การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือการลงทุนตามมูลค่า เป็นแนวทางการลงทุนที่ริเริ่มและพัฒนาขึ้นโดย เบนจามิน เกรแฮม และต่อมาถูกนำมาใช้โดยวอเรน บัฟเฟต เป็นแนวทางการลงทุนที่เน้นลงทุนในกิจการที่ผู้ลงทุนมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
สารบัญ |
[แก้] หลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
ตามหลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่า นักลงทุนจะประเมินมูลค่าบริษัทและหุ้นของบริษัทด้วยปัจจัยพื้นฐาน เมื่อได้มูลค่าที่เหมาะสมแล้วจึงพิจารณาราคาในตลาดหลักทรัพย์ หากพบว่าราคาของหลักทรัพย์ทั้งหมดต่ำกว่า ก็จะเข้าซื้อหุ้น ทั้งนี้เพราะเชื่อว่าราคาในตลาดจะวิ่งไปหามูลค่าที่เหมาะสมในระยะยาว
โดยในปัจจุบันได้มีหนังสือที่ออกมาเกี่ยวกับแนวทางดังกล่าวหลายเล่ม ที่ยอมรับนับถือว่าเป็นคัมภีร์ของนักลงทุนก็เช่น Security Analysis และ The Intelligent Investor โดยเบนจามิน เกรแฮม
อย่างไรก็ตาม ด้วยวิวัฒนาการในการลงทุน จึงมีแนวคิดอื่นเช่นการลงทุนในหุ้นโตเร็ว และปัจจัยทางการบริหารจัดการ ฟิล ฟิชเชอร์เป็นเจ้าของแนวคิดดังกล่าว ท่านเป็นนักลงทุนอีกท่านในยุคนั้นที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และได้แต่งหนังสือชื่อ Common Stock and Uncommon Profit ขึ้นมา ในหนังสือนี้จะสอนให้นักลงทุนพิจารณาปัจจัยทางคุณภาพมากกว่า ปัจจัยทางปริมาณซึ่งหลักการนี้ต่างจากหลักการของเกรแฮมที่สอนให้นักลงทุนศึกษาปัจจัยทางปริมาณ
ปัจจุบันมีแนวคิดและหลักการต่างๆ ประยุกต์และแตกแขนงออกไปจากหลักการพื้นฐาน แต่ทุกแนวคิดก็ยังต้องอิงกับปัจจัยทางปริมาณ และปัจจัยทางคุณภาพ ร่วมกันเพื่อประเมินมูลค่าหุ้นที่เหมาะสม
[แก้] การประเมินมูลค่ากิจการ
วิธีประเมินมูลค่าตามแบบของการลงทุนแบบเน้นคุณค่านั้น จะตัดราคาตลาดไปอย่างสิ้นเชิง ความเข้าใจคลาดเคลื่อนนั้นใช้ ราคาต่อกำไร ราคาต่อมูลค่าทางบัญชี และอัตราเงินปันผล ซึ่งไม่ถูกต้องเสียทีเดียว ตามหนังสือ Value Investing from Graham to Buffett and Beyond ของ Greenwald และคณะ ได้แสดงไว้ 3วิธี
- วิธีต้นทุนทดแทน (Replacement Cost)คือการหาว่าหากต้องการสร้างกิจการนี้ขึ้นมาใหม่ จะต้องใช้เงินเท่าไหร่ วิธีนี้จะแก้ไขการใช้มูลค่าทางบัญชี ซึ่งไม่ได้รวมต้นทุนการสร้างกิจการไว้ทั้งหมด เช่นค่าลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร แบรนด์ ความนิยมหรือใบอนุญาตประกอบกิจการเฉพาะ
- ความสามารถในการทำกำไร (Earning Power Value)พิจารณามูลค่ากิจการจากความสามารถในการสร้างเงินสด และ/หรือกำไรจากผลประกอบการ
- การเติบโต (Growth) พิจารณาความเติบโตของผลกำไร
[แก้] การใช้อัตราส่วนต่างๆเพื่อหามูลค่า
อัตราส่วนราคาต่อกำไร(P/E) หรือมูลค่าทางบัญชี(P/B) นำมาใช้ประเมินมูลค่าแบบคร่าวๆ ได้ เช่น
- P/E ของกิจการใดต่ำกว่า P/E เฉลี่ยของกิจการอื่นที่ทำธุรกิจเดียวกันทั้งที่ไม่มีปัญหาอะไร ย่อมถือว่า เป็นหุ้นที่ถูกกว่า ตลาดอาจจะให้มูลค่าผิดไปในบางช่วงเวลา และราคาจะกลับมาที่ควรจะเป็นได้
- P/B ที่ต่ำกว่า 1 หมายถึงราคาตลาดของหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี โดยทั่วไปแล้วต้นทุนทดแทน ควรจะมีมูลค่าสูงกว่ามูลค่าทางบัญชี นั่นแปลว่าหุ้นดังกล่าวถือว่ามีราคาถูก
อย่างไรก็ตามการใช้อัตราส่วนทั้ง P/E และ P/B ก็มีข้อจำกัดหลายอย่างเช่น
- ไม่สามารถบอกถึงกระแสเงินสด หรือความต้องการเงินสดของกิจการ
- ไม่สามารถบอกถึงความเสี่ยงของกิจการ
- ไม่บอกถึงความเติบโตของกิจการ
- ไม่สามารถให้ราคาของกิจการได้อย่างถูกต้อง เพราะไม่ได้ศึกษาปัจจัยอื่นของกิจการนอกจากกำไรหรือมูลค่าทางบัญชี
[แก้] การลงทุนแบบเน้นคุณค่าในประเทศไทย
ในประเทศไทย ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่ามีการลงทุนแบบเน้นคุณค่าตั้งแต่เมื่อไหร่ หลักฐานการตื่นตัวในการลงทุนแบบเน้นคุณค่าในประเทศไทย เริ่มจากการล่มสลายของตลาดหุ้นในวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 แต่ยังมีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งที่สามารถเอาตัวรอด และทำกำไรในภาวะวิกฤติได้ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ได้อธิบายหลักการที่ท่านสามารถเอาตัวรอดได้ในเหตุการณ์นั้นในหนังสือชื่อ "ตีแตก" ซึ่งหลักการนั้นก็คือหลักการของการลงทุนแบบเน้นคุณค่านั่นเอง
นักลงทุนไทยอีกท่านหนึ่งที่ถือว่าเป็นแนวเน้นคุณค่าก็คือ โกศล ไกรฤกษ์ ผู้ล่วงลับ ท่านเป็นอีกผู้หนึ่งซึ่งสามารถฟื้นตัวหลังจากวิกฤติได้ แม้จะต้องสูญเสีย บงล.ตะวันออกฟายแนนซ์ ไปกับการสั่งปิดสถาบันการเงินก็ตาม
ด้วยความซับซ้อน ปัจจุบันการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ยังไม่ได้รับความนิยมแพร่หลายจากนักลงทุนไทยทั่วไป
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
![]() |
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เป็นบทความเกี่ยวกับ เศรษฐศาสตร์ การเงิน ธุรกิจ หรือ การค้า ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น |