อิล ดิโว่
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อิล ดิโว่(Il Divo) คือกลุ่มศิลปินที่นำเทคนิคการร้องแบบโอเปร่ามาผสมผสานกับดนตรีพ็อพแนวโรแมนติก บรรเลงด้วยวงออร์เคสตรา
คำว่า "Il Divo" เป็นภาษาอิตาเลียนแปลว่า 'Divine Performer' หรือ 'Male Diva' สมาชิกของ อิล ดิโว่ ประกอบไปด้วย Carlos Martin (Baritone) จากสเปน, David Miller (Tenor) จากอเมริกา, Sebastian Izambard (vox populi) จากฝรั่งเศส และ Urs Buhler (Tenor) จากสวิตเซอร์แลนด์
สารบัญ |
[แก้] ประวัติ
[แก้] การรวมตัว
อิล ดิโว่ คือโปรเจ็คต์ของ Simon Cowell กรรมการหนุ่มแห่งรายการประกวดร้องเพลง American Idol (US) และ Pop Idol (UK) ที่ใช้เวลาถึง 2 ปีในการค้นหาสมาชิกทั้งสี่ของวง ประกอบไปด้วย 4 หนุ่ม 4 เชื้อชาติที่มีความสามารถทางการร้องเพลงที่โดดเด่น
จุดเด่นของ Il Divo คือ : Voices (เสียงร้องที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี) Style (Armani เป็นสปอนเซอร์เครื่องแต่งกาย) Romance (เพลงรักอย่าง ‘Unbreak My Heart’, ‘Mama’) และ Sophistication (รสนิยม)
สมาชิกทั้ง 4 ประกอบไปด้วย : David Miller (อเมริกัน) จบการปริญญาตรีด้านการร้องเพลงและปริญญาโทด้านละครโอเปร่าจากมหาวิทยาลัยในโอไฮโอ เดวิดย้ายมาอยู่นิวยอร์กได้ 10 ปี ร้องและเล่นละครโอเปร่ามามากกว่า 45 โชว์ ล่าสุดเขาร่วมเล่นละครบรอดเวย์ของผู้กำกับ Baz Luhrman เรื่อง Puccini’s La Boheme ด้วย / Sebastien Izambard (ฝรั่งเศส) เขาเรียนการร้องเพลงด้วยตนเอง สามารถแต่งเพลง เล่นกีตาร์และเปียโนได้ เขาโปรดิวซ์งานให้ศิลปินฝรั่งเศสหลายรายด้วยกัน / Urs Buhler (สวิส) เริ่มร้องเพลงและตั้งวงร็อคของตัวเองตั้งแต่อายุ 17 ปี ที่เมือง Luzern บ้านเกิดของเขา จากนั้นเขาย้ายมาอัมสเตอร์ดัมเพื่อเรียนการร้องเพลง / Carlos Marin (สเปนิช) ผ่านเวทีละครโอเปร่ามามากมาย โดยได้รับบทเด่นในเรื่อง Les Miserables, The Man From La Mancha และ Beauty And The Beast
[แก้] อัลบั้ม Il Divo
อัลบั้มชุดแรกบันทึกเสียงช่วงครึ่งปีแรกของปี 2004 ที่ลอนดอน ที่ซึ่งสมาชิกทุกคนในวงพักอยู่ตอนนี้ ในอัลบั้มมีเพลง‘Unbreak My Heart’ ของ Toni Braxton, ‘Nella Fantasia’ แต่งโดย Ennio Morricone จากภาพยนตร์เรื่อง The Mission (นำแสดงโดยโรเบิร์ต เดอนีโร), ‘My Way’ ของ Frank Sinatra
อัลบั้มแรก ‘Il Divo’ ออกขายเมื่อเดือนตุลาคม 2004 พวกเขากำทลายสถิติของ Led Zeppelin ที่เคยเป็นเจ้าของสถิติวงวงดนตรีวงเดียวในโลกที่มีอัลบั้มอันดับ 1 ได้โดยไม่ต้องตัดแผ่นซิงเกิ้ลออกมาขายก่อน
[แก้] อัลบั้ม Ancora
'Ancora' (อังโกร่า) คืองานชุดที่สองของ Il Divo ที่ยังคนคอนเซ็ปต์เดิมคืออัลบั้มที่มีทั้งการรีเมคเพลงป๊อบ นำเพลงคลาสสิคมาร้องใหม่ และงานที่แต่งขึ้นใหม่เพื่อ Il Divo โดยเฉพาะ แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่มีการ 'duet' (ร้องคู่)
เพลงเด่นๆ ในอัลบั้มชุดนี้ก็คือ Ave Maria, All By Myself (ของ Celine Dion), Hero (Mariah Carey), Unchained Melody (The Righteous Brothers) และ I Believe In You ที่ร้องคู่เซลิน ดิออน
‘Ancora’ ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกา (Billboard album chart) ทันทีที่ออกวางขาย และเพียงสัปดาห์เดียวก็ขายได้มากถึง 1 แสน 5 หมื่นก๊อปปี้ ‘Ancora’ ขึ้นอันดับ 1 ในอัลบั้มชาร์ตของอังกฤษเช่นกัน และพวกเขาทั้ง 4 ในแสดงต่อหน้าพระพักตร์ของสมเด็จพระราชินีของอังกฤษในรายการ The Royal Variety Show ด้วย ปี 2006 Il Divo มีเวิร์ลทัวร์ที่บัตร sold out ทุกรอบ (86 รอบ) ที่รวมแล้วมีคนดูมากถึง 5 แสนคน ในอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ยุโรป และออสเตรเลีย ตามด้วยการเป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ตของ Barbra Streisand อีก 20 โชว์ในทัวร์อเมริกาของเธอ อิล ดิโว่ได้รับเกียรติให้ขับร้องเพลงประจำการแข่งขันอย่างเป็นทางการของฟุตบอลโลก 2006 (เพลง ‘Time Of Our Lives’ ร้องคู่กับ Toni Braxton) ในพิธิเปิดการแข่งขันที่มีผู้ชมมากถึง 1 พันล้านคนทั่วโลก
[แก้] อัลบั้ม Siempre
‘Siempre’ (Always) คืออัลบั้มชุดที่ 3 ของทั้งสี่หนุ่มได้เพิ่มซาวน์ดนตรีที่ได้รับอิทธิพลจากดนตรีละตินที่ไฮไลท์ความโรแมนติกอย่างที่พวกเขาไม่เคยทำมาก่อน ‘Siempre’ บันทึกเสียงในดับลินและสวีเดน ทีมงานโปรดิวเซอร์ที่ร่วมงานก็ยังเป็นทีมเดิมคือ Steve Mac, Per Magnusson และ David Kreuger เพลงในอัลบั้มนอกจากจะมีเพลงใหม่แล้ว ยังมีเพลงเก่าสุดคลาสสิคที่นำมาทำใหม่อย่าง ‘Nights In White Satin’, ‘Musica’ (โดยฝีมือการเรียบเรียงใหม่ของคอมโพสเซอร์ชื่อดัง John Miles), ‘Without You’ และเพลงที่จอช โกรแบนและ Westlife เคยร้องไว้อย่าง ‘Por Ti Sere – You Raise Me Up’
[แก้] ผลงาน
- Il Divo (ปี 2004)
- Ancora (ปี 2005)
- Siempre (ปี 2006)