ฟลอปปีดิสก์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

แผ่นดิสก์แบบอ่อน หรือ ฟลอปปีดิสก์ (floppy disk) หรือที่นิยมเรียกว่า แผ่นดิสก์ หรือ แผ่นดิสเก็ตต์ เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูล ที่อาศัยหลักการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็ก. โดยทั่วไปมีลักษณะบางกลม อยู่ในซองพลาสติกสี่เหลี่ยม. คอมพิวเตอร์สามารถอ่านและเขียนข้อมูลลงบนฟลอปปีดิสก์ ผ่านทางช่องฟลอปปีดิสก์ (ฟลอปปีดิสก์ไดร์ฟ).

[แก้] ความเป็นมา

แผ่นดิสก์ยุคแรก มีขนาด 8 นิ้ว สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1971, เพื่อใช้กับเครื่อง System/370 ของบริษัทไอบีเอ็ม (IBM), โดย เดวิด โนเบิล ในทีมงานของ อลัน ซูการ์ท. ซึ่งต่อมา ซูการ์ทแยกตัวออกไปตั้งบริษัททำวิจัยเกี่ยวกับหน่วยความจำ ชื่อบริษัทซูการ์ท ในปี ค.ศ. 1973, แต่เพียงหนึ่งปีต่อมา บริษัทก็ขาดทุน, และซูการ์ทก็ถูกไล่ออกจากบริษัทตัวเอง.

นักวิจัยของบริษัทซูการ์ท ชื่อ จิม แอดคิสซั่น ได้รับการติดต่อจาก An Wang เพื่อให้ลดขนาดแผ่นดิสก์ให้เล็กลง. การติดต่อเกิดขึ้นที่บาร์ในบอสตัน, และขนาดแผ่นดิสก์ใหม่ที่คุยกัน คือขนาดเท่ากระดาษเช็ดมือในร้าน ซึ่งมีขนาด 5 1/4 นิ้ว. ต่อมาไม่นาน บริษัทซูการ์ท ก็ผลิตแผ่นดิสก์ขนาดนี้ได้ และได้รับความนิยม. ในตอนแรก แผ่นมีความจุ 110 KB, ต่อมา บริษัท Tandon พัฒนาให้ความจุสูงขึ้น โดยใช้วิธีเก็บข้อมูลสองหน้า (double density) ทำให้สามารถเก็บได้ 360 KB.

แผ่นดิสก์ขนาด 3 1/2 นิ้ว
แผ่นดิสก์ขนาด 3 1/2 นิ้ว
แผ่นดิสก์ขนาด 5 1/4 นิ้ว
แผ่นดิสก์ขนาด 5 1/4 นิ้ว

แผ่นดิสก์เป็นที่นิยมในท้องตลาดอย่างสูง, ทำให้หลายๆ บริษัททุ่มทุนวิจัยทางด้านนี้. ในปี ค.ศ. 1984, บริษัทแอปเปิล ผลิตเครื่องที่ใช้แผ่นดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วของบริษัทโซนี่ และผลักดันให้แผ่น 3.5 นิ้ว เป็นมาตรฐานในวงการอุตสาหกรรมของอเมริกา. ความจุเริ่มแรกของแผ่นดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว คือ 360 KB สำหรับหน้าเดียว (single density) และ 720 KB สำหรับสองหน้า. และต่อมาก็สามารถเพิ่มความจุเป็น 1.44 MB โดยการเพิ่มความจุต่อหน้า (high-density). ต่อมา, ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19, ก็พบวิธีทำให้มีความจุเป็น 2.88 MB (extended-density) โดยการเปลี่ยนวิธีการเคลือบแผ่น. แต่รุ่นสุดท้ายนี้ไม่ได้รับความนิยม เพราะเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในขณะนั้น ต้องการความจุที่สูงกว่านี้. แผ่นดิสก์จึงถูกแทนที่ด้วยหน่วยจัดเก็บข้อมูลแบบอื่นไป, เช่น ซีดีรอม และ ดีวีดีรอม.

[แก้] ดูเพิ่ม