับคนแรกคือ เซอร์แมตต์ บัสบี้ คนที่สองคือ เซอร์บอบบี้ ชาร์ลตัน ตำนานของโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
[แก้] จากสามแชมป์ถึงปัจจุบัน
1999-2000 เปลี่ยนสปอนเซอร์คาดอกเสื้อจาก Sharp เป็น Vodafone ยูไนเต็ดสามารถคว้าแชมป์ลีกได้อีกครั้ง
2000-2001 คว้าแชมป์ลีกอีกครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นทีมที่ 4 ในประวัติศาสตร์สโมสรฟุตบอลอังกฤษที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ 3 ฤดูกาลติดต่อกัน (ทีมที่ทำได้ก่อนหน้านี้คือ ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล, และฮัดเดอร์สฟิสด์ทาวน์)
2001-2002 ยูไนเต็ดทำผลงานได้ไม่ดีในฤดูกาลนี้ โดยในลีกจบฤดูกาลที่อันดับ 3 (แชมป์เป็นของอาร์เซน่อล) และไม่ได้แชมป์รายการใดๆ
2002-2003 เปลี่ยนสปอนเซอร์ชุดแข่งจากอัมโบรเป็นไนกี้ ยูไนเต็ดจบฤดูกาลนี้โดยได้แชมป์ลีกอีกครั้งแต่อย่างไรก็ดี หลังจากจบฤดูกาล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้เสียตัวผู้เล่นสำคัญไป 1 คน คือ เดวิด เบคแคม เนื่องจากมีปัญหากับเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จึงถูกขายไปยังสโมสร เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์
2003-2004 เซ็นสัญญานักเตะเพิ่มอีก 5 คน ได้แก่ ดาวิด เบลลิยง (ซันเดอร์แลนด์ - ฟรี), เอริค เฌมบ้าเฌมบ้า (ไม่ทราบข้อมูล), โจเซ่ เคลเบอร์สัน (ไม่ทราบข้อมูล), ทิม โฮเวิร์ด (นิวยอร์คนิวเจอร์ซี่เมโทรสตาร์ - 2.4 ล้านปอนด์)และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ (สปอร์ตติ้ง ลิสบอน 12 ล้านปอนด์) ซึ่ง 2 รายหลังเป็นนักเตะที่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้ แต่ได้เกิดมรสุมของทีมขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากริโอ เฟอร์ดินานด์ถูกลงโทษห้ามแข่ง 8 เดือนจากการพลาดการตรวจสารกระตุ้น แต่ในปี 2003-2004 ทีมก็คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้อีกครั้งโดยสามารถเอาชนะอาร์เซนอลในรอบรองชนะเลิศ และชนะสโมสรมิลวอลล์ 3-0 ในรอบชิงชนะเลิศ
ปี 2004-2005 คว้าตัวอลันสมิธ (ลีดส์ ยูไนเต็ด - 7 ล้านปอนด์)และเวย์น รูนี่ย์ (เอฟเวอร์ตัน - 29 ล้านปอนด์)เป็นปีที่ทีมมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการทำประตู และจบฤดูกาลโดยไม่มีแชมป์ติดมือรวมถึงตกไปอยู่อันดับสามในลีก (แชมป์เป็นของเชลซี) นอกจากนี้ ในเอฟเอ คัพ เล่นได้เหนือกว่าอาร์เซนอลแต่แพ้ในการดวลลูกโทษ 5-4 (ในเวลาเสมอ 0-0)
ปี 2005-2006 คว้าตัวเอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ จากฟูแล่ม ค่าตัวประมาณ 2 ล้านปอนด์รอย คีน กัปตันทีมได้ออกจากทีมอย่างกระทันหันเนื่องจากมีปัญหากับเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อีกเช่นเคย เนื่องจากวิจารณ์การเล่นของเพื่อนร่วมทีมแบบเสียๆ หายๆ นอกจากนี้สโมสรยังตกรอบแรก ยูฟา แชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี และจบลีกด้วยอันดับที่ 2 (แชมป์เป็นของเชลซี)แต่ยังไงก็ตาม ยูไนเต็ดก็ได้ถ้วย Carling Cup โดยชนะสโมสรวีแกน แอธเลติกด้วยสกอร์ 4-0 ในฤดูกาลนี้ยูไนเต็ดได้คว้าตัวกองหลังมาเพิ่ม 2 คน คือ ปาทริซ เอวร่า กองหลังทีมชาติฝรั่งเศส และ เนมันย่า วิดิช กองหลังของเซอร์เบียแอนด์มอนเตเนโกร ซึ่งในฤดูกาล 2006-2007 วิดิชได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นกองหลังชั้นเลิศและได้ยึดตำแหน่งตัวจริงในเวลาต่อมา แต่ยูไนเต็ดก็ได้เสีย รุด ฟาน นิสเตลรอย กองหน้าคนเก่งเนื่องจากประสบชะตากรรมเดียวกับนักเตะสตาร์ดังที่ผ่านๆ มา นั่นก็คือ การขัดแย้งกับเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดยรุดถูกขายให้กับสโมสร เรอัล มาดริด
