สนธิ ลิ้มทองกุล
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
- สำหรับความหมายอื่นหรือบุคคลอื่นที่ชื่อ สนธิ ดูที่ สนธิ
สนธิ ลิ้มทองกุล (7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490—) เป็นนักหนังสือพิมพ์ นักเขียน ผู้ก่อตั้งและเจ้าของหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ ผู้ดำเนินรายการกลางแจ้ง เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร และเคยเป็นผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ก่อนที่ถูกระงับการถ่ายทอดเนื่องจากการกล่าวถึงพระราชอำนาจ
ในเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2546 สนธิได้เขียนข่าวทำนายว่าเงินดอลล่าร์สหรัฐจะตกต่ำในปี พ.ศ. 2553 พร้อมทั้งสนับสนุนให้ลดการส่งออก[1] และขณะเดียวกันแนะนำให้ผู้คนลงทุน ด้วยการซื้อทองสะสมไว้
ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2549 สนธิเป็นหนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่นำการชุมนุมเพื่อขับไล่ พต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ให้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
สารบัญ |
ชีวประวัติ
สนธิ ลิ้มทองกุล (ชื่อเดิม ตั๊บ แซ่ลิ้ม) เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2490 ที่จังหวัดสุโขทัย เป็นลูกของนายวิเชียร แซ่ลิ้ม อดีตสมาชิกพรรคก๊กมินตั๋ง และผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยหว่างผู่ กับนางไชย้ง แซ่ลิ้ม ทั้งคู่มาตั้งรกรากทำกิจการโรงพิมพ์ และออกหนังสือพิมพ์จีน จำหน่ายให้กับชาวจีนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร
สนธิ จบการศึกษาในระดับชั้นมัธยม จากโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา รุ่น18 เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับทนง พิทยะ หลังจากจบจากโรงเรียนประจำที่อัสสัมชัญศรีราชา สนธิ ถูกส่งตัวไปเรียนภาษาจีนที่ไต้หวัน พร้อมกับเรียนวิชาวิศวกรรมเครื่องกลที่เมืองไถ่ต้า เป็นเวลาปีเศษ ก่อนที่จะไปเรียนต่อสหรัฐอเมริกา จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่ยูซีแอลเอ เมืองลอสแองเจลีส และปริญญาโท สาขาประวัติศาสตร์ ที่ มหาวิทยาลัยยูทาห์สเตต เมืองโลแกน รัฐยูทาห์ นอกจากนี้ยังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาอักษรศาสตร์ ที่วิทยาลัยฮาร์ตวิคก์ เมืองโอนีโอนตา รัฐนิวยอร์ก และได้รับปริญญาสาขาประวัติศาสตร์ ที่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภายหลังจบการศึกษาได้ศึกษาต่อ MBA ที่ประเทศออสเตรเลีย
ต่อมานายสนธิได้บริจาคเงินสร้าง The Sondhi Limthongkul Center for Interdependence (The S.L. Center for Interdependence)ให้แก่ วิทยาลัยฮาร์ตวิคก์[2]
นายสนธิ สมรสกับนางจันทน์ทิพย์ ลิ้มทองกุล (ช่องดารากุล) ชาวจังหวัดตรัง เมื่อ พ.ศ. 2516 ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ ระดับ 9 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มีบุตรชายด้วยกันคือ นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้บริหารกิจการในเครือผู้จัดการ
นายสนธิ เข้าทำงานเป็นบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ ประชาธิปไตย เมื่ออายุได้เพียง 27 ปี จากนั้นได้ร่วมกับพอล สิทธิอำนวย ตั้งบริษัท Advance Media ในเครือพีเอสกรุ๊ป ออกหนังสือดิฉัน แต่ประสบปัญหาขาดทุน จึงได้ขายกิจการให้กับนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา สนธิกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง ด้วยการตั้งบริษัท ตะวันออกแมกกาซีน ทำหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายเดือน เมื่อปี 2526 และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์ จากความสำเร็จในการเป็นหนังสือแนวธุรกิจชั้นนำของผู้จัดการรายสัปดาห์และรายเดือน ทำให้สนธิ นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2533 ปัจจุบันหุ้น MGR ถูกตลาดหลักทรัพย์แขวนป้ายระงับการซื้อขาย เนื่องจากปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท
ปัจจุบันนายสนธิ เป็นที่ปรึกษากลุ่มหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และ อาจารย์พิเศษ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สนธิ กับ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร
จุดเริ่มต้นของรายการเมืองไทยรายสัปดาห์เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2544 ในขณะนั้น รุ่นน้องของสนธิ ได้เข้าไปทำรายการชื่อ "เมืองไทยรายวัน" ณ ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. โดยนำเสนอเป็นรายการความรู้ ข่าวสาร และปกิณกะ อยู่ จนกระทั่งเกิดปัญหาทางด้านการเงิน ค้างชำระกับทาง ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. จนในที่สุดรายการก็ถูกถอดออก และรวมเวลาทั้งหมดไปออกอากาศในวันศุกร์แทน ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "เมืองไทยรายสัปดาห์" เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2546 แต่ก็ยังคงนำเสนอเนื้อหาเดิมแบบเมืองไทยรายวัน จนกระทั่งทาง อสมท. ได้ปรับผังใหม่เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2546 สนธิ ลงมาเป็นผู้ดำเนินรายการเอง ร่วมกับ พิธีกรสาว นางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์