ปี 2006-2007 (ฤดูกาลปัจจุบัน - ข้อมูลอัพเดตถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2549) เปลี่ยนสปอนเซอร์บนอกเสื้อจาก Vodafone เป็น AIG, คว้าตัวนักเตะเพิ่มอีก 2 คน คือ โทมัส คุชแช็ก จากสโมสรเวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน (ยืมตัว), และคว้าตัวไมเคิ่ล คาร์ริก จากสโมสร ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (18.6 ล้านปอนด์) เพื่อเข้ามาเติมเต็มการขาดหายไปของ รอย คีน ซึ่งผลงานของคาร์ริกออกมาเป็นที่น่าพอใจ ยูไนเต็ดทำผลงานได้ดีในลีก โดยอยู่ที่อันดับ 1 ของตาราง โดยมีแต้มนำเชลซี อันดับ 2 อยู่ 2 คะแนน ในขณะที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกนั้น ในรอบแรกยูไนเต็ดต้องลุ้นในการสู้เพื่อเข้ารอบจนถึงนัดสุดท้าย จนถึงนัดสุดท้ายของรอบแรก ยูไนเต็ดชนะเบนฟิก้า 3-1 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย, ส่วน FA Cup รอบ 3 จะมีการแข่งขันในเดือนมกราคม โดยยูไนเต็ดจะพบกับ แอสตัน วิลล่า และในช่วงกลางเดือน ธ.ค. ได้มีการเซ็นสัญญายืมตัว เฮนริค ลาร์สสัน ซึ่งเป็นการยืมตัวในระยะสั้น (ประมาณ 2 เดือนครึ่ง)สามารถใช้งานได้ในเดือนมกราคมนี้
[แก้] การเข้ามาของมัลคอล์ม เกลเซอร์ (2005)
วันที่ 12 พฤษภาคม 2005 มัลคอล์ม เกลเซอร์ได้เข้ามาควบคุมกิจการของสโมสรโดยการใช้เงินประมาณ 800 ล้านปอนด์ในการซื้อหุ้น 75 เปอร์เซนต์ของสโมสร เขาได้ให้ลูกชายของเขาทั้งสามคนเข้ามาอยู่ในบอร์ดบริหารสโมสร
แฟนบอลที่สนับสนุนทีมไม่พอใจกับการเข้ามาควบคุมกิจการของเกลเซอร์ เนื่องจากนำหนี้มาถึง 265 ล้านปอนด์ ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อตัวนักเตะในตลาดนักเตะสู้กับทีมอย่างบาร์เซโลนา รีล มาดริด หรือเชลซี แต่อย่างไรก็ตาม เกลเซอร์ได้ให้สัญญาว่าจะให้เงินในการซื้อนักเตะฝีเท้าดีเข้าร่วมทีม แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีการซื้อซูปเปอร์สตาร์คนใดเข้ามาสู่ทีมตามที่ได้สัญญาไว้
[แก้] ผู้เล่นชุดปัจจุบัน
|
|
[แก้] อดีตผู้เล่นที่มีโด่งดัง
|
|
|
[แก้] เกียรติประวัติ
ตัวเลขฤดูกาลตามปีค.ศ.
- แชมป์เอฟเอ พรีเมียร์ลีก และฟุตบอลลีกดิวิชั่นหนึ่ง: 15
-
- 1908, 1911, 1952, 1956, 1957, 1965, 1967, 1993, 1994, 1996, 1997, 1999, 2000, 2001, 2003
- ฟุตบอลลีกดิวิชั่นสอง: 2
-
- 1936, 1975
- เอฟเอคัพ: 11
-
- 1909, 1948, 1963, 1977, 1983, 1985, 1990, 1994, 1996, 1999, 2004
- ลีกคัพ: 2
-
- 1992, 2006
-
- 1967-68, 1998-99
- UEFA Cup Winners' Cup: 1
-
- 1991
- Intercontinental Cup: 1
-
- 1999
- European Super Cup: 1
-
- 1991
- FA Charity Shield/Community Shields: 15
-
- 1908, 1911, 1952, 1956, 1957, 1965, 1967, 1977, 1983, 1990, 1993, 1994, 1996, 1997, 2003
- BBC Sports Personality of the Year Team Award
-
- 1968 & 1999
[แก้] สถิติที่สำคัญของสโมสร
(สถิติล่าสุดเมื่อ 26 ตุลาคม 2549)
[แก้] สถิติลงเล่นมากที่สุด
(สัญลักษณ์ ↓ แสดงถึงกำลังเล่นอยู่ในสโมสร)
[แก้] สถิติทำประตูสูงสุด
อันดับ | รายชื่อ | ฤดูกาล | ลงเล่น | ประตู |
---|---|---|---|---|
1 | ![]() |
1953 - 1973 | 759 | 249 |
2 | ![]() |
1962 - 1973 | 404 | 237 |
3 | ![]() |
1937 - 1955 | 424 | 212 |
4 | ![]() |
1963 - 1974 | 470 | 179 |
5 | ![]() |
1949 - 1962 | 293 | 179 |
6 | ![]() |
1919 - 1933 | 510 | 168 |
7 | ![]() |
1980 - 1986, 1988 - 1995 | 466 | 164 |
8 | ![]() |
2001 - 2006 | 220 | 150 |
9 | ![]() |
1935 - 1954 | 347 | 148 |
10 | ![]() |
1961 - 1968 | 265 | 145 |
[แก้] สถิติของสโมสร
- ชัยชนะฟุตบอลลีกสูงสุด - 10 - 1 - 15 ตุลาคม 1892 - ฟุตบอลดิวิชัน 1 แข่งกับ วูลฟ์
- ชัยชนะฟุตบอลพรีเมียร์สูงสุด - 9 - 0 - 4 มีนาคม 1995 - พรีเมียร์ลีก แข่งกับ อิปสวิชทาวน์
- ชัยชนะฟุตบอลถ้วยสูงสุด - 10 - 0 - 26 กันยายน 1956 - แชมเปียนส์คัพ แข่งกับ Anderlecht
- ชัยชนะในบ้านสูงสุด - 10 - 0 - 26 กันยายน 1956 - แชมเปียนส์คัพ แข่งกับ Anderlecht
- ชัยชนะนอกบ้านสูงสุด - 8 - 1 - 6 กุมภาพันธ์ 1999 - แข่งกับนอตติงแฮมฟอเรสต์
- แพ้สูงสุด - 0 - 7 - 10 เมษายน 1926 - แข่งกับ แบล็กเบิร์นโรเวอร์
- ผู้เข้าชมสูงสุด - 83,250 คน - 7 มกราคม 1948 - แข่งกับอาร์เซนอล
- ผู้เข้าชมสูงสุดที่โอลด์แทรฟฟอร์ด - 76,004 คน - 4 พฤศจิกายน 2006 - แข่งกับ ปอร์ตสมัธ
- ชนะติดต่อกันนานสุด - 45 นัด จากวันที่ 24 ธันวาคม 1998 - 3 ตุลาคม 1999 โดยแพ้ให้กับ เชลซี
- แต้มสูงสุดในฤดูกาล - 92 แต้ม - 42 นัด ฤดูกาล 1993/94
- นักฟุตบอลที่ลงเล่นมากสุด - 754 นัด - บ็อบบี้ ชาร์ลตัน
- นักฟุตบอลที่ลงเล่นในบอลลีกมากที่สุด - 606 นัด - บ็อบบี้ ชาร์ลตัน
- ยิงประตูสูงสุด - 247 ประตู - บ็อบบี้ ชาร์ลตัน
- ยิงประตูในฟุตบอลลีกสูงสุด - 199 ประตู - บ็อบบี้ ชาร์ลตัน
- ยิงประตูสูงสุดในหนึ่งฤดูกาล - 46 ประตู - เดนิส ลอว์ ฤดูกาล 1963-64
- ยิงประตูสูงสุดในฟุตบอลลีกหนึ่งฤดูกาล - 32 ประตู - เดนนิส ไวโอเล็ต ฤดูกาล 1959-60
- ยิงประตูสูงสุดในหนึ่งนัด - 6 ประตู - 7 กุมภาพันธ์ 1970 - จอร์จ เบสต์ นัดแข่งกับ นอร์แธมป์ตันทาวน์
- ยิงประตูสูงสุดในการแข่งขันยูฟ่า - 38 ประตู - รุด ฟาน นิสเตลรอย
- ผู้เล่นที่ติดทีมชาติมากสุด - 129 นัด - ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล - ทีมชาติเดนมาร์ก
- ทำประตูได้เร็วที่สุด - 15 วินาที - ไรอัน กิ๊กส์ - 18 พฤศจิกายน 1995 นัดที่แข่งกับ เซาท์แทมป์ตัน
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
- ((อังกฤษ)) manutd.com เว็บไซต์อย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นทางการ
- redarmyfc.com ชมรมและเว็บไซต์ Rearmy FC ที่พบปะพูดคุยสำหรับแฟนปีศาจแดงในเมืองไทย
อังกฤษ พรีเมียร์ลีก (ฤดูกาล 2006-07) | ![]() |
ชาร์ลตันแอทเลติก | เชฟฟิลด์ยูไนเต็ด | เชลซี | ทอตแนมฮ็อตสเปอร์ | นิวคาสเซิลยูไนเต็ด | แบล็กเบิร์นโรเวอร์ส | โบลตันวันเดอเรอร์ส | ปอร์ทสมัธ | ฟูแลม | มิดเดิลสโบรช์ | แมนเชสเตอร์ซิตี | แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด | เรดดิง | ลิเวอร์พูล | วัตฟอร์ด | วีแกนแอทเลติก | เวสต์แฮมยูไนเต็ด | อาร์เซนอล | เอฟเวอร์ตัน | แอสตันวิลลา |
จี-14 | |
|