ในเดือน กันยายน พ.ศ. 2548 หลังจากที่ทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ระงับรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ และถูกฟ้องร้องโดยนายกรัฐมนตรีขณะนั้นทักษิณ ชินวัตร ทั้งคดีแพ่ง และคดีอาญา เป็นจำนวนเงินรวม 2,000 ล้านบาท ด้วยข้อหาหมิ่นประมาท และดูหมิ่น เพื่อให้หยุดกล่าวพาดพิงถึงการคอรัปชันของรัฐบาล สนธิได้จัดรายการของตนเองขึ้นมาใหม่ ในชื่อว่า เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร โดยจัดเป็นเวทีนอกสถานที่ ณ หอประชุมเล็ก และ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ลุมพินีสถาน เวทีลีลาศ สวนลุมพินี ทุกคืนวันศุกร์ โดยเนื้อหาของรายการเปลี่ยนไปจากเดิม เป็นการกล่าวถึงการคอรัปชันของนายกรัฐมนตรี รัฐบาล และเครือญาติมิตร เพียงอย่างเดียว ภายใต้สโลแกน "เราจะสู้เพื่อในหลวง" "ถวายคืนพระราชอำนาจ" และ "ขอเป็นยามเฝ้าแผ่นดิน" ทำให้มีผู้สนใจเข้าชมรายการเป็นจำนวนมาก[1] ในขณะเดียวกัน สนธิก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงการกล่าวอ้างอิงสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวไทย เพื่อให้รายการของตนเองมีผู้ชมเข้าชมเป็นจำนวนมาก และหวังผลในด้านอื่นๆ ด้วย
รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ได้มีเก็บข้อมูลบทสนทนาในรายการที่ผ่านมาทั้งหมด รวมทั้งเสียงบันทึกรายการ ด้วยระบบออนไลน์ รวบรวมไว้ในเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ทำให้ผู้คนเข้าเว็บไซต์เพิ่มขึ้นประมาณเกือบสองเท่า จากประมาณ 80,000 เป็น 150,000 คนต่อวัีน[2] นอกจากนี้ ได้มีการแจกฟรีซีดีบันทึกเสียงจากรายการที่ผ่านมา ให้แก่ประชาชนทั่วไป ที่บริเวณหน้าวัดพระแก้วและบริเวณต่างๆ ในเกาะรัตนโกสินทร์
การวิพากษ์วิจารณ์
ปลายปี พ.ศ. 2548 นายกทักษิณได้ฟ้องร้องต่อนาย สนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ, นางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการร่วม เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร และพวก เป็นจำนวนสูงถึง 2,000 ล้านบาทและตามมาด้วยคดีอาญามากมาย เพื่อให้หยุดการกล่าวถึงการคอรัปชัน โดยจุดนี้ทำให้ดัชนีเสรีภาพสื่อทั่วโลก (World Press Freedom) ที่จัดอันดับโดย รีพอร์ตเตอรส์วิทเอาต์บอร์เดอรส์ (Reporters Without Borders) ตกลงจากอันดับ 59 ไปที่อันดับ 107
นักวิจารณ์หลายท่านให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหววิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของนายสนธิ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลประโยชน์ของประชาชน โดยอ้างว่ากำลังต่อสู้กับระบอบทักษิณ อย่างไรก็ตามบางท่านกล่าวว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาเคลื่อนไหวเพราะผลประโยชน์ส่วนตัว แต่หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระบรมราโชวาทเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2548 ทาง พต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า พรรคไทยรักไทย ได้ดำเนินการสั่งให้ทนาย คือ นายธนา เบญจาธิกุล ไปที่ศาลอาญาและศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ดำเนินการถอนฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล และพวกทั้งหมด และทางนายสนธิเองก็มิได้ฟ้องกลับแต่อย่างใด การวิพากษ์วิจารณ์เกือบจะเป็นปัญหาบานปลายเมื่อ วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2549 ได้มีการประท้วงคัดค้านจนไปสู่การบุกทำเนียบรัฐบาล
ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2549 นายสนธิได้เดินทางไปเมืองกุ้ยหลิน ประเทศจีน โดยกล่าวว่าจะไปพักผ่อน และจะกลับในวันรุ่งขึ้น แต่เมื่อถึงวันต่อมา นายสนธิมิได้กลับมา แต่ได้กลับมาในวันที่ 2 เมษายน โดยบอกว่าหาเครื่องบินกลับไม่ได้ จึงได้เดินทางไปขึ้นเครื่องต่อที่ฮ่องกง จึงมีเที่ยวบินกลับเมืองไทย
ผลงานหนังสือและวีซีดี
- ต้องแพ้เสียก่อนจึงจะชนะได้ - เรื่องราวประวัติการทำงานของสนธิ ลิ้มทองกุล และการบุกเบิกธุรกิจ รวมถึงการใช้ข้อมูลในยุคโลกานุวัตร
- เจ้าพ่อ :ต้นกำเนิดเจ้าพ่อธุรกิจ อำนาจ เงินตรา
- แพ้แล้วอย่างไร ชนะแล้วอย่างไร
- เมืองไทยรายสัปดาห์ ปัจจุบันหนังสือชุดนี้มี ๕ เล่ม (ตอนล่าสุดคือ ตอนถวายคืนพระราชอำนาจ)
- Newcomer
- Big Story
- เจาะรหัสกรรม โดย พระอาจารย์วัลลภ ชวนปัญโญ และ สนธิ ลิ้มทองกุล
- ตะวันออกไม่แพ้ (Undefeated East) เป็นวีซีดี (VCD) เรื่องแรกของ สนธิ ลิ้มทองกุล
- VCD ยุบสภา! ทักษิณทรยศประชาชน
- VCD ภารกิจกู้ชาติ
- VCD ปิดบัญชีทักษิณ
- วีซีดีเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ปัจจุบันวีซีดีชุดนี้มีตั้งแต่ ครั้งที่ ๑ ถึง ครั้งที่ ๑๘ และล่าสุดมีการรวม ครั้งที่ ๑ ถึง ๑๕ เป็นชุดเดียวกันออกวางขายตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป